Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 509 เส้นทางสู่อนาคต
ณ สถาบันพรินซ์ตัน
เวร่านั่งเท้าคางอยู่ที่โต๊ะทำงานในสภาพอิดโรย เธอจ้องมองไปยังโต๊ะทำงานอย่างว่างเปล่า
นี่ก็ผ่านมาเจ็ดเดือนแล้ว…
แม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติของสถาบันพรินซ์ตันที่ว่าเหล่านักวิจัยมักจะไม่ได้อยู่ที่นี่ตลอดทั้งปี แต่กระนั้นก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างนานที่พวกเขาไม่ได้กลับมา อย่างไรก็ตามมันก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ในช่วงเจ็ดเดือนที่ผ่านมา ชั้นเรียนทฤษฎีของลู่โจวได้ตกอยู่ในความรับผิดชอบของเธอ
แม้ว่านี่จะเป็นงานที่สำคัญอย่างหนึ่งของผู้ช่วยสอน แต่สำหรับเด็กนักเรียนแล้วความรู้สึกในการเรียนกับศาสตราจารย์และผู้ช่วยสอนนั้นถือว่าแตกต่างกันไม่น้อยเลย
เธอคิดถึงเหตุการณ์เมื่อเจ็ดเดือนที่แล้ว เธอรู้สึกเหมือนกับว่างานเต้นรำที่เมืองสตอกโฮล์มเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง…
เมื่อลองคิดดู เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้คืออะไร
เวร่าที่เอนตัวไปด้านหลังรู้สึกร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
แต่ทว่าความรู้สึกหนาวเย็นของบรรยากาศภายนอกก็ทำให้เธอรู้สึกเย็นลงเล็กน้อย ถึงแม้มันจะช่วยได้ไม่มากนักก็ตาม
ฤดูร้อนนั้นเป็นฤดูที่ทำให้คนง่วงนอนได้ง่ายจริง ๆ
ในไม่ช้าเวร่าก็ล้มตัวนอนพร้อมทั้งเอาหน้าแนบกับโต๊ะทำงาน
เธองีบหลับไปชั่วครู่…
ถึงอย่างไรแล้วเธอก็ทำงานทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
เมื่อได้ยินเสียงถอนหายใจ ทั้งฉินเยว่และฮาร์ดี้ที่นั่งอยู่ไม่ไกลก็มองไปทางเธอ
ผ่านมาครึ่งปีแล้ว
เธอเป็นแบบนี้มาตลอดหกเดือนที่ผ่านมา
แม้ว่าฉินเยว่และฮาร์ดี้จะคอยปลอบเธออยู่สองสามประโยค แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะปลอบเธอยังไงดี
แท้จริงแล้วทุกคนสามารถรับรู้ได้ว่าเธอนั้นมีความรู้สึกบางอย่างกับลู่โจว มันเป็นสิ่งที่มากกว่าคำขอบคุณหรือคำชื่นชม
แต่ทว่าฉินเยว่เองก็ไม่รู้ว่าศาสตราจารย์จะรู้เรื่องนี้หรือไม่
แต่เมื่อคิดดูแล้ว ถึงแม้ว่าศาสตราจารย์จะรู้ แต่เรื่องแบบนี้ก็คงจัดการได้ยาก
ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับหรือการปฏิเสธ ทั้งหมดก็ต้องขึ้นอยู่กับบุคคลใดบุคคลหนึ่ง
และด้วยนิสัยของเวร่า ถ้าศาสตราจารย์ลู่ไม่เป็นคนเริ่ม เธอก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร
และคำพูดของศาสตราจารย์ลู่นั้น…
ฉินเยว่เดินไปยังเครื่องปรับอากาศที่มุมห้องและกวาดตามอง
ไม่ว่าจะคิดไปในทางไหน เขาก็ไม่มีทางจินตนาการได้เลยว่าผู้ชายที่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการทำวิจัยมาตลอดจะสนใจสิ่งที่อยู่นอกเหนือขอบเขตการศึกษาของเขา
แม้ว่าจะรอไปจนถึงชาติหน้า เขาก็ยังกลัวว่ามันจะไม่เป็นผล…
ฮาร์ดี้พยักหน้าอย่างครุ่นคิดทันทีที่เห็นว่าฉินเยว่กำลังเหม่อลอยมองดูเครื่องปรับอากาศ “มันคงจะร้อนเกินไปสินะ อยากให้ฉันเร่งแอร์ให้หน่อยไหมล่ะ?”
“ไม่ต้องเลย”
บอกตามตรง บางครั้งมันก็น่าอิจฉาไม่น้อยเหมือนกัน
ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ลมร้อนก็พัดมาจากหน้าประตู
ฉินเยว่เห็นว่าประตูสำนักงานได้เปิดออก เขาเห็นบุคคลที่คุ้นเคยยืนอยู่ตรงนั้น
เมื่อได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ทุกคนในที่ทำงานก็ต่างตกตะลึง
“ฉันคิดว่าฮาร์ดี้ก็พูดถูกนะ บรรยากาศข้างนอกดูจะร้อนไปหน่อย ว่าไง ทำไมไม่พูดอะไรหน่อยล่ะ?” ลู่โจวที่ยืนอยู่ตรงประตูทางเข้าเผยยิ้มออกมา “หรือจะให้ฉันเป็นคนพูดก่อนดี?”
