Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 625 เขายังเป็นคนอยู่ใช่ไหม? / ตอนที่ 626 ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของคณิตศาสตร์และฟิสิกส์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 625 เขายังเป็นคนอยู่ใช่ไหม? / ตอนที่ 626 ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของคณิตศาสตร์และฟิสิกส์
ตอนที่ 625 เขายังเป็นคนอยู่ใช่ไหม?
ระหว่างที่ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงได้เผยแพร่ผลวิจัยบนเว็บไซต์ทางการและติดต่อสำนักสื่อเพื่อจัดแถลงเรื่องนี้ ลู่โจวนั่งรถเอสยูวีสีขาวของเหยียนเหยียนที่จอดอยู่นอกบ้านเขา
หลังจากที่นั่งรถมาครึ่งชั่วโมง รถหยุดตรงที่ลานจอดรถใต้ดินของโรงแรม
หลังจากเหยียนเหยียนกดเบรกมือ เธอมองดูลู่โจวผ่านกระจกข้างราวกับว่าเธอพยายามอวดทักษะการขับรถ แต่ว่าลู่โจวไม่ได้สังเกตเธอเลย ท้ายที่สุดแล้ว เขายังโฟกัสธีสิสที่เขาเพิ่งเขียน
หลังจากเขาลงจากรถ เขาขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ล็อบบี้โรงแรม
มันเป็นเวลาเจ็ดโมงเช้าแล้ว และมีนักวิชาการหลายคนที่มีการนอนที่สุขภาพดีออกมาจากเตียงกันแล้ว
โดยเฉพาะคนที่มีแผนจะบินวันนี้ พวกนั้นกำลังเดินถือกระเป๋าเดินทางเดินออกจากทางเข้าหลัก แต่นักวิชาการอึ้งตอนที่ได้เห็นลู่โจว
ลู่โจว?
ไม่ใช่ว่าชายคนนี้ปลีกวิเวกอยู่เหรอ?
ทำไมเขามาแต่เช้าล่ะ?
บางที…
ทันใดนั้น นักวิชาการที่ซื้อตั๋วไปแล้วและกำลังเดินผ่านทางเข้าหลักโดยมีกระเป๋าเดินทางอยู่ในมือเริ่มจะลังเล
เมื่อเฟฟเฟอร์แมนเดินออกจากลิฟต์ เขาสบตากับลู่โจวแล้วนิ่งไปชั่วครู่ ทันใดนั้น เขาเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มร่าเริง
“ผมไม่อยากเชื่อ คุณออกจากบ้านแล้ว?”
ลู่โจวกระแอมและพูดว่า “หมายความว่าไงที่ออกจากบ้าน ผมไม่ใช่อินโทรเวิร์ตนะ”
“ไม่ ผมหมายถึงที่คุณไปพัก…คุณรู้ว่าผมกำลังพูดอะไร เรื่องวิธีเฉพาะตัวในการวิจัยปัญหา พวกเราต่างคิดว่าคงเป็นอย่างน้อยหนึ่งเดือนกว่าคุณจะออกมา ผมไม่คิดว่าคุณจะออกมาเร็วขนาดนี้” เฟฟเฟอร์แมนยิ้มและตบไหล่ลู่โจว เขาพูดว่า “เอาเถอะ…คุณก็มาที่นี่แล้ว ผมเดาว่าผลลัพธ์ของคุณถูกต้อง? ผมมีคำถามเยอะแยะที่อยากจะถามคุณ งั้นเรากินอาหารเช้าด้วยกันไหม?”
ลู่โจวตอบ “ผมกินอาหารเช้ามาแล้ว”
เฟฟเฟอร์แมนยักไหล่และพูดว่า “น่าเสียดาย งั้นผมดื่มชายามบ่ายกับคุณได้ไหม?”
