Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 457 การประชุมฤดูใบไม้ร่วง MRS (รีไรท์)
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 457 การประชุมฤดูใบไม้ร่วง MRS (รีไรท์)
ศาสตราจารย์หลี่หรงเอินไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับคำเชิญ
เสี่ยวถงและนักวิชาการคนอื่นก็ได้รับเช่นกัน
หลังจากที่ลู่โจวส่งคำเชิญทั้งสามนี้ไป เขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่หลงเหลือความกังวลใดอีกแล้ว
ทั้งพ่อแม่ เสี่ยวถง อาจารย์อีกสามคนจากมหาวิทยาลัยจินหลิง และนักเรียนอีกห้าคนรวมเฉินยู่ซาน… ดูเหมือนว่าเขาจะส่งคำเชิญไปเกือบหมดแล้ว
ลู่โจวยังเหลืออีกสองคนที่ต้องส่งคำเชิญให้ แต่เขายังคิดไม่ออก
ศาสตราจารย์เดอลีงย์ก็คงจะกำลังเข้าร่วมสมาคมคณิตศาสตร์ยุโรปอยู่ที่ฝรั่งเศสกับศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมน
ส่วนศาสตราจารย์วิตเตนนั้น…
เขาอาจสนใจที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในพิธีมอบรางวัลโนเบล
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาอยู่ที่องค์การวิจัยนิวเคลียร์ยุโรปเพื่อรอเข้าร่วมการประชุมฟิสิกส์เชิงทฤษฎีระดับนานาชาติที่สำคัญมาก ด้วยเหตุนี้เขาต้องไม่มีเวลาแน่
ดูเหมือนว่าทุกคนจะยุ่งมากในช่วงสองสามสัปดาห์ก่อนวันคริสต์มาส
เนื่องจากการเชิญเพื่อนร่วมห้องคนเก่า…
มันคงจะเหลือที่ว่างไม่พอ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลังก็ตาม
ตอนนี้ลู่โจวคิดอะไรไม่ออก เขาจึงปล่อยไว้แบบนั้นก่อน
ลู่โจวเดาว่าจะไม่เชิญใครอีก เพราะมันไม่จำเป็นต้องเชิญมาทั้งสิบสี่คน
เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าต้องทำ
เช่นเดียวกับการค้นหาวิธีการที่เหมาะสมสำหรับอุตสาหกรรมการผลิต SG-1…
ตัวอย่างในการทดลองถูกสร้างขึ้นโดยใช้วิธีการสะสมสารเคมีบนพื้นผิวคาร์บอนที่มีอุณหภูมิสูง หลังจากนั้นสารตั้งต้นก็จะถูกทำการละลายเพื่อให้ได้แกรฟีน
ถึงกระนั้นแค่นี้คงยังไม่พอ เนื่องจากกระบวนการนี้ให้ผลลัพธ์เฉพาะวัสดุกราฟีนแบบพื้นฐานเท่านั้น และเพื่อที่จะทำให้ตัวนำยิ่งยวดมีอุณหภูมิอยู่ที่หนึ่งร้อยเอ็ดเคลวิน มันจำเป็นต้องใช้วิธีการอื่นร่วมด้วย เช่น การอัดสารไนโตรเจนข้าไป
แท้จริงแล้ว สิ่งเหล่านี้ควรได้รับการพิจารณาจากตลาด แต่ทว่า ลูโจวไม่อยากรอนานขนาดนั้น
เมื่อวิศวกรอย่างศาสตราจารย์เลเซอร์สันเปิดใจและเห็นคุณค่าของอุตสาหกรรมที่มีผลกำไรเพียงเล็กน้อยและไม่มีคู่แข่ง ภารกิจของลู่โจวก็คงสำเร็จไปนานแล้ว
สำหรับตอนนี้ การใช้วัสดุตัวนำยิ่งยวดคือการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
แต่โชคดี ลู่โจวชอบอ่านหนังสือการออกแบบอุตสาหกรรมในช่วงเวลาว่าง
จากนั้น เขาก็อ่านหนังสือวิศวกรรมต่ออีกสองสามเล่ม
