Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 531 นอนอยู่ท่ามกลางอันตราย
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 531 นอนอยู่ท่ามกลางอันตราย
“หือ?!”
หลัวจ่าวหยวนตอบกลับ “อะไรกัน?”
“ไม่มีอะไร…”
อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศนั้นลดลงอย่างฮวบฮาบ…
โจวเฉิงฟู่พลันทำท่าทีฟุดฟิด
ในตอนนั้นเอง เขากำลังนั่งอยู่บนเครื่องบินขากลับ อีกทั้งยังไม่รู้ตัวด้วยว่ามีใครบางคนจำเขาได้
ประมาณสิบชั่วโมงที่แล้ว เขาและรองผู้อำนวยการหลัวนั่งอยู่ตรงข้ามกัน รวมถึงผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ที่มาจากศูนย์บริหารโครงการพลังงานนิวเคลียร์ฟิวชันนานาชาติและตัวแทนของกระทรวงการต่างประเทศในฝรั่งเศสอีกด้วย
ลีห์เดิร์นซ์ได้เข้าร่วมการประชุมอย่างไม่เป็นทางการขององค์กร ITER ด้วย
ทั้งนี้ การประชุมจบลงแบบไม่สวยนัก
ถึงอย่างไร เมื่อเทียบกับท่าทีของตัวแทนสหรัฐฯแล้ว ตอนนี้เขารู้กังวลมากกว่าเดิมเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศ
“ผู้อำนวยการหลัว…”
“ว่าไง?”
โจวเฉิงฟู่พลันถามคำถามขึ้น “ที่พูดออกมาตอนนี้หมายความว่ายังไงกัน?”
หลัวจ่าวหยวนพลันแสดงความเคารพต่อผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ฟิวชันแบบควบคุมภายในประเทศ หลังจากได้ยินคำถามนี้ เขาก็ได้ทำการอธิบาย
“ทางเบื้องบนไม่ได้หวังอะไรกับโครงการ ITER เอาไว้มากนัก โดยพื้นฐานแล้ว ทั้งชาวยุโรปและชาวอเมริกันก็ต่างแสดงให้เห็นถึงจุดยืนและเทคโนโลยีของพวกเขาแล้ว ถึงมันจะมีความเสี่ยงสูงที่พวกเขาจะถูกกีดกันออกก็เถอะ เราถึงได้จัดให้มีการประชุมแบบพิเศษขึ้นเพื่อเน้นย้ำว่าเราจะไม่ปล่อยให้ปัญหามันยืดเยื้อนานเกินไป ยังไงก็เถอะ ปล่อยให้พวกเขาเปลี่ยนเทคโนโลยีกันไปเถอะ”
ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น โจวเฉิงฟู่ก็พลันถอนหายใจ
แน่นอนว่าสิ่งที่เขากังวลที่สุดได้เกิดขึ้นแล้ว
เมื่อเห็นว่าความพยายามของตัวเองที่สะสมมานานกว่าทศวรรษจะต้องถูกทำลายลง แม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีแล้ว ความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ของเขาก็คงจะไม่มีประโยชน์อะไร
“งั้นเราต้องถอนตัวออกจากโครงการ ITER งั้นเหรอ? แล้วเราจะต้องจ่ายเงินเพื่อจุดประสงค์ในการเพิ่ม…”
ผู้อำนวยการหลัวพลันส่ายหัว “ทำไมล่ะ? ถ้าเราไม่หยุดการสูญเสียตั้งแต่ตอนนี้ ในอนาคตก็จะมีแต่ความเสียหายที่มากขึ้นนะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผู้อำนวยการหลัวก็พลันเงียบไปชั่วครู่
