Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 700 อิกนิชั่น! ขึ้นบิน!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 700 อิกนิชั่น! ขึ้นบิน!
“5
“4
“3
“2
“1
“อิกนิชั่น!”
ลิเธียมเหลวที่ไหลเวียนเริ่มกระฉอกไปมาในเครื่องปฏิกรณ์
ฟองอากาศอันหนาแน่นถูกปล่อยเข้าไป พลังงานระดับดาวฤกษ์ถูกอิกนิชั่นในนิวเคลียสระดับอะตอมที่มองไม่เห็น เมื่อซีนอนในสถานะของแข็งที่อยู่ในส่วนประกอบของตัวกลางทำงานถูกปล่อยเข้าไปในเครื่องมือวัดปริมาณรังสี พลาสมาอุณหภูมิสูงก็จะเริ่มให้แสงสว่างและความร้อนออกมา ในขณะที่ผ่านกระบวนการควบแน่นจากสนามแม่เหล็ก พลาสมาจะถูกส่งไปยังท่อเป่าอากาศร้อนของเครื่องยนต์…
อาร์ก[1]สีน้ำเงินปรากฏขึ้นที่ข้างใต้กระสวยอวกาศ ผลักให้กระสวยอวกาศลำยักษ์พุ่งไปข้างหน้า…
ความเร็วเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ ล้อลอยขึ้นจากบริเวณรันเวย์ ในขณะที่แลนดิ้ง เกียร์ถูกเก็บเข้าไปในกระสวยอวกาศ
ลำแสงอาร์กสีน้ำเงินเป็นตัวแทนของวิสัยทัศน์มนุษย์ที่มีต่ออวกาศ ยานรูปทรงลูกกระสุนสีเงินหายไปในหมู่เมฆ มุ่งหน้าขึ้นสู่อวกาศ…
ช่างที่ยืนอยู่ใกล้กับรันเวย์กำลังมองดูความสำเร็จทุกอย่างในระหว่างที่โห่ร้องยินดีและโยนหมวกขึ้นฟ้าไปพร้อมๆ กัน เป็นการเฉลิมฉลองอย่างรื่นเริง
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินที่ห่างจากรันเวย์ออกไปไม่ถึง 500 เมตร ก็มีเสียงโห่ร้องยินดีดังออกมาเช่นกัน
ในขณะที่โฮ่วกวงฟังเสียงฉลองความสำเร็จอันอึกทึกนั้น เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วถอดหูฟังครอบหัวออก เขาปาดน้ำตา
มันผ่านมาหลายปีเหลือเกิน
ความฝันของเขาเป็นจริงแล้ว
อย่างน้อย เขาก็ไม่ได้ทำให้อาจารย์ของเขาผิดหวัง
ดีไซน์ที่ตอนนั้นถูกมองว่าไร้ประโยชน์ ในตอนนี้ได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่แล้ว
ข้างนอกจุดปล่อยยาน
ทหารที่กำลังรักษาการณ์จุดปล่อยยานก็เห็นลำแสงอาร์กสีน้ำเงินหายไปในมวลเมฆด้วยเช่นกัน
ถึงแม้หน้าที่ของพวกเขาจะไม่อนุญาตให้แสดงอารมณ์ตื่นเต้นออกมา ใบหน้าของทุกคนก็เต็มไปด้วยความปลื้มปีติยินดีและความภาคภูมิใจ
ผู้บังคับการกรมไต้มองไปทางที่ลำแสงสีน้ำเงินหายไป ใบหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนอารมณ์มากนัก เขาเลิกคิ้วข้างขวาขึ้นโดยไม่พูดอะไร แล้วทำความเคารพแบบทหาร
ขอพระเจ้าจงคุ้มครองประเทศนี้
ขอให้พวกคุณกลับมาอย่างปลอดภัย
…
ในขณะเดียวกันนั้น ภายนอกจุดปล่อยยาน
รถเอสยูวีเคลื่อนมาจอด
หยวนฮวานหมินที่มีสิทธิ์ในการเข้าพื้นที่จุดปล่อยยาน รีบเดินไปที่ทางเข้าจุดปล่อยยานอย่างรวดเร็ว เลขาธิการหยวี่ตามเขามาติดๆ
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ทางเข้าสังเกตเห็นผู้ชายสองคนกำลังเดินมา เขาจึงหยุดทั้งคู่ไว้ทันที
“หยุดตรงนั้นก่อน ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามครับ!”
เลขาธิการหยวี่ยื่นเอกสารสิทธิ์ในการเข้าพื้นที่ให้ในทันที
“นี่เป็นเอกสารอนุญาตการเข้าพื้นที่จากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ออกไปได้แล้ว”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตรวจดูเอกสารอย่างถี่ถ้วน จากนั้นก็ส่งมันคืนให้กับเลขาธิการหยวี่
“ขออภัยด้วยครับ เอกสารนี้อนุญาตให้เข้าได้แค่ในเขตข้างนอกเท่านั้น พวกคุณอยู่ในพื้นที่ตรงนี้ได้ แต่เข้าไปข้างในไม่ได้ครับ”
หยวนฮวานหมินหรี่ตาขณะเอ่ยว่า “คุณหมายความว่าอย่างไร?”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตอบ “ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคลครับ”
ดวงตาของเลขาธิการหยวี่เบิกกว้าง “อะไรนะ!”
