Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 470 จะพูดถึงแต่คณิตศาสตร์จริงเหรอ? (รีไรท์)
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 470 จะพูดถึงแต่คณิตศาสตร์จริงเหรอ? (รีไรท์)
ตอนที่ 470 จะพูดถึงแต่คณิตศาสตร์จริงเหรอ? (รีไรท์)
โดย
Ink Stone_Fantasy
นิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมไม่ใช่ปืนใหญ่อากาศยานหรือขีปนาวุธระเบิดปรมาณู แม้ชื่อจะมีคำว่า “นิวเคลียร์ฟิวชัน” แต่มันก็ไม่ใช่อะไรแบบนั้นเลย
ด้วยเหตุนี้ ตำแหน่งของหน่วยวิจัยที่เกี่ยวข้องไม่จำเป็นต้องอยู่บนทะเลทรายโกบี
ประการแรกคือพรสวรรค์
ประการที่สองคือการสื่อสาร
เช่นเดียวกับโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ โครงการเชิงระบบประเภทนี้มักไม่ใช่สิ่งที่ประเทศหรือองค์กรสามารถรับผิดชอบได้ เช่นเดียวกับโครงการนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุม โครงการ ITER มักจะมีการแข่งขันอยู่เสมอ แต่ทว่า ความร่วมมือยังคงเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า
ถ้าคุณต้องเปลี่ยนเที่ยวเครื่องบินสองสามรอบ แล้วต่อรถไฟอีกสองสามขบวน มันก็คงจะไม่ใช่ทาง
ในช่วงแรก สถาบันวิจัยวัสดุแห่งวิทยาศาสตร์จีนเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของเครื่องโทคาแมคและได้ร่างวงกลมระบุตำแหน่งไว้ที่เขตชายฝั่งของทะเลสาบในเมืองลู่หยาง
อันที่จริง ลู่โจวก็รู้สึกว่าเมืองจินหลิงก็ถือเป็นตำแหน่งที่ดี ด้วยเหตุนี้ เขาจึงวาดวงกลมรอบภูเขาสีม่วงในจินหลิงและกำหนดเป็นที่ตั้งของโครงการ
ทว่า สำหรับเอกสารทางการ ก็อาจจะยังคงต้องรออีกสักหน่อย และก่อนหน้านั้น ลู่โจววางก็ได้วางแผนที่จะกลับไปยังสถาบันเก่า
ในที่สุด อาคารสถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณจินหลิงที่เขาลงทุนไปกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวนก็สร้างจนเสร็จสมบูรณ์แล้ว และสำหรับแผนการควบคุมนิวเคลียร์ฟิวชัน นอกจากนี้ เขายังต้องการการสนับสนุนจากมหาวิทยาลัยจินหลิงสำหรับแผนการนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมอีกด้วย
ผู้จัดการหวังพลันกล่าวคำพูดกับลู่โจวที่ยืนอยู่หน้าประตูโรงแรม “คุณจะไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันหรือ?”
ลู่โจวเผยยิ้ม “ตอนนี้งานเข้ามาเยอะเลยน่ะ ผมคงต้องไปก่อนแล้ว”
“งั้นก็ดูแลตัวเองด้วยนะครับ”
ลู่โจวพยักหน้าและเดินไปทางรถสีแดงดำที่จอดอยู่ข้างทาง
กระเป๋าเดินทางอยู่หลังรถแล้ว ไม่เหลืออะไรให้เขาต้องกังวลแล้ว
หวังเผิงซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะคนขับมองไปยังลู่โจวที่กำลังคาดเข็มขัดนิรภัย
“ที่ไหนล่ะ?”
“สนามบิน!”
