Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 628 สัมภาษณ์กับเนเจอร์วีคลี่ (2) / ตอนที่ 629 ดูวิชาการมากกว่า
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 628 สัมภาษณ์กับเนเจอร์วีคลี่ (2) / ตอนที่ 629 ดูวิชาการมากกว่า
ตอนที่ 628 สัมภาษณ์กับเนเจอร์วีคลี่ (2)
ลู่โจวไปโรงอาหารตอนเที่ยงแล้วกินข้าวหน้าหมูบาร์บีคิว หลังจากนั้นเขากลับมาที่ออฟฟิศ เขาเห็นว่ามันใกล้ถึงเวลาสัมภาษณ์ของเขา เขาเปลี่ยนเป็นชุดสุภาพที่ดูดี และนั่งที่โซฟา จากนั้นเขาถูกสัมภาษณ์โดยบริทิช เนเจอร์วีคลี่
ไม่นานมานี้ เขาถูกได้รับคำเชิญสัมภาษณ์จากหลายที่ บางส่วนมาจากสำนักสื่อในประเทศและบางส่วนมาจากสื่อต่างชาติ
ลู่โจวรู้ว่าสาธารณชนอยากรู้เกี่ยวกับงานวิจัยของเขา ดังนั้น เขาจึงเลือกให้สัมภาษณ์กับสำนักสื่อที่เหมาะสม
เนเจอร์วีคลี่ ก็เป็นหนึ่งในนั้น
เนเจอร์วีคลี่ มุ่งเน้นไปที่วิชาการมากกว่าสำนักสื่ออย่างเดลี่เมล มันมีทัศนคติจริงจังในการรายงานบุคคลวิชาการและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์
หลังจากที่นักข่าวและช่างกล้องมาถึงที่ภาคคณิตศาสตร์ หลินอวี่เซียงเชิญทั้งสองให้นั่งลงอย่างกระตือรือร้น จากนั้นเธอรินกาแฟสองแก้วให้พวกเขา
กล้องถูกเปิดขึ้นและไมโครโฟนถูกจัดไว้พร้อม เบลินด้านั่งอย่างมืออาชีพและยิ้ม
จากนั้นเธอเปิดปากพูดขึ้นว่า “ยินดีที่ได้พบคุณค่ะ คุณลู่โจว”
“ยินดีที่ได้พบครับ”
เบลินด้ายิ้มแล้วพูดว่า “คุณจำได้ไหมที่เราเจอกันห้าปีก่อนที่ศูนย์ใหญ่เซิร์นในสวิตเซอร์แลนด์? ตอนนั้น คุณเข้าร่วมประชุมการวิจัยนิวเคลียร์ในยุโรปในฐานะผู้ฝึกงาน จากการค้นพบจุดพีคคุณสมบัติ 750 GeV แล้วฉันได้สัมภาษณ์คุณ”
ลู่โจวยิ้มและตอบว่า “มิน่าคุณถึงดูคุ้นๆ”
เบลินด้ายิ้มและพูดว่า “ฉันยังจำได้ว่าศาสตราจารย์เกรย์เยอร์ที่เซิร์นพูดอวดทักษะฟิสิกส์ของคุณ ฉันขอถามได้ไหมว่าทำไมคุณถึงเลือกทางคณิตศาสตร์แทน?”
“ตอนแรก มันเป็นเพราะว่าเอกของผมคือคณิตศาสตร์” ลู่โจวคิดอยู่สักพักแล้วตอบว่า “แต่ยิ่งผมทำการวิจัยเชิงลึก ผมก็ยิ่งสนใจมันมากขึ้น สุดท้ายแล้ว ผมตัดสินใจที่จะลงลึกในด้านนี้”
เบลินด้ารู้สึกเซอร์ไพรส์ “โอ้ จริงเหรอ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วพยักหน้า “ใช่ครับ”
เบลินด้ามองดูโน้ตของเธอและพูดต่อ “ทางแก้ทั่วไปของสมการหยาง-มิลส์ถูกพบแล้ว จากความเข้าใจของฉัน มันยังมีปัญหาสำคัญที่ยังไม่ถูกไข ซึ่งคือการมีอยู่ของหยาง-มิลส์และช่องว่างมวล นักฟิสิกส์หลายคนกล่าวว่าปัญหานี้เป็นจอกศักดิ์สิทธิ์แห่งฟิสิกส์สมัยใหม่…สิ่งที่ฉันจะถามคือ ทำไมพวกเขาถึงพูดแบบนี้? อะไรคือสิ่งที่ยากเกี่ยวกับปัญหานี้?”
