Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 810 ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่ไร้ประโยชน์
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 810 ผู้เชี่ยวชาญนานาชาติที่ไร้ประโยชน์
ณ ปราสาทจันทรา
ภายในเคบินทดลอง
เอียน ครอว์ฟอร์ด ศาสตราจารย์ชาวอังกฤษด้านชีวดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ดาวเคราะห์ที่เบิร์กเบ็ค มหาวิทยาลัยลอนดอน นั่งมองนอกหน้าต่างจากเก้าอี้ ทันใดนั้นเขายิ้มขึ้นมาและพูดว่า
“เมื่อประมาณหกปีก่อน ผมเขียนรายงานการประเมินเรื่องศักยภาพเศรษฐกิจของการทำเหมืองบนดวงจันทร์”
สตีเฟ่น พารูบิ นั่งตรงข้ามเขา สตีเฟ่นย่นจมูกแล้วพูดตอบ “แล้ว?”
“แล้วผมเผยแพร่งานชิ้นนั้นในแนทเชอรัล จีโอกราฟฟี่ และส่งก๊อบปี้ให้ UKSA” เอียน ครอว์ฟอร์ดยักไหล่และพูดต่อ “แต่คนที่ UKSA คิดว่ามันไร้สาระ”
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นถามต่อ “มันไม่จริงใช่ไหม?”
“เป็นเรื่องจริง” ศาสตราจารย์เอียนก้มมองที่หน้าต่างและยิ้มระหว่างที่เขาพูดว่า “คนจริงกำลังทำให้ธีสิสของผมเป็นเรื่องจริง”
“สักวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะพบว่าแทนที่จะสร้างไลน์ผลิตบนดวงจันทร์ มันถูกกว่าที่จะผลิตบนโลกแล้วส่งมันออกไปอวกาศ” ศาสตราจารย์สตีเฟ่นพูดพึมพำ จากนั้นเขาพูดว่า “ผมหมายความว่าคนจีนไม่ได้ทำอะไรพิเศษ พวกเราเองก็มีแผนที่คล้ายกัน”
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นมาจากมหาลัยสแตนฟอร์ดและในฐานะคนอเมริกัน เขาไม่อยากได้ยินข่าวว่าจีนกำลังชนะการแข่งขันอวกาศ โดยเฉพาะตั้งแต่ที่โครงการแอรีสเละเทะไปแล้ว
สตีเฟ่นรู้สึกไม่ค่อยดี เขาเอื้อมมือเข้ากระเป๋ากางเกงและพยายามหยิบบุหรี่โดยไม่รู้ตัว แต่เขานึกขึ้นได้ว่าชุดอวกาศของเราไม่มีบุหรี่อยู่ในช่องกระเป๋า
“เวรเอ๊ย ทำไมถึงสูบบุหรี่ที่นี่ไม่ได้เนี่ย?”
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นกำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ และเขาได้ยินเสียงใครบางคนพูด
“การสูบบุหรี่ที่สถานีอวกาศจะส่งอนุภาคควันอย่างน้อยสองล้านอนุภาคเข้าระบบระบายอากาศ ไว้สูบบุหรี่ตอนคุณกลับโลกนะ”
ศาสตราจารย์จ้าวชูเซวียนพูดระหว่างที่เขาลอยอยู่ในเคบิน เขาถือรายงานทดลองล่าสุดระหว่างที่จับแขนจับที่กำแพง เขาพูดว่า “โอเค ทุกคน หมดเวลาพักแล้ว เราเหลือเวลาไม่มาก และมีชาวอาณานิคมที่น่าสงสารสามคนรอให้เราช่วยอยู่”
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นไม่อยากได้ยินคนจีนพูดถึงเรื่องอับโชคของโครงการแอรีส แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกไป
โครงการแอรีสเป็นความผิดพลาดจริงๆ ตั้งแต่พายุทรายได้เริ่มขึ้น โครงการแอรีสนำพามาแต่ปัญหา ผู้เชี่ยวชาญระดับต้นด้านชีวจุลินทรีย์ ชีวดาราศาสตร์ และชีววิทยาการแพทย์ มาอยู่ที่ปราสาทจันทราในตอนนี้ พวกเขาทุกคนมาที่นี่เพื่อทำเพียงสิ่งเดียว-จัดการความเละเทะจากโครงการแอรีส
จ้าวชูเซวียนแจกจ่ายสำเนาผลการทดลองและอธิบายคร่าวๆ ให้ทราบถึงสถานการณ์ของนักวิจัยคนอื่น
“ผลการทดสอบล่าสุดออกมาแล้ว ระดับแอนตี้บอดี้และฟีโรโมนที่ทำให้หลับในชาวอาณานิคมหมายเลข 1 และ 2 ได้ลดลง เมื่อดูที่อัตราการเต้นของหัวใจ เราจะเห็นว่าการเผาผลาญค่อยๆ กลับมาสู่ระดับปกติ และพวกนั้นจะตื่นขึ้นในไม่ช้า…คุณอยากใช้เวลาดูผลการทดสอบไหม?”