…
ณ อาคารบริหาร มหาวิทยาลัยจินหลิง
อาจารย์ใหญ่สวี่นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานพร้อมสวมแว่นตา เขากำลังปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
อาจารย์ใหญ่สวี่กระแอมในลำคอพร้อมหยุดเขียนเอกสาร
“เข้ามาได้”
ประตูถูกผลักเปิดออกและเผยให้เห็นถึงบุคคลที่ไม่คาดคิด
อาจารย์ใหญ่สวี่ตกใจเล็กน้อยทันทีที่มองไปยังลู่โจว จากนั้น เขาก็วางปากกาพร้อมเผยยิ้มและลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน
“ศาสตราจารย์ลู่? ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่กันล่ะ? เข้ามาก่อนสิ”
ลู่โจวเผยยิ้มพร้อมมองดูเอกสารบนโต๊ะทำงาน “มันค่อนข้างกะทันหันไปหน่อยน่ะครับ ผมเพิ่งจะลงจากเครื่องเลย รบกวนหรือเปล่าครับ?”
อาจารย์ใหญ่สวี่เผยยิ้ม “ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลมาเยี่ยมเยียนทั้งที จะเรียกว่าเป็นการรบกวนได้อย่างไรกัน? แต่คุณจะกลับมาแบบกะทันหันแบบนี้ ทำไมไม่แจ้งเราก่อนล่ะ? เราจะได้เตรียมตัวถูก”
“ผมจะไปดูสถาบันเก่าสักหน่อย ที่มากะทันหันเพราะจะได้ไม่ต้องลำบากกันน่ะครับ” ลู่โจวเผยยิ้มพร้อมวางน้ำชาที่มือลงบนโต๊ะทำงาน “ผมเอาชากลับมาให้ด้วยแหละ”
“ผมรับมันไว้ไม่ได้หรอก คุณเอาไปให้ตาเฒ่าถังกับตาเฒ่าหลู่เสียจะดีกว่า”
ลู่โจวเผยยิ้ม “ทั้งสองคนได้ไปแล้วครับ นี่ก็ของคุณ”
ไม่นาน ทั้งสองก็ไปนั่งลงบนโซฟา
อาจารย์ใหญ่สวี่บอกให้เลขาแช่ชาร้อนเอาไว้สองถ้วย
ทันใดนั้น ลู่โจวก็กล่าวคำพูดออกมา
“ประมาณปีหน้า ผมว่าจะลาออกจากสถาบันพรินซ์ตันครับ”
“ทำไมล่ะ?” อาจารย์ใหญ่สวี่กล่าว “ถ้าคุณเต็มใจที่จะกลับมา ผมก็ให้ตำแหน่งผู้อำนวยการกับคุณได้นะ”
“นั่นไม่สำคัญ เรื่องจะให้ผมเป็นผู้อำนวยการสถาบันวิจัยหรือไม่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
งานวิจัยของลู่โจวเองก็ยุ่งพอสมควรแล้ว เขาอยากเป็นผู้อำนวยการ แต่ก็เกรงว่าจะทำให้อะไรยุ่งไปมากกว่าเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น มันอาจจะเกิดความขัดแย้งกับการบริการขึ้นได้
หลังจากได้จิบชา ลู่โจวก็ได้เริ่มพูดถึงธุระของตัวเอง
“ครั้งนี้ที่ผมไปปักกิ่ง ผมได้คุยกับเบื้องบนมาด้วยล่ะ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น อาจารย์ใหญ่สวี่ก็หันมามองพร้อมเผยสีหน้าจริงจัง
“คุยเรื่องอะไรกัน? ผมถามได้ไหม?”
“ไม่ใช่ความลับอยู่แล้ว อีกไม่นานเอกสารก็จะถูกส่งมาแล้ว เป็นการดีที่เราจะได้คุยกันก่อน”
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ ลู่โจวก็พูดต่อ “นอกจากการพูดคุยเรื่องเทคนิคแล้ว เราก็พูดกันเรื่องวิชาการเป็นหลัก แล้วก็มีเรื่องประวัติศาสตร์ของคณิตศาสตร์ด้วย”
ประวัติศาสตร์คณิตศาสตร์?”
