Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 492 การมาเยือนมหาวิทยาลัยหยูฮัว
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 492 การมาเยือนมหาวิทยาลัยหยูฮัว
เดิมที มหาวิทยาลัยหยูฮัวเคยเป็นสถาบันเทคโนโลยีหูหนาน ซึ่งเป็นสถาบันเหมืองแร่และโลหกรรมในภาคใต้
สำหรับสภาพแวดล้อมของการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และอุตสาหกรรมนิวเคลียร์ในประเทศในปี 1959 รัฐบาลได้ย้ายสถาบันเหมืองแร่และโลหกรรมแห่งภาคใต้แห่งเดิมไปยังเมืองเหิงหยาง
ทว่า ในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 สถาบันแห่งนี้ก็ได้ปิดตัวลงด้วยเหตุผลบางประการ ต่อมาในช่วงทศวรรษที่ 1980 ภายใต้การนำร่องของกระทรวงอุตสาหกรรมนิวเคลียร์และรัฐบาลจากมณฑลหูหนาน สถาบันแห่งนี้ได้เปิดตัวขึ้นอีกครั้งในรูปแบบของสถาบันเทคโนโลยีหูหนาน ท้ายที่สุดแล้ว มันถูกเปลี่ยนมาเป็นชื่อมหาวิทยาลัยหยูฮัวในปี 1990 และยังคงใช้ชื่อเดิมมาจนถึงปัจจุบัน
ในแง่หนึ่ง ผลลัพธ์ของสถาบันแห่งนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับสาธารณรัฐตั้งแต่แรก
แม้ว่าที่นี่จะไม่ใช่มหาวิทยาลัยชื่อดังในประเทศหรือมหาวิทยาลัยอันดับต้นของโลก แต่ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่มีวิชาชีพวิศวกรรมนิวเคลียร์ก็อยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศ ในยุคนั้น พวกเขาได้มีการส่งผู้มีความสามารถในอุตสาหกรรมนิวเคลียร์จำนวนมากไปยังสาธารณรัฐอีกด้วย
และตอนนี้ มันยังคงเป็นเช่นนั้นอยู่
แม้ว่าการวิจัยเรื่องเครื่อง STELLARATOR จะไม่ใช่โครงการที่ได้รับการสนับสนุนโดยเฉพาะในจีน แต่มันก็ถือเป็นการผูกขาดขั้นสูงในการหลอมรวมนิวเคลียร์ที่สามารถควบคุมได้ ทั้งนี้ มันยังคงมีสมาชิกทีมวิจัยอีกกว่าสามสิบชีวิตที่มีส่วนร่วมในการวิจัยเรื่องนี้
จุดประสงค์ในการเดินทางของลู่โจวนั้นชัดเจนไม่น้อย เขาต้องการเฟ้นหาผู้คน
แน่นอน จุดประสงค์นี้อาจจะไม่เข้ากับมหาวิทยาลัยหยูฮัวมากนัก
ทว่า เขามาที่นี่ในนามของการแลกเปลี่ยนทางวิชาการ
กล่าวคือ ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามแผน มหาวิทยาลัยหยูฮัวก็จะได้รับผลประโยชน์ด้วย
การมาเยือนอย่างกะทันหันของลู่โจว แม้แต่คณบดีของมหาวิทยาลัยหยูฮัวก็มิอาจคาดเดาถึงจุดประสงค์ได้
แต่ถึงอย่างไร การที่นักวิชาการที่ชนะรางวัลโนเบลได้มาเยือนมหาวิทยาลัยเพื่อทำการวิจัย มันก็เพียงพอแล้วที่จะมีการติดป้ายประกาศต้อนรับ…
[ยินดีต้อนรับศาสตราจารย์ลู่โจว ขอบคุณที่มาเยือนมหาวิทยาลัยของเราเพื่อการบรรยายวิชาการ]
ทันทีที่มองไปยังป้ายประกาศต้อนรับที่อยู่ด้านบน เหล่านักศึกษาวิทยาลัยที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ก็เผยท่าทีตกใจกับเพื่อนร่วมห้องเป็นพิเศษ
“คิดเหรอว่าศาสตราจารย์ลู่โจวจะมาที่นี่?”
