Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 450 ได้ยินมาว่ามีคนเขียนชื่อคุณลงในวิทยานิพนธ์ (รีไรท์)
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 450 ได้ยินมาว่ามีคนเขียนชื่อคุณลงในวิทยานิพนธ์ (รีไรท์)
เหรียญฟีลด์ก็ได้มาแล้ว
รางวัลโนเบลก็ได้มาแล้ว
ลู่โจวรู้สึกว่าตนนั้นเป็นคนที่โชคดีและคนที่ทำอะไรคุ้มค่ากับความพยายามไม่น้อย
บอกตามตรง ถ้าเขาตัดสินใจที่จะกลับไปที่ประเทศจีน เขาก็คงจะคิดถึงที่นี่ไม่น้อย
ไม่ว่าเขาจะใช้ความคิดมากมายเพียงใด ทั้งเตาผิงในห้องนั่งเล่น ห้องทำงานของสถาบันพรินซ์ตันและทะเลสาบคาร์เนกีก็อยู่ไม่ไกล
ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมการวิจัยที่นี่หรือนักวิชาการที่นี่…
เขาจะกลับมาเยี่ยมอีกครั้งเมื่อมีโอกาส
แต่ค่อยคิดก็ได้…
ในตอนเช้า ลู่โจวเข้ามาที่ห้องทำงาน ทันทีที่เปิดประตู ทุกคนที่อยู่ข้างในก็ตะโกนออกมาพร้อมกันพร้อมโปรยริบบิ้น
“ขอแสดงความยินดีด้วย! ศาสตราจารย์! ผู้ได้รับรางวัลโนเบลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โลก!” ฮาร์ดี้ยื่นหมวกปาร์ตี้ให้กับลู่โจวพร้อมถือไมโครโฟนและกล่าวว่า “เป็นยังไงบ้างล่ะครับ?”
หลังจากตะลึงกับนักเรียนของตัวเอง ลู่โจวก็ยิ้มขึ้นมาทันที
“ความรู้สึกในตอนนี้คือ… บางทีเราอาจจะต้องการคนกวาดพื้นเพิ่มนะ”
“ไม่เอาน่าศาสตราจารย์” ฮาร์ดี้ทำสีหน้าไม่ถูก “เดี๋ยวผมเก็บกวาดให้เอง แต่ตอนนี้เอาไว้แบบนี้ก่อน มาฉลองกันหน่อยไหม? ผมเป็นคนรับผิดชอบเรื่องบาร์บีคิวเอง”
“ขอคิดดูก่อนนะ…” ลู่โจวกล่าว
เวร่าเผยแก้มแดง เธอมองไปยังลู่โจวด้วยความตื่นเต้น
“ยินดีด้วยนะคะ ศาสตราจารย์”
ลู่โจวยิ้มและพยักหน้า “ขอบใจมาก”
สำหรับลู่โจว การแสดงความยินดีตามปกติก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ต้องการให้พวกนักเรียนทำอะไรให้มากไป
ฉินเยว่ถามต่อ “ศาสตราจารย์จะได้รับรางวัลโนเบลเมื่อไหร่เหรอครับ?”
“อ่า… วันที่สิบ ธันวาคมน่ะ ยังมีเวลาอีกตั้งสองเดือน”
ฮาร์ดี้พลันถามทันที “ศาสตราจารย์ พาพวกเราไปงานรับรางวัลด้วยได้ไหม?”
ทันทีที่เขาถามคำถามนี้ขึ้น ทั้งห้องทำงานก็จ้องมองไปยังลู่โจว
แม้แต่เหว่ยเหวินที่กำลังยุ่งกับวิจัยก็รู้สึกสนใจในเรื่องนี้
ทั้งนี้ ผู้คนมีโอกาสไม่มากนักที่จะเข้าร่วมในงานเลี้ยงอาหารค่ำของพิธีรับรางวัลโนเบล โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับนักคณิตศาสตร์
หากคุณไม่ได้มีส่วนร่วมในการวิจัยทางเศรษฐกิจ คุณก็จะไม่มีโอกาสเลย…
แน่นอนว่าลู่โจวถือเป็นข้อยกเว้น
“ไม่มีปัญหา ไปได้ แต่ฉันมีเงื่อนไขอยู่นะ”
เจอริกพลันยกมือขึ้นและถาม “เงื่อนไขอะไรเหรอครับ?”
