Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 598 ตลาดที่สร้างโดยธีสิส
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 598 ตลาดที่สร้างโดยธีสิส
สำหรับผู้ได้รับรางวัลโนเบล การหาเงินเป็นงานที่ง่ายมาก
ถึงแม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะมีประสบการณ์ด้านการลงทุนมาเยอะและมีประสบการณ์ด้านการเงิน พวกเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องวิทยาศาสตร์มาก ดังนั้น นักลงทุนประเทศนี้มักจะหลีกเลี่ยง การลงทุนในด้านวิทยาศาสตร์ที่ลึกลับหรือพวกเขาก็จะปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
เมื่อเป็นเรื่องผู้เชี่ยวชาญ ดูเหมือนว่าในสายตาคนทั่วไป มันก็ไม่มีหลักประกันไหนที่ดีกว่าผู้ได้รับรางวัลโนเบล
ในสถานการณ์เช่นนี้ แม้ว่าคอนเซปต์จะดูไม่น่าเชื่อถือ ตราบใดที่มีคนได้รับรางวัลโนเบลเบอร์ใหญ่ออกตัวให้ ก็มีนักลงทุนจำนวนมากที่อยากลงทุน…ถึงพวกนั้นจะไม่รู้ว่ากำลังลงทุนเรื่องอะไรกันแน่
สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในสาขาฟิวชั่นที่ควบคุมได้ เรื่องประเภทนี้นั้นทั่วไปมาก
ยกตัวอย่างเช่น บล็อกเชน…
ลู่โจวไม่รู้ว่าภายในหนึ่งวัน ธีสิสของเขาทำให้คนจำนวนมากกระโดดจากขบวนเล็กของฟิวชั่นที่ควบคุมได้ไปสู่ขบวนใหญ่ของการลดขนาดของฟิวชั่นที่ควบคุมได้ มันยังมีผู้คนที่ฉลาดจำนวนมากที่คว้าโอกาสนี้แล้วเพิ่มรายได้สุทธิเป็นสองเท่า
ในหนึ่งวัน แนวคิดเรื่องแบตเตอรี่ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ดังเป็นพลุแตกในอเมริกา แล้วตลาดหลายพันล้านถูกสร้างขึ้น
ในอีกด้านหนึ่ง จีนก็ดูไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรมาก ท้ายที่สุดแล้ว ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ยังเป็นเทคโนโลยีที่อ่อนไหว บริษัทเอกชนส่วนใหญ่และบริษัทร่วมลงทุนนั้นทำได้แค่มองดูผ่านหน้าต่าง พวกเขาไม่สามารถหาตั๋วเข้าร่วมโชว์ได้ ยิ่งขึ้นไปเล่นบนเวทีก็แล้วใหญ่
แม้ว่าจะมีเสียงกระซิบกระซาบมากในด้านแบตเตอรี่ฟิวชั่น มันก็มีการลงมือเยอะเช่นกัน
สถาบันวิจัยที่ร่วมมือกันหลายสถาบันเริ่มวิจัยโปรเจกต์แบตเตอรี่ฟิวชั่น
เมื่อเทียบกับโปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิต การลดขนาดฟิวชั่นที่ควบคุมได้ไม่ได้เร่งด่วนขนาดนั้น ทั้งรัฐบาลและลู่โจวก็ไม่ได้เร่งรีบ พวกเขามีเวลาอีกมากในการวิจัย
เมื่อเทียบกับคนอื่น ลู่โจวรับผิดชอบเป็นหลักในบทบาทผู้นำ
สำหรับโฟกัสของงานปัจจุบัน มันก็ยังเป็นภารกิจรางวัลของระบบ
ลู่โจวตื่นขึ้นตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น
หลังจากเขาอาบน้ำ เขาใส่ชุดกีฬาแล้ววิ่งตามถนนยางมะตอยนอกแมนชั่นไปทางสนามกอล์ฟ
เวลาของฤดูใบไม้ผลิมาพร้อมเดือนมีนาคม และหน้าหนาวผ่านพ้นไปแล้ว ถึงมันจะเป็นเวลาหกโมงเช้า แต่ท้องฟ้าก็สว่างแล้ว และหมอกบางยามเช้ากำลังจางลง เพอร์เพิลเมาน์เทนเปล่งประกายจากแสงแดด
ถ้าลู่โจวไม่ได้ยุ่งเกินไป เขาจะวิ่งไปรอบละแวกเพื่อนบ้านไม่ช่วงกลางวันก็ช่วงกลางคืน เขาไม่ได้สนใจในเกมของทองคำที่เชื่องช้า แต่เขาก็มีความสุขกับความเขียวขจีที่นี่
ลู่โจววิ่งระยะสั้นๆ และหยุดแถวม้านั่ง เขาปาดเหงื่อด้วยผ้าขนหนูที่วางพาดไหล่ไว้
ด้วยความบังเอิญ มีชายวัยห้าสิบก็ออกกำลังกายในตอนเช้า เมื่อเขาเห็นลู่โจวนั่งอยู่ที่นี่ เขายิ้มและทักทายลู่โจว
“โอ้ วันนี้ศาสตราจารย์ลู่ออกกำลังกายตอนเช้า?”
