Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 537 มาตรการตอบโต้ของเฮล์ม
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 537 มาตรการตอบโต้ของเฮล์ม
เวลาเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนถึงสิ้นเดือน
ท้ายที่สุดแล้ว ความขัดแย้งทั้งหมดก็มาอยู่หน้าทางเข้าแล้ว
อีกไม่นาน การประชุมแบบปิดครั้งต่อไปของสภา ITER ก็จะถูกจัดขึ้นที่ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ ตัวแทนทางสหรัฐฯ ก็ได้ซักถามตัวแทนทางฝั่งจีนอีกครั้งเกี่ยวกับสถาบันดวงดาวจำลอง และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินทางปัญญา
หากไม่มีอะไร นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่คณะกรรมการของ ITER จะพูดถึงปัญหานี้
เนื่องจากสัญญาณทุกชนิดแสดงให้เห็นว่าผลของการประชุมครั้งนี้จะเป็นตัวกำหนด การถอนตัวออกจากองค์กร ITER ของประเทศจีน
สำหรับการประนีประนอมของฝ่ายจีนนั้น โลกภายนอกไม่ได้คาดหวังอยู่แล้ว
แม้แต่พนักงานจาก ITER ที่ไม่ต้องการถูกเปิดเผยชื่อก็ต้องไปให้สัมภาษณ์กับสื่อ ซึ่งนี่อาจจะกลายเป็นชนวนที่ทำให้องค์กร ITER แตกสลาย
มันอาจฟังดูเกินจริง
แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่เกิดขึ้น
อย่างที่ทราบกันดีว่าองค์กร ITER นั้นมีประเทศที่เข้าร่วมหลักๆ อยู่เจ็ดประเทศ ซึ่งได้แก่ ยุโรป อเมริกา รัสเซีย ฮาวาย ญี่ปุ่น เกาหลีและอินเดีย และเกือบทุกประเทศที่เข้าร่วมกับองค์กร ITER ก็มีโครงการนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมได้ภายในประเทศของตนเอง
การสร้างข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีของตนเองในการวิจัยฟิวชั่นแบบควบคุมนั้น ได้กลายเป็นฉันทามติของทุกประเทศ
สำหรับโครงการสาธารณะระหว่างประเทศขององค์กร ITER การคาดเดาท่าทีของกันและกันนั้นไม่ได้ยากเลย แม้แต่น้อย
จุดนี้เห็นได้จากเงินทุนประจำปีของโครงการ ITER ที่ไม่เพียงพอ
เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครคิดว่าองค์กรที่ใหญ่โตและแข็งแรงระดับนี้จะขับเคลื่อนไปได้ไกลแค่ไหน
ยิ่งไปกว่านั้นกัปตันที่คุมหางเสือก็ยังเป็นชาวยุโรปอีกด้วย
ฝ่ายสหรัฐฯเองก็ได้ทำผิดเรื่องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างกะทันหัน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าความขัดแย้งนั้นถือกำเนิดขึ้นแล้ว
แสงแห่งการหลอมรวมถูกจุดขึ้น ท้ายที่สุด มันก็เหมือนกับเทียนที่ถูกสายลมพัดใส่จนเปลวไฟสลายไปในคืนที่หนาวเหน็บ
แต่ไม่ว่ารูปแบบทางสากลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เหล่านักวิชาการที่ทำวิจัยในสาขานี้ก็ยังคงต้องทำการทดลองต่อไป
เช่นเดียวกับตอนที่ลู่โจวได้รับรายงานการทดลองจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดาย่าเบย์ ทันใดนั้น ณ ห้องปฏิบัติการของหินเกลียวที่เยอรมนี เหล่านักวิจัยก็กำลังดำเนินการทดลองเกี่ยวกับเวลาในการกักขังสนามแม่เหล็กอยู่
“สามสิบเจ็ดนาทีกับอีกหกวินาที” เมื่อมองไปที่เวลาบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เคอร์วินก็พลันพูดต่อ “นี่อาจเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของเดือนนี้เลยก็ว่าได้”
แม้ว่าจะมีช่องโหว่ที่น่ากลัวในการทดลองอุปกรณ์สตาร์ แต่อย่างน้อย พวกเขาก็สามารถรักษาเสถียรภาพในการกักขังสนามแม่เหล็กได้นานกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว
ศาสตราจารย์มิลเลคพลันถามขึ้น “แล้วตอนนี้นายสามารถทำการทดลองจุดระเบิดได้หรือยัง?”