“ศาสตราจารย์?!”
เวร่าแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธอรู้สึกประหลาดใจไม่น้อยที่ได้เห็นใบหน้าของลู่โจว
ลู่โจวเผยยิ้มและพยักหน้า “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ฮาร์ดี้ที่กำลังนั่งอยู่รีบลุกขึ้นมาหยิบรีโมทของเครื่องปรับอากาศ
เจอริกและเหว่ยเหวินสบตากันทันทีที่เห็นลู่โจวปรากฏตัวอยู่หน้าประตู “พวกเราคิดว่าคุณลาออกไปแล้วเสียอีก”
“บางทีฉันก็อยากจะลาออกเหมือนกันนะ” ลู่โจวกล่าวติดตลก
เมื่อเขาพูดเช่นนั้นออกไป ทุกคนในที่ทำงานจึงพูดอะไรไม่ออก
แม้แต่ฮาร์ดี้ที่กำลังเดินไปยังเครื่องปรับอากาศก็เช่นกัน
ความเงียบดำเนินไปประมาณหนึ่งนาที
ท้ายที่สุดแล้ว บุคคลที่พูดออกมาคนแรกก็คือฉินเยว่
“ศาสตราจารย์วางแผนที่จะกลับไปสอนที่มหาวิทยาลัยจินหลิงเหรอครับ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็พยักหน้า
“ใช่แล้ว”
ดูเหมือนว่าลู่โจวจะพูดความจริง ถึงกระนั้นท่าทีของฉินเยว่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไป
“งั้นเดี๋ยวผมขอไปกับคุณด้วยสิ”
ทันใดนั้นเอง เวร่าที่นั่งอยู่ด้านหลังก็รีบพูดขึ้นมา “ฉันด้วย”
ลู่โจวเผยยิ้มและพูดแทรกทั้งคู่ “ไม่จำเป็นหรอก ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่มาตั้งหกเดือน แต่ฉันก็ได้เห็นความสามารถของทุกคนแล้ว จึงไม่ต้องเป็นกังวลเลย เพราะทุกคนที่นี่เก่งและเชี่ยวชาญเฉพาะด้านมากอยู่แล้ว แต่ยังไงก็เถอะ ฉันว่าทุกคนรีบจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยเถอะนะ”
ลู่โจวพลันมองตรงไปยังทุกคนที่อยู่ในห้อง จากนั้นเขาก็พูดต่อ
“จุดประสงค์ที่ฉันกลับมาในครั้งนี้ก็คือกลับมาจัดการและสะสางทุกเรื่องให้จบ” ฉินเยว่ที่เงียบไปสักพักก็พลันถามขึ้น
“งั้นหลังจากจบแล้ว ผมขอตามไปด้วยได้ไหม?”
เมื่อเขาถามคำถามนี้ขึ้น ลู่โจวก็เผยยิ้มตอบทันที
“แน่นอน ประตูของสถาบันเปิดต้อนรับนายตลอดเวลาอยู่แล้ว… แต่ฉันไม่แนะนำให้ทำแบบนั้นหรอกนะ”
ฉินเยว่เผยสีหน้าสุดสงสัย “ทำไมล่ะ?”
“ฉันสามารถสอนวิธีการคิดและวิธีการแก้ปัญหาให้นายได้ แต่ความคิดสร้างสรรค์อย่างอื่นนั้นขึ้นอยู่กับตัวนายเอง มันไม่ใช่เรื่องเว่อร์เลยที่จะบอกว่าความสามารถของนายในตอนนี้เทียบเท่ากับนักวิชาการระดับสูงแล้ว แต่ถ้ายังคงตามฉันอยู่ต่อไปแบบนี้ นายก็คงจะไม่สามารถพัฒนาตัวเองไปได้มากกว่านี้แน่”
“อนาคตจะเป็นอย่างไร… มันขึ้นอยู่กับสิ่งที่นายคิด”
“ไม่ว่านายจะอยู่ที่นี่ต่อหรือจะกลับไปยังสถาบันเก่าเพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งมากกว่านี้ ไม่ว่าจะทางไหน มันก็ยังดีกว่าการที่จะมาตามฉันแบบเดิมทั้งนั้นแหละ”
ลู่โจวพลันเผยยิ้มและพูดต่อ
“ไม่ต้องคิดมาก ฉันสอนอะไรต่อมิอะไรให้นายไปตั้งหลายอย่าง ไม่ต้องมาทำงานให้ฉันหรอก ฉันเพียงขอแค่ให้นายพบจุดยืนที่เหมาะกับตัวเอง… ก็แค่นั้น”
……………………………………………………