Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 434 ผมเกรงว่าคุณจะไม่จำเป็นต้องใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แล้ว (รีไรท์)
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 434 ผมเกรงว่าคุณจะไม่จำเป็นต้องใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์แล้ว (รีไรท์)
ท้ายที่สุดแล้ว ลู่โจวก็ตัดสินใจลงทุนกับศาสตราจารย์เลเซอร์สัน
เหตุผลนั้นไม่ใช่เพราะลู่โจวคิดว่าเครื่องมือที่ศาสตราจารย์เลเซอร์สันคิดค้นจะสามารถทำเงินได้มากมาย แต่เป็นเพราะความเคารพรักเสียมากกว่า…
นอกจากนี้ ศาสตราจารย์เลเซอร์สันก็เป็นถึงหนึ่งในคนที่ร่วมค้นคว้าเครื่องอะตอมโพรบฮีเลียมสามด้วย ลู่โจวเองก็ยังคงหวังด้วยว่าเครื่องนี้จะทำให้วงการฟิสิกส์พลาสมาต้องสั่นสะเทือน
ทั้งนี้ ลู่โจวก็ได้บอกเรื่องทั้งหมดกับไวท์ เชอร์รีแดน ผู้จัดการของตนที่บริษัทสกายเทคโนโลยีไปแล้วว่าช่วยจัดทำแผนการระดมเงินทุนและสัญญาที่สำคัญเอาไว้ให้หน่อย
อันที่จริง การลงทุนมูลค่าเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับลู่โจวแล้วแม้แต่น้อย
เนื่องจากจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าที่อยู่บนท้องถนนเพิ่มขึ้น จำนวนเงินในบัญชีธนาคารของบริษัทสกายเทคโนโลยีก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
นี่ถือเป็นการตัดสินใจอันชาญฉลาดที่ลู่โจวได้ทำการขายสิทธิบัตรให้แก่บริษัทยูมิคอร์ นอกจากลู่โจวจะได้รับเงินตอนขายสิทธิบัตรแล้ว เขายังได้คำนวณและคาดการณ์เอาไว้แล้วด้วยว่าในอนาคตตนจะต้องได้เงินจากบริษัทยูมิคอร์อย่างน้อยเก้าสิบล้านดอลลาร์
แต่ทว่า ลู่โจวก็ไม่เคยคิดที่จะใช้เงินจำนวนนี้เลย…
หลังจากระหว่างลู่โจวและศาสตราจารย์เลเซอร์สันบรรลุข้อตกลงในการลงทุนกันแล้ว ศาสตราจารย์เลเซอร์สันก็ได้กล่าวคำอำลา
“ไว้เจอกันใหม่นะ ไม่ว่าอนาคตจะเป็นยังไง ฉันก็รู้สึกดีใจมากที่เราสองคนเคยร่วมงานกัน นายเคยช่วยเรื่องเครื่องอะตอมโพรบฮีเลียมสามไว้ตั้งหลายอย่าง แล้วฉันก็มั่นใจมากเลยล่ะว่ามันจะกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด! ทุกคนจะต้องรู้จักมัน!”
ลู่โจวตอบกลับ “ได้เลยครับ เอาไว้เจอกันใหม่ ไม่ว่าคุณจะเจอกับปัญหาอะไร ติดต่อผมมาได้ตลอดเลยนะครับ… ถึงผมจะไม่มีอำนาจในการแต่งตั้งให้คุณเป็นผู้อำนวยการสถาบัน แต่อย่างน้อย ผมก็สามารถจัดหาสถานที่ให้คุณทำการทดลองได้อยู่”
“ถามจริง?!” ศาสตราจารย์เลเซอร์สันเดินไปตบไหล่ลู่โจวและเผยเสียงหัวเราะ “อย่าให้วันนั้นมาถึงเลย… ดูแลตัวเองด้วยล่ะ”
จากนั้น ศาสตราจารย์เลเซอร์สันก็จากไป
ทว่า ก่อนที่จะจากไปจาก ศาสตราจารย์เลเซอร์สันก็ได้บอกกับทางสถาบันว่าอย่ายุบทีมโครงการวิจัยเครื่องอะตอมโพรบฮีเลียมสามเด็ดขาด เขาต้องการให้ทุกอย่างดำเนินการไปอย่างปกติ
เฟิร์น เบลาส์เชอร์ ผู้ช่วยของศาสตราจารย์เลเซอร์สันจะกลายเป็นคนดูแลโครงการทั้งหมดต่อจากนี้เอง
