Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 420 อีเว้นท์โด่งดังระดับโลก
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 420 อีเว้นท์โด่งดังระดับโลก
เช้าวันที่ 31 กรกฎาคม 2018
ณ รีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล
นักคณิตศาสตร์จากทั่วทุกมุมโลกมารวมตัวกันเพื่อร่วมงานประชุมคณิตศาสตร์นานาชาติ
แม้ว่าพิธีเปิดจะเริ่มอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ แต่ที่จอดรถนอกโรงแรมบาร์ร่า ดา ติฮูก้าก็อัดแน่นแล้ว
มีเพียงเหตุผลเดียวเท่านั้น
การบรรยาย’สมการนาเวียร์-สโตกส์’กำลังจะจัดขึ้นในหอประชุมหลัก ศาสตราจารย์ลู่โจวจากสถาบันการศึกษาขั้นสูงพรินซ์ตันจะบรรยายความคืบหน้าการวิจัยล่าสุดของตนเอง
สำหรับหลายๆคนแล้ว การบรรยายนี้มีความสำคัญกว่าพิธีเปิดพรุ่งนี้อีก
มันไม่ใช่เพียงเพราะรางวัลเงินล้านเหรียญเท่านั้น
แต่เป็นเพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่…
แม้ว่าผู้จัดงานประชุมจะให้ห้องพักแก่นักวิชาการที่ได้รับเชิญรวมถึงนักวิชาการที่มาร่วมงานบางคน แต่ห้องพักมีจำกัด จึงไม่ใช่ทุกคนที่เข้าพักได้
ผู้เข้าร่วมงานประชุมส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ต่างก็ออกค่าใช้จ่ายเอง พวกเขาพักอยู่ที่โรงแรมใกล้เคียง
บางคนเป็นศาสตราจารย์มหาลัยและนักวิจัยจากสถาบันวิจัย บางคนเป็นนักศึกษาปริญญาเอกที่มาพร้อมกับอาจารย์ที่ปรึกษา บางคนก็เป็นนักท่องเที่ยวที่อยากมาดูบรรยากาศวิชาการ
มหาวิทยาลัยหลายแห่งที่มีสาขาคณิตศาสตร์ติดอันดับสูงมักจะจัดกิจกรรมกลุ่ม พวกเขาจะเลือกนักศึกษาอัจฉริยะเก่งๆจากมหาวิทยาลัยมาเข้าร่วมงานประชุมพร้อมกับศาสตราจารย์
เพราะอย่างไรเสียงานประชุมนี้ก็จัดขึ้นสี่ปีต่อครั้ง แม้ว่าพวกเขาจะไม่เข้าใจทุกอย่างในงานประชุม แต่พวกเขาก็ยังสามารถขยายมุมมองของตัวเองเพื่อปูเส้นทางอาชีพทางวิชาการในอนาคต
เวลาเจ็ดโมงเช้า
รถบัสท่องเที่ยวจอดอยู่หน้าโรงแรม
นักศึกษาจีนหนุ่มสาวหลายคนเดินตามศาสตราจารย์ลงจากรถบัส พวกเขามารวมตัวกันอยู่หน้าโรงแรม
นักศึกษาเหล่านี้มาจากมหาลัยเยี่ยน พวกเขาต่างก็ถือว่าเป็นนักศึกษาอัจฉริยะ
ศาสตราจารย์ที่นำทีมพิเศษยิ่งกว่านั้นอีก
เขาถือเป็นผู้นำในหมู่นักวิชาการรุ่นใหม่ ในฐานะศาสตราจารย์หลังยุค 80 ศาสตราจารย์สวี่เฉินหยางไม่เพียงแต่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญสาขาเรขาคณิตเชิงพีชคณิตเท่านั้น เขายังเป็นผู้ชนะเหรียญทองรามานุจันปี 2016 อีกด้วย
มีนักวิชาการจีนห้าคนที่ได้รับเชิญมาบรรยายสี่สิบห้านาทีที่งานประชุมนักคณิตศาสตร์นานาชาติ
และศาสตราจารย์สวี่เป็นหนึ่งในนั้น
คราวนี้ สวี่เฉินหยางกับศาสตราจารย์ท่านอื่นถูกคณบดีสาขาคณิตศาสตร์มหาลัยเยี่ยนขอให้พานักศึกษาเหล่านี้มาด้วย
บังเอิญเขาจะมางานประชุมอยู่แล้ว และเขาก็ไม่อยากพลาดมันไป ดังนั้นเขาจึงพาลูกศิษย์มาด้วย แม้ว่าพวกเขาอาจเข้าไปห้องบรรยายด้วยไม่ได้ แต่การดูจากข้างนอกก็ดีกว่ารอดูข่าวอยู่ดี
เมื่อดูคนเดินเข้าออกล็อบบี้โรงแรม ชายหนุ่มสวมแว่นก็หันไปมองศาสตราจารย์สวี่แล้วถาม “ศาสตราจารย์อ่านวิทยานิพนธ์ของศาสตราจารย์ลู่ยังครับ?”