ลู่โจวพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ใครก็ตามที่อยากไป ต้องทำวิทยานิพนธ์จบการศึกษาภายในสิ้นเดือนนี้ ทุกคนเรียนกับฉันมานานพอสมควรแล้ว และถึงเวลาที่ต้องคิดเรื่องเรียนจบแล้ว”
“วิทยานิพนธ์จบ?” ฮาร์ดี้กล่าว “แต่ศาสตราจารย์… เราเพิ่งจะได้ปริญญาโทไปปีนี้เองนะ”
“งั้นก็คงจะต้องคว้าปริญญาเอกให้ได้ในปีหน้าแล้วล่ะ” ลู่โจวเผยยิ้ม “ล้อเล่น! แค่นี้ก็พอแล้ว ฉันไม่ต้องการให้ใครทำงานหนักมากไปหรอกน่า แค่ทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จก็พอ…”
ทั้งฮาร์ดี้ ฉินเยว่และเจอริกต่างก็ขมวดคิ้ว
มันง่ายยังไงกัน?!
……
แม้แต่ที่สถาบันพรินซ์ตัน การได้รับรางวัลโนเบลก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี
ในประวัติศาสตร์ สถาบันพรินซ์ตันได้ผลิตผู้ได้รับรางวัลโนเบลมาแล้วทั้งหมดยี่สิบห้าคน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสาขาฟิสิกส์
ไม่ว่าจะอยู่ในสาขาใด ผู้ชนะรางวัลโนเบลก็จะได้เข้าสู่หอเกียรติยศของพรินซ์ตันเพื่อให้นักวิชาการรุ่นหลังได้ร่วมแสดงความเคารพอีกด้วย
ถึงกระนั้น รูปถ่ายของลู่โจวก็อยู่ด้านในแล้ว รวมถึงผู้ชนะที่ได้รับเหรียญฟีลด์อีกสิบสองคน
กล่าวคือ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง สถาบันการศึกษาขั้นสูงอย่างพรินซ์ตันจึงจัดงานเลี้ยงให้แก่ลู่โจว
ในตอนแรก ลู่โจวตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นที่บ้านเองตนเอง เขาจึงไม่ได้คาดหวังเรื่องงานเลี้ยงฉลองที่ทางสถาบันจัดไว้ให้มากนัก งานเลี้ยงนั้นถูกจัดที่ห้องบรรยาย
ห้องบรรยายที่เชื่อมติดกับโรงอาหารและคาเฟ่ได้ถูกใช้เพื่อจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองพิเศษ
ในงานเลี้ยง ศาสตราจารย์ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนหยิบแชมเปญขึ้นมาชนกับแก้วของลู่โจวพร้อมเผยยิ้ม
“ยินดีด้วย ไม่คิดเลยว่านายจะเป็นนักวิชาการคนแรกที่ได้รับรางวัลฟิลด์และรางวัลโนเบลพร้อมกัน อีกทั้ง ยังเป็นผู้ที่ได้รับรางวัลอายุน้อยที่สุดอีก… หนังสือบันทึกสถิติโลกกินเนสส์คงใส่ชื่อนายลงไปแล้วแน่ แถมยังต้องมีสองชื่อด้วย”
หลังจากจิบแชมเปญ ลู่โจวก็กล่าวคำพูดขึ้น “ชมกันเกินไปแล้วครับ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่กินเนสส์จะแยกหมวดย่อยออกเป็นสอง”
“คงไม่ใช่แบบนั้นหรอก นายอายุแค่ยี่สิบห้าปีเอง ฉันเชื่อว่านักศึกษาปริญญาเอกในสาขาประวัติศาสตร์หลายคนจะต้องสนใจเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเรื่องของนายแน่” ศาสตราจารย์ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนกล่าวด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่เขาก็พูดจริง
ตามสถิติจากวารสารรายใหญ่ วิทยานิพนธ์ของลู่โจวมีอัตราการอ้างอิงสูงมาก ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ลู่โจวได้ยินเรื่องคนที่เอาชื่อของตนไปเขียนวิทยานิพนธ์
พวกเขาจะจบด้วยวิทยานิพนธ์แบบนั้นได้จริงหรือ?