ทั้งนี้ เฟิร์น เบลาส์เชอร์ได้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยแมสซาชูเซ็ท สถาบันแห่งเทคโนโลยี แม้ว่าเขาจะอายุเพียงสามสิบปี เขาก็ได้พิสูจน์ตนเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าตนนั้นมีความสามารถในด้านวิศวกรรมและฟิสิกส์พลาสมาเป็นอย่างมาก
ทว่า หัวหน้าโครงการคนใหม่นี้กำลังติดดูงานที่สถาบันมักซ์พลังค์ มหาลัยที่กำลังค้นคว้าเรื่องพลาสมาที่ประเทศเยอรมนี ลู่โจวจึงจำเป็นต้องรอสักพักจนกว่าจะได้พบเขา
ดูเหมือนว่าความวุ่นวายใหม่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า…
ในตอนแรก ศาสตราจารย์เทอเรนซ์ บร็อก ผู้อำนวยการของสถาบันการศึกษาขั้นสูงพริสซ์ตันก็ได้เสนอชื่อของลู่โจวให้เป็นผู้อำนวยการ
อันที่จริง ลู่โจวเองก็รู้สึกว่าข้อเสนอนี้เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย
สถาบันการศึกษาขั้นสูงพริสซ์ตันเป็นสถานวิจัยที่โด่งดังในด้านสาขาฟิสิกส์พลาสมาระดับโลก ถ้าสมมุติว่าลู่โจวไปทำการทดลองอยู่ที่สถาบันแห่งอื่น เขาก็คงจะไม่สามารถสร้างเครื่องอะตอมโพรบฮีเลียมสามได้เร็วเช่นนี้แน่
เหตุผลหลักที่ทำให้ลู่โจวและศาสตราจารย์เลเซอร์สันประสบความสำเร็จก็เพราะความอัจฉริยะและความแข็งแกร่งของสถาบันการศึกษาขั้นสูงพรินซ์ตัน ถ้าหากลู่โจวได้เป็นผู้นำของโครงการนี้ เขาจะต้องได้รับโอกาสมากมายจากการได้รับตำแหน่งนี้แน่ มันคงจะเป็นอะไรที่เหนือจินตนาการเสียด้วยซ้ำ
อันที่จริง ลู่โจวครุ่นคิดเรื่องข้อเสนอนี้มาสักพักแล้ว แต่ทว่า เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธไปอย่างสุภาพ
แม้ว่าห้องแล็บฟิสิกส์ของพลาสมาพรินซ์ตันจะเป็นส่วนหนึ่งของสถาบันพรินซ์ตัน แต่โครงการส่วนใหญ่ก็ถูกดำเนินการโดยกระทรวงพลังงานของสหรัฐอเมริกา
ถึงกระนั้น ถ้าหากนักวิจัยชาวจีนอย่างลู่โจวได้เป็นหัวหน้าโครงการระดับประเทศเช่นนี้ บางคนก็อาจจะคิดไปในทางลบแน่
ไม่ว่าศาสตราจารย์บร็อกจะยื่นข้อเสนอให้ลู่โจวเป็นที่ปรึกษาและคนรับผิดชอบทีม ลู่โจวเลือกที่จะปฏิเสธเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาทางการเมือง
ถึงแม้ลู่โจวอาจคิดมากไปเอง แต่มันก็เป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญไม่น้อย
…
นี่ก็ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ศาสตราจารย์เลเซอร์สันลาออก
ศูนย์จอนโวลเนแมน
พนักงานกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดป้องกันไฟฟ้าสถิตสีขาวกำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ในห้องควบคุมซูเปอร์คอมพิวเตอร์
ทันทีที่ศาสตราจารย์กรีนเห็นว่าลู่โจวยืนนิ่งเงียบ เขาก็พลันกล่าวคำพูดขึ้น “กำลังรู้สึกไม่ดีอะไรอยู่หรือเปล่า?”
ลู่โจวดูหดหู่เล็กน้อย เขาพลันถอนหายใจและตอบกลับ “เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน เพื่อนรักของผมลาออกไปน่ะ”
ศาสตราจารย์กรีนเงียบไปสักพักและถอนหายใจ
“ฉันเข้าใจ”
ลู่โจวพลันกระแอมและตอบกลับ “ไม่ต้องคิดมากหรอก เขาก็แค่ลาออกเอง ไม่ได้ไปตายสักหน่อย”
ศาสตราจารย์กรีนพลันขมวดคิ้ว
แล้วจะพูดแบบนั้นออกมาเพื่ออะไร?