ว่าไปแล้ว เขาก็เป็นคนดังในย่านนี้
ตอนที่โปรเจกต์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้ยังดำเนินอยู่ ทหารได้จัดตั้งทีมที่รับผิดชอบความปลอดภัยของเขาใกล้กับชานเมือง ผู้คนจำนวนมากจึงพูดคุยนินทาเรื่องลู่โจว
ลู่โจวพาดผ้าขนหนูไว้บนไหล่แล้วลุกขึ้นยืน เขาพูดตอบ “ใช่ครับ ผมต้องออกกำลังกาย การวิจัยทางวิทยาศาสตร์เป็นงานหนัก ถ้าผมไม่ออกกำลังกาย ผมก็จะตามคนอายุน้อยไม่ทัน”
ชายชรายิ้มและพูดว่า “คุณยังอายุไม่สามสิบปีเลย และคุณก็เปรียบเทียบตัวเองกับคนอายุน้อยแล้ว”
“ผมอายุยี่สิบหกแล้ว ใกล้จะถึงวัยสามสิบแล้ว”
จงซานอินเตอร์เนชั่นแนลถูกมองว่าเป็นพื้นที่ที่ร่ำรวยที่สุดในจินหลิง คนส่วนมากที่อาศัยอยู่ที่นี่นั้นร่ำรวยมาก ยกตัวอย่างเช่น จางอ้านเจียงที่กำลังคุยอยู่กับเขาก็เป็นซีอีโอของบริษัทที่จดทะเบียน
เพราะว่าลู่โจวเจอเขาบ่อย เขาเลยรู้ชื่อชายชราคนนี้ แต่ถึงชายคนนี้มีมูลค่าหลายล้าน ลู่โจวเคยทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าพันล้าน
อย่างน้อยในสายตาลู่โจว ชายชราคนนี้ก็เป็นคนธรรมดาที่ออกกำลังกายตอนเช้า
หลังจากคุยจิปาถะไปสักพัก ลู่โจวยืนขึ้นแล้ววิ่งในช่วงเช้าต่อ
ดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้าได้ขจัดหมอกยามเช้าไปหมด ลู่โจววิ่งกลับบ้านแล้วไปอาบน้ำที่ชั้นบน
เขากำลังใส่เสื้อกันลมตามปกติแล้วได้ยินเสียงกริ่งประตู หลังจากเสี่ยวไอยืนยันตัวตนของผู้มาเยือน ลู่โจวก็บอกให้มันเปิดประตู จากนั้นเขาเดินลงบันได
“ผมเอาอาหารเช้ามาให้” หวังเผิงวางนมถั่วเหลืองและเสี่ยวหลงเปาไว้บนโต๊ะ เขามองดูลู่โจวละถามว่า “คุณจะไปสถาบันวิจัยหรือมหาวิทยาลัย?”
“มหาวิทยาลัย”
ลู่โจวสะบัดหัวเพื่อให้ผมแห้งแล้วนั่งลงที่โต๊ะ ระหว่างที่เขากินเสี่ยวหลงเปา เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนดูเว็บไซต์ arXiv
เมื่อเห็นว่าลู่โจวยุ่ง หวังเผิงนั่งลงที่โซฟาแล้วหยิบนิตยสารที่โต๊ะกาแฟ
เมื่อเขาเปิดดูนิตยสาร เขาก็พบว่าเขาไม่เข้าใจอะไรเลย ดังนั้น เขาล้มเลิกความตั้งใจที่จะอ่านมัน
“ถ้าคุณสนใจ คุณลองอ่านไซแอนติฟิกรีพอร์ทได้นะ มันออกแนวนิตยสารวิทยาศาสตร์ขนาดใหญ่มากกว่า มันไม่ลึกลับแล้วคนส่วนใหญ่ก็อ่านบทความได้”
เมื่อเห็นว่าลู่โจวพูดโพล่งขึ้นมา หวังเผิงนิ่งไปสักพักแล้วยิ้มก่อนที่จะพูดว่า “ผมคิดว่าคุณอ่านแค่วิทยาศาสตร์หรือธรรมชาติ”
ลู่โจวดื่มนมถั่วเหลืองที่เหลืออยู่แล้วเอาผ้าเช็ดมือ
“บางครั้งผมก็อ่านบทความทั่วไป”
หวังเผิงพูดตอบ “พยายามทำให้ได้ทุกอย่างเลยเหรอ?”
