Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 630 ชีวเคมีระดับห้า! / ตอนที่ 631 หลุดคาแรกเตอร์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 630 ชีวเคมีระดับห้า! / ตอนที่ 631 หลุดคาแรกเตอร์
ตอนที่ 630 ชีวเคมีระดับห้า!
ลู่โจวไม่อยากเสียเวลามากกับธุรกิจ สุดท้ายแล้ว เขามีพลังงานจำกัด
โชคดีที่เฉินยู่ซานมาที่นี่เพื่อช่วยเขา เขาเลยไม่ต้องกังวลมาก
เอาตามตรง ลู่โจวรู้สึกว่าการขอให้เธอมาที่นี่และเป็นซีอีโอเป็นการลดถอนคุณค่าเธอ
ท้ายที่สุดแล้ว เธอเป็นนักศึกษาตัวท็อปจากโรงเรียนวาร์ตันแห่งมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย นอกจากนี้ พ่อของเธอเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลระดับสูงในปักกิ่ง ด้วยพื้นเพของเธอแล้ว เธอสามารถเป็นซีอีโอของบริษัทอันดับท็อป 100 ได้โดยง่าย
ดังนั้น ลู่โจวตกลงกับข้อเสนอของเธอเกือบทั้งหมดในด้านการขยายสตาร์สกายเทคโนโลยี
อย่างไรเสีย มันคงโง่เขลาที่จะปล่อยให้เงินกองอยู่ในบัญชีของเขาเหมือนกับที่เธอพูด เงินต้องถูกนำไปลงทุนเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม การปล่อยให้มันอยู่ในบัญชีธนาคารเฉยๆ จะเป็นแค่การดูถูกคุณค่าของเงิน
การคารมคมคายของเธอทำให้ลู่โจวนึกถึงน้องสาวของเขา เสี่ยวถง ซึ่งกำลังศึกษาด้านการเงินที่ประเทศอังกฤษ
หวังว่าเมื่อเสี่ยวถงสำเร็จการศึกษา น้องสาวของเขาสามารถเป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้แบบเธอ…
เช้าวันต่อมา
ลู่โจวเดินเข้าออฟฟิศตามปกติ
เมื่อเขาเปิดประตู เขาได้ยินเสียงตื่นเต้น
“ศาสตราจารย์!”
เฟิงจินลุกขึ้นยืนจากโต๊ะในระหว่างที่เขินอาย ลู่โจวถามอย่างสงสัย “มีอะไรเหรอ?”
“ผม…” เฟิงจินแก้มแดงเป็นมะเขือเทศ มันเหมือนว่าเขากำลังเมายาในระหว่างที่พูดว่า “ผมผ่านแล้ว!”
ลู่โจวและคนอื่นในออฟฟิศตกใจเล็กน้อยจากเสียงดังของเขา
นักศึกษาปริญญาโทด้านคณิตศาสตร์ดูอิจฉา แต่คนอื่นยิ้มให้เขาแล้วทำงานของตัวเองต่อไป
ลู่โจวสามารถเข้าใจความรู้สึกของเขาได้
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเขายื่นเรื่องให้ SCI เป็นครั้งแรก เขาก็ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ
แต่หลังจากที่เขาส่งธีสิสให้วิทยานิพนธ์ในคณิตศาสตร์ประจำปี มันน่าตื่นเต้นน้อยลง
“โอเคนี่ ไม่เลว” ลู่โจวตบไหล่เขาและพูดว่า “ตั้งใจทำงานต่อไป นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น ผมหวังว่าคุณจะได้เผยแพร่ในวารสารใหญ่ทั้งสี่”
“โอเค!” เฟิงจินพยักหน้าและพูดอย่างตื่นเต้นว่า “ผมจะทำให้ดีที่สุด!”