ลู่โจวเกิดความสงสัย
ไม่ใช่แค่ศาสตราจารย์ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนที่กล่าวคำยินดี แต่ศาสตราจารย์เดอลีงย์ก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วย
ทั้งชายแก่และลู่โจวชนแก้วกัน
“ถึงแม้ฉันจะเคยคิดว่ามันควรจะคณิตศาสตร์บริสุทธิ์ก็เถอะ ไม่ว่ายังไง ฉันก็ยินดีกับนายด้วย นายทำความสำเร็จหลายอย่างบนโลกใบนี้มามากพอจนผู้คนต้องรู้จักนายแล้ว”
“ขอบคุณมากครับ” ลู่โจวกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ไม่ต้องมาขอบคุณเลย ความรู้ที่ฉันเคยสอนนาย ดูเหมือนมันจะไปอยู่ในกำมือนายแล้วนะ” ผ่านไปครู่หนึ่ง ศาสตราจารย์เดอลีงย์ก็พลันหัวเราะและพูดติดตลก “เราเคยคิดว่าเอ็ดเวิร์ด วิตเตนจะเป็นคนแรกที่ได้รับรางวัลทั้งโนเบลและเหรียญฟีลด์สเสียอีก ไม่คิดเลยว่าคนแรกที่ได้มาจะเป็นนาย”
ศาสตราจารย์เอ็ดเวิร์ด วิตเตน ซึ่งบังเอิญอยู่ที่นี่พลันได้ยินคำพูดของเพื่อนเก่า เขาเผยยิ้มและกล่าวคำพูดออก “เป็นไปไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือตอนที่แก่แล้วก็เถอะ ทฤษฎี เอ็ม ของฉันมันพิสูจน์ในการทดลองได้ที่ไหนกันล่ะ?”
ไม่จำเป็นต้องรู้ว่ามีการพิสูจน์ไปกี่ครั้งแล้ว มันเป็นเรื่องยากที่จะหาร่องรอยของทฤษฎี เอ็ม ในการทดลอง นับประสาอะไรกับทฤษฎีอื่นของเขา อีกทั้งทฤษฎี เอ็ม นั้นยังมีอีกตั้งสิบเอ็ดมิติที่คาดไม่ถึง
โลกฟิสิกส์ยังคงทดสอบและสำรวจขอบเขตของแบบจำลองมาตรฐาน พวกเขายังคงอยู่ห่างไกลจากการเข้าสู่จักรวาลมิติเดียวอีกมาก
ถึงอย่างไร บางสิ่งก็ไม่ใช่ปัญหาที่จะแก้ไขได้ในศตวรรษนี้
ตราบใดที่ฟิสิกส์ยังคงพัฒนาต่อไป เราก็จะยังมีความหวังอยู่เสมอ
เช่นเดียวกับทุกวันนี้ ถึงแม้จะผ่านไปหนึ่งศตวรรษแล้ว ผู้คนยังคงทดสอบทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์กันอย่างถี่ถ้วนและค้นพบการมีอยู่ของคลื่นความโน้มถ่วงอยู่เรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการพิสูจน์หรือการปลอมแปลง แต่ในอนาคตอันใกล้ ผู้คนก็จะได้คำตอบสำหรับคำถามเหล่านั้นที่พวกเขาสงสัย…
………………………………………