Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 679 500 ล้าน / ตอนที่ 680 เตรียมการสำหรับอนาคต
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 679 500 ล้าน / ตอนที่ 680 เตรียมการสำหรับอนาคต
ตอนที่ 679 500 ล้าน
เงินทุนได้รับการอนุมัติแล้วเหรอ
ได้แล้วเหรอ
สายตาของลู่โจวแสดงความประหลาดใจ เขารีบถามทันที
“เงินอนุมัติจำนวนเท่าไหร่”
“500 ล้าน! “
แค่ครึ่งพันล้านเองเหรอ
ลู่โจวดูผิดหวังเล็กน้อย เขารีบแสดงท่าทีปกติ
แม้ว่าจำนวนเงินจะไม่ได้มากขนาดนั้น แต่มันก็สามารถแก้ปัญหาเรื่องเงินไปได้บ้าง
เพราะสุดท้ายแล้วประเทศก็ยังต้องการผลกำไรจากอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ พวกเขาคงให้เงินทั้งหมดกับบริษัทของเราไม่ได้ ถ้าเขาอยากจะอยู่รอดในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ เขาจะต้องพึ่งพาสถาบันอื่นด้วย เช่น คณะกรรมการวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และอุตสาหกรรมเพื่อการป้องกันประเทศ องค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน และโครงการส่งคนขึ้นไปบนดวงจันทร์
ถ้าเขาชนะการประมูลและรับทำโปรเจกต์งานวิจัยจากองค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เช่น รวบรวมดินบนดวงจันทร์ เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องเงินแล้ว
โฮ่วกวงก็คิดแบบเดียวกัน หลังจากได้ยินสิ่งที่เลขารายงาน เขาเลิกคิ้วพลางคิดครู่หนึ่งและพูด “500 ล้าน…น่าจะพอสำหรับในช่วงแรกๆ แล้วเราค่อยหาเงินทุนเพิ่มทีหลัง”
“ใช่” ลู่โจวพยักหน้าและพูด “ผมจะหาวิธีหาทุนมาให้ได้ คุณไม่ต้องกังวลไป”
ลู่โจวยิ้มและตบไหล่ผู้อำนวยการทางเทคนิค
“ถ้าเงินทุนของเราหมดจริงๆ ผมจะขายบ้านที่เพอร์เพิลเมาน์เทน ไม่ว่าอย่างไรกระสวยอวกาศของเราก็ต้องได้บินสู่อวกาศ! “
โฮ่วกวงหมดคำพูด
ขายบ้านเพื่อสร้างกระสวยอวกาศ…
เขาเป็นคนแบบไหนกันแน่นะ
โฮ่วกวงถามตัวเองว่าถ้าเป็นเขา เขาจะสามารถยอมสละสิ่งของเพื่อส่วนร่วมได้ไหม แต่เขาคงทำไม่ได้
ไม่มีทางที่ลู่โจวจะไม่สามารถส่งกระสวยอวกาศขึ้นสู่อวกาศได้
โฮ่วกวงยืนขึ้นและให้คำสัญญา
“ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”
ลู่โจวไม่คิดว่าโฮ่วกวงจะจริงจังขนาดนี้ เขารู้สึกอายขึ้นมาทันที
แม้ว่าะพวกเขาจะต้องการเงินขนาดไหน เขาก็ไม่มีวันขายบ้านหรอก…
บ้านของเขามีค่าน้อยกว่าหุ้นอีสต์เอเชียเอเนอร์จี้หรือสิทธิบัตรแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์