เด็กผู้ชายหัวโตพลันส่ายหัว “ใครจะไปรู้ล่ะ?”
ในตอนนั้นเอง มีนักศึกษาคนหนึ่งที่ดูผอมกว่าผลักแว่นขึ้นและเดินเข้ามา “เมืองจินหลิงไม่ใช่ศูนย์วิจัยใหม่สำหรับนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมหรืออย่างไรกัน? ดูเหมือนว่ามันจะเป็นความรับผิดชอบของเขานะ อีกทั้ง มันยังเกี่ยวข้องกับเครื่อง STELLARATOR H1 ของเราด้วย”
นักศึกษาที่ถือหนังสือเรียนอยู่พลันถามขึ้นมา “ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนหรืออย่างไรกัน?”
นักศึกษาตัวสูงเองก็พลันกล่าวคำพูดออกมา “ทำไมล่ะ? ก็ไม่ได้มีข่าวออกมาบอกนี่! แล้วดูเหมือนมันจะไม่ใช่ความลับอะไรด้วย ฉันเองก็เคยได้ยินมาจากหัวหน้าแผนกวิศวกรรมนิวเคลียร์บ้างเหมือนกัน”
เพื่อนอีกคนก็กล่าวคำพูดออกมา “อย่างไรมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเราอยู่แล้ว ไปเข้าเรียนกันเถอะ”
“มันก็จริง” หลายคนพยักหน้าและเดินไปยังห้องเรียนอย่างรวดเร็ว
แท้จริงแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเขาอยากจะไปฟังบรรยาย แต่ก็ไม่ทันแล้ว
ขณะนี้ห้องบรรยายแรกของมหาวิทยาลัยหยูฮัวอัดแน่นไปด้วยผู้คน
ผู้คนที่นั่งอยู่หน้าเวทีไม่ได้มีเพียงแค่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยหยูฮัวเท่านั้น แต่รวมไปถึงเหล่าอาจารย์ทั้งจากในเมืองและนอกเมือง
นอกจากนี้มีผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์หูหนานมารวมตัวกันอีกด้วย
กล้องนับสิบจับจ้องไปที่เวที ทุกคนกำลังรอให้ลู่โจวพูดออกมา
เมื่อมองไปยังผู้คนที่อัดแน่นอยู่ด้านหน้าเวที ลู่โจวก็พลันรู้สึกประหม่าเล็กน้อย
ความรู้สึกในตอนนี้ไม่ต่างกับที่สตอกโฮล์มเลย
แม้ว่าจะผ่านมาเกือบสามเดือนแล้ว
ลู่โจวมองไปยังนาฬิกาแขวนบนผนังพร้อมคิดว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว เขาพลันพยักหน้าให้กับพนักงานข้างกายและบอกว่าเริ่มได้
ลู่โจวกำลังยืนอยู่หน้าไมโครโฟน เขาพลันกระแอมและกล่าวคำพูดออกมา
“หลายคนเคยถามผมว่าทำไมประเทศจีนถึงไม่ขาดแคลนไฟฟ้า ผมต้องขอบอกว่าเรามีทั้งเขื่อนยักษ์ตามแนวหุบเขา เหมืองถ่านหิน อีกทั้ง การผลิตไฟฟ้าของเรายังอยู่ในอันดับแรกของโลก ทั้งเทคโนโลยีพลังงานความร้อน พลังงานไฟฟ้าและพลังน้ำก็เช่นกัน เราไม่มีอะไรจะต้องกลัว เพราะฉะนั้น เรามาพูดเรื่องพลังงานนิวเคลียร์กันก่อนเถอะ”