“ไม่จำเป็น ผมอ่านพวกมันจบแล้ว” ศาสตราจารย์สตีเฟ่นวางผลทดสอบลงแล้วปรับแว่นตา เขาพูดว่า “ตอนนี้ ปัญหาไม่ใช่แอนตี้บอดี้หรือแบคทีเรีย X-0172”
ศาสตราจารย์เอียนพูดเสริม “สปอร์”
“ถูกต้องเลย สปอร์” ศาสตราจารย์สตีเฟ่นพยักหน้าและมองดูนักวิชาการคนอื่น เขาพูดว่า “พวกเราต้องกำจัดสปอร์เสียก่อน”
ศาสตราจารย์เลสลี่ถามว่า “งั้นคุณมีไอเดียดีๆ ใช่ไหม?”
“เรามีสองทางเลือก
ทางเลือกแรกคือหาวิธีไม่ให้แบคทีเรีย X-0172 สร้างสปอร์ขึ้น ทางเลือกที่สองคือการหาวิธีฆ่าสปอร์โดยตรง”
ศาสตราจารย์เลสลี่ครุ่นคิดอยู่สักพักแล้วพูดว่า “วิธีการที่สองนั้นยาก”
“ถูกต้องแล้ว ดังนั้น สำหรับตอนนี้ทางออกที่เป็นไปได้ที่สุดคือทางเลือก 1 ศาสตราจารย์มองดูรอบเคบินทดลองและพูดว่า “ในความเห็นของผม ศูนย์วิจัยที่นี่อับจนเกินไป ผมไม่รู้ว่าการทดลองของเราจะได้ผลในสภาพแวดล้อมไร้แรงโน้มถ่วงไหม ถ้าเราอยากยับยั้งแบคทีเรีย X-0172 ไม่ให้สร้างสปอร์โดยเร็วที่สุด เราควรส่งตัวอย่างไปที่โลก”
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นมองดูศาสตราจารย์จ้าวชูเซวียนระหว่างที่พูด
จ้าวชูเซวียนเป็นหัวหน้าของนักวิจัยชาวจีน เขายังเป็นผู้รับผิดชอบโปรเจกต์แบคทีเรีย X-0172 ทั้งหมด และเขาเป็นคนเดียวที่สามารถส่งตัวอย่างแบคทีเรียที่ไม่ได้แอคทิเวตไปโลกได้
แน่นอนว่าสตีเฟ่นอยากส่งมากกว่าตัวอย่างที่ไม่ได้แอคทิเวต เขาอยากหาวิธีโน้มน้าวคณะกรรมการการโคจรรอบดวงจันทร์ให้ส่งสปอร์แบคทีเรีย X-0172 ที่มีชีวิตไปห้องแล็บของเขาที่มหาลัยสแตนฟอร์ด
เขามั่นใจว่ามันจะเพิ่มโอกาสกำจัดแบคทีเรียประเภทนี้ให้สิ้นซาก
แต่นักวิจัยจีนไม่ได้อนุมัติคำขอของเขา
จ้าวชูเซวียนส่ายหน้าและปฏิเสธข้อเสนอ
“มันเสี่ยงเกินไป เราไม่ควรแม้แต่จะส่งตัวอย่างที่ยังไม่ได้แอคทิเวต”
“ไม่มีอะไรปลอดภัยสมบูรณ์แบบ แต่เราสามารถพยายามดีที่สุดได้” ศาสตราจารย์สตีเฟ่นพูดแย้ง “เรามีไข้ทรพิษเป็นตัวอย่างแล้ว สิ่งนี้จะต่างไปอย่างไรล่ะ?”
