Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 484 ปีใหม่ 2019 (รีไรท์)
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 484 ปีใหม่ 2019 (รีไรท์)
ด้วยความช่วยเหลือจากทั้งสอง ในที่สุด ลู่โจวก็เก็บของในห้องจนเสร็จ
แม้ว่าทั้งตัวจะเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่การทำให้บ้านสะอาดขึ้นก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย
โดยปกติแล้ว ลู่โจวจะหมดวันไปกับการวิจัยในสถาบัน ไม่ใช่ในเรื่องการทดลอง แต่เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดลอง การที่ได้อยู่บ้านจึงทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
ลู่โจวทานอาหารเย็นที่บ้าน และเป็นคนเข้าครัวเอง
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ หานเมิ่งฉีก็พร้อมที่จะกลับแล้ว
แท้จริงแล้ว เสี่ยวถงอยากให้เธออยู่ต่อและนอนที่นี่ ทว่ามันคงจะไม่ดีเท่าไหร่นักที่จะนอนค้างสองต่อสอง
อีกทั้ง บ้านหลังนี้ก็เป็นของผู้ชายอีกด้วย
ทันทีที่มองไปยังนาฬิกา ลู่โจวก็โทรหาหวังเผิงและขอให้เขาไปส่งเธอที่บ้าน
ทันใดนั้น เสี่ยวถงก็พลันถอนหายใจและกล่าวคำพูดขึ้น “ทำไมพี่ไม่ชวนเธอล่ะ?”
“ช่วยอะไรล่ะ?”
“บอกให้เธออยู่ต่อสิ” เสี่ยวถงกล่าว “ถ้าพี่พูด เธอต้องอยู่ต่อแน่”
“อย่าไปรบกวนคนอื่นเลย”
“รบกวนอะไรกัน?” ในตอนนี้ แม้แต่แมลงสาบตัวน้อยที่เกาะอยู่บนกำแพงก็ต้องส่ายหัวและถอนหายใจ
ลู่โจวลูบหัวเธอพร้อมพูดโดยปราศจากความโกรธ
“เธอโตแล้วนะ ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าอยากจะดูโทรทัศน์ รีโมทอยู่บนโต๊ะนะ พี่ว่าจะไปนอนพักหน่อย ถ้ามีอะไรก็เรียกแล้วกัน”
ทันทีที่มองไปยังลู่โจวที่กำลังหันหลังและเดินขึ้นบันได เสี่ยวถงพลันกล่าวคำพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “อะไรอีกล่ะ? มีสิ่งที่สำคัญกว่าน้องสาวของตัวเองอีกหรือ?”
“งั้นก็มาช่วยพี่เขียนจดหมายแนะนำนี่มา”
ดวงตาของเสี่ยวถงเบิกกว้าง ” เขียนตอนนี้เลย? งั้นพี่ก็คงต้องอธิบายลงไปหน่อยแล้วว่าฉันอัจฉริยะและเก่งขนาดไหน”
ลู่โจวพลันขมวดคิ้ว
…
วันสุดท้ายของปีเก่า ลู่โจวให้หวังเผิงขับรถไปส่งที่สถานีรถไฟความเร็วสูงเพื่อไปรับครอบครัวที่มาจากเมืองเจียงหลิง
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมีญาติพี่น้องต้องย้ายไปไหน แต่สำหรับปีใหม่นี้ มีอยู่สองคนที่ย้ายไปอยู่ที่เมืองเจียงหลิง
แท้จริงแล้ว มันไม่สำคัญว่าวันตรุษจีนจะเป็นวันไหน แต่สิ่งที่สำคัญคือการที่ครอบครัวได้กลับมาอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและได้นั่งรับประทานอาหารร่วมโต๊ะกันอย่างมีความสุข
“บ้านพักสวยดีนี่” ลู่ปังกั๋วกล่าวขึ้นระหว่างที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างเพื่อมองดูดอกไม้และต้นไม้ในลานหน้าบ้าน “บ้านหลังนี้แพงไหม?”
“ก็ไม่ได้ถูกมากครับ แต่ก็พอไหว” ลู่โจวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ผมไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ก็เลยซื้อหลังนี้”
ตอนนี้บ้านพักทุกหลังถูกซื้อไปหมดแล้ว ขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้น ทุกคนต้องจ่ายค่าภาษี ค่าทำความสะอาดและซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้ามาเพิ่ม ส่วนลู่โจวก็หมดเงินไปกว่าห้าสิบล้านหยวนทั้งก่อนและหลัง
ถ้าไม่ได้เงินโบนัส เงินที่เขามีอยู่อาจไม่พอใช้
ถึงอย่างไร ลู่โจวก็ไม่ได้คิดมากเรื่องนั้น
เมื่อรู้ว่าลู่โจวใช้เงินไปเท่าไหร่ เฒ่าลู่ก็เพียงแค่พยักหน้าและบอกว่า “ดีแล้ว”
หากลู่โจวนำเงินไปใช้ที่อื่น เฒ่าลู่อาจจะคิดว่าลูกชายของตนใช้จ่ายไปไม่มากนัก
แน่นอน ลู่โจวก็คิดแบบนั้นเช่นกัน
ลู่โจวเผยยิ้มพร้อมกล่าวคำพูด “บ้านหลังใหญ่จะตาย พ่อจะย้ายมาอยู่ที่นี่ก็ได้นะ ยังไงผมก็อยู่คนเดียวอยู่แล้ว”
เฒ่าลู่ส่ายหัว “ถ้ามีหลานให้พ่อได้เมื่อไหร่ เราค่อยคุยเรื่องนั้นกัน”
กลับมาเรื่องนี้อีกครั้ง…
ลู่โจวถอนหายใจในใจและทำอะไรไม่ถูก
“พ่อ นี่ก็จะปีใหม่แล้วนะ อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนั้นได้ไหม?”