ศาสตราจารย์เคริเบอร์ส่ายหัว “เรายังแก้ไขปัญหาการฉายรังสีไม่ได้”
“งั้นมีอะไรคืบหน้าไหม?”
“ความคืบหน้า?” ศาสตราจารย์เคริเบอร์ตอบกลับด้วยสีหน้าสุดขมขื่น “ความคืบหน้าเพียงอย่างเดียวที่อาจเป็นไปได้ในตอนนี้ก็คือ เราต้องยอมรับความจริงว่าวิธีนี้อาจจะใช้ไม่ได้ผล การขยายตัวของโลหะในการฉายรังสีนิวตรอนนั้นชัดเจนเกินไป ไม่ว่าเราจะพยายามยังไง มันก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้… เว้นแต่เราจะยับยั้งนิวตรอนได้ ฟังดูเหมือนเวทมนต์เกินไปไหมล่ะ?”
เทคโนโลยีล่าสุด คือการใช้โลหะผสมของเซอร์โคเนียมและโมลิบดีนัม ซึ่งค่อนข้างมีประสิทธิภาพในการต้านการขยายตัวของการฉายรังสีนิวตรอน แต่ทว่า โลหะผสมที่เจือด้วยโมลิบดีนัมจะเชื่อมได้ยากกว่าเหล็กออสเทนนิติกมาก
และไม่เพียงแค่นั้น ไม่ว่าจะมีการเจือโมลิบดีนัมมากแค่ไหนก็ตาม กัมมันตภาพรังสีของผลิตภัณฑ์จากการแปรสภาพก็ถือเป็นปัจจัยที่ไม่คงที่เสมอไป
ศาสตราจารย์มิลเลคครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและเกิดความสงสัย “ถ้าโลหะผสมใช้ไม่ได้ผล แล้ววัสดุที่ไม่ใช่โลหะล่ะ?”
เคอร์วินยักไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “โลกมีวัสดุที่ไม่ใช่โลหะมากมาย แต่คำถามคือนายมีข้อเสนอที่ดีไหม?”
นี่ไม่ใช่ความคิดเห็นแรกในสาขาการวิจัยฟิวชั่นแบบควบคุม แต่ปัญหาคือการวิจัยในพื้นที่นี้ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เคอร์วินก็อดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดอย่างหนัก
ถ้าเป็นลู่โจว เขาจะใช้ตัวเลือกอะไรกันนะ?
