Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ - ตอนที่ 97
ตอนที่ 97 นายไม่มาไม่ได้
มีใบลาออกห้าใบวางอยู่บนโต๊ะ
ลู่โจวมองเจ้าอ้วนอู๋ที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วน
ก็ได้
ฉันว่าทาสสิบสองคนกลายเป็นเจ็ดแล้ว…
ลู่โจวรับใบลาออกแล้วชำเลืองมอง
หลี่รุ่ยเจ๋อ?
อืม…
ฉันไม่รู้จักเขาเลย
“นี่เป็นความผิดของฉัน” เจ้าอ้วนอู๋กล่าว เขาดับบุหรี่แล้วโยนมันทิ้งลงถังขยะ เขาถอนหายใจ “ฉันแค่ต้องการคนงานเพิ่ม แต่ฉันลืมเรื่องปัญหาภายใน”
“มันไม่ใช่ความผิดของนายคนเดียว มันเป็นความผิดของฉันเหมือนกัน” ลู่โจวกล่าวขณะวางใบลาออกลง เขาถอนหายใจเบาๆแล้วกล่าว “มีใบลาออกห้าใบ ฉันจำชื่อพวกนี้ไม่ได้สี่ชื่อ นอกจากนี้ฉันยุ่งอยู่กับงานวิจัย ฉันสนใจไม่พอ…”
ในฐานะประธานสมาคม การไม่รู้ชื่อของสมาชิกสมาคมเป็นการเคลื่อนไหวที่โง่เขลา
นอกจากนี้พวกเขายังไม่ได้เป็นแค่สมาชิกสมาคม พวกเขาเป็นเพื่อนอีกด้วย
บางที…
เขาคงไม่เหมาะกับการบริหารธุรกิจจริงๆ
ลู่โจวถาม “ผลกระทบใหญ่ไหม?”
เจ้าอ้วนอู๋ยิ้มอย่างไม่เต็มใจ “ผลกระทบค่อนข้างใหญ่ ปีหนึ่งสองคนออกไปไม่ได้มีผลกระทบอะไรใหญ่นัก แต่อีกสามคนที่ออกไปค่อนข้างมีความสำคัญ ตอนนี้เรามีแค่หรงไห่กับนักศึกษาปีหนึ่งอีกคนที่เขียนโปรแกรม…”
การอัพเดทกำลังจะปล่อยตัว แต่จู่ๆก็มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น พวกเขาอาจต้องเลื่อนวันเปิดตัวการอัพเดท
นอกจากนี้มันยังไม่ใช่แค่เรื่องของการอัพเดท
ที่มันร้ายแรงกว่านั้นก็คือเรื่องขวัญกำลังใจโดนกระทบ
ลู่โจวคิดแล้วกล่าว “โทรหาคนที่เหลือให้มาประชุม…ช่างมันเถอะ ฉันจะไปจองโต๊ะร้านเมนูปลา”
“ตกลง” เจ้าอ้วนอู๋กล่าวและพยักหน้า จากนั้นเขาก็เดินออกจากออฟฟิศ
…..
หน้าประตูมหาลัย ที่ร้านเมนูปลา…
ร้านเดิม แต่เวลาเปลี่ยน ครั้งนี้รวมอู๋ต้าไห่กับลู่โจว มีเพียงเก้าคนเท่านั้น
ครั้งนี้ลู่โจวรินเบียร์เองแล้วลุกขึ้นยืน
“คุณอาจสังเกตกันแล้วว่าเราเสียสหายไปห้าคน”
“อันที่จริงตอนที่ผมสร้างสมาคมนี้ขึ้นมา ผมก็บอกแล้วว่าถ้าใครรู้สึกแปลกแยก ก็ออกไปได้เลย พวกเราต่างก็เป็นเพื่อนกัน แต่ผมรู้สึกว่าผมไม่สามารถรักษาความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของทีมนี้ได้ ในฐานะผู้ก่อตั้ง นี่เป็นความผิดของผม”
“นับตั้งแต่ก่อตั้งสมาคม มันก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ทุกคนใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อธุรกิจของเรา ผมคิดว่าก่อนเปิดตัวการอัพเดท ผมต้องพูดอะไรบางอย่าง”
“วันนี้ผมพาทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อพูดถึงสิ่งนึง”
“ผมตั้งใจจะใช้หุ้น 20% เป็นรางวัล”
“แน่นอน ตอนนี้หุ้นนี้ไร้ค่า แคมปัสแอสซิสแตนท์ยังไม่มีผลกำไร แถมยังเป็นหนี้อยู่ครึ่งล้าน ดังนั้นหุ้น 20% นี้จะถูกมอบให้หลังได้รับเงินทุนจากนักลงทุนผู้ใจบุญ”
“มันขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมของแต่ละคน ทุกคนจะได้รับจำนวนหุ้นที่แตกต่างกัน ผมสัญญาว่าจะตัดสินอย่างยุติธรรม”
ลู่โจวมองทุกคนขณะกล่าวเรื่องนี้
หลังจากนั้นเขาก็ยกแก้วขึ้นแล้วดื่มจนหมดแก้ว
…..
