Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 786 ยุคอวกาศ 4.0
พายุทรายระดับโลก?
หลังจากได้ยินที่โฮ่วกวงพูด ลู่โจวเผลอมองปฏิทินที่มุมโต๊ะ เขาเห็นว่าตอนนี้เป็นปี 2021 แล้ว
โฮ่วกวงเดาว่าลู่โจวคิดอะไรอยู่ เขาจึงพูดขึ้น
“ผมรู้ว่าคุณเซอร์ไพรส์…เอาจริงแล้ว ผู้เฝ้าสังเกตที่กล้อง FAST ก็เซอร์ไพรส์เช่นกัน โดยเฉลี่ยแล้ว พายุทรายระดับโลกเกิดขึ้นบนดาวอังคารทุกห้าถึงหกปี”
โฮ่วกวงถอนหายใจ
ถึงมันเป็นเรื่องดีที่คู่แข่งจะประสบปัญหา พวกเขาไม่อยากให้นาซาพ่ายแพ้ราบคาบ การที่โครงการแอรีสพังก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการ
หลังจากได้ฟังโฮ่วกวง ลู่โจวครุ่นคิดอยู่สักพัก
“มันมีเหตุผลไหม?”
โฮ่วกวงยิ้มและตอบกลับ “จะมีเหตุผลอะไรได้อีกล่ะ…”
สภาพอากาศบนดาวอังคารเป็นระบบซับซ้อน จากชั้นบรรยากาศบางและภูมิประเทศสุดโต่ง มันไม่มีวิธีที่เชื่อถือได้ที่สามารถคาดเดาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศได้อย่างแม่นยำ
การอนุมานเดียวที่ผู้คนสามารถคิดได้คือพายุทรายระดับโลกเกิดขึ้นทุกห้าถึงหกปี พายุทรายแต่ละลูกอยู่นานเป็นหลายเดือนหรืออาจจะทั้งปี พายุทรายมักจะมาพร้อมกับสายฟ้าและทอร์นาโด
ถ้ามีใครอยากคาดการณ์พยากรณ์อากาศดาวอังคารอย่างแม่นยำ พวกเขาต้องส่งดาวเทียมจำนวนหนึ่งไปที่วงโคจรต่ำของดาวอังคาร
ลู่โจวพูดต่อ “ถ้าพายุทรายระดับโลกเกิดขึ้น มันจะส่งผลอะไรกับชาวอาณานิคมบนดาวอังคาร?”
โฮ่วกวงพูดตอบ “พูดโดยทั่วๆ ไป พายุทรายจะส่งผลกระทบต่อเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ แต่พวกเขาน่าจะมีแหล่งพลังงานสำรอง มันไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่…แน่นอนว่ามีแต่นาซาที่รู้ว่าสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน”
ระบบช่วยชีวิตได้รวมเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดของหลายบริษัทอวกาศรายใหญ่ อาทิเช่น สเปซเอ็กซ์และบลูออริจิน ถึงแม้ว่าโครงการแอรีสถูกดำเนินการอย่างเร่งรีบ อีลอน มัสก์ได้เตรียมการสร้างอาณานิคมที่ดาวอังคารหลายสิบปีแล้ว มันไม่มีทางที่เขาไม่ได้คิดเรื่องพายุทรายไว้ก่อน
มัสก์ต้องได้ฝึกซ้อมการรับมือพายุทรายบนโลกแล้ว
แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้เป็นการคาดคะเนของลู่โจว
เหมือนกับที่โฮ่วกวงพูดไว้ เมื่อเพียงชาวอาณานิคมและนาซาที่รู้ว่าสถานการณ์จริงเป็นอย่างไร
ลู่โจวพยักหน้าและนิ่งไปสักพัก
“ถ้าคนที่กล้อง FAST ให้สังเกตดาวอังคารต่อไป…ผมว่าเราต้องรอประกาศจากนาซา”
โฟกัสของลู่โจวยังอยู่ที่ดวงจันทร์ เขาแค่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นบนดาวอังคารเล็กน้อย มันจะเป็นเรื่องดีถ้าพายุทรายเปิดเผยให้ลู่โจวรู้ว่าเทคโนโลยีดวงจันทร์ของนาซาพัฒนาไปแค่ไหน
โฮ่วกวงเดินออกจากออฟฟิศและปิดประตูออฟฟิศให้
ลู่โจวมองดูประตูและนึกขึ้นได้ว่าเขามีนัดกับผู้อำนวยการขององค์การอวกาศยุโรป เขาลุกขึ้นยืนและกำลังจะเตรียมพร้อมสำหรับการประชุม
แต่จู่ๆ เขาก็หยุดและพูดกับคอมพิวเตอร์
“เสี่ยวไอ เปลี่ยนลำดับการแกะรหัสไฟล์ ไขไฟล์ลำดับล่าสุดก่อน!”