สวี่เฉินหยางพยักหน้า “อ่านบ้างแล้ว แต่อาจารย์อยู่สาขาเรขาคณิตเชิงพีชคณิต อาจารย์ไม่ค่อยรู้เรื่องสมการเชิงอนุพันธ์ย่อยมากนัก”
หญิงสาวถาม “ศาสตราจารย์คิดว่าเขาจะทำสำเร็จไหม?”
“อาจารย์ไม่รู้” สวี่เฉินหยางตอบตามตรงพลางส่ายหน้าไปด้วย “วิทยานิพนธ์ของศาสตราจารย์ลู่ไม่มีข้อสรุปเป็นสากล เขาใช้วิธีที่แปลกใหม่มาก และสิ่งใหม่ๆ ก็มักจะเป็นที่ถกเถียงกันเสมอ”
ชายสวมแว่นถาม “มันแปลกใหม่กว่าการพิสูจน์เชิงนามธรรมอีกเหรอ?”
สวี่เฉินหยางเลิกคิ้วมองลูกศิษย์แล้วถาม “คุณรู้จักการพิสูจน์เชิงนามธรรมด้วย?”
ชายสวมแว่นยิ้ม เขาเกาหัวแล้วตอบ “ผมชอบอ่านวิทยานิพนธ์ตอนว่าง”
“ไม่เลว สมการเชิงอนุพันธ์ย่อยเป็นสาขาที่มีอนาคตและมีศักยภาพสูงทั้งคณิตศาสตร์ประยุกต์และคณิตศาสตร์บริสุทธิ์” ศาสตราจารย์สวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม เขากำลังจะอธิบายความแตกต่างให้ลูกศิษย์ฟัง แต่แล้วเขาก็ได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคย
“รุ่นน้องสวี่ สบายดีไหม?”
สวี่เฉินหยางหันไปมองทางต้นเสียง เมื่อเขาเห็นคนพูด แววตาเขาก็เปล่งประกาย เขายื่นมือขวาออกมา
“รุ่นพี่จาง ไม่พบกันนาน!”
นักศึกษาสวมแว่นจำเพื่อนศาสตราจารย์สวี่ได้ทันที
“เทพเหว่ย!”
นักศึกษาคนอื่นๆ ได้ยินชื่อนี้ก็หันไปมองด้วยความนับถือ
เทพเหว่ย!
มหาลัยเยี่ยนมีเทพเหว่ยคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือจางเหว่ย!
เป็นผู้ชนะรางวัลเหรียญทองรามานุจันอายุยี่สิบเก้าปี เป็นศาสตราจารย์มหาลัยโคลัมเบียตอนอายุสามสิบสี่ปี ได้เหรียญคณิตศาสตร์มอนิ่งไซด์ตอนอายุสามสิบห้าปี…เขากับเทพหยุนเป็นไอดอลของมหาลัยเยี่ยน
จางเหว่ยยิ้มให้รุ่นน้องสวี่อย่างเป็นกันเอง
“ทำไมคุณถึงมาเร็วขนาดนี้ล่ะ? มันไม่ได้เริ่มอีกสองชั่วโมงเหรอ?”
สวี่เฉินหยางยิ้มแล้วกล่าว “คุณก็เหมือนกันหนิ”
เช่นเดียวกับสวี่เฉินหยาง จางเหว่ยก็มีบรรยายสี่สิบห้านาทีที่งานประชุมเช่นกัน
หลังพาลูกศิษย์เข้างานประชุมและนัดเวลาสถานที่กัน พวกศาสตราจารย์ก็เดินเข้าห้องบรรยายด้วยกัน
ระหว่างทาง ทั้งสองไม่ได้พูดถึงสมการนาเวียร์-สโตกส์เลย กลับกันพวกเขาคุยเรื่องพิธีเปิดกับอีเว้นท์หลักพรุ่งนี้ พิธีมอบเหรียญฟิลด์ส
สวี่เฉินหยางกล่าว “ปีนี้มีหวังไหม?”
