Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 477 มันยังเร็วเกินไป (รีไรท์)
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 477 มันยังเร็วเกินไป (รีไรท์)
ตอนที่ 477 มันยังเร็วเกินไป (รีไรท์)
โดย
Ink Stone_Fantasy
ในที่สุด ปัญหาการจัดตำแหน่งตามความสามารถก็ได้รับการแก้ไขแล้ว
หลังจากวันขึ้นปีใหม่ เหล่านักวิจัยทั้งหลายก็ได้ดำรงตำแหน่ง อีกทั้งพวกเขาได้กำหนดแผนการวิจัยในวาระการประชุมด้วย
สำหรับวิธีการประสานงานของนักวิจัยหน้าใหม่เพื่อให้เข้ากับบทบาทและตำแหน่ง พวกเขาได้ทำการจัดเตรียมงานและแบ่งหน้าที่ของโครงการวิจัยไปแต่ละกลุ่มตลอดจนจัดสรรอุปกรณ์ที่สำคัญ ซึ่งถือเป็นการทดสอบความสามารถของพวกเขา
ระหว่างที่กำลังเดินอยู่ข้างห้องทำงาน ลู่โจวก็พลันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมโทรหาหวังเผิงให้ขับรถมารอรับ เขาต้องการไปที่อาคารบริหาร
ทว่า ทันทีที่เขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า ท่าทีของลู่โจวก็ดูแปลกไปเล็กน้อย
ลู่โจวแทบจะไม่มีเวลาว่างทำอะไรเลย เขายุ่งแทบจะทั้งวัน ถึงแม้ว่าปัญหาเรื่องบ้านพักของพนักงานจะได้รับการแก้ไขแล้ว แต่ตัวลู่โจวเองก็ไม่ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองจินหลิง
เมื่อลองคิดดูแล้ว ลู่โจวก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและส่ายหัว
หากมีเวลา เขาคงต้องพักผ่อนบ้าง
…
ระหว่างที่ลู่โจวเข้าไปนั่งในรถของหวังเผิงและกำลังคาดเข็มขัดนิรภัย เสียงโทรศัพท์ก็พลันดังขึ้น
เมื่อเห็นว่าใครโทรมา ลู่โจวก็รับสายและเอาโทรศัพท์แนบหู
“พี่อยู่ที่ไหน?”
“พี่กำลังจะกลับไปที่สถาบัน มีอะไร?”
“พี่จะไปงานเลี้ยงวันปีใหม่ไหม?”
“งานเลี้ยงอะไรกัน?”
“งานเลี้ยงปีใหม่ไง” เสี่ยวถงกล่าว
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็เผลอยิ้มออกมา เขาประเมินน้องสาวของตัวเองต่ำไป
“ถ้าไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้น ดูเหมือนว่าพี่จะต้องไปมอบรางวัล…”
“จริงเหรอ?!” เสี่ยวถงกล่าวด้วยความประหลาดใจ
“ทำไมล่ะ?”
“งั้นไม่มีอะไรแล้ว วางสายก่อนนะ บายพี่ชาย!”