“ได้เลยครับ ผมยังมีปัญหาเกี่ยวกับการมีอยู่ของสมการหยาง-มิลส์และช่องว่างมอลที่ผมอยากหารือกับคุณ” ลู่โจวมองดูนาฬิกาข้อมือและพูดว่า “มันจะมีการรายงานเรียบง่ายในอีกสองชั่วโมงในสถานที่เดิมกับเมื่อวาน มันจะเป็นภาคต่อของรายงานเมื่อวาน ผมจะอธิบายทางแก้ทั่วไปและตอบคำถามบางส่วน”
เฟฟเฟอร์แมนพูดด้วยท่าทีจริงจัง “คุณยังไม่มีธีสิสเหรอ? หรืออย่างน้อยก็ธีสิสฉบับร่าง? ผมเดาว่าคุณไม่ได้เตรียมพาวเวอร์พอยต์มา ผมเกรงว่ามีคนจำนวนไม่เยอะที่ตามจังหวะของคุณทัน”
ลู่โจวส่ายหน้าแล้วพูดเชิงขอโทษว่า “กรอบเวลามันสั้นเกินไป และผมไม่มีเวลา แต่ธีสิสอยู่บน arXiv แล้ว ผมจะบอกให้ทางมหาวิทยาลัยจินหลิงพิมพ์สำเนาสองสามร้อยชุดก่อนการรายงาน และทำให้แน่ใจว่าทุกคนได้รับสำเนา”
“อยู่บน arXiv แล้ว? คุณน่าจะบอกผมก่อน” ศาสตราจารย์เฟฟเฟอร์แมนคิดอยู่สักพักและพูดว่า “ผมแนะนำให้เลื่อนเวลารายงานเป็นบ่ายสองโมง ด้วยทางนี้ เราจะมีเวลาอ่านธีสิสมากขึ้น”
ตามปกติแล้ว สำหรับโจทย์คณิตศาสตร์ใหญ่แบบนี้ มันต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามวันเพื่อทำความเข้าใจธีสิสอย่างถ่องแท้ ถ้าลู่โจวอยากจะทำรายงานในสองชั่วโมง แม้แต่นักวิชาการที่วิจัยสมการหยาง-มิลส์ก็คงมีปัญหาในการฟังรายงาน
ลู่โจวคิดอยู่สักพักและรู้สึกว่ามันฟังดูสมเหตุผล เขาเลยพยักหน้าและตอบกลับ “โอเคครับ เราจะทำตามแผนของคุณ”
…
ระหว่างที่คนจากมหาวิทยาลัยจินหลิงได้แจ้งผู้เข้าร่วมทุกคนเกี่ยวกับการรายงานนี้อย่างไม่ลดละ ประกาศจากศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงได้แพร่ไปทั่วเครือข่ายสื่อรายใหญ่
เพราะว่าสมการหยาง-มิลส์ติดเทรนด์เมื่อวาน ลู่โจวก็ยังอยู่ในหน้าติดเทรนด์ เป็นเพราะศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง วันนี้เขาเลยอยู่บนหน้าติดเทรนด์อีก
เครือข่ายข่าวของจีนได้รีโพสต์ประกาศจากศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ได้มีถึง 5,000 คอมเมนท์
[ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ใช้เวลา 16 ชั่วโมง เพื่อยืนยันผลลัพธ์ ในขณะที่ลู่โจวคำนวณมันในสิบนาที…ช่างมหัศจรรย์ สมองของศาสตราจารย์ลู่มีค่าเท่ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์กี่เครื่อง?]
[พระเจ้าช่วย เขายังเป็นมนุษย์อยู่ไหม???]
[เขาใช้เวลามากกว่า 10 นาที แน่นอน เขาต้องคิดเกี่ยวกับมันมาก่อนแน่ๆ]
[ฉันมั่นใจว่าท่านเทพลู่สามารถสู้กับอัลฟ่าโกได้]
[คุณจะเปรียบเทียบแบบนี้ไม่ได้ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไปถนัดการคำนวณตัวเลขมากกว่าในขณะที่สมองมนุษย์นั้นถนัดในด้านการคิดเชิงนามธรรมมากกว่า สำหรับปัญหาที่ต้องถูกไขด้วยวิธีนามธรรม มันยากที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะหาทางแก้อย่างละเอียดถี่ถ้วน ถ้าควอนตัมคอมพิวเตอร์พัฒนาและเติบโตในอนาคต พวกเขาอาจจะมีข้อได้เปรียบเล็กน้อยในการไขปัญหาประเภทนี้ แต่สำหรับตอนนี้ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ไม่ใช่ทางแก้สุดท้ายสำหรับปัญหาคณิตศาสตร์!]
