Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 575 เกษียณหลังประสบความสำเร็จ
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 575 เกษียณหลังประสบความสำเร็จ
ลู่โจวแค่รู้สึกว่ามันจะเสียเปล่าที่จะยุบทีมเครื่องปฏิกรณ์สาธิต สตาร์-2 ดังนั้น เขาจึงเสนอให้รักษาคนมากความสามารถที่มีประสบการณ์ในการบริหารโปรเจกต์วิจัยทางวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่ไว้ เขาจะใช้โมเดลสมาพันธ์เฮ็ล์มโฮลทซ์แห่งศูนย์วิจัยเยอรมันเพื่อเปิดระบบที่เชื่อมต่อบริษัทกับสถาบันวิจัย
แต่เขาไม่คาดคิดว่าเจ้าหน้าที่รัฐบาลจะปล่อยให้เขาบริหารโปรเจกต์นี้เอง
นอกจากนี้ เงินทุนวิจัยที่เหลือ 2.7 พันล้านหยวน สำหรับเครื่องปฏิกรณ์สาธิตนั้นถูกทิ้งไว้เป็น ‘เงินทุนตั้งตน’
ตามปกติแล้ว เงินทุนวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่เหลือควรถูกคืนให้กับผู้ลงทุน
ด้วยเงินก้อนนี้ ลู่โจวก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการเงิน อย่างเช่น เงินเดือนพนักงาน ที่ตั้งศูนย์วิจัยใหม่ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ
สองวันหลังจากงานยกย่อง
ผู้คนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีติดต่อลู่โจว
ชายวัยสามสิบปีที่สวมแว่นตามาเยี่ยมเขาด้วยตัวเอง ชายคนนี้ดูมีท่าทางทรงเกียรติและง่ายๆ สบายๆ
ลู่โจวทราบว่าเขาชื่อเฟิงชูฉิง และเขาจบมาจากสาขาชีววิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฉุยมู่ แต่หลังจากที่เขาสำเร็จการศึกษาปริญญาโท เขาก็ไม่ได้หางานทำในสาขาที่ถนัด แต่เขากลับไปสอบวัดระดับประจำชาติแล้วเข้าร่วมแผนกวางแผนเชิงกลยุทธ์ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เขาเป็นเจ้าหน้าที่ในแผนกที่มีตำแหน่งค่อนข้างสูง
จากแผนกนี้ เลขาเฟิงรับผิดชอบสองสิ่งเป็นหลัก สิ่งแรกคือการปรับรื้อทีมโปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิต สตาร์-2 ให้เสร็จ โดยการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่จำเป็น อีกสิ่งหนึ่งคือ การทำงานเป็นเลขาให้กับสมาพันธ์ศูนย์วิจัยตะวันออกที่กำลังจะถูกก่อตั้ง
“เบื้องบนให้ค่ากับความเห็นคุณอย่างมาก พวกเขาบอกให้เราร่วมมือกับคุณ ทีมผู้นำของแผนกเราได้ประชุมกันแล้วตัดสินใจให้ผมมาช่วยคุณที่นี่” เมื่อเฟิงชูฉิงเห็นท่าทีเซอร์ไพรซ์ของลู่โจว เขายิ้มและถามว่า “มีปัญหาอะไรเหรอ ผู้อำนวยการลู่?”
ลู่โจวยิ้มและตอบไป “ไม่มีปัญหาเลย ผมแค่คิดว่าคุณดูเด็กมาก”
เฟิงชูฉิงยิ้มอย่างสุภาพและพูดต่อ “บางทีเบื้องบนคิดว่าเราอายุใกล้เคียงกัน ก็เลยน่าจะมีช่องว่างในการสื่อสารระหว่างวัยกว่า”
ลู่โจวหยักหน้าแล้วพูด “ขอบคุณที่ช่วยผมจัดการปรับโครงสร้างใหม่ ผมอาจจะยุ่งเล็กน้อย ผมเลยอาจจะช่วยไม่ได้มาก”
เฟิงชูฉิงพูดตอบ “ไม่ต้องกังวลไป เหตุผลเดียวที่ผมมาที่นี่ก็คือมาช่วยคุณ!”
