Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 58
ตอนที่ 58 กัปตันแบบจำลอง
ลู่โจวดูระบบปฏิบัติการที่ปัญญาประดิษฐ์มอบให้เขาโดยสังเขป
พูดตามตรง เขาผิดหวังเล็กน้อย
วิธีการใช้คล้ายกับลีนุกซ์ ข้อดีอย่างเดียวของมันคือมันเข้ากันได้กับทั้งซอร์ฟแวร์ของวินโดว์และลีนุกซ์ มันสามารถใช้ได้ทั้งเมาส์และป้อนคำสั่งลงในไดอาล็อกบอกซ์ที่อยู่กลางหน้าจอ
ในแง่ของการเข้าอินเตอร์เน็ต มันมีเบราเซอร์ที่ไม่รู้จักอยู่ในตัว มันสามารถเรียกดูเว็บและดาวน์โหลดซอร์ฟแวร์ มันไม่ต่างอะไรกับระบบปฏิบัติการวินโดว์เลย
ข้อเสียงของระบบปฏิบัติการนี้คือมันใหญ่เกินไป มันกินเนื้อที่ไป 1TB มันเกือบกินเนื้อที่ทั้งหมดของโน๊ตบุ๊คเขา!
ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ยังไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้ใช้ทำอะไรได้
มันดูเหมือนมีไดอาล็อกบอกซ์อีกอันอยู่ที่มุมขวาล่าง มันเหมือนจะเป็นกล่องแชทของ’เสี่ยวไอ’
มันเหมือนเป็นหนึ่งในสัตว์เลี้ยงที่เราไว้คุยบน QQ
อย่างไรก็ตามความฉลาดของเสี่ยวไอทำให้ลู่โจวเป็นกังวล เขาลองทดสอบและออกคำสั่งง่ายๆ เขาบอกให้เธอเปิดโฟลเดอร์และรันโปรแกรม มันสามารถรันโปรแกรมที่เขาพิมพ์บอกได้สำเร็จโดยอัตโนมัติโดยไม่มีปัญหาอะไร
อย่างไรก็ตามการใช้งานแบบนี้เขาสามารถทำได้โดยการป้อนคำสั่งลงไป ดังนั้นมันจึงเหมือนไร้ประโยชน์
ส่วนการสนทนาแบบปกติ เสี่ยวไอพูดได้แต่คำทักทาย เมื่อมันเป็นประโยคยากๆ เธอก็มักจะถามว่า ‘…คืออะไร’
มันเหมือนกับเป็นทารกน้อยที่เรียนรู้วิธีพูด
อย่างไรก็ตามมันดีกว่าทารก เขาแค่อธิบายเพียงครั้งเดียว เธอก็เข้าใจและจะไม่มีวันลืม
ลู่โจวยังไม่ค้นพบการใช้งานแบบอื่น อย่างน้อยก็ตอนนี้
ขณะที่เขาเอนตัวพิงกำแพงที่อยู่ด้านหลัง เขาก็ถอนหายใจแล้วคิด ‘ไอสิ่งที่เรียกว่าปัญญาประดิษฐ์ระดับหนึ่งคือแค่นี้? ฉันว่าฉันต้องรอจนกว่ามันจะเป็นระดับสอง’
มันแย่กว่า DisBelief ของ google เสียอีก มันกระทั่งแย่กว่าโปรแกรม Deep Blue เมื่อสิบปีก่อนด้วยซ้ำ
แน่นอนลู่โจวรู้ว่าเปรียบเทียบแบบนี้มันไม่ยุติธรรม อดีตมีเครื่องเซิฟเวอร์นับพันให้การสนับสนุนและทำงานด้วยซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โน๊ตบุ๊คของเขาย่อมไม่อาจเอาไปเทียบกับพลังประมวลผลแบบนั้นได้
มันก็เหมือนกับคน ไม่ว่าเราจะมีกระบวนการคิดที่ม่ประสิทธิภาพแค่ไหน ถ้าเรามีเซลล์สมองไม่พอ เราก็ยังปัญญาอ่อน
เอิ่ม…
ตอนนี้เสี่ยวไอไม่ต่างจากคนปัญญาอ่อนเลย
เขาทำได้แต่รอเปลี่ยน’สมอง’ที่ดีขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเครื่องเซิฟเวอร์อะไรแบบนั้น
อย่างไรก็ตามเรื่องนั้นมันยังห่างไกล โน๊ตบุ๊คสามารถรองรับกับเสี่ยวไอระดับหนึ่ง เขาสามารถรอจนกว่าเสี่ยวไอจะระดับสอง เขาค่อยอัพเกรดฮาร์ดแวร์
ลู่โจวนั่งไขว่ห้างบนเตียงแล้วเริ่มศึกษาวิธีอัพเกรดปัญญาประดิษฐ์
พูดง่ายๆ เขามีสองทาง
ทางที่หนึ่งคือใช้แต้มทั่วไป อัตราการแลกเปลี่ยนระหว่างแต้มทั่วไปกับแต้มประสบการณ์ของสาขาเทคโนโลยีคือ 1:1
ส่วนอีกวิธีคือการพึ่งพาการเรียนรู้ของเสี่ยวไอขณะที่เขาค่อยๆสะสมแต้มประสบการณ์ที่จำเป็นอย่างช้าๆให้เสี่ยวไออัพเกรด
