Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 769 สามนักรบ
ทุกการเที่ยวบินอวกาศเป็นการผจญภัย ทุกการทดสอบยานอวกาศเป็นการเสี่ยงดวง
ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์ของการปล่อยยานอวกาศจะเป็นอย่างไร
สตาร์ไลท์มีปีกหมุนได้สองคู่ และปีกพวกนี้จะเพิ่มความคล่องแคล่ว แต่มันก็เพิ่มความเสี่ยงระดับหนึ่ง
ถึงแม้ว่าระบบควบคุมเครื่องจักรกลถูกออกแบบโดยเสี่ยวไอ ลู่โจวไม่แน่ใจว่าสตาร์ไลท์จะไม่เกิดอุบัติเหตุ
สิ่งเดียวที่คือทำได้คือพยายามลดโอกาสที่จะเกิดอุบัติเหตุให้ดีที่สุด…
ในช่วงครึ่งหลังของการประชุม พวกเขาคุยถึงตารางเวลาของการทดสอบบินของสตาร์ไลท์รวมถึงการปล่อยโมดูลยูนิตี้ของปราสาทจันทราเดือนหน้า
ทั้งองค์การอุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์การบินและอวกาศของประเทศจีนตกลงว่าการปล่อยตัวควรเกิดขึ้นเดือนหน้า หลังจากโมเดลยูนิตี้รวมกับโมดูลคอร์ ปราสาทจันทราที่ลอยอยู่ในวงโคจรดวงจันทร์จะมีพื้นที่ให้ทำการทดลองมากขึ้น ปราสาทจันทราก็จะสามารถเข้าท่าได้กับยานอวกาศที่มนุษย์ควบคุม อย่างเช่น สกายโกลว์
ดังนั้น ถึงแม้ว่ามันค่อนข้างเล็ก มันก็อาจจะถูกมองว่าเป็น ‘ท่าจอดยานอวกาศ’!
ในระหว่างที่จีนวางแผนการทดสอบการบินของสตาร์ไลท์ พวกอเมริกันกำลังซุ่มเตรียมอาวุธลับของตัวเองเช่นกัน
ระบบช่วยชีวิตบนดาวอังคารถูกเปิดใช้งานสำเร็จโดยศูนย์บัญชาการภาคพื้นดิน และอาสาสมัครทั้งสามคนได้ฝึกสำเร็จ ไม่มีเหตุผลที่อเมริกาต้องรออีกต่อไป
จากการอนุมัติโดยสภาคองเกรส นาซาประกาศอย่างรวดเร็วว่าโครงการแอรีสกำลังดำเนินการขั้นตอนต่อไป
พวกนั้นกำลังจะส่งนักอาณานิคมกลุ่มแรกไป!
หลังจากข่าวถูกประกาศออกไป ข่าวนี้สร้างความฮือฮาไปทั่วโลก
ถึงผู้คนรู้ว่าคนอเมริกากำลังจะส่งคนไปดาวอังคาร ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้
บางทีความล้ำหน้าของจีนในด้านการบินและอวกาศทำให้นาซากระวนกระวายจริงๆ นาซาอาจจะอยากพิสูจน์กับประเทศของตัวเองว่ามันยังเป็นราชาแห่งการบินและอวกาศ
ก่อนการปล่อยตัว ทั้งนิวยอร์คไทมส์และโคลัมเบียทีวีที่ได้รับการสปอนเซอร์โดยสเปซเอ็กซ์ ได้จัดรายการพูดคุยกับอาสาสมัครทั้งสามคน
ไม่เพียงแต่ว่ารายการนี้เป็นการอำลาสามอาสาสมัคร แต่มันก็เป็นโอกาสที่จะเชิญชวนอาสาสมัครเพิ่มเติมผ่านอีเวนต์สื่อนี้
เฟสที่สามของโครงการแอรีสฟังก์ชันคือการส่ง 10 โมดูลที่ทำงานได้ไปดาวอังคารและชาวอาณานิคม 50 คน ไปที่ ‘หมู่บ้านดาวอังคาร’ สำหรับสเปซเอ็กซ์และนาซา การขจัดความกลัวของผู้คนที่จะเดินไปอวกาศนั้นจำเป็นต่อการอยู่รอดของโครงการแอรีส…
ในวันของรายการพูดคุย จิมมี่ ถัง ผู้ดำเนินรายการชื่อดัง ขึ้นเวทีมาด้วยชุดสูทแฟนซี เขาโค้งให้ผู้ชมอย่างอ่อนโยนและยิ้มด้วยฟันขาวสว่าง
“สวัสดีครับ สวัสดี ยินดีต้อนรับสู่รายการทอล์คโชว์พิเศษของสามนักรบอวกาศ ถ้าคุณได้บังเอิญเปิดมาเจอรายการนี้ คุณเพิ่งถูกลอตเตอรี่!”