การรวมทีมเป็นหนึ่งเดียวกันยากมากกว่าการคิดไอเดียทางธุรกิจหรือทำพาวเวอร์พ้อยเสียอีก
โชคดีการพึ่งพา’หุ้น’และ’นักลงทุนผู้ใจบุญ’จึงทำให้ขวัญกำลังใจของทีมเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ถัดไปคือการส่งมอบสัญญาทั้งสองนี้
หลังจากทานมื้อเย็นเสร็จ ลู่โจวก็กลับไปหอพักแล้วเอนตัวพิงระเบียง เขาจ้องมองลู่วิ่งแล้วครุ่นคิด
เขาคิดถึงแคมปัสแอสซิสแตนท์แล้วรู้สึกรำคาญอย่างอธิบายไม่ได้
มันเหมือนกับว่าเขาได้พบโจทย์คณิตศาสตร์ที่เป็นไปไม่ได้
เขาไม่พบปัญหาแบบนี้มานานแล้ว
เป็นไปตามคาด…
เมื่อเทียบกับผู้ประกอบการแล้ว เขาเหมาะกับงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากกว่า
บางทีหลังจากได้รับทุนจากนักลงทุนผู้ใจบุญ ฉันจะหาโอกาสเปลี่ยนหุ้นเป็นเงิน
ลู่โจวอยู่ที่ระเบียงสักพัก เขาถอนหายใจแล้วแหงนหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะเริ่มพูดกับตัวเอง “…มันเป็นเพราะฉันทนไม่ไหวแล้ว?”
ด้วยงานวิจัยที่ตึงเครียดสูงถึงห้าวันบวกกับการเปิดตัวการอัพเดทแคมปัสแอสซิสแตนท์ เขาจึงรู้สึกหมดไฟ เขาคิดถึงคำแนะนำของคุณนายหยางแล้วพิจารณาอย่างจริงจัง
บางทีเขาควรพิจารณาความสมดุลของงานและการพักผ่อน
เวลานั้นเองประตูห้องก็ถูกเปิดออก สือช่างที่สวมเสื้อกีฬาเดินเข้ามาพร้อมกับบาสเกตบอล
“โจว บอลไหม? เรายังขาดคนนึง”
หลี่เทากับเถียนจวินยืนอยู่ข้างหลัง ทั้งสองก็สวมชุดกีฬา
ลู่โจวอยากบอกว่าไม่สนใจ แต่เขาก็เปลี่ยนความคิดแล้วโพล่งออกมา “รอแปป ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
เขาหันหลังกลับเข้าห้อง จากนั้นก็หยิบชุดกีฬาออกมาจากตู้ เมื่อเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่รองเท้าเสร็จ ลู่โจวก็ตามพรรคพวกไปที่สนามบาส
…..
วิ่ง ชู้ต ดังค์…
ก็ได้ ลู่โจวดังค์ไม่ได้ มากสุดเขาก็ทำได้แค่รีบาวด์
พวกเขาแค่เล่นกันขำๆ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้กำหนดตำแหน่ง
บางครั้งลู่โจวก็อยู่ที่เส้นจุดโทษ บางครั้งเขาก็อยู่ที่เส้นสามแต้ม
สำหรับเขาแล้ว คะแนนไม่สำคัญ เขาแค่อยากระบายและอยากได้เหงื่อ
หลังจากเล่นแบบฮาล์ฟคอร์ตไปครึ่งชั่วโมง ทั้งสองทีมก็เหนื่อยกันมาก โดยเฉพาะกับลู่โจว เขาตัวเปียกหยั่งกับพึ่งตกสระมา
(ผู้แปล : ฮาล์ฟคอร์ต คือ การเล่นแบบครึ่งสนาม แป้นเดียว)
“มาพักกันเถอะ!”