สิ่งที่เจ้าหน้าที่พูดมานั้นถูกต้องแล้ว
ถึงแม้นี่จะเป็นพื้นที่ห้วงอากาศควบคุม[2] ที่ดินตรงนี้ก็มีสตาร์สกายเทคโนโลยีเป็นเจ้าของ เอกสารจากกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศอนุญาตให้พวกเขาสามารถผ่านเข้าไปในเขตหวงห้ามได้ แต่ถ้าหากพวกเขาอยากเข้าไปในพื้นที่ส่วนบุคคล พวกเขาจะต้องขอหมายศาลหรือใบอนุญาตจากหน่วยงานเฉพาะทางก่อน…
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากจุดปล่อยยาน
ทหารทั้งกองทัพวิ่งข้ามจุดปล่อยยานไปยังศูนย์บัญชาการอีกฝั่ง
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถึงกับอึ้ง เขาไม่รู้แน่ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเห็นผู้บังคับการกรมไต้และหัวหน้าวิศวกรโฮ่วกวงเดินออกมาจากจุดปล่อยยาน
หยวนฮวานหมินก็สังเกตเห็นความวุ่นวายนั้น เขาจึงถามผู้บังคับการกรมไต้ทันที
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ? มีอุบัติเหตุเหรอครับ?”
ผู้บังคับการกรมไต้กำลังจะเอ่ยปากพูด แต่โฮ่วกวงส่ายหัวแล้วพูดออกมาก่อน
“ไม่เชิงหรอก การปล่อยยานประสบความสำเร็จ แต่แค่…”
เลขาธิการหยวี่กลืนน้ำลายแล้วถามว่า “แค่อะไรครับ?”
ผู้บังคับการกรมไต้ถอนหายใจบ้างแล้วพูดขึ้นว่า “ศาสตราจารย์ลู่หายตัวไปแล้ว พวกเราไม่แน่ใจสาเหตุเหมือนกัน เรากำลังตามหาตัวเขาอยู่ ถ้าพวกคุณมีเบาะแส ช่วยบอกพวกเราให้เร็วที่สุดด้วยครับ…”
“หายตัวไปเหรอ?” หยวนฮวานหมินอ้าปากค้าง “เขาจะไปไหนได้?”
“เมื่อกี้เขายังอยู่ที่จุดปล่อยยานอยู่เลย…หรือว่าจะ…”
โฮ่วกวงมีสีหน้าแปลกๆ
ผู้บังคับการกรมไต้สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของโฮ่วกวง เขาถามขึ้นทันทีว่า “หรือว่าจะอะไร? ตอนนี้เขาอยู่ไหนแล้ว?”
โฮ่วกวงยังคงทำหน้าแปลกๆ อยู่เช่นเดิม
“ผมไม่แน่ใจ แต่บางที แค่อาจจะเป็นไปได้เท่านั้น…ที่เขาจะอยู่บนยานอวกาศ”
หยวนฮวานหมิน “???”
เลขาธิการหยวี่ “???”
ผู้บังคับการกรมไต้ “???”
ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ “???”
อยู่บนยานอวกาศเหรอ?
บ้าอะไรเนี่ย!
…
ในขณะเดียวกันนั้น เหนือหมู่เมฆข้างบน
เนี้ยหยุนกำลังนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ มือของเขาสั่นไปหมด
เขามองไปทางลู่โจวที่จู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วจึงถามว่า “คุณขึ้นมาบนนี้ทำไมครับ?”
ลู่โจวชงกาแฟให้ตัวเองด้วยท่าทีสบายๆ แล้วเขาก็ตอบคำถามขณะนั่งอยู่ตรงที่นั่งลูกเรือว่า “นี่ยานผม ทำไมผมจะขึ้นมาไม่ได้ล่ะ?”
เนี้ยหยุน “…”
เนี้ยเหยียน “…”
ที่ลู่โจวพูดมาก็ฟังดูมีเหตุผล พวกเขาเลยไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
เนี้ยเหยียนมองกาแฟในมือลู่โจวแล้วอดถามไม่ได้ว่า “เวลานี้เหมาะกับการดื่มกาแฟเหรอคะ?”
