Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 600 ตลาดหุ้นกำลังเสี่ยง
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 600 ตลาดหุ้นกำลังเสี่ยง
มีเรื่องธุรกิจปริมาณหนึ่งที่ให้พูดคุย
หลังจากนั้น ทั้งสามเริ่มคุยถึงสิ่งที่น่าสนใจทั้งในการงานและชีวิต
หลังจากเฉินยู่ซานกินของหวานและเครื่องดื่มจนหมด เธอมองดูนาฬิกาข้อมือและเห็นว่ามันเริ่มดึกแล้ว เธอยิ้มและพูดว่า “ฉันมีประชุมเร็วๆ นี้ ฉันจะต้องไปแล้ว อ่อใช่ เมิ่งฉี ฝากสวัสดีคุณแม่ของเธอด้วย เดี๋ยวไม่อีกกี่วันจะมาเยี่ยมอีก”
หานเมิ่งฉีพยักหน้าและพูดตอบ “โอเค!”
ลู่โจวมองดูเวลาแล้วก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
“อืม ผมต้องกลับแล้วเหมือนกัน รถคุณยังจอดที่ทางเข้ามหาวิทยาลัยใช่ไหม? ไปพร้อมกันเถอะ”
หลังจากที่เขากลับไปออฟฟิศ เขาคิดว่าจะส่งอีเมลไปหาซารอท
ถ้าซารอทอยากมาทำงานที่จีน ลู่โจวจะจัดหาห้องแล็บให้เขา
ถ้าเขาไม่อยากมา ลู่โจวก็จะเคารพการตัดสินใจของเขา และช่วยเขาหาห้องแล็บใหม่ ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี แม้ว่าสถานการณ์การเมืองจะกระทบการวิจัยของเขา เขาไม่อยากให้มันกระทบชีวิตเขาอีกต่อไป
แม้ว่าซารอทจะเป็นคนหุนหันมาตลอด แต่เขาก็มีความสามารถด้านวิชาการ
หลังจากทำงานด้วยการมานาน ลู่โจวชื่นชมเขา
เมื่อทั้งคู่เดินมาถึงทางเข้ามหาวิทยาลัย เฉินยู่ซานโบกมือลาลู่โจวและลูกพี่ลูกน้องของเธอ จากนั้นเธอขึ้นรถซีดานสีเงิน
ลู่โจวยิ้มแล้วโบกมือบอกลา
นับตั้งแต่ที่เฉินยู่ซานย้ายจากปักกิ่งไปเซี่ยงไฮ้ ลู่โจวรู้สึกว่าเธอมีพลังงานมากขึ้นเยอะ
ลู่โจวสัมผัสได้ถูกรังสีที่บรรยายไม่ถูกจากตัวเธอ
ดูเหมือนว่าเธอพบเป้าหมายชีวิตของตัวเอง
เธอได้ตามหาสิ่งแบบนี้มานาน แน่นอนว่าเธอได้พบเจอกับมันแล้ว
หานเมิ่งฉีเดินข้างกับลู่โจวแล้วหันไปมองหน้าเขา
เธอลังเลก่อนที่จะพูดว่า “อาจารย์…”
“อะไรเหรอ? “
“อืม…คุณคิดแบบไหนกับพี่สาวฉันล่ะ?”
ลู่โจวมองดูเธอด้วยสีหน้าแปลก
“คุณหมายความยังไงที่ผมคิดแบบไหน?”
แก้มของหานเมิ่งฉีแดงขึ้นในขณะที่เธอพูดอย่างประหม่าว่า “แบบ…ในแง่ความรู้สึก…”
ลู่โจวเงียบไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนเขากำลังคิดอยู่
หานเมิ่งฉีมองเขาแล้วรู้สึกกังวล
ทันใดนั้น เธอรู้สึกผิดที่ถามคำถามนี้ขึ้นมา
เมื่อเธอกำลังจะเปลี่ยนบทสนทนา ลู่โจวพูดขึ้นมาทันที
“เธอเป็นหนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่ผมพูดด้วยได้”
เมื่อหานเมิ่งฉีได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึง เธอนิ่งไปชั่วครู่
หนึ่งในเพื่อนไม่กี่คนที่พูดคุยด้วยได้?