หลังจากที่ธีสิสของเฟิงจินรีวิวผ่าน ลู่โจวสามารถรับรางวัลภารกิจได้ในที่สุด
จากระบบ ดัชนีผลกระทบรวมคือ 36 ซึ่งมีค่าเท่ากับ 36,000 แต้มประสบการณ์ และ 360 แต้มทั่วไป ทั้งสองคลาสของเขาได้เรท S ซึ่งทำให้เขาได้รับ 200,000 แต้มประสบการณ์ และตั๋วลัคกี้ดรอว์หนึ่งใบ
ลู่โจวสงสัยอย่างมากว่าคลาสถูกประเมินอย่างไร และทำไมระบบถึงไม่รอประเมินเขาหลังการสอบ แต่เขาได้คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนและพบว่ามันสมเหตุสมผล
ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นคนที่เขียนและตรวจข้อสอบ ถ้าระบบประเมินคลาสของเขาจากคะแนนสอบของนักศึกษา มันก็จะไม่ยุติธรรมไปเสียหน่อย
พักกลางวัน
ลู่โจวนั่งหมดสติที่เก้าอี้ของเขา สติของเขาอยู่ในพื้นที่ระบบ
เขามองดูแผงคุณลักษณะอยู่สักพัก แล้วไตร่ตรองอยู่เล็กน้อย เขาแจกจ่ายแต้มประสบการณ์ 236,000 แต้ม ไปที่ชีวเคมี
[
A. คณิตศาสตร์: เลเวล 8 (444,000/3 ล้าน)
B. ฟิสิกส์: เลเวล 6 (283,215/600,000)
C. ชีวเคมี: เลเวล 4 (110,000/300,000)
D. วิศวกรรมศาสตร์: เลเวล 5 (0/300,000)
E. วัสดุศาสตร์: เลเวล 6 (13,000/600,000)
F. วิทยาศาสตร์พลังงาน: เลเวล 3 (0/100,000)
G. วิทยาการสารสนเทศ: เลเวล 2 (3,000/50,000)
แต้มทั่วไป 3,835 แต้ม (ตั๋วลัคกี้ดรอว์ 2 ใบ)
]
ชีวเคมีเพิ่มจากเลเวล 4 เป็นเลเวล 5 ในภาพรวม รางวัลค่อนข้างดี
ลู่โจวมองดูตั๋วลัคกี้ดรอว์ 2 ใบ และลังเลเล็กน้อย เขาไม่ได้ใช้มัน
อย่างแรก เขาต้องล้างหน้าเพื่อให้โชคดี อย่างที่สอง เขายังมีเรื่องอื่นที่ต้องจัดการ…
…
บ่ายสามโมง
ลู่โจวขึ้นรถของหวังเผิงและตรงไปที่สนามบิน
เขาได้รับอีเมลจากหลัวเหวินเซวียนเมื่อวาน หลัวเหวินเซวียนบินไปที่จินหลิงวันนี้และถามลู่โจวว่ามีเวลาไปรับเขาไหม
หลัวเหวินเซวียนได้ช่วยเขาหลายครั้งที่พรินซ์ตัน ลู่โจวเลยยินดีรับปาก
รถถูกจากที่ลานจอดรถของสนามบิน
ลู่โจวลงจากรถแล้วรออยู่สักพัก เขาเห็นหลัวเหวินเซวียนในอีกสักพัก เขาใส่เสื้อฝนเดินลากกระเป๋าเดินทางออกจากสนามบิน
ลู่โจวยืนข้างรถซีดานสีดำ เขาโบกมือไว้หลัวเหวินเซวียนจากไกลๆ แล้วยิ้มให้เมื่อหลัวเหวินเซวียนเดินมาหา
“ทำไมจู่ๆ คุณก็กลับมาจีนล่ะ?”
หลัวเหวินเซวียนยิ้มและพูดว่า “ผมไม่ได้แค่กลับมา ผมจะทำงานที่นี่ถาวร ผมกลับมาที่นี่เพื่อโครงการอัจฉริยะนับพัน
ลู่โจวยิ้มและพูดแซว “คุณเป็นศิษย์ของวิทเทนผู้ไร้เทียมทาน FBI ไม่ได้ตรวจสอบคุณเหรอ?”
หลัวเหวินเซวียนโบกมือแล้วพูดว่า “ทำไมพวกนั้นต้องตรวจสอบเบี้ยไม่มีชื่ออะไรอย่างผม? ถ้าจะมีการตรวจสอบ พวกเขาควรตรวจสอบคุณ แล้วก็สภาคองเกรสของอเมริกาอยากให้นักวิจัยทฤษฎีอย่างผมกลับบ้านจนเต็มแก่”
ลู่โจวพูดต่อ “คุณมีแผนจะสอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยจินหลิงไหม?”