เสี่ยวไอเหมือนจะมีความสามารถในการเรียนรู้ด้วยตนเองระดับหนึ่ง ลู่โจวแค่ต้องแบ่งพลังการประมวลผลส่วนนึงเพื่อให้เธอเรียนรู้ตัวตนเองและโปรแกรมจะเพิ่ม’แถบความก้าวหน้าทางปัญญา’โดยอัตโนมัติ
ตามคำแนะนำของเสี่ยวไอ เมื่อแถบความคืบหน้าเต็มแถบนึง ค่าประสบการณ์สาขาเทคโนโลยีของปัญญาประดิษฐ์จะเพิ่มขึ้น 100
พูออีกอย่างก็คือ ถ้าเขาจัดสรรพลังการประมวลผลทั้งหมดเพื่อเรียนรู้ด้วยตนเองแล้วรอให้แถบประมวลผลเต็มสิบแถบ สาขาเทคโนโลยีของเขาก็จะอัพเกรด
ช่างเป็นวิธีการอัพเกรดที่ช้าเหลือเกิน…
ลู่โจวจ้องมองหน้าจอครู่นึง เขาไม่เห็นแถบความคืบหน้าขยับเลยด้วยซ้ำ
“คอมพิวเตอร์ราคาสองหมื่นหยวนไม่เพียงพอสำหรับเรื่องนี้? เสี่ยวไอจำเป็นต้องใช้พลังในการประมวลผลหนักมาก…” ลู่โจวอดบ่นเกี่ยวกับสถานการณ์ไม่ได้
ถ้าเขาปล่อยมันทิ้งไว้ลำพัง มันอาจต้องใช้เวลาเป็นชาติกว่าจะคืบหน้า
ถ้าลู่โจวไม่กังวลเรื่องโปรแกรมนี้หลุดไปหรือมันเกิดผลที่ตามมาที่คาดการณ์ไม่ได้ เขาคงอัพโหลดลงคลาวด์เซิฟเวอร์ของอาลีบาบาไปแล้ว
ส่วนตอนนี้ เขาก็ได้แต่พึ่งพาวิธี AFK
ฉันควรอ่านหนังสือสักสองเล่มเกี่ยวกับการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อดูว่ามันมีทางลัดไหม ด้วยวิธีนี้บางทีฉันอาจเพิ่มความเร็วของเสี่ยวไอได้
เผื่อในกรณีที่มีคนพยายามเปิดคอมพิวเตอร์ของเขา เขาจึงตั้งพาสเวิร์ดของปัญญาประดิษฐ์เสี่ยวไอ
หลังทำเสร็จ เขาก็ทิ้งโน๊ตบุ๊คไว้บนเตียง เมื่อเขาเก็บข้าวของเรียบร้อย เขาก็สะพายกระเป๋าแล้วออกห้องไป
มันเป็นการฝึกครั้งสุดท้ายสำหรับการแข่งขันการสร้างแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ แถมศาสตราจารย์หลิวยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องพูด ส่วนใหญ่มันเกี่ยวกับข้อบังคับของการแข่งขัน กฏ และเรื่องอื่นๆที่จำเป็นต้องให้ความสนใจ
มันเป็นการฝึกครั้งสุดท้าย หลินอวี่เซียงมาค่อนข้างเร็ว ไม่เพียงแต่เธอจะไม่มาสายเท่านั้น แต่เธอยังเป็นคนแรกที่มาด้วยเช่นกัน หวังเสี่ยวตงคิดตารางงานอยู่ที่ห้องคอมพิวเตอร์ ดังนั้นเขาจึงมาสายเล็กน้อย
เห็นได้ชัดว่าอัจฉริยะจบหลักสูตรส่วนใหญ่ของปีสามไปแล้วตั้งแต่ปีสอง คนอื่นยังเลือกวิชาเอกอยู่เลย ส่วนเขาเตรียมพร้อมสำเร็จการศึกษาแล้ว
หลังจากทุกคนมาถึง ศาสตราจารย์หลิวยิ้มแล้วเดินไปบนโพเดียม
“พวกเธอไม่ใช่เด็กแล้ว ดังนั้นอาจารย์จะไม่เน้นเรื่องความปลอดภัย อาจารย์จะพูดเรื่องกฏการแข่งขันแบบย่อๆและเรื่องที่ต้องระวัง”
“ระยะเวลาการแข่งขันคือ 72 ชั่วโมง จำเป็นต้องส่งวิทยานิพนธ์ที่สมบูรณ์ในเวลานั้น พวกเธอต้องอยู่จนดึก ดังนั้นอาจารย์แนะนำให้พวกเธอนอนหลับพักผ่อนให้ดีก่อน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผู้รับผิดชอบในการเขียนแบบจำลองและวิทยานิพนธ์หลับได้แค่วันที่สองเท่านั้น คนเขียนโปรแกรมจะไม่ได้นอนในคืนที่สองและได้นอนคืนที่สามไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น พวกเธอต้องร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมและทำวิทยานิพนธ์ให้เสร็จ”
“การสร้างแบบจำลอง การเขียนโปรแกรม การเขียนวิทยานิพนธ์ ทุกขั้นตอนล้วนสำคัญ อาจารย์ก็พูดมามากแล้ว อาจารย์ขอไม่พูดซ้ำ”