ลู่โจวขมวดคิ้ว
ท้ายที่สุดแล้ว เสี่ยวถงก็ไม่ได้ถามอะไรลู่โจวอีก
หลังจากที่ได้ยินเสียงอันวุ่นวายผ่านทางโทรศัพท์ ลู่โจวก็วางโทรศัพท์ไว้บนมือ
เขาพลันมองไปยังหน้าจอและไม่เข้าใจอะไรเลย จู่ๆ น้องสาวก็โทรมาถามว่าจะไปงานเลี้ยงไหม แล้วก็ตัดสายทิ้ง
“น้องสาวเหรอ?” หวังเผิงถาม
ลู่โจวตอบกลับพร้อมเก็บโทรศัพท์ “ใช่”
หวังเผิงที่กำลังจับพวงมาลัยพูดพร้อมเผยยิ้ม “ดีจังนะ”
ลู่โจวส่ายหัว “ถ้านายมีบ้าง เดี๋ยวก็รู้สึกเองแหละ”
หลังจากที่ขับรถออกมาสักพัก ทั้งคู่ก็คุยกันมาตลอดทางด้วยความคุ้นเคย
เนื่องจากทั้งสองมีอายุใกล้เคียงกัน จึงรู้สึกเป็นกันเองมากขึ้นเมื่อได้พูดคุย
ลู่โจวไม่ได้ถามถึงตำแหน่งเฉพาะของเขา เพราะมันไม่จำเป็น อีกอย่างหวังเผิงเองก็ไม่เคยซักถามเขาในเรื่องการวิจัย
“อาจจะไม่ใช่แบบนั้นก็ได้”
“นายเป็นลูกคนเดียวเหรอ?” ลู่โจวถาม
“อ่า ใช่แล้ว”
ลู่โจวพยักหน้าและเผยท่าทีเข้าใจ
ถ้าพูดอย่างตรงไปตรงมา พื้นฐานครอบครัวของหวังเผิงนั้นไม่ค่อยดีนัก
ในช่วงเวลานั้น เขาจำได้ดีว่าเคยมีปัญหากับที่บ้าน
“แต่ถ้าได้แต่งงาน ฉันเองก็วางแผนที่จะมีลูกสองคนนะ แล้วนายล่ะ?” หวังเผิงกล่าว
ลู่โจวกระแอม “ดูเหมือนว่าเรื่องแบบนี้จะยังเร็วไปสำหรับฉันน่ะสิ”
…
ในวันศุกร์แรกหลังจากวันหยุดวันปีใหม่ ถึงเวลาแล้วสำหรับพิธีมอบรางวัลบุคคลประจำปีครั้งที่ยี่สิบของมหาวิทยาลัยจินหลิงที่ได้จัดขึ้นตามกำหนดการหอประชุมใหญ่ของวิทยาเขตใหม่
ระหว่างทางไปหอประชุม ลู่โจวได้พบกับคนรู้จักโดยบังเอิญ
“เดี๋ยวนะ หยานเหรอ?”
“ว่าไง!” หยานหยุดเดินพร้อมหันหลังมา “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
“อาจารย์ใหญ่สวี่เชิญมาน่ะ” ลู่โจวเผยยิ้ม “แล้วทำไมนายมาอยู่ที่นี่ด้วยล่ะ?”
ถ้าจำไม่ผิด ทั้งคู่เรียนจบพร้อมกัน
และต่อมา หยานก็ได้ทุนจากศูนย์วิจัยนิวเคลียร์แห่งยุโรป และได้เดินทางไปสวิตเซอร์แลนด์และเริ่มค้นคว้าทำการวิจัยที่เรียกได้ว่าเป็น แหล่งกำเนิดรังสีซินโครตรอนและหัวฉีดอิเล็กตรอนในอุปกรณ์เลเซอร์อิเล็กตรอนที่ปราศจากรังสีเอกซ์สำหรับงานวิจัยฟิสิกส์เชิงทฤษฎีบริสุทธิ์ แถมเขายังได้นำข้อมูลของเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนไปพัฒนาต่ออีกด้วย
หลังจากนั้น ต่างคนต่างก็มีงานวิจัยของตนเองที่ต้องจัดการ ทั้งคู่จึงเริ่มติดต่อกันน้อยลง
ทว่า ลู่โจวในตอนนี้กลับรู้สึกดีใจไม่น้อย
หยานเผยยิ้ม “ฉันเพิ่งจะกลับมาประเทศจีนได้สองวันเอง แล้วสถาบันเก่าก็ติดต่อมาเรื่องงานเลี้ยงประจำปี แล้วก็เชิญให้มาทานอาหารด้วยกันที่นี่แหละ อีกอย่าง ฉันได้ยินมาว่านายจะกลับมาอยู่ประเทศจีนแล้วสินะ”
ลู่โจวยิ้มและพยักหน้า
“ใช่ ช้าสุดก็น่าจะปีนี้แหละ ถ้าสะสางงานที่สถาบันพรินซ์ตันเสร็จหมดแล้ว ฉันจะลาออกจากตำแหน่ง แล้วกลับมาสอนต่อ แล้วนายล่ะ? ทำงานที่ CERN เป็นยังไงบ้าง?”