คำถามนี้ไม่สามารถตอบได้โดยง่าย
ท้ายที่สุด คนส่วนใหญ่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าการมีอยู่ของสมการหยาง-มิลส์และช่องว่างมวลคืออะไร การเข้าใจว่าทำไมมันถึงยากนั้นเข้าใจยากกว่า
ลู่โจวคิดอยู่สักพัก
จากนั้นเขาพูดว่า “การทางออกให้การมีอยู่ของสมการหยาง-มิลส์และช่องว่างมวลต้องอาศัยการสำรวจฮาดรอนภายใต้ปฏิกิริยารุนแรงที่ถูกกำหนดโดยกลุ่มยูนิตพิเศษของทฤษฎีเกจ สำหรับโลกของฮาดรอนที่ลึกลับ ความถี่น้อยที่สุดที่ต้องการสำหรับให้ลำแสงพลังงานสูงตรวจจับมันได้เป็นจำนวนมวลน้อยที่สุดคูณกับจัตุรัสของความเร็วแสง หารด้านค่าคงที่แพลงค์”
ลู่โจวนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “ดังนั้น เราสามารถคำนวณความถี่ต่ำสุดของการทดลองโลกฮาดรอนคือ 10^24 Hz ดีกรีสูงของปฏิกิริยาคัปปลิ้งบ่งชี้ว่าโลกของฮาดรอนต่างจากโลกที่เราคุ้นเคยด้วยเป็นอย่างมาก การเข้าใจโลกที่ไม่คุ้นเคยเป็นสิ่งที่มีความหมายและท้าทายในตัวมันเอง มันสามารถพลิกหน้าอารยธรรมและช่วยให้เราค้นพบดาวที่อาศัยได้
“พูดโดยง่ายคือเราจะพบว่าอนุภาคไร้มวลสามารถสร้างอนุภาคที่มีมวลได้อย่างไร และการที่สี่พลังงานพื้นฐานสามารถรวมตัวกันได้”
เบลินด้ามีสีหน้าเซอร์ไพรส์
“งั้นเป้าหมายของคุณคือการรวมสี่พลังงานพื้นฐาน?”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “มันไม่ใช่แค่เป้าหมายของผม มันคือเป้าหมายของโลกฟิสิกส์ทั้วหมด”
เบลินด้าถามต่อทันที “งั้นคุณคิดว่าเราจะสำเร็จเป้าหมายนี้ได้อย่างไร?”
ลู่โจวคิดอยู่สักพักแล้วตอบ “ก่อนที่จะรวมแรงดึงดูดเข้ากับอีกสามพลังงานพื้นฐาน ผมคิดว่ามันสำคัญที่ต้องรวมพลังงานพื้นฐานทั้งสามนี้ก่อน”
“ปัญหาสมการหยาง-มิลส์เป็นก้าวแรกสู่ทฤษฎีการรวมแรงครั้งใหญ่ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างปฏิกิริยารุนแรงกับพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กจะเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญมากของปริศนา และมันอาจจะเป็นชิ้นส่วนสุดท้ายที่เราต้องใช้รวมพลังงานพื้นฐานทั้งสาม…หลังจากนั้น ทฤษฎีการรวมพลังงานไฟฟ้าอ่อนแอของไวน์เบิร์กได้รวมพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กและปฏิกิริยาอ่อนแรงโดยการเพิ่มฮิกส์ฟิลด์”
เบลินด้ามีสีหน้าครุ่นคิดระหว่างที่เธอพูดต่อ “งั้นคุณกำลังพูดว่าพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กจะเชื่อมปฏิกิริยารุนแรงและปฏิกิริยาอ่อนแรงเข้าด้วยกัน?”
“ใช่” ลู่โจวเอนหลังที่โซฟาและพูดหยอกล้อ “จากนั้นพวกเขาคงจะไปตามหาพลังงานแรงโน้มถ่วงต้านสังคม…แต่ผมว่ามันคงไม่เกิดขึ้นในชีวิตของผม”
……………………………………..
ตอนที่ 629 ดูวิชาการมากกว่า
การสัมภาษณ์สิ้นสุดลง
เบลินด้าเก็บเครื่องอัดเสียงแล้วยิ้ม
“อ่อ ขอพวกเราถ่ายรูปคุณได้ไหม?”
ลู่โจวถาม “รูป?”
เบลินด้าพยักหน้าและพูดต่อ “ใช่แล้ว เราวางแผนจะให้คุณขึ้นปกเนเจอร์วีคลี่ของฉบับสัปดาห์นี้”
คนขึ้นปก?
