Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 549 เขตลับ
ค่ำคืนนี้ถูกปกคลุมไปด้วยแสงแดดและผับบาร์ที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านของเหล่าผู้เชี่ยวชาญจากสถานีพลังงานนิวเคลียร์เทียนหว่าน แสงไฟที่พลิ้วไหวผสมผสานกับดนตรีเมทัลและฟองเบียร์
ในฐานะโครงการที่เกี่ยวข้องและเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดระหว่างจีนและรัสเซีย โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เทียนหว่านถือเป็นที่ตั้งของเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานนิวเคลียร์จากรัสเซียอีกหลายคนด้วย
ปัจจุบัน พนักงานต่างชาติเหล่านี้จะมาพักผ่อนที่นี่
และในตรงกันข้าม คนจีนไม่ค่อยมาเที่ยวที่นี่มากนัก
จอร์จี้นั่งอยู่ที่ด้านข้างของบาร์พลันพูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน
“นายว่าคนจีนกำลังทำอะไรกันอยู่?”
เนื่องจากกองทัพทหารได้เข้ามาในพื้นที่นี้ และปิดกั้นพื้นที่เพื่อเตรียมการให้แก่โครงการระยะที่สาม พื้นที่ที่แยกออกไปก็ไกลจากพวกเขาราวๆ สองถึงสามกิโลเมตร นอกจากนี้ โครงการดังกล่าวที่กำลังดำเนินอยู่ก็เหมือนจะหยุดลง
การกระทำแบบนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ยาก
คนจีนกำลังทำอะไรอยู่ข้างในกัน?
ปัญหานี้รบกวนชาวต่างชาติทุกคนที่มาทำงานที่นี่ และมันก็กลายเป็นปัญหาเฉพาะหน้าไปแล้ว
ถึงอย่างไร วิศวกรชาวจีนที่ทำงานที่นี่ก็ดูเหมือนจะไม่เต็มใจอยากที่จะพูดถึงปัญหานี้เท่าไหร่นัก
สำหรับพนักงานทั่วไป แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่พวกเขาไม่ทราบข้อมูลอะไรมากนัก
มักส์ไฮม์ที่นั่งอยู่ข้างจอร์จี้พลันกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กำกวม “ได้ยินมาว่าเป็นนิวเคลียร์ฟิวชั่นนะ”
“นิวเคลียร์ฟิวชั่น?!” จอร์จี้เบิกตากว้างและรินค็อกเทลใส่แก้วอีกครั้ง “ล้อกันเล่นหรือเปล่า? พวกเขาใช้ที่นั่นเพื่อควบคุมการทดลองนิวเคลียร์ฟิวชั่น?”
มักส์ไฮม์ก็เผยท่าทีที่ดูอึดอัดออกไป
“น่าจะประมาณนั้น ฉันเคยเห็นหนังสือพิมพ์เมื่อนานมากแล้วแหละ… พวกเขาอาจไปไกลกว่าที่เราคิดก็ได้ แต่ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็อาจต้องใช้เวลานานในการผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่ดี”
หากเครื่องปฏิกรณ์เชิงสาธิตประสบความสำเร็จ โครงการระยะที่สามอาจไม่จำเป็นต้องสร้างขึ้นมา
อย่าบอกว่ามันเป็นหน่วยนิวเคลียร์ฟิชชั่นรุ่นที่สองเด็ดขาด มันเป็นหน่วยนิวเคลียร์ฟิชชั่นรุ่นที่สามต่างหาก
และเมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็ควรจะกลับบ้าน
ถึงอย่างไร มักส์ไฮม์ก็ดูจะชอบที่นี่มาก
ในตอนนั้นเอง ชายชาวเอเชียที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาก็พูดภาษารัสเซียออกมาอย่างเชี่ยวชาญ
“นายเป็นคนรัสเซีย?”
มักส์ไฮม์เลิกคิ้วด้วยความสนใจ “ฉันอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว อีกอย่าง ฉันเองก็เป็นชายรัสเซียคนแรกที่พูดภาษาจีนคล่องที่สุด”
“หือ?” ชายคนนั้นเผยยิ้มและมองไปยังบาร์เทนเดอร์ “ขอไวน์รัสเซียสามที่สำหรับเพื่อสองคนนี้ครับ”
ชายคนนั้นมองไปยังมักส์ไฮม์และเผยยิ้มจนเห็นฟัน
“เราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ โอเคไหม?”
