Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 922 บอสออฟไลน์ไปแล้ว!
- Home
- Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ
- ตอนที่ 922 บอสออฟไลน์ไปแล้ว!
วันนี้เป็นวันที่พิเศษมากๆ วันหนึ่งของวงการแฮกเกอร์
เพื่อจะหยุดยั้งการประชุมเรื่องอีเกิ้ลบนดวงจันทร์ ทำให้กลุ่มแฮกเกอร์อีเกิ้ลฮันเตอร์นั้นประกาศสงครามไซเบอร์กับประเทศจีน
ในเวลาไม่ถึง 12 ชั่วโมง เซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์และโดเมนเนมมากกว่า 50 แห่ง ถูกแฮก บริษัทหลายสิบแห่งรายงานว่าได้รับความเสียหายไปหลายล้านดอลลาร์
ดูเหมือนการโจมตีจะดำเนินต่อไป ในขณะที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าพวกแฮกเกอร์จะทำอะไรต่อนั้น จู่ๆ การโจมตีก็หยุดไปเฉยๆ
ไม่ใช่แค่นั้น แต่แอคเคานต์ของแฮกเกอร์ชื่อกระฉ่อนหลายอันก็ออฟไลน์ไปเช่นกัน เหมือนกับพวกเขาหายตัวไปจากดาร์กเว็บแล้ว
โดยเฉพาะบอส
เขาเป็นหนึ่งในมือเก๋าของวงการแฮกเกอร์ พวกเอฟบีไอพยายามตามจับเขามาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้เสียที
แต่ก็ดูเหมือนคนคนนี้จะหายตัวไปจากอินเทอร์เน็ตเฉยๆ เขาไม่ตอบข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เขาหยุดอัปเดตบล็อกส่วนตัว และเว็บไซต์ของเขาก็เข้าสถานะออฟไลน์ไปแล้ว
เหมือนกับเขาหายตัวจากโลกใบนี้ไปแล้ว…
ในฟอรั่มดาร์กเว็บชื่อดัง
นักวิชาการหลายคนที่อยู่ในวงการเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่นเดียวกับพวกแฮกเกอร์สายขาวที่ทำงานให้บริษัทเทคโนโลยีชื่อดังต่างก็มีแอคเคานต์เข้าฟอรั่มนี้กันทั้งนั้น พวกเขาคุยกันทุกเรื่องตั้งแต่ข่าวในวงการอุตสาหกรรมไปจนถึงเรื่องเทคโนโลยีล่าสุด
และเนื่องจากสงครามระหว่างอีเกิ้ลฮันเตอร์กับประเทศจีนเป็นเหตุการณ์ใหญ่อันหนึ่ง สมาชิกครึ่งฟอรั่มจึงเอาแต่พูดเรื่องนี้ จนผู้ควบคุมฟอรั่มตัดสินใจสร้างช่องฟอรั่มใหม่มาเพื่อเหตุการณ์นี้โดยเฉพาะ
[มีใครรู้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?]
[นี่ผ่านมาเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้วนะ พวกเขายอมแพ้ซะแล้วเหรอ?]
[ไม่มีทางหรอก เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อนพวกคนจีนยังพยายามแทบตายเพื่อให้ตัวเองรอดอยู่เลย ไม่มีเหตุผลอะไรที่พวกอีเกิ้ลฮันเตอร์จะต้องยอมถอยเลยนะ]
[บอสมีอีเมลหรือเปล่า? เราควรจะทักไปถามหน่อยไหมว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง?]
[ก็เห็นๆ กันอยู่ ว่าเขาโดนจับได้แล้ว]
ทั้งช่องฟอรั่มเงียบสนิทไปพักหนึ่ง
หลังจากผ่านไปสองสามนาที จึงมีคนพูดเปิดขึ้นมาว่า
[ไม่มีทาง ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย?]
[ใช่ๆ นั่นมันบอสเลยนะ ฉันเคยเห็นเขาทำให้ตู้เอทีเอ็มพ่นเงินออกมาได้ก่อนหน้านี้ด้วย เอฟบีไอก็ตามรอยเขามาเป็นปีๆ แล้ว เขาจะไปโดนจับได้อย่างไร?]
ไม่มีใครเชื่อว่าแฮกเกอร์มือฉมังคนนี้จะถูกคนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิกโค่นล้มไปแล้ว
คนส่วนใหญ่คิดว่า ถึงแม้แฮกเกอร์กลุ่มอีเกิ้ลจะหายตัวไป พวกเขาก็จะกลับมาหลังจากไปกบดานมาสักพัก
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตามรอยแฮกเกอร์เก่งๆ
แล้วยิ่งบอสก็เป็นแฮกเกอร์มือฉมังด้วยแล้ว ถ้าบอสไม่อยากถูกจับ ก็ไม่มีใครสามารถจับเขาได้
ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องสมาชิกในกลุ่มอีเกิ้ลฮันเตอร์ หนังสือพิมพ์ฉบับยามเย็นของลอสแอนเจลิสก็ตีพิมพ์หัวข้อข่าวประเด็นร้อนล่าสุด…
[ผู้นำองค์กรแฮกเกอร์ชื่อกระฉ่อน ‘อีเกิ้ลฮันเตอร์’ ถูกจับกุมแล้ว]
เมื่อข่าวแพร่กระจายออกไป…
คนในวงการแฮกเกอร์ทุกคนต่างก็อ้าปากค้าง!