ลู่โจวตอย “เปล่า มันมีบทความชวนตื่นเต้นที่ผมเห็นว่าน่าสนใจ”
หวังเผิง “…”
ลู่โจวมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว “ผมกินเสร็จแล้ว ไปกัน”
“ผมจะไปเอารถ” หวังเผิงลุกขึ้นจากโซฟา ทันใดนั้นเขานึกอะไรบางอย่างได้ เขาพูดขึ้นว่า “อ่อ หมอเหยียนฝากผมให้บอกคุณเรื่องหนึ่ง”
“อะไรเหรอ?”
“อย่าลืมตรวจสุขภาพพรุ่งนี้”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดตอบ “โอเค รับทราบ”
…
พวกเขานั่งรถประมาณยี่สิบนาที
รถสีดำที่มีธงชาติติดตั้งอยู่จอดใกล้กับอาคารคณิตศาสตร์
ลู่โจวทักทายผู้เฒ่าถังที่กำลังจะไปสอนหนังสือ จากนั้นเขามุ่งตรงไปออฟฟิศตัวเอง
หลินอวี่เซียงที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหาวขณะที่เตรียมสอบราชการระดับชาติ เมื่อเธอเห็นลู่โจวปรากฏตัวที่ประตู ตาของเธอมีประกายขึ้นทันที แล้วเธอเดินไปที่เครื่องทำกาแฟ หลังจากนั้นสักพัก เธอหยิบเอากาแฟอุ่นๆ ไปวางไว้บนโต๊ะของลู่โจวอย่างเบามือ
“ฉันใส่นมในกาแฟคุณ ดูเหมือนว่ามันจะช่วยเรื่องความเหนื่อยล้า”
“ขอบใจนะ”
ลู่โจวจิบกาแฟแล้ววางแก้วลง
“มันดีไหมคะ?”
“นี่กาแฟสดใช่ไหม?”
หลินอวี่เซียงมองดูลู่โจวโดยไขว้นิ้วไว้ที่หลังในขณะที่เธอพูด “ใช่แล้ว แฟนฉันได้มาจากบราซิล ถ้าคุณชอบ ฉันจะได้บอกให้เขาเอามาอีกครั้งหน้า”
ลู่โจวตอบ “ไม่ล่ะ ขอบคุณ ผมชอบกาแฟกึ่งสำเร็จรูปมากกว่า”
หลินอวี่เซียง “…?”
ขงเจี่ยนั่งอยู่ที่โต๊ะเธอใกล้ๆ เธออยากจะหัวเราะแต่ตัดสินใจอยู่นิ่งๆ
ประตูออฟฟิศถูกเปิดออก
สาวผมหางม้าเดินเข้ามา
หานเมิ่งฉีมองดูหญิงสาวที่ยืนใกล้โต๊ะลู่โจว เธอเดินไปหาลู่โจว จากนั้นเธอถามเสียงเบาว่า “อาจารย์ ขอยืมตัวหน่อยได้ไหมคะ?”
“เรียกผมศาสตราจารย์เถอะ” ลู่โจวกระแอมแล้วมองดูหลินอวี่เซียงในขณะที่เขาพูด “คุณไปได้นะ”
“อ่อ…โอเค”
หลินอวี่เซียงพยักหน้าแล้วเดินไป
หานเมิ่งฉีมองดูเธอแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ เมื่อเธอสังเกตว่าลู่โจวมองเธออยู่ เธอจึงนึกได้ว่าเธอมาที่นี่ทำไม
เธอหน้าแดงแล้วรีบหยิบธีสิสที่เธอถืออยู่ออกมา จากนั้นเธอชี้ตรงส่วนที่ไฮไลท์ไว้ในขณะที่พูดเสียงอ่อน “ฉันทำงานที่คุณสั่งเสร็จแล้ว…แต่มันมีบางส่วนที่ฉันยังนึกไม่ออก”
ลู่โจวมองดูส่วนที่ถูกไฮไลท์
“พวกมันมีฐานการคำนวณทั้งหมดเลย?”