เธอไม่รู้สาเหตุ แต่เมื่อเธอมองเขา เธอรู้สึกใจสลาย…
…
ไห่โจว ฐานเครื่องปฏิกรณ์สาธิต
โปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว หลังจากการประชุมยกย่อง ทุกคนก็แทบไม่มีอะไรจะทำ ในมุมหนึ่ง พวกนี้ก็ถือว่าได้การชดเชยที่ไม่ได้มีวันหยุดปีที่แล้ว
นอกจากผู้เชี่ยวชาญที่ยุ่ง ซึ่งรับผิดชอบเทคโนโลยีเชื่อมต่อกริดของเครื่องผลิตไฟฟ้า นักวิจัยและวิศวกรส่วนใหญ่ก็นั่งเฉยๆ อยู่ในออฟฟิศ พวกนี้จัดประชุมไร้จุดหมายที่เต็มไปด้วยเอกสารและก็ทำธุระของตัวเองเกือบตลอดเวลา
ยกตัวอย่างเช่นซู่อี้เหวินจากแผนกเทคนิคนั่นเพิ่งตื่นตาตื่นใจกับตลาดหุ้นฟิวเจอร์ส เมื่อใดที่เขาอยู่ที่ที่ทำงาน เขาก็จะมองดูชาร์ตและกราฟของตลาด นอกจากที่ไปเข้าห้องน้ำและกินข้าว เขานั่งติดโต๊ะตัวเองทั้งวัน
ซู่อี้เหวินที่ซื้อขายระยะสั้น มองดูตลาดหุ้นฟิวเจอร์สที่สิ้นหวังแล้วคลิกเมาส์ เขาถอนหายใจแล้วพูดอย่างสะเทือนอารมณ์
“ราคาฟิวเจอร์สของน้ำมันดิบเบรนท์อยู่ที่ประมาณ 60 ไม่นานมานี้ แต่ตอนนี้มันตกลงน้อยกว่า 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำไมบริษัทน้ำมันจีนถึงไม่ลดลงด้วยล่ะ?”
จากเทรนด์ตอนนี้ ราคาน้ำมันจะลดลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
เมื่อเวลานั้นมาถึง การผลิตน้ำมันของจีนจะหยุดลงอย่างแน่นอนใช่ไหม?
จางเสวี่ยเฉียนกำลังอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เมื่อเขามองดูร่วมงานแล้วยิ้ม
“ช่างมันเถอะ พอผานกู่เชื่อมต่อกับกริด มันจะเป็นไปไม่ได้ที่ราคาน้ำมันจะตก ลืมเรื่องราคาตกไป เมื่อเทคโนโลยียานพาหนะไฟฟ้าเติบโตแล้วสถานีชาร์จพลังได้ขยายไปที่เมืองชั้นที่สี่และชั้นที่ห้า ภาษีน้ำมันก็จะเพิ่มขึ้น”
ซู่อี่เหวินนิ่งไปสักพักแล้วถาม “ทำไมล่ะ?”
ผู้เฒ่าจางมองเขาแล้วยิ้มในขณะที่พูดว่า “คุณรู้จักกฎและการควบคุมเศรษฐกิจมาโครใช่ไหม?”
“ผมรู้…แต่เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไรกับกฎและการควบคุมเศรษฐกิจมาโครยังไง?”
“ลองคิดดู พลังงานของชาติเราพึ่งพาที่การนำเข้าเป็นหลักและช่องทางการขนพลังงานก็อยู่ในมือของคนอื่น หลังจากที่เครื่องปฏิกรณ์สาธิตได้เชื่อมต่อกับกริดและผลิตไฟฟ้า ค่าไฟก็จะถูกลง ประเทศเราจะต้องปรับโครงสร้างพลังงาน อย่างเช่น การผลักดันรถยนต์ไฟฟ้า ตอนนี้ถ้าราคาน้ำมันลดลง คุณจะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้าไหม?”
