Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 619 จากทั่วทุกมุมโลก / ตอนที่ 620 ชอล์กที่หยุดเขียน
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 619 จากทั่วทุกมุมโลก / ตอนที่ 620 ชอล์กที่หยุดเขียน
ตอนที่ 619 จากทั่วทุกมุมโลก
ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม บรรยากาศที่จินหลิงดูแปลกไปจากปกติ
จากที่วันการรายงานเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นักวิชาการจากทั่วทุกมุมโลกบินมาที่จินหลิง เมืองนี้ไม่เคยมีวัฒนธรรมวิชาการสากลได้โด่งดังขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะจุดฮ็อตสปอททางวิชาการ
หลังจากมหาวิทยาลัยจินหลิงประกาศรายงาน ไม่ว่าจะเป็นโรงแรมที่ให้การพักอาศัยหรือเทศบาลของเมืองจินหลิง ทุกฝ่ายต่างจัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง จากการทำความสะอาดถนนไปถึงการจัดการจราจร หน่วยงานรัฐของเมืองได้ให้ไฟเขียวกับสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของมหาวิทยาลัยจินหลิง
ท้ายที่สุดแล้ว การสัมมนาระดับโลกประเภทนี้ได้ดึงดูดนักวิชาการกว่าพันคนและกลายเป็นศูนย์กลางความสนใจของชุมชนฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ กิจกรรมแบบนี้เกิดแค่ครั้งเดียวในรอบหลายปี การที่สามารถจัดการรายงานได้เป็นเกียรติของมหาวิทยาลัย และมันเป็นโอกาสที่เมืองจินหลิงจะนำเสนอตัวเองต่อชุมชนสากล
มันไม่ใช่แค่ชื่อเสียงของเมือง แต่มันยังเกี่ยวกับการเมือง พวกเขาทุกคนจะต้องจัดกิจกรรมนี้อย่างจริงจัง
ที่ทางเข้าของโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนทัล
ชายชราที่สวมแจ็กเกตสีดำถือกระเป๋าเดินทางขึ้นบันไดแล้วไปยืนหน้าทางเข้าโรงแรม จากนั้นเขามองดูนาฬิกาข้อมือ ชายในสูทสีเทาเดินออกมาจากลิฟต์ของโรงแรมและต้อนรันเขา
เมื่อฟาลติ้งส์เห็นชายคนนี้เดินออกจากลิฟต์ของโรงแรม เขาเลิกคิ้วขึ้น
“ผมไม่คิดว่าคุณจะมาถึงที่นี่ก่อน”
คลิทซิ่งยิ้มและพูดว่า “คุณช้าเกินไป ผมถึงที่นี่สองวันแล้ว”
ฟาลติ้งส์ถาม “คุณเจอเขาหรือยัง?”
“เจอแล้ว ผมไปหาเขาที่มหาวิทยาลัยจินหลิงเมื่อวาน ดูเหมือนว่าเขาสบายดี เขาพาผมไปเยี่ยมสถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูงและสถานที่ที่น่าสนใจแถวนั้น” คลิทซิ่งนิ่งไปชั่วครู่และพูดว่า “การมาถึงก่อนเป็นเรื่องดี”
ฟาลติ้งส์ไม่ได้เปลี่ยนในระหว่างที่เขาพูด “คุณรู้ว่าผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้”
คลิทซิ่งยักไหล่และพูดว่า “ผมรู้ ผมก็ใส่ใจเรื่องที่คุณใส่ใจ แต่การรายงานจะเริ่มขึ้นพรุ่งนี้ ไว้รอถึงพรุ่งนี้แล้วค่อยคิดเรื่องมีปัญหาพวกนี้”
ฟาลติ้งส์รู้สึกว่าคลิทซิ่งพูดเข้าท่า เขาเลยไม่ได้พูดอะไรเสริม เขาถือกระเป๋าเดินทางเข้าลิฟต์ไปพร้อมกับคลิทซิ่ง
ทั้งโรงแรมถูกจองไว้สำหรับการรายงานสามวัน นักฟิสิกส์เชิงทฤษฎีและนักคณิตศาสตร์จากทั่วโลกพำนักอาศัยอยู่ที่นี่
ระหว่างทางไปห้องพัก ผู้คนทักทายฟาลติ้งส์ตลอดทาง ซึ่งเขาพยักหน้าตอบรับ เขาค่อนข้างเซอร์ไพรซ์ โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นศาสตราจารย์ซาร์นักจากพรินซ์ตันและแอนดรูว์ ไวล์ส จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด
“ไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนเก่าหลายคนที่นี่”
“ท้ายที่สุดแล้ว คำถามนี้ได้สร้างปัญหาให้ชุมชนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์เป็นเวลานาน” คลิทซิ่งยิ้มและพูดว่า “เราทุกคนต่างอยากรู้คำตอบ”
ฟาลติ้งส์พูดตอบ “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”
คลิทซิ่งเลิกคิ้วด้วยความสนใจ
“อย่างนั้นเหรอ?”
