Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 555 ทุกอย่างเสร็จแล้ว
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 555 ทุกอย่างเสร็จแล้ว
ณ เขตก่อสร้างของเครื่องปฏิกรณ์สาธิต สตาร์-2
ไซต์ก่อสร้างกำลังทำงานกันอย่างขันแข็ง
ผ่านมากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่ปักกิ่งอนุมัติฟิวชั่นอิกนิชั่น ฤดูใบไม้ร่วงผ่านไป และฤดูหนาวก็ได้มาถึง ตอนนี้เป็นฤดูของการกินเกี๊ยวกันแล้ว
ถึงอากาศจะเย็นลง แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ไฟในใจของทุกคนดับแต่อย่างใด
พวกเขาผ่านอุปสรรคขวากหนามนานัปการมาแล้วกว่าจะมาถึงจุดจุดนี้
อีกไม่นาน พวกเขาก็จะพบว่าทุกสิ่งที่ทำไปมันคุ้มค่า
“เช็กพอร์ตการเชื่อมต่อแล้ว! การเชื่อมต่อปกติ!”
“ทุกหน่วยโปรดทราบ กำลังเริ่มการทดสอบ!”
เสาส่งความร้อนให้เกิดเรโซแนนซ์ของไอออนไซโครตรอนมีความยาวประมาณ 10 เมตร และความกว้างประมาณ 4 เมตร ตัวเสาถูกขึงไว้ด้วยสายเคเบิลเหล็กและยึดไว้กับรถเครน มันค่อยๆ ขยับไปหาเครื่องปฏิกรณ์เครื่องใหญ่
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง วิศวกรจากบริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีนก็ยืนอยู่ใกล้ๆ พวกเขากำลังใช้งานอุปกรณ์เฉพาะทางเพื่อทำการติดตั้งอยู่
นักวิชาการหวังเจิงกวง หัวหน้าวิศวกรแห่งบริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีนเป็นหัวหน้าผู้คอยควบคุมทุกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เขาสวมหมวกนิรภัยและมีรอยยิ้มภูมิใจประดับอยู่บนใบหน้าชราที่มีริ้วรอย
“ฉันเคยคิดว่าพอบริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีนพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ฟิชชั่นเจนเนอเรชันที่สี่ขึ้นมาได้ นี่ก็คงจะถึงเวลาที่ฉันต้องเกษียณเสียแล้ว”
นักวิชาการหลี่เจี้ยนกังจากห้องปฏิบัติการวัสดุก่อสร้างแห่งสถาบันฟู่หยางยืนอยู่ถัดจากนักวิชาการหวัง เขายิ้ม
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
นักวิชาการหวังจ้องเจ้าอสูรโลหะแล้วยิ้มมุมปาก
“เหมือนว่าฉันจะต้องรอไปอีกหลายปีเลยล่ะ”
ถ้าพวกเราสร้างฟิวชั่นอิกนิชั่นได้สำเร็ลล่ะก็…
จะต้องมีใครสักคนเป็นคนนำ
กว่าเทคโนโลยีฟิวชั่นจะไปถูกทาง นักวิชาการหวังก็ต้องทำงานต่อไป
ทันใดนั้น วิศวกรวัยกลางคนที่สวมหมวกนิรภัยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาชายชราทั้งสอง
“ติดตั้งเสาส่งความร้อนให้เกิดเรโซแนนซ์ของไอออนไซโครตรอนเรียบร้อยแล้วครับ!”
นักวิชาการหลี่พูดด้วยท่าทีจริงจังต่อว่า “เช็กซีลของพอร์ตเชื่อมต่อแล้วใช่ไหม?”
วิศวกรวัยกลางคนพยักหน้าและพูดด้วยท่าทางจริงเช่นกันว่า “เราเช็คมากันสามรอบแล้วครับ! ไม่มีตรงไหนที่มีปัญหาเลย
นักวิชาการหลี่พยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นก็หันไปมองเพื่อนเก่าที่ยืนอยู่ข้างเขา จากนั้นเขาก็พูดติดตลกว่า “ห้องปฏิบัติการวัสดุก่อสร้างแห่งสถาบันฟู่หยางทำงานที่ได้รับมอบหมายมาสำเร็จแล้ว ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกนายแล้วล่ะ ตาเฒ่าหวังเอ๊ย นายอย่าทำพลาดในช่วงเวลาสำคัญๆ แบบนี้แล้วกัน ถ้าเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเฟอร์โรฟลูอิด ของนายไม่สร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมาล่ะก็นะ ขายหน้าน่าดูเลย”
นักวิชาการหวังยิ้มแล้วตอบกลับว่า “แหม ตาเฒ่า ตอนนี้มากังวลเรื่องฉันอย่างนั้นเหรอ? วางใจเถอะน่า ถ้าพวกเราทำพลาดล่ะก็ ฉันคงไม่ได้ชื่อหวังเจิงกวงแล้ว!”
เขามองไปทางวิศวกรวัยกลางคนแล้วออกคำสั่ง “เริ่มติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเฟอร์โรฟลูอิดได้!”
“ได้ครับ!”