“ไว้ว่ากัน ผมจะอยู่ที่นี่สองสามปี” หลัวเหวินเซวียนมองดูสนามบินและพูดว่า “ถ้าเกิดผมชอบสอนหนังสือ ผมจะอยู่ที่นี่ ถ้าไม่ ผมก็คงจะไปที่สถาบันวิจัยสักแห่ง”
หลัวเหวินเซวียนดูเป็นคนสบายๆ
ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นลูกศิษย์ของวิทเทน เขาเดินทางรอบโลกกับวิทเทนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และเขาไปที่เซิร์นในยุโรปและบรู๊คฮาเวนในอเมริกา เขาไปห้องแล็บฟิสิกส์เชิงทฤษฎีระดับใหญ่มาเกือบทุกแห่งแล้ว
ถึงเขาจะไม่ใช่นักวิจัยที่โดดเด่นในพรินซ์ตัน เมื่อมันเป็นเรื่องการวิจัยภายใน เขาก็เก่งกาจพอตัว
ท้ายที่สุดแล้ว ข้อบกพร่องที่ใหญ่ที่สุดของชุมชนวิชาการภายในประเทศคือการแลกเปลี่ยนวิชาการกับชุมชนวิชาการสากล
มหาวิทยาลัยเหยียนและมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่อยากแย่งตัวลู่โจวมาตลอด ไม่ใช่แค่เพราะสถานะนักวิชาการหรือทักษะการสอน แต่สาเหตุหลักคือคอนเนคชั่นของลู่โจวกับชุมชนวิชาการสากล
อย่างน้อยที่สุด คอนเนคชั่นของลู่โจวสามารถทำให้นักศึกษาบางส่วนได้เผยแพร่ในวารสารรายใหญ่หรือส่งพวกนั้นไปโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษา สิ่งนี้ยังสามารถส่งผลต่อสถานะวิชาการของทั้งมหาวิทยาลัย
คอนเนคชั่นพวกนี้มักซื้อไม่ได้ด้วยเงิน
ทำไมสุ่ยมู่ถึงซื้อกล้องจุลทรรศน์อิเล็คตรอนเย็นสองกล้องจากศาสตราจารย์ชีวะที่พรินซ์ตัน?
นอกจากข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาต้องการรางวัลโนเบล พวกเขายังต้องการคอนเนคชั่น
ลู่โจวพูดว่า “ส่วนตัวผมคิดว่างานวิจัยและการสอนไม่จำเป็นต้องแยกออกจากกัน”
หลัวเหวินเซวียนมีท่าทีทำอะไรไม่ถูกและพูดว่า “โอเค ดูเหมือนว่าคุณจะสนับสนุนโมเดลของแฟร์มี”
“ไม่ขนาดนั้น” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “มันแค่ประสบการณ์ส่วนตัวของผม…ประมาณนั้น”
หลัวเหวินเซวียนถาม “อะไรนะ?”
ลู่โจวคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “คุณอยากมาทำงานที่สถาบันวิจัยขั้นสูงของผมไหม?”
……………………………………….
ตอนที่ 631 หลุดคาแรกเตอร์
หลัวเหวินเซวียนนิ่งไปสองวินาทีหลังจากได้ยินคำพูดของลู่โจว
แต่เมื่อถึงวินาทีที่สามเขาตอบกลับโดยไม่ลังเล “ตกลงครับ!”
เมื่อหลัวเหวินเซวียนตอบรับข้อตกลงโดยไม่ลังเล ลู่โจวรู้สึกเซอร์ไพรส์เล็กน้อย
“คุณจะไม่คิดอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนเหรอ?”