“ใช่ครับ” ลู่โจวพยักหน้า
นับตั้งแต่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานักคณิตศาสตร์เป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมมาก นักคณิตศาสตร์ในศตวรรษที่แล้วส่วนใหญ่มีศูนย์กลางอยู่ที่ยุโรป แต่ท้ายที่สุดแล้ว ศูนย์กลางคณิตศาสตร์ของโลกได้ย้ายจากยุโรปไปยังอเมริกาเหนือ
“ในช่วงเวลาหลายปีที่อยู่ที่สถาบันพรินซ์ตัน ผมได้รู้อะไรเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรู้หรือวัฒนธรรมทางวิชาการ”
“การเรียนรู้จากประสบการณ์ ประวัติศาสตร์และความเป็นจริง ผมคิดว่ามันเป็นความสำเร็จทางวิชาการที่สามารถแยกออกจากสิ่งแวดล้อมทางวิชาการได้อย่างสิ้นเชิงเลยล่ะ เพราะแบบนั้น ผมจึงเสนอกับเขาว่าจะสร้างลานกว้างในสถาบันจินหลิง และจะทำให้การวิจัยทางวิชาการเป็นไปอย่างถูกต้อง ทำให้เป็นระบบราชการและอิสระ”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของลู่โจวแล้ว อาจารย์ใหญ่สวี่ก็พยักหน้า
เขานั้นมีส่วนร่วมกับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และมักจะตระหนักถึงผลกระทบของระบบราชการที่มีต่อประสิทธิภาพของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์มาโดยตลอด
ในฐานะผู้สนับสนุนการปฏิรูปการศึกษา เขาเองก็ได้พยายามเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ด้วย
แม้ว่านโยบายบางอย่างอาจไม่เป็นที่น่าพอใจมากพอ แต่ในแง่ของทัศนคติ ยังไงเขาก็จะสนับสนุนลู่โจวอย่างเต็มที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับลู่โจวได้แสดงจุดยืนของเขาเอาไว้แล้ว
เขาเพียงแค่รองรับการสนับสนุนเท่านั้น แต่ถ้าหากสิ่งที่ลู่โจวพูดจะถูกนำไปใช้จริง เกรงว่าจะเป็นการยาก…
“ผมเห็นด้วยกับคุณนะ แต่มันก็เป็นเรื่องยากมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้ามีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยว มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยในสภาพแวดล้อมของประเทศแบบนี้”
“ผมก็เห็นด้วย”
อาจารย์ใหญ่สวี่พลันเบิกตากว้างและมองไปยังลู่โจวอย่างไม่เชื่อสายตา
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่โจวก็พูดต่อ “เขายังบอกเอาไว้อีกว่า ในสถาบันวิจัยของตัวเอง ผมจะทำอะไรก็ได้ตามที่ใจอยาก ไม่สำคัญว่ามันจะยุ่งยากสักแค่ไหน แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ผมเองก็จะสามารถเลื่อนขั้นได้ แต่อยู่ในขอบเขตที่จำกัด
ขอบเขตที่จำกัดนี้หมายถึงมหาวิทยาลัยจินหลิงเป็นแน่
เขาไม่ใช่นักการศึกษา เขาเป็นเพียงนักวิชาการ
สิ่งที่ลู่โจวต้องการคือสภาพแวดล้อมทางวิชาการที่สะดวกสบาย เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมในการค้นคว้าของตัวเองอย่างเงียบ ๆ
ส่วนข้อเรียกร้องทางการเมือง ลู่โจวเองก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่
ถึงกระนั้น ในมุมมองของอาจารย์ใหญ่สวี่ เงื่อนไขที่ลู่โจวพูดมาเป็นอะไรที่ทำได้ยาก
โดยเฉพาะในระดับสูง มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อไม่น้อย
อาจารย์ใหญ่สวี่อดไม่ได้ที่จะถาม “คุณจะพูดถึงแต่เรื่องคณิตศาสตร์จริงๆ เหรอ?”
“แน่นอน แต่มันไม่ใช่แค่คณิตศาสตร์นะครับ” ลู่โจวพูดพร้อมเผยยิ้ม
“ก่อนหน้านี้… เราพูดกันเรื่องนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมด้วยแหละครับ”
………………………………………………