“อีกปัญหาคือวินัย ในกรอบเวลาของการแข่งขัน แต่ละทีมจะห้ามไม่ให้สื่อสารกับทีมอื่น และห้ามไม่ให้สื่อสารกับอาจารย์เช่นกัน เธอสามารถใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดหรือหาดูข้อมูล แต่เธอไม่สามารถส่งข้อความหาคนอื่น”
อันที่จริงกฏนี้ไม่ได้ถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัด ทีมที่อ่อนแอบางทีมก็จะให้อาจารย์มาดูเนื้อหา แต่ไม่มีทีมไหนเลยที่จะให้อาจารย์มาทำโจทย์ให้ตรงๆ มหาลัยดีมีอาจารย์ที่ซื่อสัตย์ แต่มหาลัยห่วยๆบางที่นั้น…
อาจารย์อาจย่ำแย่กว่านักศึกษาซะอีก
ประโยคนั้นไม่ได้พูดเกินกว่าความเป็นจริงเลย การสอนและการทำด้วยตัวเองนั้นเป็นสองเรื่องที่ต่างกัน ท้ายที่สุดแล้วเนื้อหาของการสร้างแบบจำลองนั้นก็กว้างเกินไป แม้แต่ศาสตราจารย์ก็ไม่สามารถทำได้ทุกข้อ
“อาจารย์ แล้วถ้าหนูค้นหาคำตอบบนไป่ตู้ล่ะ?” หลินอวี่เซียงยกมือถาม
ศาสตราจารย์หลิวหัวเราะ “เธอก็ลองดูว่าเจอไหม”
เมื่อลู่โจวได้ยินคำพูดของนาง เขาก็หัวเราะในใจ
คนที่ถามคำถามอะไรแบบนี้เป็นคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการสร้างแบบจำลอง ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกของการถูกครอบงำด้วยคำถามที่โคตรยาก พวกเขายังคิดว่านี่มันคล้ายกับคณิตศาสตร์โอลิมปิกอีก
ถ้าเราได้รับข้อมูลลูกค้าของบริษัทโทรคมนาคมและขอให้ออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าตามข้อกำหนด เราจะไปค้นหาคำตอบได้ที่ไหน? คำถามบางอย่างเกี่ยวข้องกับสปอนเซอร์ของการแข่งขัน ถ้าแบบจำลองที่ถูกออกแบบมาดีพอ สปอนเซอร์ก็อาจนำมันไปใช้ ไม่มีคำตอบไหนที่เราจะค้นหาได้
หลินอวี่เซียงลดแขนลงมาพร้อมกับหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความอับอาย
ศาสตราจารย์หลิวหยุดชั่วครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “ปัญหาอีกอย่างคือผู้นำทีม มันไม่มีข้อกำหนด มหาลัยของเราได้รับการยอมรับแบบลับๆให้เป็นอันดับแรกๆของรายชื่อผู้ชนะในฐานะกัปตัน แต่นี่เป็นแค่ชื่อเรียกปลอมๆ มันไม่ได้มีความหมายอะไรเลย จากการแข่งขันครั้งก่อนๆ กัปตันส่วนใหญ่จะเป็นคนเขียนวิทยานิพนธ์และรับผิดชอบในการประสานงานเพื่อนร่วมทีมเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ตามเธอสามารถแต่งตั้งกัปตันได้ตามปี พวกเธอคิดว่าไง?”
หวังเสี่ยวตงดันกรอบแว่น “ให้ลู่โจวเถอะ ผมไม่สนใจ”
หลินอวี่เซียงพยักหน้า เธอย่อมไม่มีความเห็น
“เธอคิดว่าไง?” ศาสตราจารย์หลิวถามและมองดูลู่โจวด้วยรอยยิ้ม
“ผม…ไม่มีความเห็น”
เพื่อนร่วมทีมอีกสองคนไว้ใจลู่โจวมาก ถ้าเขาปฏิเสธมันคงไม่จริงใจไปหน่อย ดังนั้นเขาจึงตกลง
ศาสตราจารย์หลิวยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะกล่าวต่อ
“เมื่อถึงเวลา มหาลัยจะจัดรถบัสโรงเรียนไปส่งพวกเธอที่วิทยาเขตเก่าเพื่อแข่งขันและจัดเตรียมที่พักชั่วคราวให้เธอ”
“สุดท้ายอย่าลืมขอใบอนุญาตจากอาจารย์ของเธอแล้วเขียนเหตุผลการลาไว้ให้ชัดเจน ส่วนการเรียนที่พลาดไปในช่วงการแข่งขัน พวกเธอต้องหาทางชดเชยเอง”
“มีสงสัยตรงไหนอีกไหม? ถ้าไม่มีพวกเธอก็แยกย้ายกันได้”