สือช่างตะโกนขณะถือบอลอยู่แล้วทุกคนก็เห็นด้วย
ลู่โจวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เขาล้มตัวนอนบนพื้นไม้และอ้าปากหอบหายใจ เขารู้สึกพึงพอใจอย่างอธิบายไม่ได้
เขาไม่ได้รู้สึกพึงพอใจแบบนี้มานานแล้ว
สือช่างซื้อน้ำมาสองขวดแล้วนั่งข้างลู่โจว จากนั้นเขาก็เอาน้ำขวดนึงไปวางไว้บนหัวลู่โจวแล้วถาม “เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นไหม?”
ขวดเกือบล้มลงแล้ว ดังนั้นลู่โจวจึงคว้าขวดไว้แล้วกลอกตามองสือช่าง จากนั้นเขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วกล่าว “รู้สึกดีขึ้นหมายความว่าไง?”
“อารมณ์” สือช่างกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง “นายไม่ได้มีอะไรในใจหรอกเหรอ? ทำไมนายไม่พูดออกมาล่ะ?”
“ฉันแค่ยุ่งเกินไป ฉันไม่ได้เป็นไร”
“นั่นมันไม่สมเหตุสมผล” สือช่างกล่าวและส่ายหน้า
“…หมายความว่าไงไม่สมเหตุสมผล?”
ขณะที่ลู่โจวจ้องมองสือช่าง จู่ๆเขาก็รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
สัญชาตญาณบอกเขาว่าเจ้าหมอนี่กำลังคุยโว
สือช่างหัวเราะแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “จากประสบการณ์ของฉัน เมื่อผู้ชายมีสีหน้าอย่างนาย มันจะเป็นเพราะผู้หญิง”
ลู่โจว “…”
สือช่างเห็นว่าลู่โจวไม่ได้ตอบ ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาพูดถูก เขาถอนหายใจแล้วกล่าว “เรายังเด็ก ใครบ้างไม่เคยอกหัก? ถนนยังอีกยาวไกล อย่าเศร้าเพราะผู้หญิงคนเดียวเลย”
ลู่โจว “???”
เชี่ย เนื้องอกในสมองสือช่างเริ่มใหญ่ขึ้นอีกแล้ว
เมื่อลู่โจวกำลังจะด่าสือช่าง จู่ๆโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
ลู่โจวรับสายแล้วถือโทรศัพท์ค้างไว้
“ฮัลโหล?”
“ฉันเอง!”
เสียงของเฉินยู่ซานดังผ่านโทรศัพท์
ลู่โจวปรับลมหายใจแล้วถาม “ว่าไง?”
“ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากถามว่าบ่ายพรุ่งนี้นายว่างไหม?”
“ผมว่าง”
“โอ้! ดีเลย” เฉินยู่ซานกล่าวขณะนั่งอยู่ในหอพักของตน จากนั้นเธอก็กล่าวด้วยแววตาเปล่งประกาย “ฉันกับเพื่อนได้ตั๋วหนังมาสองใบที่งานมหาลัย เราจะไปดูด้วยกัน แต่เธอทิ้งฉัน นายอยากไปดูหนังไหม?”
ดูหนัง?
เข้าท่า
ลู่โจวได้ยินมาว่าหนังเรื่องนี้เป็นผลงานใหม่ของโนแลน มันพึ่งเปิดตัวเร็วๆนี้ ลู่โจวตั้งหน้าตั้งตารอดูตั้งแต่เห็นเทรลเลอร์หนัง แต่เขาก็ยุ่งมากจนเกือบลืมไปเลย
เพอร์เฟ็ค เขาอยากผ่อนคลายอยู่พอดี
“ตกลง พรุ่งนี้บ่ายสองผมจะไปหาที่หน้าประตู”
“นายต้องมานะ! มีคนเทฉันแล้ว นายจะเทฉันไม่ได้! ว่าแต่ทำไมนายถึงหอบล่ะ?”
ลู่โจว “ผมกำลังเล่นบาส”
เฉินยู่ซานประหลาดใจ “นายเล่นบาสเป็นด้วยเหรอ?”
ลู่โจวตอบ “ผมก็แค่เล่นไปเรื่อย ไว้คุยกันใหม่”
“โอ้ โอเค ฉันต้องท่องศัพท์แล้ว บ้าย บาย”
“บาย”
ลู่โจววางสายแล้วยัดโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า เขาจ้องมองสือช่างแล้วถาม “นายพูดว่าอะไรนะ?”
สือช่างมองลู่โจวแล้วเงียบ เขาไม่อยากพูด…