Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 720 รวมตัวอีกครั้ง
แม้ว่าผู้อำนวยการหลี่อยากจะติดตามลู่โจวในอีก 48 ชั่วโมงถัดไป แต่ก็แน่นอนว่ามันเป็นไปไม่ได้
นอกจากครอบครัวของลู่โจวเองแล้ว เขาก็ไม่เคยเชิญใครมาอยู่ที่คฤหาสน์ของเขาแม้ว่าเขาจะมีห้องนอนมากมายเหลือเฟือ
หลังจากให้สัญญากับผู้อำนวยการหลี่ว่าเขาจะไม่ขึ้นไปบนยานอวกาศแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถกำจัดผู้อำนวยการหลี่ออกไปได้
ลู่โจวทำงานอยู่ที่จุดปล่อยยานจนถึงเวลาสี่โมงเย็น เขาขอให้หวังเผิงไปส่งเขาที่คฤหาสน์ของเขาในจงซาน อินเตอร์เนชันแนล เขากำลังจะอาบน้ำและหาอะไรกิน แต่ทันใดนั้นเสียงกดกริ่งหน้าประตูก็ดังขึ้น
ลู่โจวเดินไปที่ประตูแล้วมองที่ภาพจากกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่ใกล้กับทางเข้าคฤหาสน์ เขาถึงกับตกใจ
เขารีบเปิดประตู
“แม่ พ่อ เสี่ยวถง? ทุกคนมาที่นี่ได้ไงครับเนี่ย?”
ลู่ปังกั๋วยกกระเป๋าเดินทางผ่านประตูเข้ามาแล้วยิ้ม
“ถ้าพ่อไม่มา ลูกก็คงจะลงเอยอยู่บนอวกาศอีกครั้งน่ะสิ!”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ทำไมทุกคนไม่บอกผม ผมจะได้ออกไปรับ”
ฟางเหมยถอนหายใจแล้วพูดอย่างนุ่มนวลว่า “ลูกงานยุ่งมาก พวกเราไม่อยากจะรบกวนลูก พวกเราก็เลยเดินทางจากเจียงหลิงมาถึงที่นี่ ครอบครัวควรจะอยู่ด้วยกันในวันหยุด ลูกไม่ควรจะอยู่คนเดียว”
ลู่โจวจ้องมองพ่อแม่ของเขาแล้วนิ่งไปชั่วครู่ เขายิ้มออกมาอย่างรู้สึกผิด
“ผมขอโทษ…นี่ก็เกือบถึงตรุษจีนแล้ว แต่ผมไม่ได้โทรหาทุกคนเลย”
ผู้เฒ่าลู่ไม่ได้พูดอะไร เขาแค่เอื้อมมือออกไปแล้วตบบ่าลูกชาย
“ไม่เป็นไรหรอก พ่อเข้าใจ”
บางครั้งพวกผู้ชายก็ไม่จำเป็นต้องสื่อสารกันด้วยคำพูด
ลู่โจวรู้สึกได้ว่าพ่อของเขาเข้าใจ แล้วเขายังรู้สึกได้ว่าพ่อของเขาภูมิใจในตัวเขา
เสี่ยวถง ผู้ซึ่งสะพายกระเป๋าเป้อยู่ แทรกตัวผ่านพ่อแม่ของเธอแล้วพรวดพราดมายืนข้างพี่ชายของเธอ
“พี่คะ พี่คะ หนูได้ยินมาว่าพี่ขึ้นไปบนจรวดเหรอ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “จริงๆ มันไม่ใช่จรวดหรอก มันคือยานอวกาศ”
ดวงตาของเสี่ยวถงเป็นประกายขณะที่เธอถามขึ้นว่า “ว้าว! สนุกไหมคะ?”
ลู่โจวยิ้มแล้วพูดว่า “สนุกดี ไว้พี่จะพาเธอขึ้นไปบนนั้นด้วยสักครั้ง… แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตอนนี้มันออกจะเสี่ยงเล็กน้อย พี่ยังไม่ได้วางแผนที่จะขึ้นบิน”
เมื่อผู้เฒ่าลู่ได้ยินว่าลู่โจวกำลังจะพาลูกสาวคนเล็กไปอวกาศ เขาก็พูดขึ้นทันทีว่า “ลืมเรื่องนั้นไปได้เลย! มีหลานชายให้พ่อ แล้วเราค่อยมาพูดถึงเรื่องไปอวกาศ!”