มักส์ไฮม์มองไปยังชายตรงหน้าด้วยท่าทีแปลกๆ
เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป แต่ก็บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร
ดูเหมือนว่ามักส์ไฮม์จะสังเกตชายตรงหน้าอยู่
“ไม่ต้องแปลกใจไป ผมเป็นนักข่าวน่ะ แค่อยากสัมภาษณ์พวกคุณบางเรื่อง”
“ขอไม่คุยเรื่องความลับทางการค้า” จอร์จี้พลันยิ้มกว้าง “แต่เราคุยเรื่องไลน์กันได้”
ชายคนนั้นพลันถามขึ้น “ฉันได้ยินมาว่าเพิ่งจะมีการประจำการกองทัพงั้นเหรอ?”
“ดูเหมือนว่าจะผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว” จอร์จี้ตอบ
ชายคนนั้นเลิกคิ้วด้วยความสนใจและถามต่อ “ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว… แล้วนายรู้ไหมว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่?”
จอร์จี้ตอบ “ฮ่าๆ เป็นคำถามที่ดีนี่ เราทุกคนก็อยากรู้เหมือนกันว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ที่นั่น หรือนายจะเป็นคนเข้าไปถามให้พวกเขาแทนล่ะ?”
“งั้นฉันขอเปลี่ยนเรื่อง” ดูเหมือนว่าเขาจะคาดการณ์เอาไว้แล้ว เขาไม่รู้สึกอะไรเลย จากนั้น เขาก็ยิ้มและพูดต่อ “พวกคุณได้ยินเสียงเครื่องบินเมื่อเร็วๆ นี้ไหม?”
“เครื่องบินเหรอ? นายถามบ้าอะไรกัน?” จอร์จี้ขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าฉันจะไม่ได้สังเกต…”
ถึงกระนั้น ในตอนนี้ ชายทั้งสองในชุดลำลองก็เดินออกมาจากฝูงชน ทั้งคู่ยืนอยู่ข้างชายที่อ้างตัวว่าเป็นนักข่าว
ทั้งคู่รู้สึกถึงแรงกดดันเล็กน้อยจากชายที่อ้างตัวว่าเป็นนักข่าว จากนั้น พวกเขาจึงคิดว่าอยากจะหนีออกไปจากตรงนี้
“ฉันเป็นนักข่าวของเดลลี่เมล นี่คือบัตรนักข่าวของฉันเอง” ชายคนนั้นยื่นบัตรนักข่าวให้ทั้งสองดู
ในตอนนั้นเอง ชายคนหนึ่งพลันพูดขึ้นมา “ที่นี่ไม่รับสัมภาษณ์ ไปให้พ้น!”
สีหน้าของนักข่าวพลันเปลี่ยนไป “เฮ้ย นายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะ”
ถึงอย่างไร ทั้งสองก็ไม่ได้พูดอะไรต่ออีก พวกเขารู้ดีว่านักข่าวต้องซ่อนเครื่องอัดเสียงไว้ในคอเสื้อแน่
เสียงเพลงเมทัลยังคงดังต่อไป กลิ่นของแอลกอฮอล์กำลังทำให้ประสาทของผู้คนชาไปหมด
ราวกับว่าไม่มีใครสังเกต พวกเขาทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งมักส์ไฮม์และจอร์จี้ก็ต่างมองหน้ากันและหยุดพูดไปชั่วครู่
…
“การทดสอบนิวเคลียร์ลับที่เขตเก้าร้อย?”