วิศวกรวัยกลางคนพยักหน้ารับและรีบวิ่งออกไปทางเครื่องปฏิกรณ์ทันที
…
หวือออ!
เครื่องบินต่อสู้สองลำบินหวือผ่านขอบฟ้าไป พร้อมกับส่งเสียงคำรามกึกก้องทิ้งท้ายไปด้วย
ช่วงนี้ก็ได้ยินเสียงแบบนี้ในแถวนี้บ่อยเหลือเกิน
ลู่โจวยืนอยู่ในออฟฟิศที่มีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน เขาหันหน้าออกจากทะเลแล้วเปลี่ยนไปจ้องนาฬิกาข้อมือของเขาแทน
ในอีกสามสิบนาที จะมีการประชุมอีกครั้งที่เขาต้องเป็นคนจัด
ตั้งแต่ที่งานวิจัยของเขาถูกหยุดไปชั่วคราว เขาก็กลายเป็นคนยุ่งมาก
ต้องพูดใหม่ว่า เดือนนี้ที่มีการก่อสร้างเครื่องปฏิกรณ์สาธิตเป็นเดือนที่เหนื่อยที่สุดที่เขาเคยผ่านมา
สถาบันวิจัยมากกว่าหนึ่งร้อยสถาบันเข้าร่วมโปรเจกต์วิจัยเครื่อง สตาร์-2 กับเขา และสถาบันอีกสิบกว่าที่ก็เข้าร่วมทั้งทางตรงหรือทางอ้อมในการก่อสร้างชิ้นส่วนเครื่องปฏิกรณ์สาธิตและโครงสร้างพื้นฐานของไซต์ก่อสร้าง
เพื่อจะประสานงานกับหน่วยงานหลายแห่งนี้ สิ่งที่เขาทำบ่อยที่สุดในเดือนนี้ก็คือการจัดการประชุมขึ้น เขาต้องจัดการประชุมมากกว่าสามครั้งในหนึ่งวันเพื่อหาโอกาสอ่านรายงานอย่างน้อยสิบเล่ม
สำหรับคนที่ชอบอยู่ในห้องปฏิบัติการและศึกษาปัญหาที่น่าสนใจแล้ว การต้องมาทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ลำบากมาก
ยังโชคดีที่ช่วงเวลาพวกนี้สิ้นสุดเสียที
ชิ้นส่วนของเครื่องปฏิกรณ์สาธิต สตาร์-2 สำเร็จเสร็จหมดแล้ว
ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี ในการประชุมที่กำลังจะจัดขึ้นนี้ หัวหน้าวิศวกรของบริษัทนิวเคลียร์แห่งชาติจีนอย่างนักวิชาการหวังจะต้องรายงานเขาเรื่องการติดตั้งเสาส่งความร้อนให้เกิดเรโซแนนซ์ของไอออนไซโครตรอนและเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเฟอร์โรฟลูอิด
เพราะทั้งสองสิ่งนี้คือจิ๊กซอว์สองชิ้นสุดท้าย
หลังจากชิ้นส่วนสองชิ้นนี้ติดตั้งเสร็จและตรวจสอบครั้งสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การทดลองฟิวชั่นอิกนิชั่นก็จะได้เริ่มขึ้นเสียที
ลู่โจวอดยิ้มมุมปากไม่ได้เวลาเขาคิดเรื่องนี้
วันนี้ได้มาถึงแล้ว
เขาได้ยินเสียงคนเคาะประตูห้อง
ลู่โจวเปลี่ยนจากมองที่หน้าต่างมาเป็นมองที่ประตูแทน
“เข้ามาสิ”
ประตูถูกผลักเปิดออก เหยียนเหยียนเดินเข้ามา เธอสวมเสื้อโค้ตสีน้ำเงินเข้มและถือกล่องอาหารกลางวันมาด้วย
“คุณยังไม่ได้กินข้าวอีกแล้วสิท่า?”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “ช่วงกลางวันผมไม่หิวหรอก ผมชินกับการกินอาหารเช้ากับอาหารเย็นมากกว่า”
เหยียนเหยียนถอนหายใจแล้ววางกล่องอาหารกลางวันไปบนโต๊ะกาแฟพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ฉันก็รู้นะว่าคุณยุ่ง แต่คุณก็ยังต้องกินข้าวให้ครบวันละสามมื้อนะ ฉันเอาเกี๊ยวจากโรงอาหารมาให้”
อาหารถูกนำมาส่งถึงหน้าประตูห้องลู่โจว เขาจึงไม่อยากจะพูดอะไรขัดเธอต่อ เขาขอบคุณเหยียนเหยียนอย่างจริงใจแล้วนั่งลงที่โซฟา จากนั้นก็เปิดฝากล่องอาหารกลางวันออก
กลิ่นหอมอร่อยอบอวลไปทั่ว ในขณะที่เกี๊ยวน้ำใสแจ๋วยั่วยวนลู่โจวให้กิน
พอเขาดื่มน้ำซุปลงไปก็รู้สึกว่าในท้องอุ่นวาบขึ้นมา ดวงตาเขาเป็นประกายวาววับ
โห อร่อยดีนะเนี่ย
สุดท้ายเขาก็อดหยิบตะเกียบขึ้นมาไม่ได้
“อาหารในกองทัพมันอร่อยอย่างนี้ตลอดจริงเหรอ?”