ลู่โจวยิ้มประหม่า
สิ่งนี้…ผมรู้สึกเขินอาย
ว่าไปแล้ว เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าได้ขึ้นปกนิตยสารกี่ฉบับแล้ว
“ไม่มีปัญหา…ผมจะส่งรูปผมให้คุณทางอีเมลนะ?”
“ไม่จำเป็นหรอก เรามีตากล้องมาแล้ว เราแค่ถ่ายรูปตอนนี้ก็ได้” เบลินด้าพยักหน้าให้เพื่อนร่วมงานและยิ้มไปทางลู่โจว เธอพูดว่า “คนส่วนใหญ่อยากรู้ว่าออฟฟิศของคุณเป็นอย่างไร มันโอเคไหมถ้าเราจะถ่ายรูปตรงนี้?”
“ได้ครับ…” ลู่โจวหันไปรอบๆ ออฟฟิศ จากนั้นเขาก้มมองดูเสื้อยืดแล้วพูดว่า “ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ไหม?”
เบลินด้ายิ้มแล้วพูดว่า “ใส่แบบนี้แหละ มันดูวิชาการมากกว่า”
ลู่โจว “…”
มันใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเพื่อถ่ายรูปภาพเดียว มันเหนื่อยกว่าการสัมภาษณ์เสียอีก
เมื่อช่างภาพจากเนเจอร์วีคลี่ ได้ทำท่าโอเค มันเป็นเวลาโพล้เพล้แล้ว
ท้ายที่สุด รูปดูดีเลยทีเดียว ถึงมันจะไม่ได้สะท้อนความหล่อของลู่โจวออกมาหมด มันก็เป็นเจ็ดหรือแปดเต็มสิบ
หลังจากผู้สัมภาษณ์จากไป ลู่โจวไปโรงอาหาร
เขาสั่งข้าวหน้าบาร์บีคิวตามปกติแล้วนั่งลงในที่เงียบและปลีกวิเวก เขากำลังจะกินข้าวแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าเหยียนเหยียนเดินเข้ามา วันนี้เธอใส่เสื้อโค้ตสีขาว เธอเดินมาหาเขาและวางถาดอาหารตรงข้ามกับเขา
ลู่โจวรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ผมเริ่มกินข้าวระหว่างที่พูดคุยกับเธอ
“คุณกินข้าวที่โรงอาหารมหาวิทยาลัยด้วยเหรอ?”
“ใช่สิ จะให้ฉันไปข้าวที่ไหนล่ะ? ฉันอยู่ในอพาร์ทเมนของมหาวิทยาลัยตอนนี้ และฉันไม่มีห้องครัว” เหยียนเหยียนหยิบตะเกียบแบบใช้แล้วทิ้งขึ้นมาและเป่าบะหมี่น้ำของเธอเบาๆ เธอยกถ้วยขึ้นซดเล็กน้อย ซึ่งทำให้เธอมีสีหน้าพึงพอใจ
จากนั้นเธอวางถ้วยลง เมื่อเธอเห็นข้าวของลู่โจว เธออดจะถามไม่ได้ว่า “คุณไม่เบื่อที่จะกินข้าวกับเนื้อทุกวันหรือไง?”
“เบื่องั้นเหรอ?” ลู่โจวหยุดคีบตะเกียบแล้วยิ้ม “ทำไมผมจะเบื่อ? มันมีเนื้อรสเผ็ด รสแกงกะหรี่ รสมะเขือเทศ…ผมคิดว้ามันมีมากกว่าเจ็ดรสชาติ? ถ้าผมอยากลอง ผมสามารถราดซอสเหล่ากานมาไปอีกได้”
เหยียนเหยียนพูดไม่ออก เธอไม่รู้จะหาอะไรมาตอบโต้
หลังจากนั้นสักพัก เธอถอนหายใจ
“คุณก็ควรที่จะกินอาหารที่มีประโยชน์และสารอาหารมากกว่านี้ กินอาหารฟาสต์ฟู้ดแบบนี้ไม่ดีต่อสุขภาพ คุณจะน้ำหนักขึ้น”
“โอ้ ผมไม่สนใจ” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “ผมเป็นคนประเภทที่กินมากเท่าไหร่ น้ำหนักก็ไม่มีทางขึ้น ผมอยากน้ำหนักขึ้นนะ”
เหยียนเหยียน “…”
เวรเอ๊ย!
ฉันอิจฉา!