เมื่อรวบรวมกับความคิดทางวิศวกรรมของเขาซึ่งอยู่ในระดับสองแล้ว มันก็ไม่ยากที่จะซึมซับความรู้ใหม่ๆ
ลู่โจวอาจไม่สามารถออกแบบสายการผลิตได้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่เขาสามารถปรับปรุงวิธีการเตรียมห้องปฏิบัติการ และหาวิธีสังเคราะห์จากสิ่งที่มีต้นทุนต่ำได้
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็น่าจะเป็นการเตรียมห้องปฏิบัติการ
เพราะมันต้องเสียเงินนิดหน่อย
ถ้าลู่โจวสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชัน DEMO ได้ขึ้นมาจริง ๆ เขาคงไม่ต้องกังวลเรื่องเงินอีกต่อไป
หากเป็นเช่นนั้น เขาเองก็ยินดีที่จะผลาญเงินจำนวนกว่าร้อยล้านดอลลาร์… หรือไม่ก็พันล้านดอลลาร์
ใกล้ครบเดือนแล้วที่ศาสตราจารย์จิริคขึ้นเครื่องบินไปยังบอสตันและมุ่งหน้าไปที่การประชุมฤดูใบไม้ร่วงของ MRS
สำหรับลู่โจว นอกเหนือจากการทดลองวัสดุ SG-1 แล้ว เขายังต้องเตรียมตัวสำหรับการสัมมนาซึ่งจะเริ่มหลังจากพิธีมอบรางวัลโนเบล
สิ่งที่น่าสนใจคือเขาจะได้รับคำเชิญและรางวัลมากมาย
รางวัลที่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือรางวัลการพัฒนาสาขาคณิตศาสตร์ เห็นได้ชัดว่าเขาจะได้รับการสนับสนุนจากมหาเศรษฐีชาวรัสเซีย รวมถึงผู้ก่อตั้งบริษัทกูเกิล เฟซบุ๊ก เทนเซ็นต์ลและบริษัทอื่นด้วย นอกจากนี้ยังมีรางวัลที่มีชื่อเสียงอีกมากมายที่หาไม่ได้ทางออนไลน์อีก
ท้ายที่สุดแล้ว ลู่โจวก็ได้เป็นผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลที่อายุน้อยที่สุด ด้วยทั้งอายุและความสำเร็จของเขาก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การให้ความสนใจ
แบรกก์เคยสร้างสถิติครั้งแรกเอาไว้เมื่อเขาอายุยี่สิบห้าปี ซึ่งมันต้องใช้เวลากว่าหนึ่งศตวรรษในการทำลายสถิตินี้ ใครจะรู้ล่ะว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ศตวรรษกว่าสถิตินี้จะถูกทำลายอีกครั้ง
ลู่โจวก็ไม่ได้ว่าอะไรหากจะได้รับรางวัลพิเศษอีกสักสองสามรางวัล
แต่ทว่ามีคำเชิญมากมายที่กองอยู่ในกล่องจดหมายทำให้เขาเริ่มปวดหัว
ดูเหมือนว่าการได้รับรางวัลโนเบลจะทำให้มีผู้คนสนใจในตัวเขามากขึ้น
หลังจากบินไปสตอกโฮล์มแล้ว เขาก็ยังต้องบินไปที่ปารีสต่อ ลู่โจวไม่มีเวลาบินรอบโลกมากขนาดนั้น ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็ตัดสินใจให้เสี่ยวไอลบคำเชิญที่ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันการศึกษาออก
ถึงอย่างไรแล้ว ลู่โจวเองก็ได้ทราบในภายหลังว่ารางวัลการพัฒนาทางคณิตศาสตร์มีมูลค่าสามล้านเหรียญสหรัฐ…
เขารู้สึกเสียใจที่สูญเสียเงินสามล้านเหรียญสหรัฐไป
แม้ว่าเงินสามล้านเหรียญสหรัฐจะไม่มากสำหรับเขา แต่ใครกันบ้างล่ะที่ไม่ต้องการเงินเยอะ ๆ?