ถ้านำสองอย่างนั้นไปจำนองก็ทำให้เขามีเงินมากมายแล้ว
ลู่โจวกระแอมและเปลี่ยนบทสนทนาทันที
“คุณทำหน้าที่ของคุณไปไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น เราจะพยายามเอาชนะโปรเจกต์ใหญ่นี้จากคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และองค์การอวกาศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนให้ได้ ถ้าทำได้เราก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงินแล้ว! “
โฮ่วกวงพยักหน้า
“รับทราบครับ”
…
เวอร์จีเนีย
สำนักงานใหญ่ CIA
ผู้อำนวยการ CIA นั่งอยู่ที่โต๊ะ เขาค่อยๆ อ่านเอกสารโปรเจกต์ ITER ที่ส่งมาจากยุโรปอย่างละเอียด
ทันใดนั้นเองเขาได้ยินเสียงเคาะประตู
เขาวางปากกาลงและปิดเอกสาร และมองไปที่ประตูพร้อมพึมพำ “เข้ามา”
ประตูออฟฟิศถูกผลักเปิดออก
เจ้าหน้าที่อายุ 40 กว่าเดินเข้ามาพร้อมเอกสารในมือ
“ผู้อำนวยการครับ เจ้าหน้าที่ประจำประเทศจีนกลับมาพร้อมข้อมูลล่าสุด สถาบันวิจัยยุทโธปกรณ์กองทัพเรือกำลังพัฒนาชุดต้นกำลังที่เชื่อถือได้”
“ชุดต้นกำลังที่เชื่อถือได้เหรอ” ผู้อำนวยการเลิกคิ้วและถาม “คุณอธิบายให้ละเอียดได้ไหม”
เจ้าหน้าที่สูดหายใจเข้า และตอบด้วยน้ำเสียงลังเล “มันคือเครื่องฟิวชั่นควบคุมได้ขนาดย่อครับ”
“เครื่องฟิวชั่นควบคุมได้ขนาดย่อเหรอ” ตาของผู้อำนวยการเบิกกว้าง เขายืนขึ้นทันทีและทุบโต๊ะ “ข้อมูลนี้เชื่อถือได้หรือเปล่า มีรายงานรายละเอียดไหม”
“ตอนนี้ข้อมูลอยู่ระหว่างการตรวจสอบครับ ส่วนรายงานพร้อมแล้ว”
เจ้าหน้าที่อีกคนเดินตรงเข้ามาและวางเอกสารลงบนโต๊ะ เขาก้าวถอยหลังสองก้าวและยืนตรงพร้อมมือไขว้หลัง
ผู้อำนวยการหยิบรายงานขึ้นมาและนั่งลง เขาอ่านรายงานอย่างละเอียด
“กำลังไฟฟ้าอยู่ที่ประมาณ 500-1,000 เมกะวัตต์…วิธีทางเทคนิค ไม่รู้ อาจจะแตกต่างกับแมกเนติกคอนไฟน์เม้นท์” ผู้อำนวยการวางเอกสารลงและพูด “นี่คือข้อมูลทั้งหมดที่เรามีเหรอ”
เจ้าหน้าที่พยักหน้าและพูด “สำหรับตอนนี้ ใช่ครับ”
ทั้งออฟฟิศเงียบสงัด
เวลาผ่านไปไม่กี่วินาที ผู้อำนวยการถามทันที “ศาสตราจารย์ลู่อีกแล้วเหรอ”
เจ้าหน้าที่ขมวดคิ้ว
“ก็เป็นไปได้ครับ แต่ไม่น่าจะใช่ เจ้าหน้าที่ที่จีนเคยบอกว่าหลังจากที่โปรเจกต์สตาร์-2 สเตลล่าร์เรเตอร์เสร็จสมบูรณ์ ศาสตราจารย์ลู่ก็ลาออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานวิจัยฟิวชั่นเสียงแต่กลับไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจ ส่วนทีมโปรเจกต์ถูกยุบไปเมื่อเดือนที่แล้ว”