หนังสือพิมพ์ของเดลลี่เมลวางอยู่ในโต๊ะทำงานของลู่โจว
เขตเก้าร้อยดูเหมือนจะเป็นชื่อที่ได้มาจากสื่อต่างประเทศสำหรับพื้นที่ลึกลับนี้ ผู้คนส่วนมากก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
นับตั้งแต่เปิดตัวโครงการเครื่องปฏิกรณ์เชิงสาธิต เมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็มีผู้สื่อข่าวจำนวนมากเข้ามาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง
บางคนเป็นผู้สื่อข่าวจริงและบางคนปลอมตัวมา ซึ่งบางคนก็เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองจากต่างประเทศ ลู่โจวได้ยินเรื่องนี้มาจากหวังเผิงเป็นครั้งคราว เมื่อเร็วๆ นี้ สายลับจำนวนมากก็ถูกจับได้ที่นี่
ปัจจุบัน หน้าที่ของประเทศในเรื่องการรักษาความลับยังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี แม้ว่าจะมีผู้คนเข้ามาแอบดูบ้าง แต่พวกเขาก็ไม่ได้อะไรกลับไป
ถึงอย่างไร มันก็เป็นพื้นที่ลึกลับที่สื่อต่างประเทศใช้จินตนาการวาดขึ้นมา
ภายใต้เจตนาของสื่อตะวันตก โครงการเครื่องปฏิกรณ์สตาร์เชิงสาธิตรุ่นสองได้รับการอธิบายว่าเป็น “โครงการแมนฮัตตันเวอร์ชันจีน”
บอกตามตรงว่าลู่โจวรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก
เหตุผลที่ลู่โจวรวบรวมหนังสือพิมพ์เหล่านี้มาก็เพื่อทำความเข้าใจในการพัฒนาล่าสุดของนิวเคลียร์ฟิวชั่นแบบควบคุม
ลู่โจวพลันกล่าวคำพูดขึ้นมาทันทีที่วางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ “ฉันต้องกลับไปที่จินหลิง ยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องจัดการ”
“รีบไหมล่ะ?” หลังเผิงถาม
ลู่โจวคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ยิ่งเร็วยิ่งดี นายขับไปส่งฉันวันนี้เลยก็ดี”
จากนั้น หวังเผิงเผยสีหน้าเป็นกังวลทันที “ได้เลย”
ลู่โจวพยักหน้า
“ขอบใจมาก”
ทั้งนี้ หวังเผิงก็ยังคงรู้สึกโล่งใจที่ได้ทำสิ่งต่างๆ ให้กับลู่โจว อย่างน้อยในการเดินทาง เขาก็ไม่เคยทำให้ลู่โจวผิดหวัง
หลังจากยื่นตั๋วให้ลู่โจวแล้ว เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วโมง โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
“รถพร้อมแล้ว สามารถออกเดินทางได้เลย ต้องกลับบ้านไปเก็บกระเป๋าก่อนไหม? ถ้าจะกลับไปก็บอกนะ”
มันเร็วเกินไปไหม?
ลู่โจวเผยสีหน้าสุดแปลกใจ
“ไม่ต้องกลับ อีกสองสามวันเดี๋ยวก็กลับไป ฉันต้องไปก่อนแล้ว นายรอที่นี่ก่อนก็ได้”
จากนั้น ลู่โจวก็พลันวางสายและยัดเข้าไปในกระเป๋า ในกระเป๋าของเขานั้นเต็มไปด้วยเอกสารและคอมพิวเตอร์พกพา
เมื่อเขาออกไปข้างนอก ลู่โจวก็ตระหนักได้ว่าหวังเผิงเตรียมตั๋วรถไฟรอบล่าสุดให้ตัวเองเอาไว้แล้ว
แต่ทว่า ลู่โจวเองก็ไม่คาดคิดว่าเมื่อเขามองผ่านสถานที่ก่อสร้างและออกมาอยู่นอกฐาน เขาจะได้เห็นเฮลิคอปเตอร์สีเขียวของทหารหลายลำจอดอยู่ในลาดโล่ง
หลังจากดูเฮลิคอปเตอร์แล้ว ลู่โจวก็มองไปยังหวังเผิงที่กำลังโบกมือลา ลู่โจวยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับกระเป๋าคอมพิวเตอร์
“นี่เป็นวิธีการเดินทางที่เร็วที่สุด” หวังเผิงกล่าวพร้อมเผยยิ้ม
“นายไม่ได้เมาเครื่องบินใช่ไหม?”
ไม่ช้า ลู่โจวก็พลันขมวดคิ้ว
…………………………………………