หลัวเหวินเซวียนแล้วโบกไม้โบกมือ
“คนได้รับรางวัลโนเบลเบอร์ใหญ่แบบนี้ชวนผม แล้วผมต้องคิดอะไรอีกล่ะ”
เอิ่ม…
ผมเดาว่าเขาก็พูดถูก
ทันใดนั้น ลู่โจวไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
“ในเมื่อคุณตกลงทำงานกับผม มาคุยเรื่องข้อตกลงการทำงานดีกว่า” ลู่โจวทำสีหน้าจริงจังและมองหลัวเหวินเซวียน เขาพูดว่า “ผมมีแผนให้คุณเป็นผู้อำนวยการของสถาบันฟิสิกส์”
หลัวเหวินเซวียนอึ้งไป
ครั้งนี้ เขาเกิดความลังเล เขาลังเลอยู่สักพัก และเกือบรู้สึกเขินอาย
“คุณแน่ใจ…เรื่องนี้ใช่ไหม?”
ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “ผมคิดเรื่องนี้มานานแล้ว คุณเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับงานนี้โดยไม่ต้องสงสัย”
เขาคิดมานานแล้วเรื่องที่จะแต่งตั้งหลิวเหวินเซวียนเป็นผู้อำนวยการสถาบันฟิสิกส์
เมื่อดูที่คุณสมบัติของเขา ไม่ว่าจะเป็นความสามารถด้านวิชาการ หรือคอนเนคชั่น หลัวเหวินเซวียนอยู่เหนือนักวิจัยคนอื่นที่สถาบันเพื่อการศึกษาขั้นสูง แม้แต่ยางสวี่ที่ศึกษาที่ MIT ก็ไม่อาจสู้หลัวเหวินเซวียนได้
ข้อบกพร่องเดียวของเขาคือประสบการณ์บริหาร แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ รองผู้อำนวยการสามารถรับมือการงานบริหารจัดการได้ เหมือนกับสถาบันวิจัยอื่น
หลัวเหวินเซวียนมองดูสีหน้าจริงใจของลู่โจวแล้วเงียบไป เขาถอนหายใจและยิ้มในที่สุด
“ในเมื่อคุณเชื่อถือในตัวผมมาก ผมจะไม่สงสัยในตัวเอง ก่อนที่คุณจะหาคนที่ดีกว่า ผมว่าผมเป็นผู้อำนวยการของสถาบันฟิสิกส์ได้ ผมจะทำให้ดีที่สุด”
“ผมมั่นใจว่าคุณรับมือได้” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “งั้นผมจะพูดเรื่องความต้องการของผม”
หลัวเหวินเซวียนพยักหน้าและพูดว่า “เอาเลยครับ”
ลู่โจวพูดว่า “ผมอยากให้สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงเป็นสถาบันพรินซ์ตันเพื่อการศึกษาขั้นสูงของฝั่งเอเชีย”
หลัวเหวินเซวียนคิดอยู่สักพักแล้วพูดอย่างใจเย็นว่า “มันอาจจะยากเล็กน้อย ฉากวิชาการในประเทศต่างจากฉากระดับสากล สิ่งอำนวยความสะดวกด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์นั้นแตกต่างกัน ถึงคุณจะเลียนแบบโมเดลพรินซ์ตัน มันอาจจะไม่ได้ผล มันอาจจะกลายเป็นภาระเสียอีก”
ลู่โจวพยักหน้าและพูดว่า “ผมได้คิดถึงทุกอย่างที่คุณพูดถึง แต่สิ่งพวกนี้ไม่สามารถเป็นอุปสรรคสำหรับการปรับปรุงได้ คุณใช้เวลาที่พรินซ์ตันมากกว่าผม และคุณยังได้ศึกษาที่สถาบันวิจัยที่อื่นๆ ในอเมริกาและยุโรป ผมแน่ใจว่าคุณรู้ว่าผมพูดถึงอะไร แล้วผมก็มั่นใจว่าคุณจะทำงานได้ดี”
สีหน้าของหลิวเหวินเซวียนค่อนข้างหนักใจในระหว่างที่เขาพูดตอบ “ผมจะทำให้ดีที่สุด”
ลูโจวพูดต่อในท่าทีสบายๆ มากขึ้น
“อืม คุณทำได้…แล้วก็นี่เป็นเรื่องแรก มันยังมีอีกเรื่อง”
หลัวเหวินเซวียนถาม “อะไรครับ?”
“การขยายสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงต้องอาศัยบุคคลอัจฉริยะ” ลู่โจวหยุดนิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อ “คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับนักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวจีนที่อเมริกา เรากำลังหามองหาคนที่สอนหนังสือที่อเมริกาหรือกำลังทำวิจัยหลังปริญญาเอก ถ้าพวกเขาไม่อยากกลับมาจีน ก็ไม่จำเป็นต้องไปบังคับ แต่ถ้ามีนักวิชาการที่คิดว่าจะกลับมา เราสามารถชวนพวกเขาได้นะ”
“โอเคครับ” หลัวเหวินเซวียนพยักหน้าและพูดว่า “ผมจะจัดการเรื่องนี้”
…
ลู่โจวและหลัวเหวินเซวี้ยนคุยกันอยู่นานระหว่างที่นั่งรถจากสนามบินไปมหาวิทยาลัยจินหลิง
พวกเขาคุยกันเรื่องเซิร์น เรื่องสัพเพเหระในชีวิต และแฟนสาวของหลัวเหวินเซวียน
เมื่อลู่โจวฟังหลัวเหวินเซวียนพรั่งพรูเรื่องแฟนสาวคนล่าสุด ลู่โจวอดใจไม่ได้ที่จะสั่งสอนเขา
“คุณก็อายุสามสิบกว่าแล้ว คุณน่าจะคิดเรื่องการปักหลักได้แล้ว คุณไม่ได้คิดว่าจะหาใครสักคนเพื่อใช้ชีวิตที่เหลือด้วยเหรอ?”
หลัวเหวินเซวียนมองดูไฟถนนนอกหน้าต่าง
“ผมยังไม่คิด”
ลู่โจวถามกลับว่า “ทำไมล่ะ?”
“คุณไม่เข้าใจหรอก เมื่อคนได้เจอคนทุกรูปแบบและเจอมากับทุกความรู้สึก มันไม่มีทางที่คุณจะสามารถใส่ทุกความรู้สึกของคุณเข้าไปในคนเดียวได้อีก” หลัวเหวินเซวียนถอนหายใจและพูดต่อ “แทนที่จะเป็นคนสองคนร่วมทนทุกข์กัน มันดีกว่าที่จะใช้ชีวิตที่ดีด้วยตัวเอง บางครั้งผมรู้สึกว่าไลฟ์สไตล์อิสระแบบนี้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว อย่างน้อย ผมก็แค่ต้องกังวลแค่เรื่องเดียว อย่างเช่น ฟิสิกส์…และผมไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อจะมีความสุข”
ลู่โจว “…”
ได้
มันก็จริง ลู่โจวไม่ได้เข้าใจสิ่งนี้ทั้งหมด
ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่ได้อยู่ในความสัมพันธ์ด้วยซ้ำ ยิ่งความสัมพันธ์ซ้อนกันยิ่งแล้วใหญ๋
หลัวเหวินเซวียนยิ้มเยาะราวกับว่าเขาหาความเห็นดีเห็นงามด้วย เขามองดูลู่โจวและพูดว่า “คุณน่าจะรู้ว่าผมรู้สึกอย่างไร มันเหมือนกับตอนที่คุณศึกษาปัญหาคณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์”
ลู่โจวคิดอยู่สักพักแล้วส่ายหน้า
“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณรู้สึกอะไร…ถึงแม้มันจะมีปัญหาที่ผมแก้ไม่ได้ตอนนี้ ผมสามารถแก้ได้เกือบทุกปัญหาที่ผมเจอ”
หลัวเหวินเซวียน “…”
มันชัดเจนว่า…
ผมไม่สามารถระบายความรู้สึกกับชายคนนี้ได้เลย