นอกจากนั้น มันยังเป็นเงินที่ได้มาฟรี ๆ ด้วย
ถึงกระนั้นเขาก็ปฏิเสธคำเชิญไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป
…
ในวันสุดท้ายของเดือนพฤศจิกายน ลู่โจวได้ขอวันหยุดยาวเพิ่มจากสถาบันพรินซ์ตันเพื่อเตรียมตัวไปสตอกโฮล์ม
ในช่วงเวลาเดียวกันก็มีข่าวดีมาจากศาสตราจารย์จิริกซึ่งอยู่ในการประชุมฤดูใบไม้ร่วงที่บอสตัน
ศาสตราจารย์จิริกกล่าวคำพูดผ่านโทรศัพท์อย่างตื่นเต้น
“รายงานผ่านไปได้ด้วยดี แล้วคอนนี้ก็โต๊ะที่นั่งก็เต็มหมดแล้วด้วย นายน่าจะมาเห็นด้วยตัวเองนะ!”
ลู่โจวเริ่มถามถึงส่วนสำคัญ
“มีบริษัทสนใจเทคโนโลยีของเราบ้างไหม?”
“มีสิ แต่ว่า… มันอาจจะไม่ใช่ในแบบที่เราคาดหวัง”
“หมายความว่ายังไง?”
“บริษัทไอบีเอ็ม… พวกเขาสนใจเทคโนโลยีของเรา แต่ถึงยังไงมันก็ไม่ใช่เพราะตัวนำยิ่งยวดหรอก แต่มันเป็นเพราะคุณสมบัติของอุปกรณ์กึ่งตัวนำที่มีฉนวนม็อทติดอยู่ต่างหากล่ะ”
ลู่โจวขมวดคิ้ว
“พวกเขาวางแผนที่จะใช้วัสดุ SG-1 ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์?”
ศาสตราจารย์จิริกพยักหน้าและกล่าวต่อ “คงจะแบบนั้น พวกเขากำลังทำการวิจัยเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้คาร์บอนกันอยู่ แต่ถ้าเราต้องการเงินทุน พวกเขาก็แค่ถามรายละเอียดทางเทคนิคไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ แต่ถ้าเราปฏิเสธ พวกเขาก็จะไปโดยไม่พูดอะไรแค่นั้น”
น้ำเสียงของศาสตราจารย์จิริกฟังดูผิดหวังเล็กน้อย
ในตอนที่ตัวแทนของบริษัทไอบีเอ็มมาคุยกับเขา ศาสตราจารย์จิริกคิดว่าอีกฝ่ายต้องการจ่ายค่าใบอนุญาต น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ได้ทำเช่นนั้น
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีข้อสงสัยว่าวัสดุนี้สามารถใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้จริงหรือไม่ พวกเขาจึงจำเป็นต้องทำการตรวจสอบโดยทำการทดลองในห้องปฏิบัติการของตนเอง
สำหรับเรื่องของวัสดุที่เป็นตัวนำยิ่งยวด บริษัทเครื่องมือแพทย์บางแห่งก็ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีนี้
ลู่โจวสัมผัสได้ว่าคู่หูของตัวเองดูเหมือนจะไม่พอใจเล็กน้อย เขาจึงกล่าวว่า “ไม่ต้องคิดมากไปหรอกครับ ถึงแม้ว่าวัสดุตัวนำยิ่งยวดจะไม่ได้รับความนิยมก็เถอะ”
“ก็รู้… ฉันแค่รู้สึกว่าเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยมนี้ไม่ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรม…” ศาสตราจารย์จิริกไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกนี้อย่างไร เขาจึงทำได้แค่ยักไหล่และพูดต่อ “ก็คงเป็นแค่โชคร้าย”
“การไม่ได้รับการยอมรับจากอุตสาหกรรมไม่ได้หมายความว่าเทคโนโลยีชิ้นนั้นจะถูกพัฒนาต่อไปไม่ได้นี่ อีกอย่างผมก็ให้สัญญาเอาไว้แล้วว่าเทคโนโลยีของเราจะถูกนำไปใช้ในโครงงานระดับสูงแน่นอน” ลู่โจวกล่าว
“งั้นเหรอ?”
“ตอนนี้ผมยังบอกอะไรไม่ได้ แต่ถ้าถึงปี 2025 เมื่อไหร่ เดี๋ยวก็จะเข้าใจเอง”
“ก็ได้ ดูเหมือนว่าฉันจะต้องรออีกเจ็ดปีเพื่อให้ความลึกลับมันเปิดเผยตัวเองออกมาสินะ”
…………………………………..