ไฟสัญญาณคอมพิวเตอร์กะพริบขึ้น บ่งบอกว่าเสี่ยวไอได้ยินเขา
ลู่โจวพยักหน้าและเดินออกจากออฟฟิศไป
…
การเจรจาฟิวชั่นที่ควบคุมได้มาถึงจุดสิ้นสุด จีนและประเทศอื่นอยู่ในขั้นตอนฮันนีมูน และพวกเขาเริ่มทำงานอย่างใกล้ชิดในด้านวิชาการและอุตสาหกรรม
การที่จีนเข้าโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ และการร่วมมือระหว่างสหภาพยุโรปกับจีนเรื่องสถานีอวกาศดวงจันทร์เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของเรื่องนี้
ภายในศูนย์บัญชาการที่ไซต์ปล่อยยานจินหลิง ลู่โจวเจอกับโอเวนส์ ผู้อำนวยการองค์การอวกาศยุโรป
โอเวนส์เพิ่งมาจากการประชุมที่ปักกิ่ง เขาบินไปจินหลิงเพื่อเจอลู่โจวเป็นหลัก เขาอยากพบกับผู้นำด้านอุตสาหกรรมการบินและอวกาศของจีน หัวหน้านักออกแบบของคณะกรรมการการโคจรรอบดวงจันทร์ และนักวิทยาศาสตร์ในตำนาน…
“สวัสดี ศาสตราจารย์ลู่ ยินดีที่ได้พบคุณครับ!”
โอเวนส์เป็นคนสูงและผอมแห้ง เขาจับมือกับลู่โจวอย่างกระตือรือร้น ลู่โจวยิ้มสุภาพให้โอเวนส์
“ยินดีที่ได้พบคุณเช่นกันครับ คุณโอเวนส์! เชิญนั่งครับ”
เจ้าหน้าที่จากองค์การอวกาศยุโรปและนักข่าวจากสื่อจีนและยุโรปเดินตามโอเวนส์มา
การประชุมนี้เปิดเผยต่อสาธารณชน ทั้งสองฝ่ายจะพูดคุยเรื่องแผนการร่วมมือและแสดงภาพลักษณ์ต่อชุมชนนานาชาติในเรื่องการร่วมมือกัน
ซึ่งเป็นภาพที่ว่าจีนและสหภาพยุโรปได้เจรจาอย่างราบรื่น
โอเวนส์นั่งอธิบายมุมมองของเขาด้วยท่าทีน่าสนใจบนโซฟา
“ถ้าเราดูที่ประวัติศาสตร์การสำรวจอวกาศของมนุษย์ ผมคิดว่ามันแบ่งออกเป็นได้สามช่วง”
ลู่โจวยิ้มและถามเขา “สามช่วงไหนบ้างครับ?”
โอเวนส์ยิ้มและพูดตอบ “ในช่วงแรก อวกาศ 1.0 มนุษย์ศึกษาดาราศาสตร์กับโหราศาสตร์ และปัจจัยทางศาสนาและวัฒนธรรมมีบทบาทสำคัญ ในช่วงอวกาศ 2.0 พวกเราเดินทางไปอวกาศและก้าวเท้าเหยียบดวงจันทร์ นี่เป็นยุค ‘อะพอลโล’ ในช่วงอวกาศ 3.0 อวกาศเป็นอีกหนึ่งด้านสำหรับการพัฒนามนุษย์ ภารกิจปล่อยยานไปอวกาศเชิงพาณิชย์เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้น นี่เป็น ‘ช่วงสถานีอวกาศนานาชาติ’”
ลู่โจวยิ้มและพูดว่า “น่าสนใจนะครับ แล้วคุณคิดว่าเราจะเข้าสู่ช่วงอวกาศ 4.0 ตอนไหน?”
โอเวนส์คิดอยู่สักพักแล้วยิ้ม
“ผมคิดว่าอวกาศ 4.0 จะเป็นยุคของปราสาทจันทรา”
“โอ้ จริงหรือครับ?” ลู่โจวยิ้มและถามว่า “ทำไมนี่ไม่ใช่ยุคของแอรีสล่ะ?”
โอเวนส์ยิ้มและส่ายหน้า
“ดาวอังคารอยู่ไกลไป และมันใช้เวลาเดินทางไปกลับหลายเดือน ยุโรปเองก็ยังไม่มีความสามารถพอที่จะเข้าร่วมด้วย บางทีแอรีสอาจจะเป็นอวกาศยุคต่อไป แต่จนถึงตอนนี้ พวกเราเชื่อมั่นในดวงจันทร์มากกว่า”
ลู่โจวอดคิดไม่ได้
เขากำลังคิดถึงเรื่องนี้จากทุกแง่มุม
มันไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากร่วมโครงการแอรีส แต่พวกเขายังไม่มีความสามารถพอที่จะร่วม
ชายคนนี้มาจากเยอรมันจริงๆ ใช่ไหม?
ลู่โจวรู้สึกว่าโอเวนส์ต่างจากเพื่อนชาวเยอรมันคนอื่น…
โอเวนส์ยิ้มให้กล้องของนักข่าว
“พวกเราอยู่ในยุคใหม่ที่อารยธรรมจะเกี่ยวข้องกับการบินและอวกาศมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต มีหลายประเทศมากขึ้นจะมีส่วนร่วมในโปรเจกต์การบินและอวกาศ และผู้คนหลายเชื้อชาติจะได้บินในยานอวกาศ
ผมอยากจะให้เราช่วยกันพัฒนาทรัพยากรดวงจันทร์ เพื่อร่วมสร้าง ‘หมู่บ้านดวงจันทร์’ ร่วมกัน”
ลู่โจวยิ้มและยื่นมือขวาออกไป
“พวกเรายินดีให้ความร่วมมือ ผมดีใจที่ได้เห็นพ้องต้องกันกับคุณ”
……………………………………………