“คณิตศาสตร์กำลังเด็กลงเรื่อยๆ”
ฟาลติ้งส์นิ่งไปสักพักแล้วพึมพำกับตัวเอง “นี่เป็นเรื่องดี”
…
วันของการรายงาน
กลุ่มผู้คนอัดแน่นกันในหอประชุมใหญ่ที่วิทยาเขตเก่าของมหาวิทยาลัยจินหลิง
ศาสตราจารย์เดอลีงย์สวมหมวกสีดำซึ่งปกปิดหัวเป็นประกายและแจ็กเกตสีดำ เขาเดินเข้าไปที่แถวสามในหอประชุมและนั่งข้างเอ็ดเวิร์ด วิทเทน
“คุณไม่ได้ทำรายงานที่เซิร์นเหรอ? คุณมีเวลามาถึงอีกฟากของมหาสมุทรแปซิฟิกได้อย่างไร?”
“ผมได้ยินมาว่ามีรายงานที่น่าสนใจอยู่ ผมเลยมา” วิทเทนยิ้มแล้วพูดกับเพื่อนเก่า “แล้วก็พาร์ทเนอร์วิจัยของผม ศาสตราจารย์วิลก์เซคหยุดทำงานทันทีและยืนยันว่าจะมาที่นี่ ผมไม่อยากอยู่ที่สวิทเซอแลนด์คนเดียว ผมเลยคิดว่ามาที่นี่ดีกว่า แล้วคุณล่ะ?”
“ผมหมายถึงเขาเป็นลูกศิษย์คน…” เดอลีงย์เห็นท่าทีเซอร์ไพรส์ของวิทเทน และถามว่า “อะไรนะ?”
ศาสตราจารย์วิทเทนกระแอมและพูดว่า “เปล่า ผมลืมว่าศาสตราจารย์ลู่เคยศึกษาตรีโกณมิติพีชคณิต”
เดอลีงย์ “…”
แถวหน้าของหอประชุมไม่ใช่ที่เดียวที่วุ่นวาย ทั้งสองด้านของหอประชุมมีผู้คนที่รับผิดชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อยของการสัมมนา แล้วก็มีคนงานโลจีสติกส์ที่ทำงานมาตั้งแต่หกโมงเช้า
ทุกงานกิจกรรมที่ยอดเยี่มมีผู้คนทำงานเบื้องหลังนับไม่ถ้วน
อาจารย์ใหญ่สวี่มาสั่งงานพนักงานโลจีสติกส์ที่หอประชุมด้วยตัวเองเพื่อจัดงานสัมมนาให้ดีและไม่ให้มหาวิทยาลัยเหยียนหัวเราะเยาะใส่ คณบดีฉินก็ทำงานหนักเช่นกัน โดยตามตรง เขานั้นวิตกกังวลมากกว่า
ถึงแม้ว่าเขาไม่ใช่คนรายงาน มือของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
นี่เป็นครั้งแรกที่ภาคคณิตศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงได้ยินบนเวทีสากล มันเป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญหน้ากับโลก
ไม่เพียงการรายงานนี้จะส่งผลต่ออนาคตของภาคคณิตศาสตร์ แต่มันยังส่งผลต่ออนาคตของมหาวิทยาลัยจินหลิง
มีเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะถึงเวลารายงาน
ห้องเตรียมตัวที่เงียบของลู่โจวนั้นต่างจากหอประชุมเสียงดัง เขานั่งเงียบๆ ที่โต๊ะ เขากำลังคำนวณบางอย่างระหว่างที่เขียนบนกระดาษร่าง
เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากนอกประตู
หลินอวี่เซียงเคาะประตูเสียงเบาและเดินเข้ามา เธอใส่ชุดเดรสสีแดง
“ศาสตราจารย์ งานกำลังจะเริ่มแล้ว”
ลู่โจวควงนิ้วรอบปากกาลูกลื่นแล้วมองดูโคมไฟระย้าที่เพดาน จากนั้นเขาลุกขึ้น
“โอเค เข้าใจแล้ว”
หลินอวี่เซียงเห็นว่าลู่โจวกำลังเดินไปต่อเสื้อผ้า และเธอพูดขึ้น “คุณอยากให้ฉันช่วยผูกเนกไทไหมคะ?”