เสียอารมณ์หมด…
เจ้าหน้าที่ที่สวมเสื้อคลุมสีขาวพลันเดินเข้ามาและรายงานสถานการณ์ให้ศาสตราจารย์กรีนฟัง
“ซูเปอร์คอมพิวเตอร์อยู่ในสถานะพร้อมใช้งานแล้วครับ”
กรีนมองไปยังลู่โจว “คุณพร้อมหรือยังล่ะ?”
ลู่โจวพลันหายใจเข้าและพยายามทำหน้าร่าเริง “ผมพร้อมแล้ว!”
กรีนพยักหน้าและมองไปยังเจ้าหน้าที่
“ลุยกันเถอะ!”
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์เริ่มทำงาน!
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จอนโวลเนแมนกำลังทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ มันเหมือนกับเตาหลอมที่กำลังละลายแบบจำลองทางคณิตศาสตร์อยู่เลย
วงโคจรของเครื่องสเตลลาเรเตอร์กำลังถูกจำลองขึ้นในโลกเสมือนจริง ซึ่งตอนนี้มันกำลังคำนวณค่าไมโครฟลูอิดพลาสมาหลายแสนล้านหน่วยอยู่
ศาสตราจารย์กรีนจ้องไปยังข้อมูลบนหน้าจอและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังออกมา
“ไม่มีความผิดปกติอะไรเลย… แต่ดูเหมือนว่าแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของคุณจะซับซ้อนเกินนะ ถึงแม้ว่าเราจะประสบความสำเร็จ แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะนำแบบจำลองนี้ไปใช้กับคอมพิวเตอร์ควบคุมแบบนี้ แค่การจำลองเพียงอย่างเดียวก็ยากมากแล้ว อย่าคิดเรื่องที่จะป้อนตัวแปรอื่นลงไปในระบบด้วยเลย เว้นแต่…”
ลู่โจวมองไปยังศาสตราจารย์กรีน “เว้นแต่อะไรครับ?”
“เว้นแต่จะใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่สามารถประมวลผลของลอการิทึม…” ศาสตราจารย์กรีนพลันกล่าวคำพูดออกมา “อันที่จริง ในทางทฤษฎี สำหรับผลลัพธ์ที่คุณต้องการ คอมพิวเตอร์ขนานใหญ่แบบนี้คงสร้างให้ไม่ได้หรอกมั้ง ก็คงจะมีแต่คอมพิวเตอร์ควอนตัมเท่านั้นแหละที่สามารถประมวลผลส่วนประกอบที่ซ้อนทับกันได้”
แต่ทว่า คอมพิวเตอร์ควอนตัม…บอกตามตรงเลย มันยังคงเป็นแค่แนวคิดอยู่
แม้แต่คอมพิวเตอร์ควอนตัมที่ทันสมัยที่สุดในโลกก็ยังมีความสามารถในการคำนวณไม่แม่นยำจนถึงร้อยเปอร์เซ็นต์เลยด้วยซ้ำ มันไม่ต่างอะไรกับคอมพิวเตอร์คลาสสิกโบราณเลยด้วยซ้ำ
แต่อะไรคือคอมพิวเตอร์คลาสสิกโบราณกัน?
ทั้งนี้ ในหนังสือเรียนเทคโนโลยีสารสนเทศระดับมัธยมต้นหรือมัธยมปลายอาจจะมีรูปภาพคอมพิวเตอร์ควอนตัมอยู่บ้าง… ทว่า รูปเหล่านั้นคงจะมีลักษณะเหมือนหลอดสุญญากาศขนาดใหญ่หลายพันหลอดเรียงรายกันอยู่
ใช่แล้ว! พวกเขาเรียกมันว่า อีนีแอ็ก!
สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ยังไม่มีความทันสมัยมากพอจะสามารถใช้คอมพิวเตอร์ควอนตัมได้ อย่างน้อย มันก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งศตวรรษ อีกอย่าง คอมพิวเตอร์ควอนตัมนั้นเป็นเหมือนแนวคิดลมๆ แล้งๆ เท่านั้น มันเป็นเพียงนิยายเพ้อฝันทางวิทยาศาสตร์
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรออกไป ทว่า เขาพลันพยักหน้าและครุ่นคิด
“เข้าใจแล้วครับ!”
……………………………….