“สำหรับคำถามนี้ คำตอบของผมคือการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นไปที่การลงทุนในปัจจุบันและผลประโยชน์ระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังมุ่งเน้นไปที่วิสัยทัศน์ในระยะยาวและความกล้าที่จะเผชิญกับความยากลำบากอีกด้วย”
“จากทัศนียภาพของขนาดพื้นที่และห้วงเวลา พลังงานนิวเคลียร์ถือเป็นแหล่งพลังงานที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ ประเทศจีนนั้นมีฐานประชากรที่เยอะที่สุดในโลก และยังได้ครอบครองพลังงานอยู่หนึ่งในสี่ของโลก ดังนั้นเราจึงควรปรับโครงสร้างพลังงานให้เหมาะสม ทำให้มันสะอาดขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้นและถูกลง”
“นอกจากนี้ ไม่ได้มีเพียงแต่เทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมได้เท่านั้นที่จะช่วยในเรื่องนี้ แต่โครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญทุกโครงการยังสามารถสร้างประโยชน์ให้เราได้อีกด้วย เช่นเดียวกับตอนที่ผมกำลังศึกษาการมีอยู่ของคำตอบจากสมการนาเวียร์-สโตกส์ ผมได้สร้างเรขาคณิตร่วม อีกทั้งยังได้แก้ปัญหาเรขาคณิตเชิงอนุพันธ์ของสมการเชิงอนุพันธ์ย่อยอีกด้วย ในแง่ความสำคัญของผลลัพธ์ ทุกอย่างที่เราค้นพบระหว่างทางนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าจุดหมายแห่งความสำเร็จเลย มันเหมือนเป็นตัวเบิกทางเสียมากกว่า”
“ทั้งนี้ นิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมได้ถือเป็นตัวอย่างในการศึกษาการควบคุมเทคโนโลยีตัวนำยิ่งยวดที่เราได้พัฒนาขึ้น อีกทั้งเรายังได้เจาะลึกเข้าไปยังภายในของพลาสมาที่มีอุณหภูมิสูงอีกด้วย เราได้สร้างแม่เหล็กที่ทรงพลังมากกว่าเดิม ซึ่งรับประกันได้ว่ามันจะต้องมีประโยชน์ไม่น้อยแน่”
ลู่โจวพลันกล่าวคำพูดพร้อมหัวข้อของการบรรยาย เขาหยิบปากกามาร์กเกอร์จากโต๊ะบรรยายขึ้นมาพร้อมหันหน้าไปทางกระดานดำข้างกาย ลู่โจวเขียนภาษาจีนกลางที่อ่านง่ายลงไป
หวังซือไห่ที่กำลังนั่งอยู่พลันตระหนักถึงบางสิ่ง เขาทำปากกาตกพร้อมก้มลงไปเก็บ ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาและมองไปที่กระดานไวท์บอร์ด เขาก็เผยสีหน้าสงสัยทันทีที่เห็นสมการที่เหมือนจะหลุดออกมาจากหนังสือแห่งสวรรค์
หวังซือไห่มองไปบนเวทีพร้อมกล่าวคำถาม “เขากำลังเขียนอะไรกัน?”