“ถึงแม้ว่าประโยคนี้อาจไม่เหมาะกับฉันนักก็เถอะ แต่การถอนตัวออกจากโครงการ ITER อาจไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่มันเลวร้ายเสมอไปก็ได้ อย่างน้อยเราก็สามารถนำเงินไปลงทุนกับชาวยุโรปในโครงการนิวเคลียร์ฟิวชันภายในประเทศได้”
“อีกทั้ง ศาสตราจารย์ลู่เองก็เคยสัญญาเอาไว้ว่าจะสร้างเครื่องปฏิกรณ์เชิงสาธิตให้เสร็จภายในปี 2025 และถ้าเขาทำสำเร็จ เราก็คงจะไม่นิ่งเฉยหรอก เราต้องริเริ่มด้วยน้ำมือของตัวเองก่อน”
และนั่นคือลู่โจว…
ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น โจวเฉิงฟู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ไอ้เด็กขี้โม้นั่น…”
เขาต้องการที่จะพูดประโยคนี้ออกมาเสียจริง
แต่ทว่า โจวเฉิงฟู่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่คิดอยู่ในใจ
ท้ายที่สุดแล้ว แม้ว่ามันจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่เขาก็ไม่ได้โง่…
…
อ้างอิงจากทฤษฎีบทของเมอร์ฟี่ สิ่งคนเรากังวลเรื่องอะไรมากที่สุด เรื่องนั้นก็มักจะเกิดขึ้น
แม้ว่าตัวแทนทางฝั่งจีนจะทำทุกวิถีทางแล้ว แต่สิ่งนี้ก็ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว
วันสุดท้ายของเดือนสิงหาคม
“เหยื่อ” ตัวแรกได้ปรากฏตัว
ก่อนที่จะได้รับความร่วมมือจากพันธมิตร สหรัฐฯ เองก็ได้ตั้งใจที่จะกดดันอีกฝ่ายให้ออกไปอยู่แล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะพวกเขามีรายละเอียดในการวิจัยมากเกินไป ถึงอย่างไร สถาบันวัสดุเซียงหยางก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสถาบันดวงดาวจำลองอยู่แล้ว
ทั้งนี้ เสี่ยวเล่อที่เนื้อทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นพลันถือกระเป๋าเดินทางและยืนอยู่หน้าบ้าน
เมื่อสามวันก่อน เขาได้ไปเยี่ยมชมห้องทดลองของบริษัทพลังงานปรมาณูแห่งสหรัฐอเมริกามา และเดิมมี เขาก็มีแผนจะกลับมาในช่วงปีใหม่หรือปลายปี
ด้วยเหตุนี้ มันจึงเป็นผลให้เขาไม่ได้คาดหวังว่าเอกสารที่ลงนามโดยประธานาธิบดีจะถูกส่งกลับไปยังประเทศเป็นการส่วนตัว
ศาสตราจารย์หลี่ซึ่งเป็นผู้นำทีมได้หยุดพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์และบอกให้ทุกคนรอฟังข่าวสารอยู่ที่บ้าน
ผู้รับผิดชอบของบริษัทพลังงานปรมาณูแห่งสหรัฐอเมริกาได้กล่าวว่าเขาจะทำข้อตกลงกับกระทรวงพลังงานและศาลท้องถิ่นในเรื่องนี้ ถึงอย่างไร บริษัทพลังงานปรมาณูเองก็ไม่ได้ต้องการความสูญเสียอะไรอยู่แล้ว…
พวกเขาได้หยุดพักผ่อนและถูกสั่งให้รอรายงานผลทดลองไปยังฟู่หยาง
ทันทีที่เสียงกริ่งดัง ประตูนิรภัยจะเปิดขึ้น
ทันทีที่มองไปยังลูกชายตรงหน้า เสี่ยวจื่อผิงก็พลันเผยท่าทีที่เปลี่ยนไป
“ไม่ได้กลับมาตอนปีใหม่หรือยังไงกัน?”