ซู่อี้เหวินคิดอยู่สักพักแล้วคิดว่ามันสมเหตุสมผล แต่ถ้ามีใครบอกให้เขาเปลี่ยนรถในทันที เขาก็จะรู้สึกลังเลเล็กน้อย
พอเห็นว่าซู่อี้เหวินไม่ได้พูดอะไร จางเสวี่ยเฉียนเริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องที่เขาอ่านในหนังสือพิมพ์
“พอแบตเตอรี่ลิเธียม-ซัลเฟอร์ถูกผลิตขึ้น ระดับของรถยนต์ไฟฟ้าก็จะไม่น้อยไปกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาก เวลาชาร์จอาจจะเป็นปัญหา แต่มันก็ดีกว่าเมื่อไม่กี่ปีก่อนเยอะ ผมก็ได้ยินมาว่าสมาพันธ์อุตสาหกรรมพลังงานนั้นจะรวมบริษัทรถยนต์จำนวนหนึ่งและทำให้อินเตอร์เฟสแบตเตอรี่เป็นมาตรฐาน ดังนั้นคงไม่มีใครจะชาร์จแบตเตอรี่ ในเมื่อเปลี่ยนแบตเตอรี่เอาก็ได้ แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่าเทคโนโลยีนี้จะมาตอนไหน เราต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”
รัฐได้ลงทุนเงินล้านล้านดอลลาร์ไปกับรถยนต์พลังงานใหม่ เงินนี้ต้องมาจากสักที่แน่นอน
มันมาจากที่ไหนล่ะ?
มันชัดเจนว่าเงินนี้มาจากคนพวกนั้นที่ไม่เต็มใจจะตามช่วงเวลาเปลี่ยนแปลงให้ทัน
ถึงแม้ว่าซู่อี้เหวินรู้ว่านี่เป็นสิ่งที่ดี เขาอดที่จะบ่นไม่ได้ “งั้นก็แปลว่าพวกเขาบังคับให้เราเปลี่ยนรถ?”
จางเสวี่ยเฉียนพูดว่า “คุณตีความแบบนั้นก็ได้…แต่คุณต้องยอมรับว่านี่เป็นสิ่งที่ถูกต้องในระยะยาว”
ไม่ว่าจะเป็นการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมหรือการได้หลีกหนีจากการพึ่งพาพลังงานนำเข้า นับตั้งแต่ที่อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้ก่อตั้งขึ้น รถยนต์พลังงานน้ำมันก็ค่อยๆ ถูกจำกัดออก
เจ้าหน้าที่รัฐบาลค่อนข้างฉลาด
พวกเขาใช้เงินน้อยกว่าหนึ่งแสนล้านหยวนในการสร้างเครื่องปฏิกรณ์ฟิวชั่น
ไม่เพียงแต่ว่ามันจะประหยัดค่าพลังงานเป็นล้านล้าน แต่มันก็ยังสร้างตลาดมูลค่าล้านล้าน
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีไฟฟ้า การผลิตอุตสาหกรรมและความยั่งยืนในสังคมจะพัฒนาอย่างแน่นอน
อนาคตจะมีหน้าตาอย่างไรนะ?
มันดูเหมือนว่ามีแค่เวลาที่จะบอกได้
ทันใดนั้น ประตูออฟฟิศถูกเปิดออก หัวหน้าหวังจากแผนกการเงินเดินเข้ามา
เขาถูกลิสต์รายชื่อและสัญญาอยู่ในมือ เขาเลี่ยงที่จะพูดจิปาถะแล้วพุ่งเข้าประเด็น
“อีสต์เอเชียเอเนอร์จี้กำลังระดมทุนจากสาธารณะ พวกคุณสนใจไหม? ถ้าไม่ ผมจะได้ไปถามคนอื่น”
ซู่อี้เหวินกำลังจะถามคำถามเพิ่ม เขารู้สึกเซอร์ไพรส์ที่เห็น ผู้เฒ่าจางที่ไม่สนใจในหุ้น ลุกขึ้นทันที
“พวกเขาระดมเงินเท่าไหร่?”
หัวหน้าหวังพูดต่อ “หุ้นทั้งหมดสองพันล้านถูกตีพิมพ์ออกมา หุ้นละสิบดอลลาร์”
ซู่อี้เหวินตัวแข็ง
อะไรวะเนี่ย?
พวกนั้นจะระดมเงินสองหมื่นล้าน?
แต่เขารู้สึกเซอร์ไพรส์ยิ่งกว่ากับคำพูดของผู้เฒ่าจาง
“ผมจะซื้อหนึ่งแสนหุ้น!”