จางเหว่ยถอนหายใจ “ยาก มีอัจฉริยะมากเกินไป”
คนหนึ่งก็ศาสตราจารย์เยอรมันแรงค์ W3 ที่อายุน้อยที่สุด อีกคนก็ศาสตราจารย์พรินซ์ตันที่อายุน้อยที่สุด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทั้งสองจะเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุด
คนอื่นเทียบกับพวกเขาไม่ได้เลย
คู่แข่งคนอื่นๆ ก็ไม่ใช่คนธรรมดาเช่นกัน ถ้าผู้ชิงเหรียญฟิลด์สปีแล้วเป็นอัจฉริยะ งั้นปีนี้ก็คงเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ
จางเหว่ยดูหดหู่เล็กน้อย และสวี่เฉินหยางก็ไม่รู้จะพูดอะไร เขาพยายามปลอบใจ “คุณคือเทพเหว่ย คุณไม่มีความมั่นใจได้ไง?”
จางเหว่ยยืนอยู่หน้าทางเข้าห้องบรรยาย ขณะที่เขาจ้องมองฝูงชน เขาก็ยิ้มและส่ายหน้า
“ทิ้งชื่อนั้นไปเถอะ…”
มีใครบ้างในที่แห่งนี้ที่ไม่ถือเป็นเทพ?
…
ณ เวลาแปดโมง…
แม้ว่าจะยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงกว่าจะเริ่มการบรรยายอย่างเป็นทางการ แต่ห้องบรรยายก็เต็มแล้ว
นอกจากนักวิชาการที่เข้าร่วมงานประชุม ยังมีกล้องสองข้างฝั่งกำแพงห้องบรรยายด้วย
มีคนมากมายที่พยายามท้าทายสมการนาเวียร์-สโตกส์ แต่มีคนไม่มากนักที่ประสบความสำเร็จ
ถ้าการท้าทายนี้สำเร็จ งั้นกล้องเหล่านี้ก็จะจับภาพช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์เอาไว้ สื่อไม่มีทางพลาดช่วงเวลานี้ พิพิธภัณฑ์ชื่อดังหลายแห่งถึงกับเอากล้องมาเอง
เวร่านั่งอยู่แถวหลังของห้องบรรยาย เมื่อเธอมองไปบนเวที เธอก็หายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบจิตใจลง
แม้ว่าเธอจะบรรยายอีกสองวัน แต่เธอกังวลมากกว่าเดิมอีก
“…คุณทำได้”
เวร่ากำหมัดแน่น เธออธิษฐานให้ลู่โจวในใจ
ทันใดนั้นเองก็มีชายชรามานั่งข้างเธอ
“คุณเป็นห่วงเขาเหรอ?”
“…”
เวร่ามองชายชราด้วยความประหลาดใจ
ปิแยร์ เดอลีงย์!
อาจารย์ที่ปรึกษาของอาจารย์ที่ปรึกษาเธอ
เธอเคยพบชายชราสองสามครั้งที่สถาบันการศึกษาขั้นสูงพรินซ์ตัน
ความประทับใจที่มีต่อตัวเขาคือเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยหัวเราะและไม่ค่อยพูดกับคนอื่น
เดอลีงย์มองไปบนเวทีบรรยายแล้วกล่าว “ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง เพราะยังไงเขาก็เป็นลูกศิษย์คนโปรดของฉัน”
มีเสียงแดกดันดังมาจากข้างๆ
“พูดแบบนี้ไม่อายบ้างเหรอ? คุณสอนเขาแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น”
เดอลีงย์บอกได้ว่าน้ำเสียงที่ยโสโอหังนี้เป็นเพื่อนเขา
เขายิ้มมุมปากและหันไปมอง
“คุณก็มาด้วยเหรอ?”
“ถามแปลกๆ ฉันจะไม่มาได้ไง?” ฟาลติ้งส์นั่งอยู่ข้างเดอลีงย์ “ถ้ามีคนพูดเหลวไหลบนเวทีก็ต้องมีคนโต้แย้งอยู่ล่างเวที”
เวร่ามองเขาอย่างไม่พอใจ
อย่างไรก็ตามเธอตัวเล็กและอ่อนแอเกินไป จึงไม่มีใครสังเกตเห็นเธอ
เดอลีงย์ยิ้มบางๆ
“ฉันเกรงว่าคุณคงผิดหวังแล้ว”
ฟาลติ้งส์เลิกคิ้ว “คุณมั่นใจขนาดนั้นเลย?”
เดอลีงย์ “คุณอยากเดิมพันหน่อยไหม?”
ฟาลติ้งส์ถลึงตามองเพื่อนเก่าสักครู่และไม่ได้ตอบอะไร จากนั้นเขาก็หันไปมองเวทีแล้วกล่าว “…จะเริ่มแล้ว”
………………………………….