“ใช่” หานเมิ่งฉีพยักหน้าอย่างประหม่าแล้วก้มหน้าลงในขณะที่พึมพำว่า “เป็นเพราะว่าฉันโง่ไปใช่ไหม?”
“ไม่มีทาง คุณออกจะมีความสามารถ ไม่มีใครเกิดมาพร้อมความรู้ การร่ำเรียนคือทุกอย่าง”
ลู่โจวหยิบกระดาษร่างมาจากลิ้นชักแล้วหยิบปากกาขึ้นมา เขาคิดคำนวณบนกระดาษแล้วเริ่มติวนักเรียนตัวเล็กของเขา
หลังจากลู่โจวอธิบายขั้นตอนการคำนวณ เขาก็นิ่งไปสักพักก่อนพูดต่อ “โดยสรุป คุณทำได้ดีแต่คุณต้องพัฒนาการคำนวณมากกว่านี้
“ถ้าคุณวางแผนที่จะพัฒนาทฤษฎีของผม ผมแนะนำให้คุณเลือกอินเตอร์เฟสโซลูชั่นอิเล็คโทรดกึ่งตัวนำเป็นจุดเริ่มต้น”
หานเมิ่งฉีพูดตอบ “อินเตอร์เฟสโซลูชั่นอิเล็คโทรดกึ่งตัวนำ?”
ลู่โจวพยักหน้าแล้วพูดว่า “จากที่มันเกี่ยวกับโมเดลปรากฏการณ์ รูปกายภาพของอินเตอร์เฟสโซลูชั่นอิเล็คโทรดกึ่งตัวนำนั้นซับซ้อนกว่าอินเตอร์เฟสโซลูชั่นอิเล็คโทรดโลหะ ทฤษฎีที่มีอยู่ของอินเตอร์เฟสนี้โฟกัสเป็นหลักที่การวิเคราะห์ของการกระจายชั้นชาร์จพื้นที่ที่เป็นไปได้ แต่เมื่อเป็นเรื่องอินเตอร์เฟสพื้นผิว ผลกระทบของระดับพลังงานอินเตอร์เฟสและอื่นๆ พวกนั้นยังไม่ได้ถูกสำรวจแบบลงลึก”
หานเมิ่งฉีเอิงหัวแล้วถาม “แล้วโมเดลทฤษฎีของโครงสร้างพื้นผิวสัมผัสเคมีไฟฟ้าไม่ได้อธิบายสิ่งนี้เหรอ?”
ลู่โจวตอบ “มันก็อธิบายสิ่งนี้ไปถึงระดับหนึ่ง แต่มันก็ไม่สมบูรณ์แบบ โมเดลทฤษฎีของผมใช้งานกับอินเตอร์เฟสโซลูชั่นอิเล็คโทรดตัวนำอิเล็คตรอนเป็นหลัก มันไม่เกี่ยวกับอินเตอร์เฟสกึ่งตัวนำ
“ผมกำลังทำโปรเจกต์สำหรับชิปคอมพิวเตอร์ฐานคาร์บอน ถ้าคุณสนใจ คุณสามารถพยายามวิจัยในด้านนี้ได้”
ชิปคอมพิวเตอร์ฐานคาร์บอนเป็นหนึ่งในโปรเจกต์สำคัญของสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง มีความคืบหน้าไปแล้วบ้าง แต่คอคอดทางเทคนิคบางส่วนยังไม่ถูกแก้ไข
ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี มันจะถูกแก้ไขได้ภายในไม่กี่ปี
หานเมิ่งฉีจำในสิ่งที่ลู่โจวพูดในขณะที่เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า “โอเค!”
หลิวสี่หยวนที่กำลังศึกษาอยู่ ได้ยินบทสนทนาระหว่างหานเมิ่งฉีและลู่โจว แล้วเขารู้สึกกังวล
นี่หรือโลกของคนอัจฉริยะ?
เขาเข้าใจในที่สุดแล้วว่าทำไมหานเมิ่งฉีถึงอยากคุยกับลู่โจวมาก…
ทันใดนั้นประตูออฟฟิศถูกเปิดออกอีกครั้ง
ลู่โจวคิดว่าเป็นนักศึกษาของเขาอีกคนที่เดินเข้ามา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นคนที่คุ้นเคย เขาอึ้งไป
หานเมิ่งฉีก็อึ้งเช่นกัน
เธอมองดูบุคคลนั้น “พี่?!”
……………………………………………….