ฟิวชั่นเสียงเป็นไอเดียหนึ่งสำหรับฟิวชั่นอุณหภูมิต่ำ งานวิจัยฟิวชั่นอุณหภูมิต่ำถูกตีตราว่าเป็นเรื่องหลอกลวงโดยสถาบันวิทยาศาสตร์แห่งชาติและกระทรวงพลังงานสหรัฐอเมริกาในช่วงยุค 80
ดูเหมือนว่าแม้แต่ศาสตราจารย์ลู่ที่สามารถทำได้ทุกอย่าง ก็ไม่สามารถไขปริศนานี้ได้
แม้ว่าทาง CIA จะสงสัยว่าประเทศจีนอาจพยายามปกปิดการทดลองที่พวกเขาทำสำเร็จ แต่เมื่อกลับมาคิดดูแล้วการที่ลู่โจวกำลังยุ่งอยู่กับสมการหยาง-มิลส์เมื่อไม่นานมานี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำวิจัยเรื่องฟิวชั่นเสียงในเวลาเดียวกัน
เป็นไปได้ที่จีนจะปล่อยข่าวลือเรื่องฟิวชั่นเสียงเพื่อกลบข่าวงานวิจัยสถาบันวิจัยยุทโธปกรณ์กองทัพเรือ
ผู้อำนวยการไม่ได้พูดอะไร เขาเคาะนิ้วชี้บนโต๊ะและเริ่มคิดไตร่ตรอง
เวลาผ่านไปไม่กี่วินาที เขารู้สึกผ่อนคลายและเอนตัวลงบนเก้าอี้
“ความเป็นไปได้ที่ศาสตราจารย์ลู่จะทำงานนี้มีน้อยมาก แต่เรายังประมาทไม่ได้”
เจ้าหน้าที่ถาม “หมายความว่าอย่างไร”
ผู้อำนวยการมองไปที่รายงายบนโต๊ะและพูด “ตอนนี้เรายังไม่แน่ใจว่านี่เป็นแผนการของจีนหรือพวกเขาทำสำเร็จแล้วจริงๆ ”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตามการได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นเป็นเรื่องที่สำคัญ
“เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ที่จินหลิง โดยเฉพาะที่ศูนย์ประกอบการกระสวยอวกาศ! ผมต้องการที่จะรู้ว่าลู่โจวทำอะไรอยู่ และที่สถาบันวิจัยยุทโธปกรณ์กองทัพเรือด้วย ถ้าพวกเขากำลังทำวิจัยฟิวชั่นควบคุมได้ขนาดย่อจริงๆ ก็ต้องมีเบาะแสอะไรบ้าง แล้วรีบรายงานข้อมูลทั้งหมดกับผมทันที! “
เจ้าหน้าที่ยืนขึ้น
“ครับท่าน”
………………………………………..
ตอนที่ 680 เตรียมการสำหรับอนาคต
ลู่โจวไม่ค่อยได้ช่วยเรื่องการออกแบบกระสวยอวกาศ
ระดับความรู้ทางด้านวิศวกรรมศาสตร์ของเขาตอนนี้ทำให้เขาสามารถศึกษาความรู้ที่จำเป็นด้วยตัวเองแต่พลังย่อมมีขีดจำกัด เพราะเขาต้องให้เวลาและแรงกับสิ่งที่คุ้มค่าที่สุด
ช่วงนี้ลู่โจวใช้เวลาไปกับการวิจัยวิธีพัฒนาเครื่องฟิวชั่นเสียงเพื่อเพิ่มความหนาแน่นของพลังงานให้ได้มากที่สุด ความร้อนส่วนใหญ่เกิดจากตัวผลักดันผลกระทบฮอลล์ที่อยู่ในเครื่องมือวัดปริมาณรังสี หลังจากนั้นมันถูกขับออกจากยานอวกาศในรูปแบบของพลาสมาพลังงานสูง
แต่โชคดีที่เสี่ยวไอช่วยลดความยากลำบากในการทำงานได้เยอะเลย