ว่ายังไงนะ? ลูกชายกลับมาแล้ว?” เสียงของแม่ดังมาแต่ไกลในห้องนั่งเล่น หวังหลี่ซือเดินตรงมาพร้อมกับคว้ากระเป๋าเดินทางจากมือของเขาไป “เข้ามาก่อน มาพักผ่อนก่อน ถ้าจะกลับทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะ ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวแม่จะไปทำอาหารตุ๋นกับเนื้อเอาไว้ให้”
เสี่ยวเล่อเผยยิ้ม “มันกะทันหันไปหน่อย อุปกรณ์สื่อสารของผมก็ถูกยึกไปแล้ว ผมจะได้คืนก็ต่อเมื่อกลับไปขึ้นเครื่องบินกลับ”
เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องโทรมาหาก่อนเสียเท่าไหร่
เสี่ยวจื่อผิงพลันขมวดคิ้ว “โดนยึดไป? เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ใช่… มันเกี่ยวข้องกับการซื้อขายน่ะ แล้วผมก็บังเอิญไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ผมเองก็ยังไม่รู้เรื่องแน่ชัดนักหรอก” เสี่ยวเล่อส่ายหัวและเดินไปนั่งที่โซฟา จากนั้นก็หยิบถ้วยน้ำชาขึ้นมาดื่ม
“เมื่อสองวันก่อน เรากำลังเตรียมตัวที่จะไปสัมมนาเรื่องพลาสมาฟิสิกส์ จู่ๆ อาจารย์ที่รับผิดชอบต่อเรื่องนี้มาบอกว่าการสัมมนาถูกยกเลิกชั่วคราว จากนั้น ทันทีที่เรากลับไปยังโรงแรม หลายคนที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่เอฟบีไอก็ยึดพวกอุปกรณ์สื่อสารและค้นห้องของผม”
“พวกเขาเป็นโจรหรือยังไงกัน?” หวังหลี่ซือเผยท่าทีที่แปลกไป
เสี่ยวเล่อพลันส่ายหัว “ไม่ใช่เลย พวกเขามีคำสั่งค้นจากศาลมาด้วย คงไม่ใช่พวกปลอมตัวมาหรอก”
ถึงจะใช่หรือไม่ มันก็ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่นักหรอก
หลังจากได้โทรศัพท์มือถือ เขาก็พบว่ารูปถ่ายในอัลบั้มของบริษัทพลังงานปรมาณูถูกลบไปจนหมด ถึงอย่างไร เขาก็ยังคงเหลือภาพถ่ายต้นฉบับที่ส่งไปให้เพื่อนอยู่อีก มันจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ดูจะน่ากลัวเกินไปนะ… ครั้งหน้าก็ระวังด้วยล่ะ”
เสี่ยวเล่อพลันส่ายหัวอีกครั้ง “วีซ่าของผมก็ถูกยกเลิกไปแล้วด้วย!”
การถูกส่งตัวกลับประเทศในรอบนี้ มีการคาดว่าหลายคนอาจจะต้องถูกขึ้นบัญชีดำ
เขาเป็นคนที่ค่อนข้างก้าวร้าวเล็กน้อย แต่ทว่า เขาเองก็ไม่รู้ว่าพวกชาวอเมริกันเหล่านี้กำลังทำอะไรอยู่
อย่างน้อยในมุมมองของเขา นิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมได้ก็เป็นเหมือนเงา มันไม่ได้ถูกพูดถึงมากว่าห้าสิบปี
แต่ทว่า พวกเขาเอาก็กำลังทำสิ่งเดียวกันโดยมีการใช้วัสดุฟิสไซล์ มันเป็นเทคโนโลยีที่ละเอียดอ่อนไม่น้อยเลย
ภายใต้การคาดเดาที่ชั่วร้าย เขาถึงกับสงสัยว่านี่เป็นเพียงความเห็นของประธานาธิบดีขี้ใจร้อนที่มีต่อจีนหรือไม่
ปี 2020 ใกล้มาถึงแล้ว ดูเหมือนว่าจะมีการจัดตั้งการเลือกตั้งทั่วไป
เมื่อได้ยินเรื่องที่ลูกชายไม่ได้รับความยุติธรรม ใบหน้าของคนเป็นแม่ก็เต็มไปด้วยความโกรธและความขุ่นเคือง
“เข้าใจแล้ว ลูกไม่ต้องไปที่นั่นแล้วนะ แล้วโครงการวิจัยระเบิดปรมาณูกับดาวเทียมยังคงเหมือนเดิมใช่ไหม?”