หลังจากที่ลู่โจวกินอาหารเสร็จ เขาเดินไปทั่ววิทยาเขตแล้วคิดถึงปัญหาการมีอยู่ของสมการหยาง-มิลส์และช่องว่างมวล มีนักศึกษาหลายคนจำเขาได้และทักทายเขา ซึ่งเขาก็ยิ้มให้และทักทายกลับ
ลู่โจวเดินจากตึกเรียนไปหอดูดาว แล้วกลับไปที่ห้องสมุด เขาเห็นว่ามันค่อนข้างดึกแล้ว เขาเลยโทรเรียกหวังเผิงให้มารับเขากลับบ้าน
แต่เมื่อเขาเปิดรายชื่อติดต่อ เขาเห็นว่ามีสายโทรเข้าจากเฉินยู่ซาน
ลู่โจวรับสายแล้วเอาโทรศัพท์มาแนบหู
“สวัสดีครับ?”
เสียงสุขใจลอยมาจากปลายสาย
“น้องชาย น้องชายเอ๋ย กินอะไรหรือยัง?”
ลู่โจวขี้เกียจเกินกว่าจะอธิบายชื่อเล่นตัวเอง
“อืม กินแล้ว”
“โอ้? กินไปแล้ว…” เสียงจากปลายสายดูผิดหวังเล็กน้อย แต่เธอรีบพูดว่า “งั้นอยากไปดื่มกาแฟด้วยกันไหม?”
ลู่โจวรู้สึกอิ่มเล็กน้อย เขาจึงไม่อยากดื่มกาแฟ
แต่เมื่อดูจากโทนเสียงของเธอ เธอน่าจะอยู่ใกล้วิทยาเขต
ลู่โจวลังเลอยู่สักพักก่อนจะถามว่า “คาเฟ่ที่ไหน?”
เป็นไปตามคาด เธอตอบเขาทันทีด้วยน้ำเสียงร่าเริง “ที่นี่อยู่นอกทางเข้ามหาวิทยาลัย! มาที่นี่ ฉันรอคุณอยู่ที่นี่แล้ว!”
…
คาเฟ่ข้างนอกทางเข้ามหาวิทยาลัย
เมื่อประตูคาเฟ่เปิดออก เฉินยู่ซานที่นั่งอยู่ใกล้หน้าต่างได้ยินเสียงกริ่ง เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นลู่โจวเดินเข้าคาเฟ่
เธอโบกมือให้อย่างดีใจในขณะที่ตะโกนเรียก “อยู่ตรงนี้!”
ลู่โจวนั่งลงตรงข้ามเธอ เขาจับมอคค่าถ้วยร้อนให้ตัวเองอุ่น และมองดูเฉินยู่ซาน
สีหน้าบอบบางของเธอมีเครื่องสำอางแต่งไว้บางๆ เธอใส่เสื้อเปิดไหล่สีขาวและกระโปรงสีแดงอ่อน ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเธอมีรังสีมืออาชีพ ก็อาจจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยได้ง่าย
สองคนนี้เป็นเพื่อนกันมานาน เฉินยู่ซานจึงไม่ต้องเสียเวลาคุยจิปาถะ เธอหยิบสัญญาออกมาจากกระเป๋าเธอทันที แล้ววางมันไว้บนโต๊ะ เธอมองดูลู่โจวแล้วยิ้ม
“ดูนี่สิ”
ลู่โจวหยิบสัญญาขึ้นมาดูคร่าวๆ
“นี่มันอะไรกัน?”
เฉินยู่ซานยิ้มและอธิบายว่า “หนังสือแสดงเจตจำนงของบริษัทจ้งซานซินฉาย”
“บริษัทจ้งซานซินฉาย?” ชื่อนี้ฟังดูคุ้น ลู่โจวเปิดดูหนังสือแสดงเจตจำนงแล้วพูดว่า “ใบอนุญาตสิทธิบัตรสำหรับวัสดุแอโนดแบตเตอรี่ลิเธียม-ซัลเฟอร์และวัสดุแคโทด และเงิน 15 ล้านหยวน แลกเปลี่ยนกับหุ้น 15% ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันในการวิจัยเทคโนโลยี…มันมีประโยชน์อะไรที่จะซื้อบริษัทนี้?”