ตราบใดที่เขามีโน้ตบุ๊คกับตัว เขาสามารถควบคุมเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ผ่านเสี่ยวไอ และยังสามารถตรวจสอบไอเดียการทดลองที่น่าสนใจใหม่ๆ แม้จะอยู่ไกลหลายกิโลเมตรก็ตาม
ตอนนี้ลู่โจวเพิ่มพลังงานของเครื่องฟิวชั่นเสียงที่ประมาณ 200 เมกะวัตต์ได้สำเร็จ แต่สิ่งที่เขาต้องยอมแลกก็คือระดับแกนนิวเคลียร์จะเพิ่มขึ้น 20 % และน้ำหนักเพิ่มขึ้น 10% ส่วนภาพรวมของความหนาแน่นของพลังงานและความหนาแน่นของมวลพลังงานพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แม้ว่าเขายังต้องพยายามอีกเยอะกว่าจะได้ 500 เมกะวัตต์แต่ลู่โจวก็เชื่อว่าพวกเขาอยู่ไม่ไกลจากความสำเร็จ
ในการจะพัฒนาแบตเตอรี่ฟิวชั่น พวกเขาต้องเตรียมเอกสารสำหรับการประมูลโปรเจกต์
การประชุมด้านอวกาศสิ้นปีจะถูกจัดขึ้นในเวลาไม่ถึงเดือน มีบริษัทด้านอวกาศหลายแห่งที่จะเข้าร่วมการประชุมในปีนี้ ไม่เพียงแค่องค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนที่จะเข้าร่วม ก็ยังมีวันสเปซ บลูแอร์โรว์ แอโรสเปซ และบริษัทอวกาศเอกชนอีกหลายแห่งก็สนใจที่จะเข้าร่วมเช่นกัน รวมไปถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีชั้นนำก็เข้าร่วมเพื่อความสนุก
การลงทุนอุตสาหกรรมการบินและอวกาศหมายถึงสัมปทานภาษี สำหรับบริษัทที่ต้องจ่ายภาษีแพงๆ อย่างบริษัทข้างต้น ภาครัฐจะช่วยเหลือพวกเรือทางด้านการเงินในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศ อีกอยางพวกเขาก็ความต้องการดาวเทียมสื่อสาร…
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และแล้วก็ใกล้ถึงสิ้นเดือนกันยายน
ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกันยายน หลัวเหวินเซวียนกลับมาจากยุโรป
ตอนที่ลู่โจวเห็นเขาเดินเข้ามาในออฟฟิศ เขาเย้าแหย่
“คุณเจอแรงบันดาลใจหรือยัง”
หลัวเหวินเซวียนกระแอมและตอบ “แรงบันดาลใจ…เราจะรีบร้อนไม่ได้ มันต้องมาเองโดยธรรมชาติ”
“จะอย่างไรก็แล้วแต่ ผมมีบางอย่างจะให้คุณทำ”
หลัวเหวินเซวียนดูตั้งอกตั้งใจทันที
“อะไรเหรอครับ? “
ลู่โจวยังไม่บอกเขาตอนนี้
“คุณอยู่ที่เซิร์นนานแค่ไหน”
หลัวเหวินเซวียน “น่าจะประมาณสามปี”
“สามปี” ลู่โจวพยักหน้าและพูด “คุณรู้เรื่องเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนมากไหม”
หลัวเหวินเซวียนไม่รู้ว่าทำไมลู่โจวจึงถามคำถามนี้ แต่เขาก็ยังตอบตรงไปตรงมา “ผมรู้แค่นิดหน่อย ผมค่อนข้างสนิทกับศาสตราจารย์เกรเยอร์ เขาพาผมไปอุโมงค์อยู่บ่อยๆ และผมก็ยังเคยเห็นเขาเปลี่ยนเครื่องตรวจจับยกชุดอย่าง ATLAS และ CMS ด้วย”