“ไม่ดีกว่า”
หลินอวี่เซียงถอนหายใจ
ถึงแม้เธอรู้ว่าเขาจะพูดแบบนี้ แต่วิธีที่เขาปฏิเสธเธอมันไม่ไพเราะเสียเลย…
ลู่โจวหยิบสูทจากตู้เสื้อผ้ามาใส่ เขาเดินไปที่หน้ากระจกและตรวจดูตัวเอง
หลังจากที่เขายืนยันว่าเขายังเป็นคนหล่อ เขาจัดเนกไทให้แน่นและเดินออกจากห้อง
หานเมิ่งฉียืนอยู่ในใกล้ทางเข้าห้องเตรียมตัว เมื่อเธอเห็นลู่โจวเดินออกมาจากห้อง เธอพูดเชียร์ “ศาสตราจารย์…คุณทำได้!”
“อื้อ” ลู่โจวพยักหน้าและพูดอย่างสบายๆ “แน่นอน ผมทำได้”
………………………………………………………….
ตอนที่ 620 ชอล์กที่หยุดเขียน
ไฟถูกเปิดขึ้น
ลู่โจวเดินนิ่งขึ้นเวทีหอประชุม
วินาทีที่เขาเดินไปตรงขาตั้งไมโครโฟน เสียงพูดคุยเงียบลง แล้วหอประชุมเงียบอย่างกะทันหัน
ในขณะที่ลู่โจวยืนบนเวทีและมองไปรอบหอประชุม เขารู้สึกตัวแข็งจากข้างใน
นี่ไม่ใช่การรายงานครั้งแรกของเขา
มันยังไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้ท้าทายปัญหาระดับโลก
ลู่โจวยื่นมือไปปรับขาตั้งไมค์ จากนั้นเขาพูดด้วยเสียงฟังชัด “ขอบคุณพวกคุณทุกคนที่สละเวลาจากตารางยุ่งเพื่อมาที่นี่ ผมจะไม่ทำให้พวกคุณเสียเวลาอีกต่อไป มาเข้าประเด็นกันเลย”
หลังจากที่พูดเปิด ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่และพูดต่อ “ผมมั่นใจว่าพวกคุณได้อ่านธีสิสของผมก่อนมาที่นี่ ผมจะอธิบายขั้นตอนพิสูจน์ซ้ำและอธิบายขั้นตอนการคิดสำหรับข้อพิสูจน์นี้อย่างละเอียด
ผมมั่นใจว่าหลังจากผมอธิบาย มันจะไม่มีความสับสนในสมองพวกคุณอีกต่อไป
ถ้าคุณมีคำถาม ถามผมได้ระหว่างช่วงถามตอบ”
พาวเวอร์พอยต์บนจอโปรเจคเตอร์พลิกไปหน้าใหม่ แสดงบรรทัดของสูตรให้ทุกคนเห็น
[F^i(μv)≡δμ·Av^i-δv·Aμ^i+g(f^ijk)·(Aμ^j)·(Av^k).]
