Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 472 ความรู้คือทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (รีไรท์)
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 472 ความรู้คือทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (รีไรท์)
ตอนที่ 472 ความรู้คือทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด (รีไรท์)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ณ สถานที่ก่อสร้าง รถบรรทุกแต่ละคันที่มาถึงต่างก็พ่นควันและฝุ่นคละคลุ้งออกมา ทั้งรถขุดและรถบรรทุกปูนส่งเสียงเครื่องจักรดังพร้อมกระแทกพื้น เหล่าวิศวกรที่สวมหมวกกันน็อกสีขาวถือภาพวาดสำหรับการออกแบบพร้อมลงพื้นที่และออกคำสั่ง
เหล่าคนงานก่อสร้างที่สวมหมวกกันน็อกสีเหลืองพลันวิ่งไปมาอย่างรวดเร็วในไซต์ก่อสร้าง
ทุกคนไม่ต่างกับเครื่องจักรกล ทำงานไปพร้อมกับอุปกรณ์วิศวกรรมหลากหลายชิ้น ความคืบหน้าของโครงการยังคงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในวันที่อากาศร้อนระอุ
สภาพแวดล้อมในสถานที่ก่อสร้างไม่ค่อยดีนัก แม้ว่าจะมีแสงสาดส่อง แต่ไม่นาน…รองเท้าของเหล่าคนงานก็เต็มไปด้วยเหงื่อและโคลน
ถึงกระนั้น หัวหน้าคณะกรรมการเทศบาลซึ่งกำลังยืนตรวจสอบอยู่ห่างออกไปไม่ได้เผยท่าทีรังเกียจอะไร ทว่าพวกเขากลับหัวเราะ
โครงการระดับชาติที่มีการลงทุนกว่าพันล้านดอลลาร์ได้มาตั้งรกรากในเมืองจินหลิง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการวิจัยเชิงระบบของนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมนั้นมีส่วนช่วยอย่างมากในการพัฒนาอุตสาหกรรมขั้นสูงในเมืองจินหลิงและนโยบายการแนะนำผู้มีทักษะและความสามารถ
กล่าวคือมันเป็นเหมือนความสำเร็จทางการเมืองที่สามารถมองเห็นได้
แน่นอน แม้ว่านิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมนี้จะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะต้องระวังหรือเป็นความลับ ทว่าก็ยังมีสถาบันวิจัยอีกหลายแห่งที่ดำเนินการทั้งในและต่างประเทศมาเกือบครึ่งศตวรรษแล้ว
ถึงอย่างไร เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความกังวลและความเข้าใจผิดโดยไม่จำเป็น
สิ่งเหล่านี้ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญ ก่อนที่จะแสดงผลลัพธ์ที่ควรค่าแก่การแสดงพยายาม ก็ควรจะหลีกเลี่ยงการเผยแพร่ต่อสาธารณะเสียก่อน
ในด้านวิศวกรรมเองก็มีหัวหน้าเหลียวคอยเฝ้าดูอยู่ อีกทั้ง คุณสมบัติของหน่วยงานก่อสร้างก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน
ด้วยความเร็วทางวิศวกรรมในปัจจุบัน เราสามารถสร้างให้เสร็จได้เร็วสุดไม่เกินครึ่งปี ถ้าจะให้เร็วกว่านั้น สามหรือสี่เดือนก็น่าจะพอเพียงแล้ว
หลังจากได้รับคำรับรองจากหัวหน้าเหลียว ลู่โจวเองก็ไม่ได้ทำอะไรมาก และหลังจากบอกความต้องการให้แก่ซุนกงแล้ว เขาก็มีความตั้งอกตั้งใจที่จะเตรียมการจัดตั้งสถาบันการศึกษาขั้นสูงในจินหลิงมากขึ้น
สามวันก่อนปีใหม่สถาบันวิจัย STAR Stellarator ก็กำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้างในสัปดาห์ที่สอง ในขณะที่อาคารสถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณจินหลิงสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว
เนื่องจากการย้ายที่ตั้งของสถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณจินหลิง นั่นหมายความว่าเครื่องมือและอุปกรณ์ที่มีความแม่นยำสูงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์จะได้รับการจัดสรรใหม่โดยหยางสวี่และลูกทีม
แม้ว่าสถาบันวิจัยวัสดุเชิงคำนวณจะอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยจินหลิง แต่มันก็ยังอยู่นอกวิทยาเขตของมหาวิทยาลัยอยู่ดี
ทว่า ลู่โจวแทบจะไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย
อาจารย์ใหญ่หลี่จากแผนกเคมีมองไปที่รถบรรทุกที่กำลังขับออกไปพร้อมกล่าวคำพูดกับลู่โจว “ทำไมพวกคุณถึงรีบขนาดนี้ล่ะ?”