ซู่อี้เหวิน “???”
หุ้นหนึ่งพันร้อยเท่า!
นั้นมันหนึ่งล้าน!
ชายคนนี้พูดอยู่ตลอดว่าเขาจนแค่ไหน แล้วเขารวยตั้งแต่เมื่อไหร่?
หัวหน้าหวังไม่ได้ยอมรับคำขอของเขา เขาส่ายหัวแล้วพูดตอบ “พนักงานทุกคนสามารถซื้อได้แค่สามพันหุ้น”
เมื่อจางเสวี่ยเฉียนได้ยินตัวเลขนี้ เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
“แค่สามพัน?”
“ใช่” หัวหน้าหวังสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่ได้วางแผนว่าจะต่อรองเลย เขาพูดว่า “พนักงานเทคนิคถูกจำกัดที่สามพัน ส่วนพนักงานธุรการอยู่ที่สองพัน และพนักงานที่เหลือได้แค่หนึ่งพัน เลขาเฟิงเขียนกฎพวกนี้ ถ้าคุณไม่พอใจก็ลองไปคุยกับเขาได้
เมื่อเห็นว่าเลขาเฟิงตั้งกฎเหล่านี้ จางเสวี่ยเฉียนถอนหายใจแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก
สามพันก็เยอะอยู่เหมือนกัน
เมื่อรวมกับสมาชิกกองทัพรวมทั้งหน่วยวิจัยทั่วประเทศ ทีมโปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิตทั้งหมดมีคนจำนวนหลักหมื่น มีเพียงหุ้นจำนวนแค่สองพันล้านที่ถูกจำหน่ายให้สาธารณะ สามพันหุ้นต่อคนถือว่าค่อนข้างดี ถ้าคนทั่วไปอยากซื้อหุ้น พวกนั้นอาจจะต้องเสี่ยงดวง
จางเสวี่ยเฉียนปลอบตัวเองในใจแล้วหยิบสัญญาจากมือหัวหน้าหวัง เขาเซ็นชื่อตัวเองในสัญญาแล้วเขียนจำนวนหุ้นลงไป
“อย่าลืมชำระเงินก่อนวันพุธ ไม่เช่นนั้นออร์เดอร์คุณจะหมดอายุ”
หัวหน้าหวังมองดูอีกคนที่นั่งในออฟฟิศ คนคนนั้นคือซู่อี้เหวินซึ่งนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์
ก่อนที่เขาจะเปิดปาก ซู่อี้เหวินชิงพูดก่อน
“ผมเอาด้วย”
หลังจากซู่อี้เหวินเขียนออร์เดอร์ หัวหน้าหวังออกจากออฟฟิศไป
ซู่อี้เหวินมองดูสัญญาในมือแล้วถามอย่างสะเทือนอารมณ์ “ผู้เฒ่าจาง ตลาดหุ้นมันเสี่ยงนะ เราซื้อมากไปไหม?”
จางเสวี่ยเฉียนกลอกตาทันทีแล้วยื่นมือออกมาและพูดว่า “ถ้าคุณไม่ต้องการแล้ว เอามาให้ผม ผมจะรับความเสี่ยงคุณเอง”
“ผมก็แค่พูด…”
ซู่อี้เหวินยิ้มและกำสัญญาในมือไว้แน่น
เขาแค่พูดเล่น เขาไม่ได้โง่
โอกาสเงินฟรีประเภทนี้มีครั้งเดียวในชีวิต มันไม่มีทางที่เขาจะยกมันให้กับใคร
ระหว่างที่หุ้นอีสต์เอียเอเนอร์จี้ถูกออกให้กับทีมโปรเจกต์เครื่องปฏิกรณ์สาธิต การซื้อออนไลน์ก็เริ่มขึ้นเช่นกัน
แต่คนที่ได้ยินข่าวนี้ล่วงหน้าผ่านช่องทางต่างๆ รวมถึงนักลงทุนมืออาชีพ อย่างเช่น กองทุนรวมตราสารทุนเอกชน และบริษัทลงทุน ซึ่งได้รีเฟรชหน้าสั่งซื้อ ต่างรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่เห็นมูลค่าหลักทรัพย์สองหมื่นล้านหายไปในพริบตา
………………………………………………………..