หลัวเหวินเซวียนลงจากรถที่ทางเข้าหลักของมหาวิทยาลัยจินหลิง เขาบอกลาลู่โจวแล้วเดินลากกระเป๋าเดินทางเข้าวิทยาเขตไป
มหาวิทยาลัยจินหลิงได้จัดอพาร์ทเมนท์ของคณะให้เขา ลู่โจวจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องที่พักอาศัยของเขา
ลู่โจวกลับเข้าไปในรถแล้วขอให้หวังเผิงไปส่งที่บ้าน เขากลับถึงบ้านและแขวนโค้ตไว้กับที่แขวนใกล้ประตู จากนั้นเขาไปล้างหน้าในห้องน้ำ
หลังจากทำ ‘พิธีเสริมโชค’ ลู่โจวเดินเข้าไปเอนตัวนอนในห้องนอน หลังจากที่เขากระซิบ ‘ระบบ’ สติของเขาถูกดึงเข้าไปในพื้นที่ระบบสีขาวโพลน
ลู่โจวไม่เสียเวลา เขาเดินไปยืนตรงหน้าแผงคุณลักษณะและกดปุ่มชิงโชคซึ่งอยู่ข้างแต้มทั่วไปของเขา
วงล้อเสี่ยงโชคทรงกลมปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา และมันเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว
ลู่โจวคลิกปุ่มชิงโชคอีกครั้ง แรงเฉื่อยของวงล้อทำให้หมุนอีกสองสามครั้ง และมันหยุดลงในที่สุด
[ขอแสดงความยินดีด้วย โฮสต์ คุณได้รับรางวัลแซมเปิ้ล]
[น้ำหอมผู้ชายจากอนาคต]
[วิธีการใช้: ใช้ตัวปล่อยเพื่อปล่อยฟีโรโมนส์พิเศษในร่างกายมนุษย์ในระยะเวลาหนึ่ง มันเพิ่มแรงดึงดูดของเพศตรงข้ามต่อโฮสต์ เดทประสบความสำเร็จมากขึ้นด้วยความพยายามที่ลดลง]
[คำเตือน: อย่าผสมกับเพศที่แตกต่าง อาจสร้างผลลัพธ์ที่คาดเดาไม่ได้]
ลู่โจว “…?”
นี่คืออะไร
สิ่งนี้คือ ‘แซมเปิ้ล’ จริงๆ หรือว่าเป็น ‘ขยะ’?
เขาตื่นเต้นเล็กน้อยตอนเขาเห็นไอเท็มปรากฏขึ้นมา แต่เมื่อเขาวางขวดน้ำหอมลง เขาอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
ไม่ว่าเขาจะรู้หรือไม่รู้วิธีใช้โคโลญ เขาจำเป็นต้องมีโคโลญเพื่อเพิ่มแรงดึงดูดด้วยเหรอ?
เขาไม่ต้องการมันอยู่แล้ว
ลู่โจวสาปส่งระบบอยู่เงียบๆ แล้วสูดหายใจเข้าลึก เขาทำให้ตัวเองใจเย็นลงแล้วมองดูปุ่มชิงโชคอีกครั้ง
รางวัลภารกิจให้โอกาสเขาชิงโชคสองครั้ง
ถึงแม้ว่าการเสี่ยงโชคครั้งล่าสุดจะไม่ดีเท่าไหร่ แต่เขายังมีโอกาสอีกครั้ง
มือเขากำลังจะแตะหน้าจอแต่ทันใดนั้นเขาหยุดไว้
วันนี้รู้สึกโชคไม่ดีเลย หรือจะรออีกสองสามวันดี?
ลู่โจวลังเลไปชั่วครู่ สุดท้ายแล้ว เขาก็ตัดสินใจแตะปุ่มเสี่ยงดวงไป
ไม่สนใจแล้ว ผมเชื่อในวิทยาศาสตร์ไม่ใช่โชคชะตา!
วงล้อสุ่มเริ่มหมุน
ลู่โจวมองดูมันแล้วกดปุ่ม
วงล้อหมุนช้าลงแล้วหยุด
[ขอแสดงความยินดีด้วย โฮสต์ คุณได้รับรางวัลแซมเปิ้ล
แซมเปิ้ลอีกแล้ว?
ดูเหมือนว่าวันนี้จะโชคดีจัง
จากนั้น ข้อความบนหน้าจอกังวานอยู่ในหัว
[ได้รับ:ปืนสแกนเนอร์(ใช้ได้หนึ่งครั้ง)]
ลู่โจว “!!!”
ปืนสแกนเนอร์?!
อะไรวะเนี่ย?
………………………………………………………….