“อาคารทดลองหลังนี้ก็ถือเป็นสมบัติของนะครับ” ลู่โจวกล่าว
อาจารย์ใหญ่หลี่ส่ายหัวพร้อมกล่าวคำพูด “แล้วคุณนับตัวเองเป็นคนนอกไหมล่ะ?”
ลู่โจวเผยยิ้ม “จินหลิงเป็นสถาบันเก่าของผม ผมเลยไม่เคยมองว่าตัวเองเป็นคนนอกเลย”
หากความสัมพันธ์นี้ไม่ชัดเจน มันก็จะมีปัญหาไม่ช้าก็เร็ว
ตอนที่ลู่โจวอยู่ต่างประเทศ เขาทำทุกอย่างอย่างระมัดระวังและรอบคอบ
แต่ตอนนี้เขาอยู่ที่บ้านเกิดของตนเองแล้ว ในบางแง่ เขาก็รู้สึกว่าควรจะรอบคอบให้มากกว่าเดิม
ทันทีที่ได้ยินคำตอบของลู่โจว อาจารย์ใหญ่หลี่ก็เพียงแต่ถอนหายใจ
“นั่นก็จริง ตอนนี้คุณเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลไปแล้ว เป็นมาตรฐานของชุมชนวิทยาศาสตร์จีน เป็นเหมือนบุคคลสำคัญ มีหลายคนที่ต้องการจะเป็นแบบคุณ และมีหลายคนที่ต้องการเห็นคุณล้มเหลว เพราะฉะนั้น.. .ระวังตัวเองไว้ด้วยล่ะ”
“ได้เลยครับ” ลู่โจวพยักหน้า
…
อาคารของสถาบันได้ถูกจัดวางและเครื่องมือได้ถูกย้ายไปแล้ว ถึงกระนั้น พิมพ์เขียวของสถาบันการศึกษาขั้นสูงจินหลิงในมือลู่โจวกำลังบ่งบอกว่าทุกอย่างกำลังเริ่มต้นขึ้น…
ในตอนนี้ นอกจากสถาบันวิจัยวัสดุคำนวณแล้ว สถาบันวิจัยที่อื่นก็แทบจะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเลย
หากคุณต้องการเปลี่ยนพิมพ์เขียวนี้ให้เป็นจริง คุณก็ต้องทำงานให้หนักขึ้น
เนื่องจากเป็นหน่วยงานวิจัยของเอกชน หลังจากทำการร้องขอนโยบายแล้ว ลู่โจวก็ไม่ได้สนใจในเรื่องขอเงินทุนจากประเทศเลย
แม้ว่าหัวหน้าจะให้สัญญาเงินกู้ปลอดดอกเบี้ยหนึ่งล้านหยวนแก่เขา แต่ลู่โจวเองก็ไม่ได้สนใจที่จะยืมเงินในส่วนนี้
หนึ่งคือลู่โจวยังไม่มีเวลา
สองคือยังมีเงินจำนวนมากในบัญชีของเทคโนโลยีสตาร์สกายให้เขาได้ใช้จ่าย
ถ้าเขาไม่ได้ดูตัวเลขในบัญชี ลู่โจวก็แทบจะเกือบลืมไปแล้วว่าตนเป็นมหาเศรษฐี หลังจากตระหนักว่าตนยังมีเงินอีกมากมาย เขาเองก็ไม่ได้บอกว่าจะใช้เงินจำนวนหนึ่งร้อยล้านหยวนในบัญชีของสถาบันการศึกษาขั้นสูงแห่งจินหลิงมาลงทุน
ลู่โจวไม่เคยทุกข์ใจเมื่อต้องเสียเงินไปกับการวิจัยเลยแม้แต่น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว ความตั้งใจเดิมของสตาร์สกายเทคโนโลยีคอปอเรชั่นจำกัดคือเพื่อช่วยในการวิจัยในห้องปฏิบัติการของเขาเท่านั้น
เขายังคงมีผู้ช่วยมือดีอย่างหยางสวี่อยู่ ลู่โจวพลันเดินเข้าไปในอาคารวิจัยแห่งใหม่พร้อมกับความรู้สึกคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม เขากล่าวคำพูดออกมา
“ย้ายเข้ามาบ้านใหม่รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
หยางสวี่เผยยิ้มพร้อมกล่าวคำพูด “ห้องทดลองกว้างมาก แต่ว่าคนยังน้อยอยู่ เลยรู้สึกเหมือนกับที่ร้างเลย”