ฟางเหมยมองมาที่สามีของเธอแล้วพูดว่า “หลานชาย คุณหมายความว่ายังไง แล้วหลานสาวล่ะ?”
ผู้เฒ่าลู่ตอบกลับทันทีว่า “หลานสาวด้วยก็ดี! มีหลานสองคนยิ่งดีใหญ่เลย!”
เสี่ยวถงแลบลิ้นออกมาแล้วหยุดพูด
ฉันจะไม่ได้ไปอวกาศจนกว่าพี่ชายฉันจะแต่งงานแล้วมีลูก…
ฉันคิดว่าฉันคงจะต้องรอไปอีกสักพัก
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นแล้ว
ยังมีของสดอยู่บ้างในตู้เย็น หลังจากฟางเหมยเปิดดู เธอก็บอกผู้เฒ่าลู่ให้ไปซื้อเนื้อตุ๋น 2 ปอนด์ กับผัก จากนั้นเธอก็สวมผ้ากันเปื้อนแล้วเริ่มทำอาหาร
ลู่โจวไม่อยากให้แม่ของเขาทำอาหาร อย่างไรก็ตาม เธอเพิ่งจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางด้วยรถไฟมายังจินหลิง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถจะเปลี่ยนใจเธอได้ ดังนั้นเขาจึงยอมแพ้ในการพูดโน้มน้าวแล้วนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่นแทน
พ่อแม่เขายุ่งอยู่ทั้งคู่ เสี่ยวถงกับลู่โจวจึงอยู่กันเพียงสองคนในห้องนั่งเล่น
ลู่โจวเปิดโทรทัศน์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ ด้วยความหวังว่าจะฆ่าเวลา ด้วยความเป็นพี่ชายที่ดี เขาจึงเริ่มถามเสี่ยวถงเกี่ยวกับเรื่องที่โรงเรียน
“ไปเรียนที่อังกฤษเป็นยังไงบ้าง?”
เท้าของเสี่ยวถงวางอยู่บนโต๊ะรับแขกระหว่างที่เธอตอบโดยที่เล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วย “ก็ดีนะ มหาวิทยาลัยไม่ได้มีชีวิตชีวาเท่าที่จีน หนูไม่ชอบไปปาร์ตี้เลย ฉะนั้นหนูก็เลยแค่ไปห้องสมุดกับรูมเมท”
ลู่โจวพูดว่า “จะว่าไปแล้ว ปีหน้าเราก็จะเรียนจบแล้วใช่ไหม?”
เสี่ยวถงตอบว่า “ใช่ ประมาณนั้นแหละ”
ลู่โจวถามว่า “แล้วได้คิดเรื่องการวางแผนหลังเรียนจบบ้างไหม?”
เสี่ยวถงปิดโทรศัพท์แล้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็เกาหัว
“หนูวางแผนว่าจะเรียนปริญญาเอกที่ออกซฟอร์ด หรือไม่ก็ทำงานที่เอชเอสบีซี”
ลู่โจวถามว่า “นี่เราได้ข้อเสนอจากเอชเอสบีซีเหรอ? เอชเอสบีซีรับนักศึกษาปริญญาโทด้วยเหรอ?”