เหยียนเหยียนนั่งลงบนโซฟาตรงข้ามเขาแล้วพูดขึ้นว่า “ก็ขึ้นอยู่กับว่ามาจากแผนกไหนน่ะนะ”
“อย่างนั้นเหรอ?”
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไรต่อจากนั้น เขาตั้งหน้าตั้งตากินมื้อกลางวันที่แสนอร่อยนี้อย่างเดียว
การกินอาหารตามเวลาปกติเป็นสิ่งที่ทำให้คนสุขภาพดี และก็ไม่จำเป็นต้องมีใครมาบอกเขา เพราะเขารู้เรื่องพวกนี้ดี
แต่ถึงเขาจะรู้ดี เขาก็ไม่รู้สึกหิวทุกครั้งที่เขายุ่ง พอเขารู้สึกตัวว่าตัวเองหิว ก็มักจะเลยเวลาอาหารกลางวันไปทุกที เขาจึงรอให้ถึงเวลาอาหารเย็นแทน
ระหว่างที่ลู่โจวกำลังอร่อยกับเกี๊ยวน้ำในกล่องอาหารกลางวันอยู่นั้น เขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“จะว่าไปแล้ว วันนี้เป็นวันเหมายันนี่นา ใช่ไหม?”
เหยียนเหยียนนั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามเขา เธอนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า “ใช่แล้วล่ะ”
งั้นก็ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเราถึงได้กินเกี๊ยวน้ำ…
ลู่โจวยิ้ม ถ้าไม่ใช่เพราะเกี๊ยวน้ำในกล่องอาหารนี่ เขาก็คงจะไม่รู้ตัวว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ
มันเป็นวันเหมายันจริงๆ …
เวลาผ่านไปเร็วชะมัด…
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากระเบียงข้างนอก แล้วไม่นานนัก ใบหน้าที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นที่หน้าประตู
“ไหนๆ ประตูก็เปิดแล้ว ผมเข้าไปเลยแล้วกัน ผมไม่ได้กำลังรบกวนศาสตราจารย์ลู่ตอนกินอาหารใช่ไหม?”
“คุณไม่ได้รบกวนผมเลย” ลู่โจวยิ้มแล้ววางตะเกียบลงก่อนจะพูดต่อ “ผมเพิ่งกินเสร็จเนี่ย”
เขามองไปที่เหยียนเหยียน
“ขอบคุณที่เอาอาหารกลางวันมาให้นะ”
เหยียนเหยียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก ฉันยินดีอยู่แล้ว”
เธอลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหยิบกล่องอาหารกลางวันขึ้นมาจากโต๊ะกาแฟ จากนั้นเธอก็ออกจากออฟฟิศแล้วปิดประตูลง
ผู้บังคับการกรมไต้นั่งลงตรงข้ามลู่โจว จากนั้นเขาก็กระแอมแล้วถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “นี่ก็เกือบจะสิ้นเดือนธันวาคมแล้ว มีวันที่แน่ชัดที่จะทำฟิวชั่นอิกนิชั่นหรือยังครับ?”
ลู่โจวคิดอยู่แป๊บเดียวก็ตอบกลับว่า “วันที่แน่ชัดยังไม่ได้กำหนดหรอก เดี๋ยวผมจะคุยเรื่องนี้ในการประชุมครั้งถัดไปนะครับ แต่ไม่ว่าจะเป็นวันที่เท่าไหร่ มันก็จะไม่ล่าช้าไปจนถึงปีหน้าแน่นอนครับ”
“โอเคครับ เดี๋ยวผมจะกลับมาอีกทีตอนเย็นนะ” ผู้บังคับการกรมไต้พยักหน้าแล้วพูดต่อ “แต่ถ้าให้ผมแนะนำน่ะนะ ถ้าพวกคุณกำหนดวันที่จะทำฟิวชั่นอิกนิชั่นได้แล้ว ช่วยบอกพวกเราล่วงหน้าสักสามวันก็แล้วกัน พวกเราจะได้ไปปรึกษาสภาเมืองให้ร่วมมือกับพวกเราหาวิธีรองรับปัญหาจราจรและความปลอดภัยในพื้นที่น่ะครับ”
“ไม่มีปัญหาครับ ขอบคุณมาก” ลู่โจวพยักหน้า พอเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้ว เขาก็พูดขึ้นว่า “จะว่าไปแล้ว อีกไม่กี่วันก็วันปีใหม่แล้วใช่ไหมครับ?”
ผู้บังคับการกรมไต้พยักหน้าแล้วถามขึ้น “ใช่แล้ว ทำไมเหรอครับ?”
“เยี่ยมเลยครับ ถ้าอย่างนั้นพวกเราเลือกวันสำคัญในการทำฟิวชั่นอิกนิชั่นเลยแล้วกัน” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “พวกเราจะให้ของขวัญวันปีใหม่กับประชาชนชาวจีนกันครับ!”
…………………………