Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 511 ทรัพย์สมบัติสุดล้ำค่า
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 511 ทรัพย์สมบัติสุดล้ำค่า
กว่าลู่โจวจะกลับถึงบ้าน มันก็มืดค่ำเสียแล้ว
และทันทีที่เปิดประตูบ้าน ลู่โจวก็สัมผัสได้ถึงฝุ่นที่พวยพุ่งออกมาเตะจมูก
“รู้งี้น่าจะจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดสักหน่อยดีกว่า”
ลู่โจวเอามือบีบจมูกและมองไปยังระเบียงพร้อมกับเผยท่าทีที่ปวดหัว
หรือจะไปนอนค้างที่โรงแรมสักคืนดีไหม?
นั่นคือสิ่งที่ลู่โจวคิด
แต่ทว่าถ้าลู่โจวไปค้างที่โรงแรม เขาก็ต้องกลับมาทำความสะอาดห้องตัวเองอยู่ดี
ทันใดนั้นเอง ลู่โจวก็เดินไปหยิบไม้กวาดและเศษผ้ามาเพื่อทำความสะอาดห้อง
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ลู่โจวก็เช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากและยืนพิงกำแพง
“เสร็จสักที”
เขาคิดเอาไว้ว่าจะต้องทำความสะอาดห้องให้เสร็จก่อนที่จะเข้านอน
แต่ทว่าลู่โจวยังคงเหลือสิ่งที่ต้องทำอยู่อย่างหนึ่ง
ลู่โจวนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานที่คุ้นเคยและใช้เวลาเขียนจดหมายลาออกประมาณครึ่งชั่วโมง
หลังจากที่มองไปยังท้องฟ้าที่มืดสนิทนอกหน้าต่าง เขาก็ใส่จดหมายลาออกสองฉบับลงในลิ้นชักแล้วเดินไปที่ห้องนอนทันที
…
ณ การจัดพิธีพิเศษในหอประชุมหมายเลขหนึ่งของสถาบันการศึกษาขั้นสูงพรินซ์ตัน
หลังจากอนุมัติการลาออกของลู่โจวแล้ว คณบดีปีเตอร์ก็ได้มอบตำแหน่งนักวิจัยกิตติมศักดิ์ให้กับเขา
มันเป็นเหมือนฉายาที่ศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ของมหาวิทยาลัยมอบให้กับนักวิชาการที่มีส่วนร่วมสำคัญในสถาบันการวิจัยที่ไม่ได้เข้ารับใช้หรือทำงานที่สถาบันนั้นแล้วด้วยเหตุผลบางประการ
“แม้ว่าจะต้องจากสถาบันแห่งนี้ไป แต่นายก็ยังเป็นนักวิชาการที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง ในฐานะเพื่อนร่วมงาน ผลงานวิจัยของนายเองก็น่าประทับใจไม่น้อย”
“รู้สึกใจหายเหมือนกันที่จะไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว แต่ก็หวังว่านายจะไม่ลืมกันนะ ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหนก็ตาม”
ลู่โจวพยักหน้า “‘ได้เลยครับ”
เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วห้องบรรยาย
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้รับประกาศนียบัตรซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากฝ่ามือของคณบดีปีเตอร์
ก่อนหน้านี้ ลู่โจวก็ได้รับรางวัลตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ไปแล้วสาม หนึ่งมาจากอาจารย์ใหญ่เอียสกรูเบอร์ อีกคนมาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียและสุดท้ายมาจากมหาวิทยาลัยจินหลิง
กล่าวได้ว่าลู่โจวได้รับรางวัลศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์จากสามมหาวิทยาลัย
แม้ว่าเขาไม่ได้มีความตั้งใจในเรื่องนี้ก็เถอะ ในขณะนั้นลู่โจวก็สงสัยขึ้นมาว่าถ้าเขาอายุมากขึ้นหรือแก่ขึ้น ทั้งชื่อและประวัติของเขาจะได้อยู่ในหนังสือประวัติศาสตร์หรือเปล่า
หลังจากเสร็จสิ้นพิธี ลู่โจวก็เตรียมตัวที่จะเดินออกไปจากห้องบรรยาย แต่ทว่า ทันใดนั้น ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนก็หยุดลู่โจวเอาไว้อย่างกะทันหัน
เขากล่าวคำพูดติดตลกและหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋า “ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ธรรมเนียมอะไรของสถาบันนี้ก็เถอะ แต่ฉันเองก็อยากจะให้ของกับนายสักชิ้นหนึ่ง นี่คือปากการที่ฉันได้มาจากการแข่งขันคณิตศาสตร์นานาชาติ ด้ามโปรดเลยนะ”
สำหรับสถาบันพรินซ์ตันที่โด่งดัง การแลกเปลี่ยนปากกากันเพื่อเป็นของดูต่างหน้าหรือของที่ระลึกถือเป็นสิ่งที่ผู้คนในสถาบันแห่งนี้ทำกันมาอย่างยาวนาน
ถึงอย่างไรแล้วการให้ปากกาเป็นของขวัญต่างหน้าก็ถือเป็นเรื่องปกติในหมู่นักวิชาการและนักวิจัย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ขนมธรรมเนียมของสถาบันแห่งนี้ก็ตาม
ท้ายที่สุดแล้ว การให้ปากกาเป็นของที่ระลึกหรือของเอาไว้ดูต่างหน้าก็เป็นอะไรที่สร้างคุณค่าทางใจได้ไม่น้อย
และสำหรับศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนแล้ว ปากกาที่ได้มาจากการแข่งขันคณิตศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญต่อเขามาก
“ขอบคุณครับ” ลู่โจวเอื้อมมือหยิบปากกามาพร้อมเผยยิ้ม จากนั้นเขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงติดตลก “ให้มาแล้วผมไม่คืนนะ”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเผยเสียงหัวเราะดังลั่น “นายเองก็ต้องให้ของดูต่างหน้ากับฉันบ้างสิ เราควรแลกของกันนะ”
ทันใดนั้นเอง ลู่โจวก็เผยยิ้มพร้อมกับหยิบปากกาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
เมื่อเห็นลู่โจวหยิบปากกาออกมา สายตาของศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ไม่คิดว่านายจะให้ฉันเดี๋ยวนี้เลยเลยนะเนี่ย…”
“พอดีผมพกติดตัวมาด้วยน่ะครับ” ลู่โจวกล่าว “ยังไงก็เถอะ ปากกาด้ามนี้ผมได้มาจากการประชุมนักคณิตศาสตร์ที่เมืองริโอเดจาเนโร””
“งั้นฉันจะเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเลย” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนเผยยิ้ม
“แล้วก็… นายยังเก็บวิทยานิพนธ์ต้นฉบับไว้อยู่ไหม?” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนพลันถามขึ้น
“ยังอยู่สิครับ ทำไมล่ะ?”
“ถ้าไม่ได้ใช้ ก็เอาไปให้ห้องสมุดในสถาบันก็ได้นะ ที่นั่นเก็บรักษาวิทยานิพนธ์ไว้หลายฉบับไว้อย่างดีเลย”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น ลู่โจวก็ดูตกใจเล็กน้อย
บริจาควิทยานิพนธ์ต้นฉบับให้กับห้องสมุด?
เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
เดิมทีเขาตั้งใจที่จะยกให้กับลูกศิษย์เป็นที่ระลึก แต่ทว่า ตอนนี้เขาเองก็คงต้องกลับไปคิดให้รอบคอบกว่านี้
เขาในตอนนี้ดูไม่ค่อยมั่นใจมากเท่าไหร่
เพราะว่าวิทยานิพนธ์ต้นฉบับนั้นคือความพยายามทั้งหมดของเขา
จากนั้นไม่นาน ลู่โจวก็ถามขึ้นมา “แล้วพวกเขาจะเก็บมันไว้อย่างดีใช่ไหม?”
ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนตอบกลับ “แน่นอน พวกเขาจะต้องยินดีที่จะรับวิทยานิพนธ์ของนายแน่”
…
หลังจากออกมาจากสถาบัน ลู่โจวก็ตรงไปยังห้องสมุดฟายสโตน
ทันทีที่มาถึง ลู่โจวก็เห็นชายชราในชุดนอนนั่งพิงเก้าอี้อยู่
แม้จะเป็นสถาบันพรินซ์ตัน มันก็เป็นการยากที่จะเห็นใครสวมชุดนอนเข้าห้องสมุด
ทั้งนี้ลู่โจวเองก็นึกถึงครั้งล่าสุดที่มาที่นี่ ครั้งนั้นเขามาที่นี่เพื่อยืมต้นฉบับวิจัยของไลแมน สปิตเซอร์ไป
แม้ว่าลู่โจวจะไม่ชอบเข้าห้องสมุดนัก แต่ใจจริงแล้วเขารักในการอ่านหนังสือมาก
ถึงกระนั้นทั้งเอกสารและวัสดุดั้งเดิมของสถานที่แห่งนี้ก็ได้ถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
ชายชราที่ดูง่วงนอนหัวเราะขึ้นมาทันทีที่เห็นลู่โจวปรากฏตัว
“มาอีกแล้วเหรอ?”