ผู้ชมขำความพยายามที่แพรวพราวของถังในการปลุกเร้าบรรยากาศ จิมมี่ ถัง มองดูจอขนาดใหญ่ข้างหลังเขา
“ผมมั่นใจว่าผมไม่ต้องอธิบายว่าเรื่องวันนี้เกี่ยวกับอะไร คู่แข่งของเราส่งปราสาทจันทราไปดวงจันทร์แต่นาซากำลังจะบดขยี้พวกนั้น! ไม่ได้ขยี้จริงๆ แต่เป็นในแง่เปรียบเปรย”
จิมมี่มองดูผู้ชมและพูดต่อด้วยสีหน้าแสร้งยิ้ม
“ทุกท่าน อย่าเพิ่งตื่นเต้นกันเกินไป แม้ว่าคู่แข่งของเรานั้นแข็งแกร่ง แต่พวกนั้นยังตามเราอยู่ 60 ล้านกิโลเมตร ชัยชนะอยู่ในมือพวกเรา!”
จิมมี่ยกทั้งสองมือขึ้นและพูดอย่างเปี่ยมอารมณ์
“ดังนั้น แทนที่จะเรียกมันว่าการแข่งขัน ผมขอเรียกมันว่าการผจญภัย! นักรบของเรา ฮีโร่ของเรา จะเดินทางกว่าหลายพันกิโลเมตรไปยังดาวที่ไม่เคยถูกสำรวจเพื่อเปิดพรมแดนของมนุษยชาติ
แผนที่ยิ่งใหญ่นี้ไม่เคยเกี่ยวกับการชนะการแข่งขัน! คู่แข่งเดียวที่คู่ควรคืออนาคต!”
บรรยากาศถึงจุดพีคที่สุด
จิมมี่ปรับสู่รายการพูดคุยวันนี้อย่างราบรื่น
“ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่จะต้อนรับนักรบทั้งสามสู่โชว์ของเรา!”
เสียงปรบมืออื้ออึงถูกผสมด้วยเสียงเชียร์และโห่ร้อง
นักบินอวกาศสามคนปรากฏตัวขึ้นทีละคนในขณะที่เดินขึ้นมานั่งบนเวที
เสียงปรบมือและดนตรีพื้นหลังเบาลงช้าๆ
จิมมี่ถือไมโครโฟนขึ้นมาพูดกับผู้ชม
“ผมขอแนะนำจอห์นสัน! กัปตันนักบินอวกาศ! จากที่เป็นอดีตทหารเรือ เขาเป็นนักรบและผู้รักชาติที่แท้จริง ขอเสียงปรบมือให้จอห์นสัน!”
ผู้ชมปรบมือเสียงดังอีกครั้ง
จอห์นสันยิ้มให้ผู้ชมและพยักหน้า
เมื่อเสียงปรบมือเบาลง จิมมี่ยิ้มให้จอห์นสันและพูดว่า “ดูเหมือนว่าคุณค่อนข้างดังเลยทีเดียว คุณแนะนำตัวเองหน่อยสิครับ!”
“สวัสดีครับ ทุกคน ผมเป็นกัปตันของการสำรวจครั้งนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติที่มาที่นี่”
จอห์นสันเป็นชายคอเคเซียนปกติที่มีรูปร่างหน้าตากำยำ เขายังมีท่าทีและหน้าตาที่มีเสน่ห์
ระหว่างที่เขาอธิบายรายละเอียดเฟสที่สองของโครงการแอรีส ผู้ชมตั้งใจฟังเขา
หลังจากที่จอห์นสันพูดจบ เขามองดูจิมมี่
จิมมี่ยิ้มและถามว่า “คุณเคยขึ้นเรือบรรทุกอากาศยานมาก่อนใช่ไหม?”