[…]
“เมื่อเราตั้งสนามเวกเตอร์ที่ไม่กระจายตัวของสวาร์กับสมการและตั้งช่วงเวลา I ⊂ [0, + ∞) จากนั้น เราสามารถหาค่าของโซลูชั่น N9 ทั่วไปของสมการหย่ง-มิลส์ เป็นสมการอินทิกรัล μ, ie μ→ H10df (R3)…
“มันยากที่จะแก้สมการอนุพันธ์บางส่วนโดยใช้วิธีการทั่วไป และมันก็ยากที่จะพิสูจน์การมีอยู่ของทางแก้ เราต้องแนะนำแมนิโฟลด์สามมิติ และเชื่อมช่องว่างระหว่างสมการไร้มิติและหลักการตรีโกณโดยการแนะนำไอเดียโทโพโลจี…”
ลู่โจวหยิบชอล์กที่ชิ้นค่อนข้างยาวจากโต๊ะแล้วเดินไปที่กระดานดำ จากนั้นเขาเริ่มเขียน
ในฝูงคน
แถวหน้า
เมื่อนักวิชาการลู่มองดูลู่โจวที่เขียนบนกระดานดำ เขารู้สึกสะเทือนอารมณ์
“มันเยี่ยมมาก”
ศาสตราจารย์ถังนั่งอยู่ข้างเขา เขายิ้มและถามว่า “อะไรเยี่ยมเหรอ?”
นักวิชาการลู่ไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่เขากลับหวนคืนถึงอดีต
“เมื่อห้าปีก่อน ที่การประชุมวิจัยนิวเคลียร์ยุโรปของเซิร์น ผมไม่เห็นด้วยกับเขาในเรื่องคุณลักษณะพลังงานพีค 750 GeV ความเห็นของผมคือสัญญาณอาจจะเป็นสัญญาณสองโพตอรที่สร้างโดยกลูออนระหว่างการโพลีเมอไรซ์ เขายืนยันว่ามันอาจจะมีบางอย่างเหนือโมเดลมาตรฐาน”
“แล้วเกิดอะไรขึ้น?” ศาสตราจารย์ยิ้มและถาม “เขาถูกหรือคุณถูกล่ะ?”
“มันไม่มีข้อสรุป” นักวิชาการลู่ส่ายหัวและพูดต่อ “เซิร์นทำการวิจัยเรื่องการค้นพบของเขาไปทั้งปี และชุมชนฟิสิกส์เชิงทฤษฎียังได้ปูทางอนุภาคไปตลอดทั้งปี จากนั้น…มันเหมือนว่าทั้งจักรวาลกลั่นแกล้งเรา บางคนพูดว่ามันเป็นความผันผวนควอนตัม คนอื่นบอกว่าสิ่งนี้คือสัญญาณสองโฟตอนที่สร้างโดยการโพลีเมอไรซ์ของกลูออน…แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นหลัก”
นักวิชาการลู่นิ่งไปสักพักแล้วยิ้ม เขาพูดว่า “การที่สามารถยืนหยัดกับความคิดตัวเองเมื่อถูกท้าทายโดยอำนาจที่เหนือกว่าเป็นอุปนิสัยที่หายากโดยเฉพาะนักเรียนที่ถูกฝึกมาในระบบการศึกษาของเรา คุณสมบัตินี้น่ายกย่องเป็นอย่างมาก นับตั้งแต่ตอนนั้น ผมรู้ว่าเด็กคนนี้จะสร้างชื่อให้กับตัวเอง ผมไม่ได้หวังว่าผมจะประเมินเขาต่ำไปจริงๆ ผมไม่อยากเชื่อว่าเขามาถึงจุดนี้ได้เวลาเพียงแค่ห้าปี”
ประโยคสุดท้ายได้ตอบคำถามของถังจื้อเหว่ยในที่สุด
เขาแค่คิดว่าด้วยความสามารถและงานลงแรงหนักของลู่โจว เขามีแนวโน้มที่จะได้ที่ของตัวเองทั้งในโลกคณิตศาสตร์และโลกฟิสิกส์ แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นในห้าปีอันสั้นนี้ ไม่เพียงแต่ว่าเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่เขายังทำให้มหาวิทยาลัยจินหลิงรวมทั้งวิชาการจีนแข็งแกร่งขึ้น