“เกรเยอร์เหรอ? ” ลู่โจวคิดถึงอดีต เขายิ้มและพูด “เขาเป็นผู้ชายที่น่าสนใจจริงๆ ”
“คุณรู้จักเขาเหรอ” หลัวเหวินเซวียนดูประหลาดใจ เขาลูบหน้าผากตัวเองและพูด “ผมลืมไปเลย คุณเคยฝึกงานที่เซิร์น”
“ใช่ แต่ผมไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเซิร์นหรอก โดยเฉพาะเรื่องเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่” ลู่โจวนิ่งไปก่อนจะพูดต่อ “ผมตั้งใจว่าจะสร้างอะไรที่คล้ายๆ เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนสำหรับงานวิจัยฟิสิกส์ทฤษฎี”
“สร้างอะไรที่คล้ายเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนเหรอ” ตาของหลัวเหวินเซวียนเบิกกว้าง เขามองไปที่ลู่โจวอย่างไม่น่าเชื่อและพูด “คุณวางแผนจะสร้างเครื่องชนอนุภาคเหรอ คุณรู้ไหมว่าเครื่องนั้นต้องใช้เงินเท่าไหร่”
ลู่โจวยิ้มและพูด “หลายหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเหรอ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอก อีกอย่างผมไม่ได้จะสร้างมันบนพื้น แต่บนอวกาศต่างหาก”
หลัวเหวินเซวียนตกใจจนพูดอะไรไม่ออก
“ถ้าสร้างบนอวกาศก็ต้องเสียเงินมากกว่าเดิมอีกไม่ใช่เหรอ”
ลู่โจว “คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหรอก มันเป็นหน้าที่ของผม อีกอย่างเรายังไม่ต้องใช้เงินตอนนี้ ผมอยากให้คุณมาช่วยออกแบบมากกว่า”
หลัวเหวินเซวียนพูด “แต่ผมไม่ใช่วิศวกรฟิสิกส์”
“ผมรู้ แต่คุณเชี่ยวชาญเรื่องฟิสิกส์ทฤษฎีแถมยังเคยทำงานที่เซิร์นมาตั้งสามปี” ลู่โจวมองหลัวเหวินเซวียนและพูด “ผมจะให้คนอื่นดูแลในส่วนของวิศวกรรม ส่วนคุณทำหน้าที่สนับสนุนทางด้านเทคนิคในส่วนของการออกแบบ แต่ถ้าคุณไม่สนใจ ผมจะได้ถามคนอื่นดู”
“ผมสนใจอยู่แล้ว ผมแค่กลัวว่าจะทำให้คุณผิดหวัง”
“ไม่ต้องห่วง” ลู่โจวลูบบ่าหลัวเหวินเซวียนและพูดพร้อมรอยยิ้ม “ผมเชื่อใจคุณ”
การสร้างเครื่องชนอนุภาคแฮดรอนขนาดใหญ่บนอวกาศสำหรับงานวิจัยฟิสิกส์ทฤษฎีได้เปรียบเรื่องแรงโน้มถ่วงต่ำและสนามไร้แรงดูดของแม่เหล็ก ลู่โจวคิดเรื่องนี้มานานแล้วแต่ไม่มีโอกาสได้ทำสักที
ไหนๆ เขาก็ค้นพบเทคโนโลยีฟิวชั่นควบคุมได้แล้ว เครื่องขับดันพลังไอออนจะเป็นการเริ่มต้นของยุคอวกาศ ไอเดียที่ฟังดูเกินจริงกลับดูเป็นไปได้ขึ้นมา
เนื่องจากงานนี้เป็นงานที่ยาก เพราะฉะนั้นการออกแบบต้องเริ่มทันที
หลัวเหวินเซวียนเกาหัวและถอนหายใจ
“โอเค ถ้ามีอย่างอื่นที่ผมต้องทำก็บอกผมนะ”
ลู่โจวพยักหน้า
“ครับ ผมจะส่งรายละเอียดให้คุณทางอีเมล โอเค แค่นี้แหละ คุณจะกลับเลยก็ได้นะ”