[ถ้าผมมีเพียงแค่สายดีเอ็นเอของท่านเทพนี้…(เศร้า)(เศร้า)]
[ลืมมันไปเถอะ มันเป็นความลับระดับชาติ ทำไมคุณถึงยังคิดว่าท่านเทพลู่ยังโสดล่ะ?]
[ฮ่าๆๆ ก็จริงนะ]
[ไม่รู้ว่าเขาจะได้เหรียญฟิลด์อีกไหม แต่เขาน่าจะได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์อีก]
ในระหว่างที่โลกอินเทอร์เน็ตตกตะลึงกับประกาศโดยศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง โซเชียลมีเดียอินฟลูเอนเซอร์ที่เคยดูหมิ่นลู่โจวได้ลบโพสต์กะทันหันแล้วแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ท้ายที่สุดแล้ว ทุกคนทำผิดพลาดกันหมด
จากที่ตอนนี้ศูนย์ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิงได้ประกาศออกไป ข้อมูลปลอมทั้งหมดก่อนหน้าถูกเปิดโปง
ลู่โจวขี้เกียจเกินไปแล้วก็ไม่มีเวลามาเถียงกับคนธรรมดาพวกนี้ แต่ทางมหาวิทยาลัยจินหลิงนั้นคิดต่าง
ทางมหาวิทยาลัยจินหลิงจะไม่ทนต่อการใส่ร้าย ไม่ว่าจะเพื่อปกป้องชื่อเสียงหรือสิทธิ์ของนักเรียนและอาจารย์
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครอยากจะไปปะทะกับมหาวิทยาลัยท็อปห้าของประเทศ
แถม พวกโซเชียลมีเดียอินฟลูเอนเซอร์อยากสร้างดราม่าและหาคนติดตามเพิ่ม คนพวกนี้ไม่อยากเสียผู้ติดตามที่มีอยู่แล้วหลายล้าน…
ถ้าเสียบัญชีไป ความเสียหายจะมากเกินกว่าที่จินตนาการได้
ในเวลาเดียวกัน เดลี่เมลได้รับแจ้งข่าวนี้ ทางสำนักข่าวส่งนักข่าวไปที่มหาวิทยาลัยเซนต์แอนดรูว์ทันที เพราะอยากที่จะสัมภาษณ์ศาสตราจาย์คณิตศาสตร์ที่เพิ่งสัมภาษณ์ไปเมื่อวาน นักข่าวอยากจะถามเขาเกี่ยวกับผลลัพธ์จากซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยจินหลิง
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายปฏิเสธให้การสัมภาษณ์ ศาสตราจารย์บอกว่าเขากำลังยุ่งเรื่องงานวิจัยและไล่นักข่าวออกจากออฟฟิศ
ลู่โจวไม่ได้กังวลเรื่องชื่อเสียงด้านอื่นนอกจากด้านวิชาการ แต่เขาโด่งดังอีกครั้ง…
………………………………………………..
ตอนที่ 626 ช่วงเวลาประวัติศาสตร์ของคณิตศาสตร์และฟิสิกส์
บ่ายสองโมง
ยังคงเป็นหอประชุมใหญ่ที่วิทยาเขตเก่าของมหาวิทยาลัยจินหลิง
ถึงแม้ว่าจะมีคนน้อยลงเกือบหนึ่งในห้าเมื่อเทียบกับวันก่อน บรรยากาศที่หอประชุมก็ยังคงครื้นเครง
ลู่โจวยืนอยู่บนเวที เขาเขียนกระดานดำและอธิบายไปพร้อมกัน
เมื่อกระดานดำถูกเขียนเต็ม ทีมงานเริ่มลากกระดานใหม่มาแล้ววางมันไว้บนเวทีอย่างเรียบร้อย
พนักงานขึ้นเวทีทั้งหมดห้าครั้ง มีกระดานถูกเขียนเต็มหกกระดาน
เมื่อลู่โจวเขียนบรรทัดสุดท้ายของทางแก้สมการทั่วไป ผู้ชมยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้น
เสียงปรบมือเกรียวกราวแพร่กระจายเป็นคลื่นสูง มันดังไปทั่วหอประชุม