ศาสตราจารย์ถังยิ้ม “ใช่…
เขาเป็นนักเรียนที่สมองไวที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น”
การรายงานดำเนินต่อไป
หลังจากที่ส่วนของแอล แมนิโฟลด์จบลง ลู่โจวเร็วความเร็วของการรายงานขึ้น
ธีสิสมีความยาวสี่สิบหน้า และกระบวนการพิสูจน์หลักนั้นมีอย่างน้อยยี่สิบหน้า
ถ้าเขาไม่อยากให้ช่วงถามตอบเป็นช่วงบ่าย เขาก็ต้องพูดให้จบภายในสองชั่วโมง
จากที่ความเร็วการรายงานของลู่โจวค่อยๆ เพิ่มขึ้น นักวิชาการในหอประชุมมองสมการแต่ละบรรทัดอย่างตั้งใจ พวกนั้นไม่อยากพลาดแม้แต่ตัวอักษรหรือรายละเอียดเดียว
สำหรับนักวิชาการเหล่านี้ พวกเขาและเธอไม่จำเป็นต้องกังวลว่าไม่เข้าใจรายงาน อย่างมากที่สุด พวกเขาไม่มีเวลาคุยสัพเพเหระกับเพื่อนระหว่างที่ฟังรายงาน
หน้าพาวเวอร์พอยต์ถูกแสดงไปทีละหน้า
มีสมการปรากฏบนกระดานดำมากขึ้นเรื่อยๆ
ลู่โจวลืมไปสนิทว่าเขาอยู่ที่ไหน แล้วเขาลืมไปหมดเลยว่ามีผู้ชมอยู่ข้างหลังเขา เขาได้เขาไปใน “โซน” ซึ่งความสนใจของเขาทั้งหมดไปอยู่ที่ชอล์กกับกระดานดำที่เต็มไปครึ่งหนึ่ง
ระหว่างที่เขาเขียนและอธิบาย ลู่โจวก็ยังจัดความคิดของเขาเรื่องข้อพิสูจน์การมีอยู่ของทางแก้สมการหยาง-มิลส์
ในขณะที่เขาจัดความคิดตัวเองอยู่ มีแรงบันดาลใจและไอเดียใหม่ๆ บ่มเพาะในความคิดของเขา
มันเป็นหน้าที่ 36 ของธีสิส
การรายงานกำลังจะจบลง
ศาสตราจารย์คลิทซิงได้พักในที่สุด ตั้งแต่ที่เขาได้ทำความเข้าใจแก่นของกระบวนการพิสูจน์ เขามองฟาลติ้งส์ ซึ่งนั่งอยู่ข้างเขา และถามว่า “ข้อพิสูจน์นี้วิเศษไปเลย…คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
ฟาลติ้งส์จ้องมองตรงบรรทัดสมการบนกระดานดำ และเขาดูเหมือนกำลังวิเคราะห์อะไรบางอย่าง เขาไม่ได้พูดอยู่นาน
ก่อนที่เขาจะมาจีน เขาศึกษาแอล แมนิโฟลด์ และข้อพิสูจน์ของการมีอยู่ของทางแก้สมการหยาง-มิลส์ แล้วเขาก็คุยกับนักศึกษาปริญญาเอกหลายคนในสายนี้ซึ่งมาจากสถาบันมักซ์พลังค์ แต่เขายังมีข้อสงสัยในบางรายละเอียด
อย่างไรก็ตาม คำถามของเขาเกือบทั้งหมดได้ถูกตอบไปแล้ว
ผ่านไปประมาณห้าหรือหกนาที…เขามองดูที่พรีเซนต์พาวเวอร์พอยต์ หลังจากนั้น เขามองดูกระดานดำ จากนั้นเขาพูดอย่างหน้าตาย “เขาไขข้อสงสัยบางอย่างที่ผมมี…แต่ไม่ใช่ทั้งหมด”
ศาสตราจารย์คลิทซิ่งขำ
เมื่อฟาลติ้งส์พูดแบบนี้ ผมเดาว่ามันคงไม่มีปัญหากับข้อพิสูจน์
แต่เมื่อเขากำลังรอให้ลู่โจวพูดเสร็จ เขาจะได้ลุกขึ้นปรบมือให้…
จู่ๆ ลู่โจวหยุดเขียนกระดาน
…………………………………………….