ลู่โจวพลันถอนหายใจและกล่าว “มันก็หลายปีมาแล้วนะ คุณเองก็ยังดูไม่เปลี่ยนเลย ยังคงเพี้ยนเหมือนเดิม”
ชายชราเผยยิ้มและเอื้อมมือไปจับไม้ค้ำ “จะอะไรก็ช่าง ใครจะไปสนใจกันว่าชายชราแก่ ๆ คนนี้จะใส่ชุดอะไร? ฉันเองก็เป็นแค่คนธรรมดานี่แหละ”
ไม่ใช่เลย คุณน่าจะเป็นคนที่ผิดปกติที่สุดแล้ว
ลู่โจวคิดอยู่ในใจ จากนั้นเขาก็พูดขึ้น
“แล้วเมื่อไหร่คุณจะเกษียณล่ะ?”
ชายชราเผยยิ้ม “เกษียณ? ก็น่าจะเป็นตอนที่ฉันต้องเข้าโลงนั่นแหละ”
ทันทีที่ได้เห็นเช่นนั้น ลู่โจวก็จ้องมองไปยังชายชรา
“ผมว่าอายุปูนนี้แล้ว อย่าพูดถึงโลงศพเลยนะ”
“ทำไมฉันต้องเลี่ยงคำนั้นด้วยล่ะ? มันก็แค่ความตาย ยังไงวันใดวันหนึ่ง เราก็ต้องตายอยู่แล้ว ก็มีก็แค่ภูมิปัญญาและความรู้ของเราเท่านั้นแหละที่จะเหลือเอาไว้ให้คนรุ่นหลัง” ชายชราพูดขึ้นพร้อมมองไปยังลู่โจวด้วยดวงตาสีขุ่น “เอาล่ะ จะมายืมหนังสือใช่ไหม? หรือต้องการอะไรล่ะ?”
“ผมมีแผนที่จะกลับไปประเทศจีนอยู่พักหนึ่ง”
ชายชราเผยท่าทีตกใจออกมา
ท้ายที่สุดแล้ว เขาก็มีหน้าที่รับผิดชอบต่อห้องสมุดนี้เท่านั้น และเขาก็ไม่ได้กังวลเรื่องการเปลี่ยนบุคลากรของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตันเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นลู่โจวก็กล่าวมาว่า “ตอนที่ทำความสะอาดห้อง ผมเจอวิทยานิพนธ์ต้นฉบับของงานวิจัยเยอะมากเลย รวมถึงเอกสารเกี่ยวกับการคาดเดาของโกลด์บาคแล้วก็สมการนาเวียร์-สโตกส์ด้วย อาจจะต้องใช้เวลาคัดแยกสักหน่อย… เอ่อ… คือผมหมายถึงว่า คุณจะช่วยเก็บรักษาเอาไว้ให้หน่อยได้ไหมน่ะ?”
ทันทีที่รู้ว่าลู่โจวจะบริจาคต้นฉบับวิทยานิพนธ์ให้กับห้องสมุด ชายชราก็เผยใบหน้าที่พึงพอใจขึ้นมา
“แน่นอนมันเป็นทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าอยู่แล้ว เอามาเถอะ เดี๋ยวฉันจะเก็บไว้ให้เอง”
ลู่โจวเผยยิ้มขึ้นมา “มันเป็นเหมือนสมบัติที่ล้ำค่า? ผมแค่คิดว่าถ้าต้องเอาวิทยานิพนธ์ทั้งหมดใส่กระเป๋าเดินทางไปด้วย มันก็คงจะลำบากไม่น้อย แล้วถ้าวันใดวันหนึ่งผมกลับมา ก็หวังว่ามันจะยังคงเหมือนเดิม”
ชายชราถอนหายใจ “สบายใจได้ นายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ ส่วนฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเก็บรักษา”
“ผมควรที่จะสบายใจได้แล้วใช่ไหม?” ลู่โจวตอบกลับด้วยน้ำเสียงติดตลก “ยังไงก็เถอะ อย่าเอาไปรวมกับคัมภีร์ไบเบิ้ลก็แล้วกัน”
ถึงอย่างไรแล้วชายชราก็ดูเหมือนจะไม่ได้มีอารมณ์ขันกับลู่โจวขนาดนั้น
สำหรับเรื่องตลกนี้ ชายชราพูดออกมาแค่ไม่กี่ประโยค
“พูดอะไรไร้สาระ มันเป็นทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าจริง ๆ แต่จงจำไว้ว่าถ้านายเอามาไว้ที่ห้องสมุด มันก็จะไม่ใช่ของนายคนเดียวอีกต่อไปแล้ว”
………………………………………………..