“นี่เป็นเวลาเดียวที่จะดื่มกาแฟได้น่ะนะ” ลู่โจวใช้ช้อนคนกาแฟแล้วพูดต่อ “พอพวกเราบินถึงชั้นสตราโทสเฟียร์ ผมก็ดื่มอะไรไม่ได้แล้ว”
การเร่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องขับดันพลังไอออนนั้นช้ากว่าการขับเคลื่อนด้วยเคมีมาก ต่อให้อยู่ในสถานการณ์ที่เหมาะสมที่สุด มันก็ยังต้องใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมงในการไปถึงความเร็วโคจรรอบโลกได้ การใช้ปีกสร้างแรงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าในชั้นโอโซนจะทำให้เกิดการบินที่มีความเสถียร
ดังนั้น เขาจึงสามารถดื่มกาแฟได้อย่างสบายใจ ในขณะที่พวกเขากำลังอยู่บนชั้นโอโซน
อีกอย่าง การมีผู้โดยสารเพิ่มอีก 1 คน ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบกับความปลอดภัยอะไร สกายโกลว์ถูกออกแบบมาให้จุคนได้มากสุดถึง 10 คน พวกเขายังหาคนมาอยู่บนยานได้อีกตั้ง 7 คน ถ้าพวกเขาต้องการ
เนี้ยหยุนกับเนี้ยเหยียนมองหน้ากัน พวกเขากลืนน้ำลายแล้วสื่อสารกันทางสายตา
“พี่ เราจะเอาอย่างไรต่อดี?”
“พี่ไม่รู้! พวกเราควรกลับไหม?”
“แต่งบประมาณที่ใช้ไปกับการส่งยานขึ้นครั้งนี้มันน่าจะมากมหาศาลเลยนะพี่ พวกเรากลับไปไม่ได้หรอก…”
“แต่ลองคิดสิ ว่าศาสตราจารย์ลู่มีค่าขนาดไหน?”
เนี้ยหยุนเริ่มกัดฟันตัวเอง
ผู้ชายคนนี้ช่าง…
ไม่รู้ตัวเอาเสียเลยว่าความปลอดภัยของตัวเองสำคัญมากแค่ไหน
เอาตรงๆ วินาทีที่เนี้ยหยุนเดินขึ้นกระสวยอวกาศ เขาก็เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแล้ว เขาถึงกับทำพินัยกรรมใส่ไว้ในตู้ลิ้นชักด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ พวกเขาจะล้มเหลวไม่ได้
เขาต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ลงจอดยานอวกาศนี้อย่างปลอดภัย
เนี้ยเหยียนที่กำลังนั่งอยู่ที่ที่นั่งผู้ช่วยคนขับก็มองไปทางพี่ชายของเธอ
“พี่พูดถูกแล้ว…เดี๋ยวฉันจะคุยกับศูนย์บัญชาการภาคพื้นดินเอง”
ลู่โจวมองสองพี่น้องสื่อสารกันผ่านทางสีหน้า เขาพอจะเดาได้ว่าทั้งคู่กำลังวางแผนอะไรอยู่ เขาจึงกระแอมแล้วพูดออกมาว่า “ผมรู้นะว่าพวกคุณคิดอะไรอยู่ แต่ผมแนะนำว่าไม่ต้องทำจะดีกว่าครับ
ถ้าพวกเราลงจอดตอนนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการทำลายความพยายามของนักวิจัยกว่าพันชีวิตในช่วงปีที่ผ่านมาเท่านั้น แต่ทั้งโปรเจกต์ก็เสี่ยงที่จะล้มละลายด้วยเช่นกัน”
ลู่โจวหยุดพูดไปพักหนึ่งก่อนจะเสริมขึ้นว่า “อีกอย่าง…ผมไม่ได้มาที่นี่เล่นๆ ผมมีเหตุผลของตัวเอง
ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นอะไร พวกคุณก็เป็นทหาร ถูกไหม? ดังนั้นพวกคุณจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของผม กองทัพส่งพวกคุณมาให้ผม ดังนั้นพวกคุณจะต้องเชื่อฟังคำสั่งของผม ตอนนี้ ผมอยากให้พวกคุณสนใจกับการทำภารกิจของตัวคุณเองให้สำเร็จ ไม่ต้องห่วงเรื่องอื่น ไม่ต้องห่วงผม ผมวิ่ง 1 ชั่วโมงทุกเช้า สุขภาพร่างกายผมดีกว่าที่พวกคุณคิด ทำเป็นเหมือนผมไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็ได้ครับ”
นี่มันใช่เรื่องสุขภาพไหม?
คุณหมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าให้ทำเหมือนคุณไม่อยู่ตรงนี้
เนี้ยหยุนลังเลเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจไม่ลงจอดยาน
อย่างที่ลู่โจวบอก ภารกิจของเขาคือการทำตามคำสั่ง
วินาทีที่หัวหน้าของเขาส่งเขามาที่นี่ ลู่โจวก็ถือเป็นผู้บังคับบัญชาของเขาแล้ว ถึงแม้ลู่โจวจะไม่ใช่ทหาร แต่ก็ยังมีอำนาจในการออกคำสั่งเขาอยู่
ดังนั้นแล้ว ถึงแม้จะมีเหตุผลเป็นล้านขอให้พายานลำนี้ลงจอด แต่เขาก็ต้องทำตามคำสั่งที่ได้มา…
…………………………………………
[1] ปรากฏการณ์นำไฟฟ้าในก๊าซเนื่องจากการปลดปล่อยไฟฟ้าในบรรยากาศ ซึ่งจะเกิดกระแสไฟฟ้าที่มีค่าสูง
[2] พื้นที่ทั้งบนพื้นและในอากาศที่มีการควบคุม