ถึงอย่างไร เคอร์วินก็คิดอะไรไม่ออก
เขาพลันถอนหายใจออกมาทันใด
ถ้าเขาสามารถเข้าร่วมกับสถาบันสตาร์ในการวิจัยดวงดาวจำลองได้ก็คงจะดี…
ถ้าเพื่อนร่วมทีมคือศาสตราจารย์ลู่ เขามั่นใจว่าเวลาในการทำวิจัยนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมจะต้องลดลงอย่างน้อยยี่สิบปีแน่
เมื่อเทคโนโลยีใหม่ถือกำเนิด อารยธรรมของมนุษย์ทั้งหมดก็จะได้รับประโยชน์ไปด้วย
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน…
เห็นได้ชัดว่ามันยังเป็นไปไม่ได้
…
ข้างนอกห้องทดลอง เฮล์มที่กำลังนั่งอยู่ที่เลานจ์พลันจิบกาแฟและมองไปยังนาฬิกาเป็นครั้งคราว
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เขาเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับกลางของซีไอเอ แต่เนื่องจากรายงานการประเมินผลการวิจัยฟิวชั่นแบบควบคุม เขาจึงได้รับการเลื่อนขั้น
ในตอนนี้ ซีไอเอได้แต่งตั้งให้เขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองของปัญหาฟิวชั่นแบบควบคุม
เขามีหน้าที่รับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการรวบรวมข้อมูลที่สำคัญในสาขาที่เกี่ยวข้อง อีกทั้งยังมีอำนาจในการตัดสินใจที่เด็ดขาดในบางเรื่อง
ครั้งนี้ เขามาที่เยอรมันเพื่อทำความเข้าใจกับพัฒนาการล่าสุดในการวิจัยความเป็นเอกฐานของสถาบันฟิสิกส์พลาสมา และเขามาที่นี่ก็เพื่อพบปะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงเศรษฐศาสตร์และพลังงานของเยอรมัน
มาตรการรับมือในประเด็นของทางฝั่งจีนได้ผลดีไม่น้อย ถึงกระนั้นการศึกษาฟิวชั่นแบบควบคุมในจีนก็หยุดชะงักลง
อุปกรณ์ TAR-1 และ HL-2A ยังคงถูกใช้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ความร่วมมือระหว่างอุปกรณ์จากสถาบันทางตะวันออกและบริษัทพลังงานปรมาณูก็หยุดชะงักเช่นกัน
ผู้คนมากมายพลันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าพวกเขาได้ทิ้ง “ความช่วยเหลือ” ของประชาคมระหว่างประเทศไปแล้วหรือไม่ และพวกเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน
ถึงอย่างไร นี่คือช่วงเวลาที่จะต้องชนะการต่อสู้
แน่นอน การวางแผนถือเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เขาไม่เคยทำอะไรเพื่อดูหมิ่นฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย
อย่างน้อย ชื่อของลู่โจวก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยวางได้
จากความฉลาด สาเหตุความล้มเหลวของอุปกรณ์ทั้งสองจึงถูกแยกออกจากชื่อของบุคคลนี้ไม่ได้
ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของซีไอเอที่ชื่อว่าเลห์แมนพลันนั่งอยู่ตรงข้ามเฮล์ม
เขาแตกต่างจากตัวแทนทั่วไป ข้อมูลประจำตัวของเขาเป็นสาธารณะและถูกจดทะเบียนไว้กับกระทรวงกลาโหมเยอรมัน
ความรับผิดชอบหลักของเขาคือการนั่งเฝ้าสำนักงานเพื่อดื่มกาแฟ หรือไม่ก็แลกเปลี่ยนข้อมูลกับฝ่ายข่าวกรองของเยอรมัน
การประชุมระหว่างเฮล์มและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงเศรษฐศาสตร์และพลังงานจากยอรมันก็ได้รับการประสานงานจากชายคนนี้
ทันทีที่ทั้งสองพูดคุยกัน พวกเขาก็พลันพูดชื่อลู่โจวออกมา
ถึงกระนั้น เลห์แมนก็ดูจะสนใจในเรื่องนี้ไม่น้อย
“นายคิดว่าศาสตราจารย์ลู่คนนี้มีค่ามากกว่าศาสตราจารย์อีกหลายคนเลยหรือยังไงกัน?”