เฒ่าลู่มองไปยังลู่โจว “พ่อจะพูดถึงตอนไหนก็ได้”
เอ่อ…
ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรผิดปกติกับเรื่องนี้เลยใช่ไหม?
ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ลู่โจวพลันหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงและกดปุ่มรับสายพร้อมเอาแนบหู
“นายถึงหรือยัง? ฉันใกล้แล้วนะ”
ลู่โจวพลันวางโทรศัพท์และมองไปยังชายชราตรงหน้า
“พ่อ ผมมีงานต้องทำนิดหน่อย ขอตัวไปที่สถาบันก่อนนะ”
“ไปเถอะ เดี๋ยวแม่แกจะทำขนมจีบตอนบ่ายนี้แล้ว จะกลับมากินทันไหมล่ะ?”
“ทันแน่นอน อย่าลืมเตรียมตะเกียบเพิ่มด้วยล่ะ”
“ได้ พ่อจะให้แม่เตรียมไว้ให้”
จากนั้น ลู่โจวก็รีบออกไป
…
ผ่านไปสามวัน ในที่สุด ศาสตราจารย์แคริเบอร์ก็มาถึงเมืองจินหลิงสักที
ศาสตราจารย์กำลังเดินอยู่ที่ทางออกของเครื่องบิน เขารู้สึกเหนื่อยล้าไม่น้อย
ถึงกระนั้น ความเหนื่อยล้าที่เพิ่มมากขึ้นก็ไม่สามารถลดความตื่นเต้นในใจของเขาที่มีต่ออีเมลของลู่โจวได้
หากทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง งานวิจัยของเขาน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นแห่งความสำเร็จ และนำไปสู่การสร้างเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมได้
เขาไม่ได้หยุดแวะที่ไหนเลย ศาสตราจารย์แคริเบอร์รีบขึ้นรถไปที่สถาบันการศึกษาขั้นสูงทันที
จากนั้น เขาพลันเห็นลู่โจวยืนรออยู่ที่บริเวณทางเข้าของสถาบัน ลู่โจวโบกมือทักทายวิศวกรชาวเยอรมันและเดินมาช่วยเขายกกระเป๋าเดินทาง
เมื่อพบกัน ศาสตราจารย์แคริเบอร์ก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ “ไม่อยากจะเชื่อเลย ไม่มีตั๋วด้วยซ้ำ นายทำได้อย่างไรกัน?”
“ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ก็แค่อิทธิพลในตัวน่ะครับ”
ศาสตราจารย์แคริเบอร์เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อ “นี่คือเหตุผลที่นายเลือกกลับไปทำวิจัยที่จีนใช่ไหม?”
ลู่โจวพลันพูดติดตลก “แน่นอนครับ อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลเรื่องงานวิจัยอีกครึ่งหนึ่ง ไหนจะปัญหาเรื่องเงินทุนแล้วก็จดหมายประท้วงจากองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมอีก”
“แต่อิทธิพลก็สามารถทำให้ผู้คนสูญเสียความเป็นตัวเองไปได้เลยนะ”
ลู่โจวเผยยิ้มและไม่ได้สนใจอะไรมาก “ตามจริงแล้ว ถ้าคนคนหนึ่งเสพติดอะไรมากๆ คนนั้นก็อาจจะสูญเสียความเป็นตัวเองได้ทั้งนั้น แต่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่ล่อตาล่อใจไปเสียหมดนะครับ มันขึ้นอยู่กับการควบคุมตนเองของแต่ละบุคคลด้วย ตราบใดที่ยังรู้ตัวดี ปัญหาทุกอย่างก็แก้ได้เสมอ สำหรับผม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องห่วงไปหรอกครับ ตามมาสิ”
ลู่โจวพูดเช่นนั้นพร้อมบอกให้ศาสตราจารย์เดินตามไป พวกเขาเดินผ่านสถาบันวัสดุคำนวณและเข้าไปยังห้องทดลอง
ในห้องทดลอง เฉียนจ้งหมิงที่เป็นผู้ช่วยกำลังยืนอยู่ข้างเครื่องมือทดลอง
บนโต๊ะทดลองมีฝาแก้ววางเอาไว้อยู่
หากมองเข้าไปใกล้ ๆ ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่ากลางฝาแก้วนั้นมีเส้นบางๆ ที่บางกว่าเส้นผมวางอยู่
ปลายลวดเส้นบางทั้งสองเชื่อมต่อกับโครงสร้างด้านบนและด้านล่างของฝาแก้ว
เมื่อเดินเข้าไปดู ศาสตราจารย์แคริเบอร์ก็ขมวดคิ้ว เขามองดูขดลวดในฝาแก้วอย่างระมัดระวัง
“นี่คือ…?”
“ผมว่าจะบอกคุณอยู่แล้วแหละ” ลู่โจวเผยยิ้มและเดินไปยืนข้างศาสตราจารย์ “นี่คือสิ่งที่ผมบอกไป มันคือขดลวดตัวนำ SG-1”
……………………………………….