เอ็ดเวิร์ด วิทเทน กำลังปรบมือ เขามองดูกระดานดำบนเวทีและยิ้ม “ขอบคุณพระเจ้าที่ผมไม่ได้ออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นผมคงพลาดวินาทีประวัติศาสตร์ไป”
เดอลีงย์มีรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้าในระหว่างที่เขาพูดอย่างสะเทือนอารมณ์ “บางทีทักษะของเขาในคณิตศาสตร์แขนงอื่นนั้นแข็งแกร่งกว่าทักษะตรีโกณพีชคณิต”
เฟฟเฟอร์แมนยิ้มและพูดติดตลกว่า “อย่าเพิ่งเสียกำลังใจไป ตอนนี้เขาแค่ไม่ได้สนใจตรีโกณมิติพีชคณิต เมื่อเขาสนใจ ทั้งวงการตรีโกณมิติพีชคณิตจะตกใจกับผลลัพธ์ของเขา”
เดอลีงย์อดที่จะขำไม่ได้
“หวังว่าวันนั้นจะมาถึง”
เสียงปรบมือค่อยๆ เบาลง
มันจากลงเหมือนคลื่นยักษ์
ผู้ชมในหอประชุมนั่งลงเมื่อลู่โจวหยุดเขียน
ลู่โจวหันกลับไปมองผู้ชมแล้วกระแอม จากนั้นเขาพูดช้าๆ “เราได้ทางแก้ทั่วไปของสมการหยาง-มิลส์แล้ว สิ่งนี้ทำให้เรามีความเข้าใจเชิงลึกของความสัมพันธ์ทางคณิตศาสตร์ของปฏิกิริยาระหว่างอนุภาคขนาดไมโครกับการมีอยู่หรือการเคลื่อนไหว
“นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ผมจะพยายามอธิบายช่องมวลปฏิกิริยารุนแรงจากมุมมองของคณิตศาสตร์”
เมื่อลู่โจวได้ยินเสียงอุทานจากฝูงชน เขานิ่งไปสักพักก่อนที่จะพูดต่อ “ต่อไปคือช่วงถามตอบ”
…
ทางแก้โจทย์นั้นต่างจากข้อพิสูจน์ของโจทย์
อย่างหลังต้องอาศัยกระบวนการพิสูจน์ไอเดียที่เข้มงวด มันไม่สามารถผิดพลาดได้
อย่างแรกไม่ต้องใช้กระบวนการพิสูจน์ แม้แต่การคาดการณ์ก็ถูกอนุญาตโดยชุมชนวิชาการ
เหมือนกับที่วอริ่งเขียน ‘พีชคณิตเชิงลึก’ และเสนอว่า ‘จำนวนเต็มบวกทุกตัวสามารถถูกแสดงเป็นผลรวมของพลังงาน r ทั้งหมดของ k ซึ่ง r ขึ้นอยู่กับ k’ ยกตัวอย่างเช่น เขาคาดการณ์อย่างอาจหาญว่าทุกจำนวนธรรมชาติเป็นผลรวมมากที่สุดของ 4 สี่เหลี่ยม 9 ลูกบาศก์ หรือ 19 พลังที่สี่
เขาไม่ได้ให้ทางแก้ที่ชัดเจนสำหรับข้อสรุปพวกนี้ และข้อพิสูจน์การมีอยู่ของ g(k) และทางแก้ตัวเลขที่ตามมาถูกแก้โดยบางคนในอีก 150 ปีต่อมา
จริงๆ แล้ว ถ้าลู่โจวไม่ได้เขียนข้อพิสูจน์ทางแก้ที่สมบูรณ์แบบ มันก็ไม่เป็นไร
มันก็จะทำให้รุ่นต่อไปชะงัก และเมื่อผู้คนในถึง 50 ถึง 100 ปี อาจจะพิสูจน์ทางแก้นี้ด้วยวิธีคณิตศาสตร์เพื่อทดสอบว่าข้อคาดการณ์นี้ถูกต้องหรือไม่แทนการใช้คอมพิวเตอร์…
โดยสรุป หลังจากช่วงถามตอบจบลง การรายงานก็จบลงเช่นกัน นักวิชาการที่มาเยือนประเทศจีนก็ขึ้นไฟลท์กลับประเทศไป
สี่ทุ่ม สนามบินนานาชาติจินหลิง
เอ็ดเวิร์ด วิทเทน กำลังขอไฟลท์บินกลับที่เทอร์มินัลของสนามบิน เขาหยิบนิตยสารขึ้นมาแล้วกำลังจะนั่งอ่านมัน แต่มีนักข่าวเข้าหาเขากะทันหัน
“ศาสตราจารย์วิทเทน คุณคิดอย่างไรกับการรายงานนี้?”