เขาไม่ได้ถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องการลงทุนของเขา แต่เมื่อเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ เฉินยู่ซานจะทำตามที่เขาสั่ง
ริมฝีปากนุ่มของเฉินยู่ซานกัดหลอดกาแฟเบาๆ เธอมองดูลู่โจวแล้วยิ้ม
“ทางรัฐกำลังพยายามทำให้แบตเตอรี่รถยนต์พลังงานสะอาดเป็นมาตรฐานใช่ไหม?” บริษัทพลังงานรถยนต์ยักษ์ใหญ่ภายในประเทศหลายบริษัทมีส่วนร่วมในโปรเจกต์นี้ ดูเหมือนว่า พวกเขาพยายามจะแยกส่วนประกอบแบตเตอรี่ออกจากรถยนต์ทำให้พวกนั้นสามารถพัฒนาสเปคแบตเตอรี่ที่เป็นมาตรฐาน ซึ่งจะถูกผลิตโดยผู้ผลิตแบตเตอรี่ มีข่าวลือว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง เงินสนับสนุนกว่า 4 หมื่นล้านหยวนจะเข้าตลาดการผลิตแบตเตอรี่ ตอนนี้มันดีที่สุดที่จะลงทุนในการผลิตแบตเตอรี่
“เนื่องจากเราไม่มีประสบการณ์ด้านการผลิตแบตเตอรี่ ทางออกที่ดีที่สุดในการกินพายชิ้นนี้คือการเกาะขบวนไปด้วย”
ลู่โจวรู้ข่าวการทำแบตเตอรี่ให้เป็นมาตรฐานเพราะว่าเขารับผิดชอบบางส่วนของร่างเสนอนี้
หลังจากที่แบตเตอรี่รถยนต์ถูกทำให้เป็นมาตรฐาน มันก็จะเท่ากับการซื้อรถที่ไม่มีแบตเตอรี่ พวกเขาจะไม่ต้องรอชาร์จที่ปั๊มน้ำมันอีกต่อไป พวกเขาแค่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่แล้วเดินทางต่อไป สำหรับความกังวลทั้งหลายอย่างเช่นการเสื่อมถอยของแบตเตอรี่หรือความเสียหาย สิ่งนี้ถูกรวมไปได้กับค่าใช้จ่ายเปลี่ยนแบตเตอรี่ เจ้าของรถก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ถอดชิ้นส่วนแบตเตอรี่ชั่วคราว
เมื่อดูข้อเท็จจริงว่าในอีกสามปี การเจาะของพลังงานไฟฟ้าฟิวชั่นจะมีมากกว่า 80% ค่าไฟจะถูกมากในตอนนั้น ถึงจะรวมค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมแล้ว ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อกิโลเมตรของรถยนต์ไฟฟ้าจะถูกลงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันปกติ
แต่ผมไม่คิดว่ารัฐยังไม่ได้อนุมัตินโยบายนี้ใช่ไหม?
ลู่โจวไม่ได้ยินเรื่องแบบนี้มาก่อน
เขาเปิดดูหนังสือแสดงเจตจำนงและถามว่า “ได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน?”
“ฉันก็มีแหล่งข้อมูล ถึงฉันจะไม่มีแหล่งข้อมูล มันก็มีเบาะแสเล็กน้อยกระจายไปทั่ว ยกตัวอย่างเช่น บริษัท BYD กำลังยกธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ ซึ่งจะเป็นธุรกิจย่อยที่แยกออกไป” เฉินยู่ซานถอนหายใจแล้วพูดว่า “แต่พวกเขามีเพื่อนของตัวเอง และพวกนั้นไม่อยากเล่นกับเรา ไม่เช่นนั้น มันจะดีกว่าถ้าเราสามารถร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่แทน”
ถึงลู่โจวจะไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเธอพูดอะไร แต่เขาเห็นจุดสำคัญหลายจุดในสัญญา
“แล้วคิดอย่างไรกับข้อเสนอนี้ล่ะ?”
เฉินยู่ซานพูดด้วยท่าทีตึงเครียด “ฉันคิดว่าเราควรพิจารณาสิ่งนี้ บริษัทจ้งซานซินฉายได้เป็นผู้ผลิตแคโนดและแอโนดที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลเจียงซู ถ้าพวกนั้นวางแผนที่จะเข้าร่วมอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ พวกเขาก็มีทั้งรากฐานที่ดีและการสนับสนุนจากรัฐบาล และก็มณฑลเจียงซูเป็นมณฑลแรกที่ใช้งานสถานี่พลังงานฟิวชั่น ผมเดาว่าการทำให้แบตเตอรี่เป็นมาตรฐานก็จะถูกดำเนินการที่เจียงซูก่อน”
ลู่โจวคิดครู่หนึ่งและพยักหน้า
“โอเค เราจะทำตามแผนของคุณ”
…………………………………………….