ลู่โจวตอบ “โอเค ขอบคุณ… อ๋อ อีกเรื่องหนึ่ง”
เฟิงชูฉิงถาม “อะไรครับ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบ “เรียกผมว่าศาสตราจารย์ลู่ก็พอ ผมชินแบบนี้มากกว่า”
เฟิงชูฉิงนิ่งไปสักพักและยิ้ม จากนั้นเขาพูดต่อ “ถ้าศาสตราจารย์ลู่จะยืนยันเช่นนี้ ตั้งแต่นี้ไป ผมจะเรียกคุณตามนั้น”
…
หลังจากวันหยุดเทศกาลตรุษจีนจบลง พ่อแม่ของลู่โจวทำให้แน่ใจว่าลู่โจวมีสุขภาพดี หลังจากที่พ่อแม่บอกว่าเขาดูแลร่างกายซ้ำๆ พวกท่านก็กลับไปที่เจียงหลิง ในขณะที่น้องสาวกลับไปจินหลิงและเริ่มสมัครมหาวิทยาลัยต่างประเทศ
สำหรับลู่โจว เนื่องจากเขามีเรื่องต้องจัดการในปักกิ่ง เขาตัดสินใจว่าจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามวัน
หลังจากที่เขาออกจากโรงพยาบาล 301 เขาก็พักอยู่ที่โรงแรมหรูแถวสวนหยวนหมิงหยวน ถึงแม้ว่าเขาไม่มีบ้านในปักกิ่ง ทุกครั้งที่เขามาที่นี่ เขาไม่ต้องกังวัลเรื่องหาที่พัก
สามวันหลังจากงานยกย่อง เฟิงชูฉิงไปไห่โจวแล้วเริ่มปรับโครงสร้างทีมเครื่องปฏิกรณ์สาธิต สตาร์-2
ธุรกิจของลู่โจวในปักกิ่งเกือบเสร็จสิ้นแล้ว เขาเลยซื้อตั๋วรถไฟไปจินหลิง
เขารู้สึกผิดเล็กน้อย เขาเป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยจินหลิงนานกว่าหนึ่งปีแล้ว แต่เขายังไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยจินหลิงเลย ตอนนี้โปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ก็เสร็จสิ้นในที่สุด เขาวสามารถมีเวลาที่จะใช้กับสิ่งที่เขาสนใจในที่สุด
ยามโพล้เพล้ ทะเลสาบเทียมใกล้โรงแรม
เฉินยู่ซานเดินข้างลู่โจว เธอถามเขาว่า “สุขภาพนายดีขึ้นหรือยัง?”
ลู่โจวยิ้มและตอบไป “ผมออกจากโรงพยาบาลแล้ว คุณคิดว่าไงล่ะ?”
เฉินยู่ซานถอนหายใจและพูดต่อ “ฉันรู้ว่านายชอบอยู่ในห้องแล็บ แต่ก็อย่าหักโหมเกินไปนะ”
ลู่โจวตอบ “ไม่ต้องเป็นห่วงไป ตอนนี้โปรเจกต์ที่ควบคุมได้เสร็จไปแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องยุ่งขนาดนั้น อย่างน้อยก็อีกสักพักหนึ่ง”
เฉินยู่ซานถามต่อ “นายมีแผนจะทำอะไรต่อไป?”
ลู่โจวคิดและตอบกลับ “น่าจะกลับไปสอนที่มหาวิทยาลัยจินหลิง”
เฉินยู่ซานพูด “ตอนนี้นายเป็นหัวหน้าดีไซเนอร์ นายยังมีเวลาไปสอนที่มหาวิทยาลัยด้วย?”
ลู่โจวยิ้มแล้วตอบ “ผมเคยเป็นหัวหน้าดีไซเนอร์ ตอนนี้โปรเจกต์พลังงานฟิวชั่นที่ควบคุมได้ก็จบไปแล้ว งานที่เหลือก็ถูกส่งต่อให้ผู้เชี่ยวชาญได้ มันไม่มีอะไรให้ผมดีไซน์แล้ว”
ถึงแม้ว่าเขาจะเกี่ยวข้องอยู่บ้างกับสมาพันธ์ศูนย์วิจัยตะวันออก ลู่โจวไม่อยากผลาญพลังงานกับเรื่องอื่นนอกจากการวิจัยมากเกินไป ตอนนี้ เขาแค่กำลังปูทางสำหรับงานวิจัยในอนาคต
ถ้าเฟิงชูฉิงนั้นมีประสิทธิภาพ ลู่โจวก็จะให้ทิศทางทั่วไปแล้วปล่อยให้เขาจัดการที่เหลือ
มันก็น่าสนใจอยู่
ลู่โจวพบว่าถนนที่เขาเดินอยู่นั้นคล้ายกับใครบางคนจากอีกฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกโดยประหลาด
หลังจากโปรเจกต์แมนฮัตตันเสร็จสิ้น โอพเพนไฮเมอร์ก็กลับไปที่พรินซ์ตันในฐานะคณบดีและไม่ข้องเกี่ยวกับการวิจัยระเบิดอะตอมอีกต่อไป แต่ที่ต่างจากลู่โจว โอพเพรไฮเมอร์นั้นถูกขับออกจากการวิจัยเพราะความรู้สึกผิดข้างในที่เกิดจากสงคราม ในอีกมุมหนึ่ง ลู่โจวก็แค่ไม่สนใจในตำแหน่งงานบริหาร ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะเกษียณ
โอพเพนไฮเมอร์ใช้เวลาถึง 20 ปี ในการเยียวยาทางการเมือง เมื่อเทียบกับเขา ลู่โจวนั้นได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่ามาก
ไม่ว่าจะเป็นการถูกเรียกว่าเป็นบิดาของฟิวชั่นที่ควบคุมได้หรือผู้มีเกียรติที่ได้รับรางวัลหลิงหยวน…
ด้วยเกียรติทั้งสองบนบ่า เขาจะไปทำงานในอุตสาหกรรมหรือสาขาไหนก็ได้
เกียรติและชื่อเสียงเป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้
เฉินยู่ซานเตะหินบนถนนเบาๆ แล้วถอนหายใจ เธอมองดูภูเขาเทียมใกล้ทะเลสาบแล้วรู้สึกซึมเล็กน้อย
“มันดีจัง นายรู้ตัวว่าอยากทำอะไร แล้วนายก็รู้วิธีที่จะบรรลุเป้าหมาย ไม่เหมือนฉัน…”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดตอบ “คุณก็เหมือนกันนะ? ข้อเสนอจากมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนียไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
เฉินยู่ซานดูไม่สบายใจขึ้นเลย
“ก็มันยากกว่าข้อเสนอจากพรินซ์ตันใช่ไหม? นาย ‘เกือบจะเป็นคณบดีของภาคคณิตศาสตร์ที่พรินซ์ตัน’ “
ลู่โจวเกือบสำลักน้ำลาย “ผมเกือบเป็นคณบดีภาคคณิตศาสตร์ตั้งแต่ตอนไหน? ผมจำอะไรแบบนี้ไม่ได้นะ”
เฉินยู่ซานตอบ “ใครสนล่ะ ถ้านายอยากเป็นคณบดี นายก็เป็นได้”
ลู่โจวตอบ “อย่าคุยเรื่องผมเลย ผมสงสัย อะไรกวนใจคุณอยู่?”
“โอ้…เอาจริงแล้ว มันไม่มีปัญหาอะไร มันเป็นเรื่องยุ่งเหยิงส่วนตัวแบบนั้นมากกว่า” เฉินยู่ซานม้วนผมตัวเองด้วยนิ้ว แล้วลังเลอยู่สักพัก เธอพูดขึ้น “พ่ออยากให้ฉันทำงานกับรัฐบาล แต่ฉันไม่อยากทำงานที่นี่เลย ฉันเรียนด้านการเงินและ MBA แล้วฉันก็อยากทำงานในบริษัทนานาชาติที่มีมูลค่าตลาดหลายหมื่นล้าน มันจะไม่แปลกหรือที่มานั่งเฉยๆ ในออฟฟิศรัฐสักแห่ง?”
อะไรนะ?
คุณหมายถึงแค่นั่งเฉยๆ ?
มันดูถดถอยมากกับสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐทำ
เฉินยู่ซานยิ้มให้กับสีหน้าของลู่โจวแล้วพูดต่อ “เอาเถอะ ขอบคุณนะ พ่อนักวิทยาศาสตร์เบอร์ใหญ่ สำหรับการสละเวลาตั้งนานไปกับการฟังปัญหาไร้สาระของฉัน… ในเมื่อคุณก็แข็งแรงดีแล้ว ฉันไปดีกว่า”
ในขณะที่ลู่โจวมองเธอเดินจากไป เขานึกอะไรบางอย่างขึ้นได้แล้วขานเรียกเธอ
“อ๋อ ใช่แล้ว…เดี๋ยวก่อน”
เฉินยู่ซานหยุดเดินแล้วหันกลับมามองเขา “มีอะไรเหรอ?”
ลู่โจวคิดอยู่สักพักแล้วพูดขึ้น “จำที่ผมเคยถามเมื่อปีก่อนได้ไหม? ถ้าผมจำมันได้ถูกต้อง คุณเคยให้สัญญาผมเรื่องหนึ่ง…”
เฉินยู่ซาน “…”
ลู่โจวนิ่งไปสักพักและพูดต่อ “ถ้าคุณไม่มีอะไรให้ทำดีๆ สนใจมาทำงานกับผมไหม?
ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่บริษัทที่มีมูลค่าหมื่นล้านดอลลาร์ แต่มันก็ยังเป็นบริษัทพันล้านดอลลาร์”
…………………………………………………