“ถ้านายเข้าใจเขาจริงๆ นายจะไม่ถามคำถามโง่ๆ แบบนี้ออกมา เขาเป็นบุคคลที่เทียบกับหน่วยงานไหนไม่ได้เลยต่างหาก” เฮล์มกล่าว
ไม่ช้า เลห์แมนก็กล่าวคำพูดต่อด้วยรอยยิ้มและไม่ได้สนใจคำด่าของเฮล์มเสียเท่าไหร่ “แล้วซิลิคอนแวลลีย์กับซีแอตเทิลกลายเป็นหน่วยงานตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ไม่ใช่แบบนั้น แต่มันเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจที่อยู่เบื้องหลังต่างหาก นายคิดดูนะ… คนๆ หนึ่งสามารถสร้างโครงการวิจัยที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้านหรือไม่ก็หนึ่งแสนล้านได้ ฉันแอบคิดว่าเขามีศักยภาพขนาดนั้นเลยล่ะ “
“ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสามารถสร้างโครงการวิจัยที่มีมูลค่ากว่าหนึ่งหมื่นล้าน? นายใช้สกุลเงินของซิมบับเวหรือเวเนซุเอลาหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่ามัน เพราะมันคือหน่วยดอลลาร์สหรัฐ! และนี่ก็เป็นเพียงแค่การประเมินของฉันเท่านั้น ยิ่งฉันศึกษาข้อมูลของเขามากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งมั่นใจในข้อสรุปของตัวเองมากขึ้นเท่านั้น” เฮล์มกล่าวพร้อมวางถ้วยกาแฟในมือลง “ขนาดทำเนียบขาวแล้วก็ซีไอเอต่างก็มีชื่อเขาอยู่ และแค่นี้ก็คงยังไม่พอ ฉันเลยคิดว่าเขาเป็นบุคคลที่ค่อนข้างอันตรายไม่น้อยเลยล่ะ”
เลห์แมนพลันเอนหลังพิงเก้าอี้ “”บางที นายอาจจะต้องเขียนรายงานโดยละเอียดส่งไปถึงทำเนียบขาวเพื่อเตือนประธานาธิบดีก็ได้นะ”
“อันที่จริง ฉันก็กำลังทำอยู่”
ในระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู
นอร์เบิร์ต ประธานเลขาธิการกระทรวงเศรษฐศาสตร์และพลังงานของเยอรมัน
เฮล์มส์ยืนขึ้นพร้อมยื่นมือขวาออกไปและเผยยิ้ม
“สวัสดีครับคุณนอร์เบิร์ต ดีใจที่ได้เจอคุณอีกครั้ง”
“ว่าไง คุณเฮล์มส์” ทั้งคู่จับมือกัน “คุณกำลังบินมาจากอเมริกาทั้งที มาจิบกาแฟพูดคุยกันก่อนสิ”
“คือแบบนี้ครับ” เขาดึงมือออกและคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สภาคองเกรสของเราได้ประเมินโครงการนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุมอีกครั้ง และได้เริ่มการลงทุนใหม่ด้วยงบประมาณราวสองพันล้านดอลลาร์ครับ คาดว่าจะมีการสร้างอุปกรณ์ทดลองที่คล้ายดาวเทียมดวงใหม่ด้วยที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติลอเรนซ์ลิเวอร์มอร์ในประเทศแคลิฟอร์เนีย สำหรับบริษัทในเยอรมันแล้ว นี่จะหมายถึงคำสั่งซื้ออย่างน้อยหนึ่งพันล้านดอลลาร์ และผมหวังว่าคุณจะสนใจในเรื่องนี้”
“หือ?” คิ้วของนอร์เบิร์ตเลิกขึ้นด้วยความสนใจ “ถึงผมจะสนใจ แต่ทำไมซีไอเออย่างพวกคุณถึงต้องมาคุยกับเราด้วยล่ะ?”
ทว่า สิ่งที่นอร์เบิร์ตไม่เข้าใจในตอนนี้คือทำไมพวกซีไอเอถึงต้องการเปิดเผยข่าวกับตน
“เนื่องจากจะมีการประมูลในเดือนหน้า หากคุณสนใจโครงการนี้ ผมก็มีข้อเสนอให้เล็กน้อย”
นอร์เบิร์ตถามกลับ “ข้อเสนออะไรกัน?”
“การประชุมปิดของคณะกรรมการ ITER ในช่วงปลายเดือน” เฮล์มเผยยิ้มพร้อมมองไปยังนอร์เบิร์ต “เราคิดว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะเตะประเทศหนึ่งออกไป”
……………………………………………