ฝางจือที่นั่งอยู่ข้างหวังซือไห่ซึ่งกำลังอ่านสมการฟิสิกส์นิวเคลียร์อยู่พลันผลักแว่นขึ้น แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เขาก็พูดขึ้น “ดูเหมือนว่ามันจะเป็นแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่เอาไว้พิสูจน์ความปั่นป่วนของพลาสมานะ เหมือนเคยเห็นในเอกสารวิจัยมาก่อน”
หวังซือไห่ตอบกลับ “มันเกี่ยวกับธรรมชาติของวิทยาศาสตร์หรืออย่างไรกัน? มันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ฝางจือเหล่มอง “ไม่ใช่แบบนั้น เขาเป็นถึงนักวิชาการที่ได้รับรางวัลโนเบลเลยนะ”
“คนอื่นเข้าใจอะไรแบบนี้ด้วยหรืออย่างไรกัน?” หวังซือไห่ถามด้วยความสงสัย
กล่าวคือ สำหรับความสามารถระดับมืออาชีพของเขา เขาคิดว่าตัวเองก็เก่งในระดับหนึ่ง
แต่ความปั่นป่วนของพลาสมาถือเป็นสาขาวิจัยแนวใหม่ในด้านฟิสิกส์พลาสมา
หวังซือไห่เองก็เชี่ยวชาญในฟิสิกส์นิวเคลียร์ อีกทั้งทิศทางในการวิจัยของเขาก็เป็นอะไรที่เหนือกว่าแนวโน้มทางทฤษฎี หากไม่มีการศึกษาล่วงหน้าอย่างลึกซึ้งมาก่อน ก็คงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าใจสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
ฝางจือปิดหนังสือพร้อมส่ายหัว เขานั่งอยู่แถวหน้าของห้องบรรยาย
“เราไม่เข้าใจหรอก มันไม่สำคัญว่านายจะเข้าใจหรือไม่ นายเองก็เห็นสีหน้าของศาสตราจารย์คนเก่าๆ ที่มาจากสถาบันฟิสิกส์นิวเคลียร์แล้วนี่ นายก็น่าจะรู้ว่าเขาสำคัญขนาดไหน”
ดังที่นักศึกษาปริญญาเอกกล่าวว่าในช่วงครึ่งหลังของการบรรยาย เนื้อหาการบรรยายของลู่โจวนั้นได้เปลี่ยนจากเนื้อหาวิทยาศาสตร์ที่เข้าใจง่ายไปเป็นหนึ่งในประเด็นหลักของนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุม ซึ่งมันเกี่ยวกับพลาสมาอุณหภูมิสูง
สำหรับเนื้อหาการบรรยาย ลู่โจวเองได้ลงมือเขียนเนื้อหาลงไปในรายงานหลายฉบับเพื่ออธิบาย สถาบันมักซ์พลังค์เองก็มีเอกสารวิจัยที่สำคัญของลู่โจวอยู่ ซึ่งนั่นทำให้การดำเนินการทุกอย่างในการประชุมสุดยอดนิวเคลียร์ของยุโรปเมื่อปีที่แล้วเป็นไปได้ด้วยดี
ถึงอย่างไร หากเทียบกับเอกสารธรรมดาและรายงานสรุปที่จัดทำของคนอื่นแล้ว มันยังห่างชั้นกับลู่โจวมากนัก สำหรับผู้ที่กำลังศึกษาอยู่ในสาขาฟิสิกส์นิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมและพลาสมาฟิสิกส์ สิ่งที่ลู่โจวกล่าวบรรยายออกไปจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
แท้จริงแล้ว นี่คือสาเหตุที่ศาสตราจารย์หลายท่านเดินทางจากเมืองหลวงของแต่ละจังหวัด
และถ้าไม่สายเกินไป ก็คงจะมีเพื่อนต่างชาติเดินทางมาจากต่างประเทศเพื่อมาฟังการบรรยายของลู่โจว
ดังที่แสดงอยู่บนไวท์บอร์ด ลู่โจวพลันเขียนสมการมาถึงบรรทัดสุดท้าย
เขาวางปากกาลงบนโต๊ะพร้อมมองไปยังผู้ฟังหน้าเวทีและกล่าวคำพูด
“ที่นี่ถือเป็นสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมนิวเคลียร์ อีกทั้ง พวกคุณยังคงเป็นเหมือนแกนนำสาขาวิศวกรรมแห่งอนาคตอีกด้วย ไม่ว่าอย่างไร อนาคตธุรกิจวิศวกรรมนิวเคลียร์ของเราขึ้นอยู่กับพวกคุณทุกคน!”