เพราะลู่โจวไม่เคยกู้ยืมเงินจากธนาคารมาก่อน เขาจึงไม่ค่อยรู้เรื่องการเงินมากนัก ถ้าเขาจำไม่ผิด เอชเอสบีซีเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักรและมีอิทธิพลอย่างมากทั่วโลก
เสี่ยวถงถูจมูกของเธออย่างอึดอัดใจแล้วตอบว่า “แน่นอนค่ะ พวกเขารับนักศึกษาปริญญาโท อาจารย์ที่ปรึกษาของหนูช่วยให้ฉันได้ไปฝึกงานตลอดช่วงฤดูร้อน โอกาสเรื่องงานของหนูก็ดูท่าทางจะดี ฝ่ายบุคคลถามหนูว่าหนูมีแผนจะมาทำงานที่นี่หลังเรียนจบไหม ถึงแม้ว่าหนูอาจจะต้องเริ่มต้นจากตำแหน่งล่างสุด แต่หนูก็ค่อนข้างชอบสภาพแวดล้อมที่นั่น”
ลู่โจวพูดว่า “พี่คิดว่าเธอน่าจะต้องเลือกวิชาการหรือไม่ก็บริษัท ถ้าเกิดเลือกวิชาการ ปริญญาเอกก็เป็นตัวเลือกที่ดีอยู่แล้ว แต่ถ้าเราอยากจะเข้าไปอยู่ในบริษัท ข้อเสนอของเอชเอสบีซีก็ค่อนข้างน่าสนใจ”
ลู่โจวก็อดที่จะรู้สึกเศร้านิดหน่อยไม่ได้
เขานึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์ของตัวเองตอนยังเป็นนักศึกษาปริญญาตรี แม้ว่าระบบจะช่วยเขา แต่เขาก็ต้องใส่ความพยายามอย่างมากเพื่อที่จะมาถึงจุดนี้
แน่นอนว่าเสี่ยวถงก็ทำงานหนักมากเช่นกันในการที่จะก้าวมาสู่จุดที่เธอยืนในวันนี้ แม้ว่าลู่โจวจะช่วยเขียนจดหมายแนะนำให้เธอ แต่ก็ยังเป็นตัวเธอเองที่ใช้โอกาสของตัวเองให้เป็นประโยชน์
สิ่งนี้เหมือนกับถ้านักศึกษาโง่เขลาคนหนึ่งที่ถูกจัดให้เข้าระบบ พวกเขาก็อาจจะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้มากนัก…
เสี่ยวถงกะพริบตาแล้วถามด้วยท่าทีจริงจังว่า
“งั้นพี่คิดว่าหนูควรจะเลือกเส้นทางไหนดีล่ะ?”
“นี่ถามพี่เหรอ?” ลู่โจวยิ้มแล้วตอบว่า “พี่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องการเงินเลย ดังนั้นความเห็นของพี่คงไม่มีสาระ… ถามคุณซีอีโอดีกว่า”
“คุณซีอีโอเหรอ?”
“ใช่ เฉินยู่ซานไง”
เสี่ยวถงเห็นว่าลู่โจวมีความเขินอายเล็กน้อยบนใบหน้า เธอแกล้งยิ้มแล้วกระทุ้งแขนพี่ชาย
“นี่ พี่ บอกหนูมาตรงๆ นะ พวกพี่น่ะไปถึงขั้นไหนกันแล้ว?”
ลู่โจวมองเธออย่างเคืองๆ
“เธอหมายความว่ายังไงขั้นไหน เราเองยังเด็กนะ อย่ามาถามพี่เรื่องพวกนี้น่า”
เสี่ยวถงรู้สึกสนใจเรื่องซุบซิบนี้ขึ้นมาทันที แล้วเธอก็พูดว่า “หนูก็ไม่ใช่เด็กแล้วนะ! คิดดูสิ เฉินยู่ซานอายุ 26 แล้วเธอก็ยังโสดอยู่ เธอต้องรอพี่อยู่แน่ๆ”
“…เธอไม่รู้อะไร เหลวไหล”
เสี่ยวถงไม่พอใจ
“อ่า หนูน่ะรู้จักผู้หญิงดีกว่าพี่อยู่แล้ว เดี๋ยวนะ พี่…”
ทันใดนั้นเสี่ยวถงก็ทำสีหน้าแปลกๆ
ลู่โจวมองไปที่เพดานแล้วถอนหายใจ
“มีอะไร…”
เสี่ยวถงมองพี่ชายของเธอแปลกๆ แล้วถามว่า “พี่ชอบ…ไม้ป่าเดียวกันรึเปล่า?”
“ไปไกลๆ เลย!”
เริ่มมีการถ่ายทอดข่าวในโทรทัศน์
เป็นการรายงานเกี่ยวกับภารกิจการปล่อยยานที่กำลังจะเกิดขึ้น
เสี่ยวถงมองที่จอแล้วชี้
“พี่”
“มีอะไร?”
“การปล่อยยานครั้งนี้จะสำเร็จไหม?”
ลู่โจวเริ่มครุ่นคิด แล้วสักพัก เขาก็ยิ้มเยาะออกมา
“แน่นอนสิ มันจะสำเร็จ
“ร้อยเปอร์เซ็นต์”
ทั้งประเทศกำลังตั้งตาคอยโปรเจกต์ไปดวงจันทร์
ดวงตาที่มีความหวังหลายพันล้านคู่กำลังจับจ้องอยู่
ลู่โจวทำให้พวกเขาผิดหวังไม่ได้
…………………………………..