“ครับ ผมเคยแล้ว”
จิมมี่พูดต่อ “อะไรทำให้คุณสนใจในเรื่องการบินและอวกาศครับ? หรือทำไมคุณถึงอยากเข้าร่วมโครงการแอรีส”
จอห์นสันครุ่นคิดอยู่สักพักและพูดว่า “เพราะว่ามันเป็นความฝันของผมมาตลอด…แล้วก็เป็นเพราะลูกของผมด้วย”
“ลูกของคุณ?” จิมมี่มีสีหน้าเซอร์ไพรส์และเขาถามต่อ “คุณอธิบายเพิ่มได้ไหม?”
ครอบครัวเป็นส่วนสำคัญของค่านิยมอเมริกัน โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องของเด็ก
จอห์นสันคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะอธิบาย “ผมมีภรรยาที่รักและลูกสองคนที่บ้าน ลูกของผมเห็นผมเป็นฮีโร่ และผมเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกๆ นั้นเป็นสาเหตุที่ผมสมัครโครงการแอรีส ผมไม่ได้มีความคาดหวังอะไร ผมเลยรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ผมถูกรับเลือก”
จิมมี่ยิ้มและพูดว่า “โชคชะตามีวิธีการทำงานในทางที่มหัศจรรย์ ผมมั่นใจว่าลูกของคุณจะเห็นคุณเป็นแบบอย่างแน่นอน!”
จอห์นสันพยักหน้าและยิ้ม
“ขอบคุณครับ”
กล้องเริ่มหมุนไปที่เพื่อนร่วมทีมของจอห์นสัน
นักบินอวกาศหญิงหน้าตาดีวัยยี่สิบปี เธอมีชื่อว่าจูเลีย เธอดูไม่มีพื้นหลังที่น่าประทับใจ และเธอดูกังวลเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด
จากการแนะนำตัวเอง ก่อนที่เธอถูกตอบรับเป็นนักบินอวกาศ เธอเป็นครูสอนนักเรียนประถมที่อัมสเตอร์ดัม
ชายผิวดำอีกคนชื่อว่าทราวิส และเขากำยำยิ่งกว่าจอห์นสัน ดูเหมือนว่าเขาเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพและเล่นเป็นควอเตอร์แบ็คให้ทีมแอตแลนต้า
ด้วยเหตุผลบางประการ ระหว่างที่ทราวิสถูกสัมภาษณ์ เขาดูมึนงงเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาไม่ได้หลับสนิทมา
จิมมี่แซวเล่น “คุณน่าจะตื่นเต้นกับการสัมภาษณ์นี้มากจนคุณหลับไม่ค่อยสนิท”
“อาจจะ…” ทราวิสฝืนยิ้มและพูดว่า “ผมแค่เหนื่อยเกินไป คุณรู้ไหม การฝึกไม่ใช่เรื่องง่าย”
“ค่อยเป็นค่อยไปนะ เพื่อน” กัปตันจอห์นสันตบไหล่ทราวิสและพูดว่า “การกลับมาของเราจะต้องยิ่งใหญ่!”
“ถ้าเราได้กลับมานะ…”
ทราวิสพยายามจะยิ้ม แต่ตาของเขาดูกระวนกระวาย
จิมมี่หันไปสนใจผู้ชมและพูดอย่างเปี่ยมอารมณ์
“นักรบของเราพร้อมที่จะเดินทางแล้ว! เรือลำใหญ่กำลังจะออกแล่น!
“เวลาปล่อยตัวคือสองทุ่ม วันพุธหน้า และ CNN จะถ่ายทอดสดที่ไซต์ปล่อยตัว!
“พระเจ้าจะปกป้องนักรบของเรา และคบเพลิงแห่งเสรีภาพจะส่องทางให้พวกเขา! ร่วมกันส่งคำอวยพรให้นักรบของพวกเรากัน!”
สตูดิโอเต็มไปด้วยเสียงปรบมืออีกครั้ง
โชว์มาถึงจุดสิ้นสุด
วันปล่อยตัว ‘หัวใจทองคำ’ เป็นวันเดียวกับวันปล่อยตัวสตาร์ไลท์ของจีน ไม่มีใครรู้ว่าสิ่งนี้เป็นการจงใจหรือไม่
สองฝ่ายพยายามจะแข่งขันกันอย่างชัดเจน
การแข่งขันนี้น่าสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ…
…………………………………………………………