“มันเป็นรายงานที่ยอดเยี่ยม ผมอยากขอบคุณลู่โจวที่นำรายงานนี้มาให้เรา และความสะดวกสบายที่มหาวิทยาลัยจินหลิงจัดให้ ผมคิดถึง…เป็ดย่างจินหลิงแล้ว? ผมคิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้” วิทเทนพูดพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
นักข่าวยิ้มก่อนที่จะถามต่อทันที “แล้วคุณคิดอย่างไรกับเนื้อหาของรายงาน?”
วิทเทนคิดอยู่สักพักก่อนตอบ “ไม่ต้องสงสัยว่ามันเป็นก้าวสำคัญทั้งในด้านคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ การหาทางแก้ทั่วไปสำหรับสมการหยาง-มิลส์หมายถึงว่าเราสามารถมองโลกระดับไมโครด้วยมุมมองคณิตศาสตร์ที่เชี่ยวชาญมากขึ้น สิ่งนี้จะแสดงปรากฏการณ์ฟิสิกส์ที่มีอยู่ซึ่งเรายังไม่ได้ค้นพบ”
“เมื่อดูสิ่งนี้จากมุมมองของนักฟิสิกส์คณิตศาสตร์และทฤษฎี ผมคิดว่านี่เป็นผลการวิจัยที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้”
นักข่าวถามต่อ “ถึงแม้ว่าปีนี้จะเพิ่งเริ่มเนี่ยนะครับ?”
“ใช่ ผมค่อนข้างแน่ใจกับเรื่องนี้” วิทเทนมองดูนาฬิกาข้อมือแล้วพบว่ามันค่อนข้างจะสายแล้ว เขามองดูนักข่าวและพูดว่า “ถ้าคุณมีคำถามอื่น ถามผมเลยตอนนี้ ผมต้องขึ้นเครื่องในอีกห้านาที”
ถ้าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี เขาอาจจะยังไปสัมมนาเซิร์นทัน
แต่เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่เขาเพิ่งได้รับที่จีน สัมมนาที่รอเขาอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์เหมือนว่าจะดูเล็กน้อย
“ผมสัญญา นี่เป็นคำถามสุดท้าย” นักข่าวพลิกดูสมุดโน้ตแล้วเจอคำถามที่สำคัญที่สุด เขาถามว่า “ผู้คนตำหนิที่ศาสตราจารย์ลู่ทิ้งการรายงานไปเสียดื้อๆ และพวกนั้นบอกว่าการกระทำของเขาทำให้นักวิชาการคนอื่นขุ่นเคือง ในฐานะนักวิชาการที่มีชื่อเสียงระดับสากล คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”
“ผมไม่ได้มีชื่อเสียงระดับสากล” วิทเทนยิ้มอย่างถ่อมตัวและพูดว่า “เทียบกับศาสตราจารย์ลู่ ผมยังขาดในด้านรางวัลโนเบล”
เขายิ้มและนิ่งไปชั่วครู่
“ปกติแล้ว จนกว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น ไม่มีใครเดินออกระหว่างการรายงาน ท้ายที่สุดแล้ว การรายงานส่งผลว่าทฤษฎีบทของเขาจะได้รับการจดจำจากชุมชนวิชาการหรือไม่ แต่ถ้าเขาต้องเดินออกระหว่างการรายงานเพื่อทำอะไรบางอย่าง โดยส่วนตัว ผมคิดว่ามันเข้าใจได้”
นักข่าวถามว่า “คุณคิดว่าการกล่าวหามันไร้เหตุผลเหรอ?”
“ผมคิดแบบนั้น ผมหมายความว่าหลังจากเห็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมของการรายงานครั้งที่สอง ผมก็ไม่มีเรื่องตำหนิอะไร” วิทเทนยิ้มและพูดด้วยท่าทีสบายๆ โดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าการตำหนินักวิชาการที่ได้สร้างประโยชน์มหาศาลต่อชุมชนฟิสิกส์เชิงทฤษฎีและคิดว่านักวิชาการแบบเรานั้นกลวงเหมือนพวกตัวเอง…
ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งที่อุกอาจที่สุด”
……………………………………………………