…
ตั้งแต่ที่หน่วยงานความมั่นคงไซเบอร์ได้รับอีเมลนั้น พวกเขาก็เพิ่มระดับการป้องกันของตัวเองและพยายามสืบหาต้นตอของอีเมล
ถึงแม้พวกเขาจะยังมีข้อกังขามากมายเรื่องความน่าเชื่อถือของอีเมล แต่มันก็เป็นเบาะแสเพียงอย่างเดียวที่พวกเขามี
หลังจากที่ผู้อำนวยการหลี่เห็นอีเมลที่ลงชื่อว่ามาจากดร. ซี เขาก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาตบไหล่ผู้อำนวยการหงแล้วบอกให้อีกฝ่ายสืบเบาะแสจากอีเมลนั้น
ถึงแม้ผู้อำนวยการหลี่จากกระทรวงป้องกันราชอาณาจักรจะเป็นแค่คนนอกธรรมดาๆ ผู้อำนวยการหงก็ยังทำตามคำแนะนำของเขา
การตามรอยไอพีจากนอกประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งมีหลักฐานในจำนวนที่จำกัดแล้วยิ่งยากเข้าไปใหญ่ หน่วยงานในพื้นที่ของประเทศนั้นสามารถปฏิเสธไม่ให้ความร่วมมือได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาพบว่าไอพีแอดเดรสนั้นมาจากในพื้นที่ของประเทศจีนจุดหนึ่ง
ผู้อำนวยการหงรีบโทรหากระทรวงความมั่นคงทันทีตามด้วยติดต่อสถานีตำรวจในพื้นที่ ไม่นานนัก แฮกเกอร์ที่มีไอดีชื่อ ‘คิด’ ก็ถูกจับ
ทุกคนต่างก็ประหลาดใจ
ตรงข้ามกับชื่อไอดี แฮกเกอร์คนนี้ไม่ใช่ ‘คิด’ ที่แปลว่า ‘เด็ก’ เลยแม้แต่น้อย เขาเป็นชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบกว่าๆ
จากคำให้การของเพื่อนบ้านบอกว่า ผู้ต้องสงสัยคนนี้อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายปีแล้ว
ตำรวจพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ก่อเหตุในบ้านของคิดได้อย่างง่ายดาย รวมไปถึงโน้ตบุ๊กส่วนตัวและโทรศัพท์ของเขาด้วย
ตำรวจพบว่าชายคนนี้ไม่ได้แค่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรแฮกเกอร์หลายแห่งเท่านั้น เขายังเกลียดชังพลังอำนาจมากเป็นอย่างยิ่งอีกด้วย
จากคำรับสารภาพของเขา เขาถูกชักชวนเข้าองค์กรอีเกิ้ลฮันเตอร์โดยบอสเมื่อปีก่อน เขาช่วยองค์กรหาที่ตั้งและเล็งเป้าหมายเซิร์ฟเวอร์ในประเทศจีนและเป็น ‘คนกลาง’ ในการโจมตีทางไซเบอร์
ส่วนแรงจูงใจในการโจมตีนั้นก็เห็นได้ชัดว่ามาจากความเกลียดชังต่อสังคมของเขา
…
เป็นเวลาตีสี่ พระอาทิตย์เกือบจะขึ้นฟ้าแล้ว
ผู้อำนวยการหงกำลังดื่มกาแฟอยู่ตอนที่หันไปคุยกับผู้อำนวยการหลี่ “คุณรู้จักดร. ซีเหรอ?”
ผู้อำนวยการหลี่จิบน้ำในกระติกสุญญากาศแล้วกล่าวว่า “อันที่จริงแล้วผมไม่แน่ใจสักเท่าไรนัก”
คุณไม่แน่ใจเหรอว่ารู้จักเขา?
“แล้วทำไมคุณถึงมั่นใจนักล่ะว่าคนในอีเมลพูดถูก…” ผู้อำนวยการหงกระแอมแล้วพูดต่อ “แต่ก็ดีที่คุณคิดถูก ผมไม่มีเจตนาอะไรจะไปค้นตัวตนของเขาหรอก แค่สงสัยเฉยๆ “
ผู้อำนวยการหลี่ “จริงๆ แล้ว สาเหตุที่ผมเชื่อเขาก็เป็นเพราะคนคนนั้นเคยช่วยเหลือเรามาก่อนในอดีต”
ผู้อำนวยการหงขมวดคิ้วแล้วทวนคำ “ช่วยเหลือเหรอเราเหรอ?”
“เป็นเรื่องเมื่อราวหกเดือนก่อนได้” ผู้อำนวยการหลี่เริ่มรำลึกความทรงจำ เขาเล่าให้ฟังว่า “โปรแกรมแอรีสกำลังเจอปัญหา เนื่องจากเหตุผลด้านมนุษยธรรมหลายอย่าง พวกเราจึงส่งกระสวยอวกาศไปดาวอังคาร…”
ทั้งออฟฟิศเริ่มฟังเรื่องเล่าของผู้อำนวยการหลี่
เขาเล่าให้ฟังทุกอย่างตั้งแต่เรื่องการไปดาวอังคารไปจนถึงเรื่องการติดเชื้อของชาวอาณานิคม เขายอมวางกระติกลงแล้วใช้มือทำท่าทำทางประกอบการเล่า
เมื่อเขาได้ยินเสียงกรน เขาจึงหยุดเล่าด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน…
………………