จ้าวเซวียนเงียบไปชั่วขณะ แล้วเขาก็ส่ายหัว
“ผมต้องพิจารณาเรื่องนี้ก่อน”
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นถอนหายใจ
“พวกเราคิดเรื่องนี้กันมาแล้ว”
…
การประชุมทีมวิจัยสิ้นสุดลง และพวกเขายังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด
มันเริ่มจะดึกแล้ว ผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วเข้าห้องเคบินของตัวเอง
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นเอนตัวลงบนเตียงและเชื่อมต่อแล็ปท็อปของเขากับอินเตอร์เฟสข้อมูลประสาทจันทรา ด้วยวิธีนี้ เขาสามารถติดต่อกับโลกได้
ถึงแม้ว่าความเร็วจะช้าและมีความดีเลย์สูง แบนวิทธ์นั้นเพียงพอสำหรับเขาเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับนักวิจัยที่เชี่ยวชาญบนโลก
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นล็อกอินเข้าซอฟต์แวร์แชทพูดคุย เขากำลังจะติดต่อผู้ช่วย แต่ผู้ช่วยกลับโทรมาหาเขาเสียก่อน
“ขอโทษที่รบกวนนะครับ ศาสตราจารย์สตีเฟ่น แต่ผมมีเรื่องต้องรายงานให้ทราบ”
สตีเฟ่นขมวดคิ้วและถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
“จากคำขอของคุณ เราได้ค้นหาฐานข้อมูลเพื่อค้นคว้าเรื่องสปอร์แบคทีเรียปรสิต เราพบงานวิจัยบน arXiv”
ผู้ช่วยหยุดไปชั่วครู่ก่อนที่จะพูดต่อ “ผู้เขียนอ้างว่า…เขาค้นพบวิธียับยั้งไม่ให้แบคทีเรีย X-0172 สร้างสปอร์”
“มันเป็นไปไม่ได้ มีเพียงแค่เจ็ดคนบนโลกที่สามารถเขียนธีสิสแบบนี้ได้ แล้วผมก็เป็นหนึ่งในนั้น” ศาสตราจารย์สตีเฟ่นยิ้มและส่ายหัว “ส่งเข้าอีเมลผมหน่อย”
ผู้ช่วยพยักหน้า
“ได้ครับ ศาสตราจารย์”
สตีเฟ่นไม่ได้หวังกับธีสิสบน arXiv เลย
ตัวอย่าง X-0172 มีแค่บนปราสาทจันทรา ถ้านักวิชาการคนอื่นอยากทำวิจัยแบคทีเรีย พวกเขาต้องได้ตัวอย่างแบคทีเรียไปเสียก่อน
ถึงแม้ว่ามีตัวอย่างแบคทีเรีย X-0172 ถูกส่งไปที่โลกสิบสองตัวอย่าง ตัวอย่างพวกนั้นก็อยู่ในมือของสถาบันวิจัยรายใหญ่ มันไม่มีทางที่สถาบันวิจัยรายใหญ่จะเผยแพร่งานวิจัยบน arXiv โดยไม่เปิดเผยตัวตน
ถึงเขาจะรู้ดีว่าธีสิสจาก arXiv ไม่มีค่าอะไรเลย เขาก็อยากรู้ว่าผู้เขียนได้เขียนอะไรไป
อย่างไรเสีย มันอาจให้แรงบันดาลใจกับเขา
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นเปิดดูธีสิสและเริ่มอ่านมัน อ่านไปได้สองสามหน้า เขาก็ตกใจ
สีหน้าของเขาจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเขาย้อนกลับไปอ่านหน้าปกของธีสิสและเริ่มอ่านมันอย่างถี่ถ้วนขึ้น
“นี่มัน…ใครเป็นคนเขียน?”
ยิ่งเขาอ่านไปมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกตกใจมากเท่านั้น
สายตาเขาเต็มไปด้วยความสงสัย เซอร์ไพรส์ และเหลือเชื่อ
ศาสตราจารย์สตีเฟ่นอยากรู้แค่สิ่งเดียว ใครเป็นคนเขียนธีสิสนี้?!
แต่เมื่อเห็นชื่อผู้เขียน เขาก็ตกตะลึง
“ซี…?”
ใครคือซีกันวะ?
……………………….