ลู่โจวพลันเผยยิ้มทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“อากาศที่นี่ค่อนข้างหนาวน่ะ แล้วอีกไม่นาน เราก็จะขยายกลุ่มนักวิจัยให้มากขึ้น”
ทั้งรางวัลโนเบลควบคู่ไปกับอุปกรณ์ที่ซับซ้อนของอาคารห้องปฏิบัติการทั้งหมด และแม้กระทั่งเงินเดือนที่สูงริบหรี่ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดนักวิจัยที่ชอบทำงานหนักจำนวนมากเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
ลู่โจวยืนอยู่ด้านหน้าหน้าต่างสูงจากห้องทำงานของคณบดี เขามองเห็นวิวทั่วทั้งสถาบันพร้อมกล่าวด้วยความกระตือรือร้น
“สถาบันวิจัยทั้งหมดเพิ่งเสร็จสิ้นแค่ในระยะแรกของโครงการ แต่ทว่า ยังมีอีกสามโครงการที่ยังคงต้องดำเนินต่อไป ซึ่งเป็นโครงการที่ไม่เพียงแต่มุ่งมั่นไปในด้านวัสดุศาสตร์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงคณิตศาสตร์และฟิสิกส์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ เราต้องมุ่งมั่นที่จะบรรลุมาตรฐานระดับโลกให้ได้!”
“มีอะไรต้องกังวลไหม?” หยางสวี่ถาม
“ไม่ช้าก็เร็วแหละ”
ถึงกระนั้น พูดโอ้อวดไปก็ไม่ช่วยอะไร แล้วถ้าเกิดลู่โจวทำสำเร็จล่ะ?
หยางสวี่กล่าวติดตลก “งั้นคุณพร้อมสำหรับเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนหรือยังล่ะ?”
ลู่โจวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เครื่องนั่นยังไม่สามารถสร้างในเมืองได้ เราไม่ได้มีพลังงานถึงขั้นนั้นในตอนนี้”
การทดลองทางฟิสิกส์เชิงทฤษฎีถือเป็นหลุมดำอีกหลุมหนึ่งสำหรับการระดมทุน แม้ว่าลู่โจวจะโยนทุกอย่างเข้าไป แต่ก็เกรงว่าจะไม่ใช่เรื่องดีนัก
ถึงกระนั้น หากโครงการนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมเสร็จสมบูรณ์และได้รับการยอมรับ การระดมทุนครั้งนี้อาจไม่น่าอึดอัดเท่าไหร่
เมื่อใดก็ตามที่เขาคิดจะสร้างเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนขึ้นมา หรือคิดจะวางดาวเทียมขึ้นไปบนท้องฟ้าเพื่อเก็บสสารมืด ตราบใดที่ลู่โจวคิดเช่นนี้ จะต้องมีใครสักคนยอมรับเขาแน่นอน
หยางสวี่เองก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องที่ไกลตัวเช่นนี้ เขายังคงคิดถึงเรื่องเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนอยู่ เขาแตะคางและกระแอมเล็กน้อย
“ผมกลัวว่าเราจะต้องใช้เงินเยอะน่ะสิ เงินกว่าหลายหมื่นล้านเลยนะ คำถามคือ… เราจะหาเงินพวกนั้นมาจากไหนกัน?”
ลู่โจวเผยยิ้มและตอบกลับ
“ความรู้เป็นทรัพย์สินที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อีกทั้ง โครงการวิจัยเองก็สร้างเงินให้เราได้”
ถึงกระนั้น ลู่โจวที่ยืนติดริมหน้าต่างก็พูดต่อ
“โทรหานักวิจัยทุกคนในสถาบัน มาเริ่มการประชุมแล้วหารือกันว่าจะทำอะไรต่อไปดีกว่า!”
……………………………………………