หยานถอนหายใจพร้อมลูบคาง “ที่นั่นมีแต่พวกนักวิจัยประหลาด แถมความกดดันก็มากขึ้นตาม ทุกวันนี้ฉันเหมือนนาฬิกาปลุกที่มีเครื่องจักรอยู่ในตัวแล้ว”
ทันทีที่เขาถอนหายใจ ลู่โจวก็แสดงความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง
ท้ายที่สุดแล้ว มันก็คงจะเป็นเรื่องปกติ…
จากนั้น ลู่โจวก็เปลี่ยนประเด็นและถามต่อ “แล้วช่วงนี้มีการค้นพบอะไรน่าสนใจบ้างไหมล่ะ?”
หยาน “ล่าสุดยังไม่มีนะ เพราะเป็นช่วงวันหยุด แต่เมื่อปลายเดือนที่แล้ว มีการค้นพบอนุภาคมูลฐานฮิกส์โบซอนที่หลบอยู่ในอนุภาคมูลฐานควาร์กด้วยล่ะ นี่ถือเป็นการค้นพบที่น่าตื่นเต้นไม่น้อยเลย ตามข้อมูลจากเครื่องตรวจจับ ATLAS และ CMS มันอยู่ในระดับเกินห้าซิกส์มาเป็นครั้งแรกเลยล่ะ! แล้วช่วงเกือบปลายปี เหล่านักวิจัยเกือบครึ่งโลกก็ได้ไปที่สวิตเซอร์แลนด์ด้วยล่ะ… ตอนแรกฉันคิดว่าจะได้เจอนายที่นั่น แต่นายก็ไม่ได้ไป”
“ตอนนั้นฉันอยู่ที่สตอกโฮล์มน่ะ” ลู่โจวตอบกลับ
หยานพลันหยิบภาพถ่ายออกมา
“ฉันเกือบลืมไปเลย นายได้รับรางวัลโนเบลด้วยนี่! สุดยอดไปเลยนะ”
เขาดูตื่นเต้นไม่น้อย
ลู่โจวเผยยิ้มพร้อมพูดจาติดตลก “ใช่แล้ว”
“อย่าให้ใครมาทำลายความฝันนายได้ล่ะ ที่สำคัญ อย่าลืมฉันด้วย!”
จากนั้น ลู่โจวก็มาถึงหอประชุมและได้พบกับอาจารย์ใหญ่สวี่ ทั้งคู่กล่าวคำทักทาย ลู่โจวได้รับเชิญให้ไปนั่งที่นั่งรับแขก
หลังจากนั้นไม่นาน เสียงเพลงดังขึ้นพร้อมกับม่านที่เปิดออก พิธีมอบรางวัลพร้อมแล้ว
เมื่อมองไปยังเหล่าหญิงสาวที่กำลังลงจากเวที ลู่โจวก็อดคิดถึงประสบการณ์ที่ได้เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลทั้งสองครั้งไม่ได้ จากนั้นเขาจึงปรบมือเพื่อแสดงความยินดี
“ผ่านมาหลายปีแล้วนะ ยังเหมือนเดิมเลย ทั้งเพลง ทั้งสถานที่”
หยานที่นั่งข้างลู่โจวพลันกระแอมและกล่าวคำพูดออกมา “แค่ห้าปีเอง ไม่นานหรอก”
งั้นหรือ?
ลู่โจวไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาได้รับเหรียญฟีลด์และรางวัลโนเบลหรือไม่ เขารู้สึกถึงบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิมและเปลี่ยนไป…
ระหว่างที่มองไปยังเวที ลู่โจวพลันนึกถึงช่วงเวลาในอดีตเมื่อนานมาแล้ว มันเป็นเหมือนความรู้สึกที่เขามีอยู่ในใจตลอดเวลาที่กลับมาที่นี่
………………………………………