หลัวเหวินเซวียนพูดแหย่ “คุณไล่ผมเหรอ คุณจะไม่ให้ผมดื่มกาแฟสักแก้วก่อนเลยหรือไง”
ลู่โจวมองไปเห็นขงเจี่ยยืนใกล้ๆ โต๊ะทำกาแฟ
“ขงเจี่ย ช่วยชงกาแฟให้ผมสองแก้ว กาแฟสำเร็จรูปหนึ่ง กาแฟดำหนึ่ง ไม่ใส่นมและน้ำตาล”
“โอเคค่ะ” ขงเจี่ยพยักหน้าให้ลู่โจวและหยิบซองกาแฟสำเร็จรูปพร้อมกระปุกเมล็ดกาแฟคั่วบดจากลิ้นชัก เธอชงกาแฟทั้งสองแก้วอย่างช่ำชองและนำกาแฟมาเสิร์ฟพร้อมถาดในมือ
“นี่ค่ะ”
“ขอบคุณครับ”
ขงเจี่ยแสยะยิ้มพลางใช้นิ้วเขี่ยผมตัวเองเล่น
“ด้วยความยินดีค่ะ”
ขงเจี่ยกลับไปที่เครื่องทำกาแฟและชงกาแฟให้ตัวเอง แล้วก็กลับไปนั่งที่โต๊ะ
ลู่โจวหยิบแก้วกาแฟของตัวเองมาจิบ
ไม่เลว
รสชาติและอุณหภูมิกำลังดี ในแบบที่เขาชอบ
ลู่โจววางแก้วลงและมองไปที่กาแฟอีกแก้ว เขามองหลัวเหวินเซวียนและถาม “คุณเพิ่งจะบอกให้ผมไปเอากาแฟมาให้ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่ดื่มล่ะ”
“ผม…”
หลัวเหวินเซวียนตะกุกตะกัก เขาเงียบไปสักพักหนึ่ง
เขาหันไปมองด้านหลังตัวเอง แล้วกลับมามองที่ลู่โจว
ลู่โจวรู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี ลู่โจวถอนหายใจ
“พูดออกมาเลย สิ่งที่คุณคิด…”
หลัวเหวินเซวียน “อยู่ดีๆ ผมก็มีอะไรจะถามคุณหน่อย”
ลู่โจวทำทีเบื่อหน่าย
“เอาเลย”
“เธอเป็นผู้ช่วยของคุณเหรอ”
ลู่โจวนิ่งไปครู่หนึ่ง เขามองไปที่ขงเจี่ยที่กำลังนั่งเรียงเอกสารอยู่ที่โต๊ะ
“ใช่ทำไมเหรอ?”
หลัวเหวินเซวียนถามทันที “เธอมีแฟนหรือยัง”
ลู่โจวแทบจะสำลักกาแฟ เขาวางแก้วกาแฟลงและพูดด้วยโทนเสียงต่ำ
“ผมเตือนคุณแล้วนะ! ผมไม่สนว่าคุณจะไปตามจีบใคร แต่ถ้าคุณพยายามทำร้ายนักเรียนหรือพนักงานของผม…”
“ผมเป็นคนแบบนั้นหรือไง! ผม…” หลัวเหวินเซวียนมองไปที่ขงเจี่ยและพูด “ผมจริงจังนะ”
ลู่โจวถึงกับพูดไม่ออก
เขาเคยได้ยินนี้มาหลายต่อหลายครั้ง
“ครั้งที่แล้วคุณก็จริงจังไม่ใช่หรือไง”
“ผมจริงจังตลอด…แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน แต่ละครั้งมันไม่เหมือนกัน ลู่โจว คุณเข้าใจผมใช่ไหม ความรักมันเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว เหมือนอิเล็กตรอนที่อยู่นอกนิวเคลียส คุณไม่รู้หรอกว่ามันอยู่ตรงไหน อยู่ดีๆ มันก็เกิดขึ้นกับคุณแล้ว”
ไม่อยากจะเชื่อ…
น่ารังเกียจจริงๆ …
ลู่โจวแสดงท่าทีเหมือนจะอ้วกออกมา
หลัวเหวินเซวียนแสร้งทำเป็นไม่เห็น และคอยมองไปที่โต๊ะขงเจี่ยเป็นระยะ
ลู่โจวพูด “มองตาผม แล้วพูดตาม”
“ไม่ล่ะ ผมอยากมองเธอมากกว่า”
“เวรเอ๊ย! “
………………………………………