เสี่ยวเล่อพลันส่ายหัว “”ผมทำสำเร็จไปแล้ว แต่พูดไปแม่คงไม่เข้าใจหรอก
หลายคนไม่รู้ว่าข่าวนี้จะไม่ถูกเผยแพร่มากขนาดนี้ อุปกรณ์จากสถาบันที่อยู่ทางทิศตะวันออกไม่ได้ถูกออกแบบจากสถาบันวิจัยในประเทศ ข้อมูลอ้างอิงหลักก็คืออุปกรณ์โทคาแมครุ่น D นั้นมาจากบริษัทอะตอม
ท้ายที่สุดแล้ว เรื่องการวิจัยและการทำงานยังคงแตกต่างกันอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าคนอื่นให้เมล็ดพันธุ์มา แล้วเราจะเอาไปปลูกได้เลย
หากเทคโนโลยีนั้นสมบูรณ์แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเทคโนโลยีสำหรับโครงการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ สิ่งที่ต้องทำต่อไปก็จะต้องมีความสำคัญมากกว่าสิ่งที่ทำไปก่อนหน้านี้
ในตอนนี้ ความร่วมมือกันของพวกเขาและบริษัทพลังงานปรมาณูได้ถูกยุติลงแล้ว
อุปกรณ์ที่มาจากสถาบันที่อยู่ทางทิศตะวันออกจะสามารถนำเอาไปใช้ได้อย่างแน่นอน แต่จะต้องศึกษาอย่างไร ก็ต้องอาศัยความสามารถเฉพาะเอา…
แน่นอน เสี่ยวเล่อเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจมากสักเท่าไหร่
การเรียนรู้ด้วยตัวเองถือเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การตระหนักถึงข้อบกพร่องของตัวเองถือเป็นสิ่งสำคัญ เราไม่จำเป็นต้องหยิ่งผยอง แท้จริงแล้ว อุปกรณ์ที่มาจากสถาบันที่อยู่ทางทิศตะวันออกได้สร้างนวัตกรรมเอสไว้มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีตัวช่วยในการตัดสินใจหรือตัวนำยิ่งยวดที่มีประสิทธิภาพเต็มรูปแบบจากสถาบันวัสดุเซียงหยาง
ถึงอย่างไร เมื่อเทียบกับความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่ายแล้ว เราก็สามารถต่อสู้เพียงลำพังจากนี้ไปได้
แต่ทว่า เขาเองก็ยังคงรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจฟิวชั่นแบบควบคุมได้ในประเทศ…
เสี่ยวจื่อผิงตอบกลับ “ไม่เข้าใจหรอกนะว่าเรียนรู้อะไรมา แต่นายก็คือผู้นำในการวิจัยเกี่ยวกับฟิวชั่นแบบควบคุมได้ในประเทศจีน อยากจะทำงานหนักตลอดไปไหมล่ะ? ดูอย่างชาวอเมริกันที่ต่อสู้เพื่อผลประโยชน์ของประเทศสิ”
ทันทีที่ได้ยินกำลังใจจากชายชรา เสี่ยวเล่อก็ส่ายหัวอีกครั้ง
พูดง่าย แต่ทำยาก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้นำแล้ว
ในตอนนี้ โครงการ ITER เองก็พร้อมแล้วที่จะหันหลังให้กับสถาบันดวงดาวจำลอง ทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปก็ต่างเล่นแง่กันหมดแล้ว
ดีไม่ดี ประเทศในตอนนี้อาจจะกำลังผลักดันการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับดวงดาวจำลองอยู่
ดูเหมือนว่าจะเป็นดวงดาวจำลองรุ่นสอง
ท้ายที่สุดแล้ว สถาบันที่สร้างอยู่ใกล้หุบเขาก็จะทำให้คนทั้งโลกต้องสั่นคลอนอีกครั้ง…
………………………………………………………..