Silver Overlord - ตอนที่ 190 - การลงโทษที่สมควรได้รับ
หลังจากเร่งรีบและคึกคักไม่ถึงสิบนาที ต่อหน้าผู้ชมนับพันบนถนน ฉากที่ไม่คาดคิดและน่าทึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา…
ผู้บัญชาการซูออกมาจากคฤหาสน์ขนาดใหญ่เย่เซียวอยู่กับทหารสองสามนาย ใบหน้าของผู้บังคับบัญชาซูซึ่งเคยเป็นสีดำมาตลอดในตอนนี้มีสีเข้มกว่าก้นกระทะเสียอีก
เด็กหญิงสองคนซึ่งกำลังร้องไห้ถูกคุ้มกันระหว่างผู้บัญชาการซูกับทหารสองสามนาย
หลังจากที่ผู้บัญชาการซูออกมา กลุ่มผู้พเนจรกลุ่มใหญ่และคนไม่กี่คนที่เพิ่งจะวิ่งเข้าไปข้างในก็ออกมาพร้อมกับเย่เซียวและทหารยามของเขาอีกสองสามซึ่งถูกมัดไว้อย่างแน่นหนา
ครึ่งบนของร่างกายเย่เซียวเปลือยเปล่าและเขาสวมกางเกงขาสั้นเพียงตัวเดียว ใบหน้าของเขาบวมช้ำและมีเลือดกำเดาไหลออกไม่หยุด
มือทั้งสองของเขาบิดไปข้างหลังโดยคนพเนจรสองคนที่เดินอยู่ข้างหลังเขา ผิวซีดของเขาถูกเปิดเผย เขาตัวสั่นท่ามกลางลมหนาวในยามค่ำคืน…
แม้ในสถานการณ์เช่นนี้เย่เซียวยังคงดิ้นรนในขณะที่ตะโกนเหมือนสุนัขบ้าจนเสียงของเขาแหบแห้งและหมดแรง
“พวกเจ้าต้องตายแน่! ต้องตายแน่นอน! พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าพ่อของข้าเป็นใคร? พ่อของข้าคือผู้ว่าการแคว้นผิงซีเย่เทียนเฉิง…! ข้าคือเย่เซียว! รอให้พ่อของข้าทราบเรื่องก่อนแล้วพวกเจ้าจะได้ตายทุกคน!”
ผู้ชมที่รวมตัวกันอยู่ตามถนนสายหลักต่างรอคอยที่นี่เพื่อดูว่างูจงอางถูกจับหรือไม่ อย่างไรก็ตามงูจงอางตัวนั้นไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น แต่พวกเขากลับเห็นนายน้อยครึ่งเปลือยที่ถูกคนพเนจรมาจับตัวมาในสภาพที่น่าสมเพช
ทุกคนต่างตะลึงงัน ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น คนกลุ่มนี้ลงเอยด้วยการจับตัวนายน้อยของผู้ว่าการแคว้นมาได้อย่างไร? และทำไมทหารที่อยู่ด้านข้างถึงไม่ช่วยเหลือเขาออกมา?
เย่เซียวถูกผลักออกจากประตูและเขาจำคนในกลุ่มเจ้าหน้าที่อำเภอที่รับคำสั่งให้คอยเฝ้าถนนด้านนอกไว้ เขาเริ่มตะโกนราวกับว่าเขาพบฟางเส้นสุดท้ายที่จะไขว่คว้าไว้ได้
“เจ้าหน้าที่โจว ช่วยข้าด้วยจับคนเหล่านี้ไปลงโทษซะ!!”
เมื่อคนที่ดูเหมือนจะเป็นผู้นำในหมู่เจ้าหน้าที่อำเภอเห็นเย่เซียวถูกกลุ่มผู้พเนจรจับกุมตัวไว้ สีหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวทันที
เขาชักดาบที่ถูกห้อยไว้ที่เอวออกมาพร้อมกับตะโกนว่า
“พวกเจ้าทำอะไรกัน กล้าดียังไง! ปล่อยนายน้อยเย่ทันที…!”
โว้ว…
“อ๊ากกก..!!”
เจ้าหน้าที่โจวกรีดร้องอย่างน่าสังเวชและล้มลงที่พื้น โดยที่ไม่มีใครรู้ ลูกศรได้แทงที่ต้นขาของเขา ขนนกที่อยู่ท้ายลูกศรยังคงสั่นไหวอยู่บนพื้นมันถูกยิงทะลุขาของเขาไป
ผู้พเนจรสองคนยืนอยู่บนกำแพงลานของคฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมธนูในมือ พวกเขาจ้องมองอย่างเย็นชาไปที่เจ้าหน้าที่อำเภอสองสามคน ลูกธนูของพวกเขาเร่งไปทางนั้นอีกครั้ง
ผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่รอบๆเกิดความโกลาหลขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าผู้พเนจรกล้าที่จะชี้ลูกศรไปที่เจ้าหน้าที่ของเมือง
“พวกเจ้ากำลังคิดที่จะกบฏอยู่หรือเปล่า!” เจ้าหน้าที่โจวซึ่งอยู่บนพื้นตะโกนใส่ผู้พเนจร
“เลิกพยายามทำให้เรากลัวเสียที เราจะไม่เกรงใจเจ้า” หนึ่งในผู้พเนจรที่จับเย่เซียวเยาะเย้ยอย่างเย็นชา จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองฝูงชนและประกาศเสียงดังว่า
“เย่เสี่ยว บุตรชายของผู้ว่าการแคว้นผิงซีเย่เทียนเฉิงกำลังสมรู้ร่วมคิดกับคนชาตูเพื่อลักพาตัวเด็กหญิงในเมือง พวกนางถูกส่งมาจากอุโมงค์ใต้ดินลับในร้านขายเสื้อผ้าเข้าสู่คฤหาสน์นี้
เพราะความเพลิดเพลินที่เสื่อมทรามของเขาและเขากำลังฝึกฝนวิชาที่ชั่วร้ายเพื่อสร้างรากฐานในการเป็นนักรบ เมื่อเราบุกเข้าไปข้างในเราจับเขาได้พร้อมกับของกลางและหลักฐานที่ไม่อาจหักล้าง
ทหารหลายคนของเมืองผิงซีที่อยู่ที่นี่ได้ร่วมเป็นสักขีพยานด้วย วันนี้เด็กหญิงทั้งสองคนนั้นถูกส่งมาที่นี่หลังจากที่พวกนางถูกลักพาตัวไปโดยชาวชาวชูตูที่นอกเมืองผิงซี
ตามกฎหมายของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่ ผู้กระทำผิดและผู้สมรู้ร่วมคิดจะถูกตัดสินให้ถูกลงโทษประหารชีวิตโดยไม่มีข้อยกเว้น
การลักพาตัวผู้หญิงและการข่มขืนเป็นความผิดใหญ่หลวงมีโทษขั้นยึดทรัพย์ และครึ่งหนึ่งในนั้นจะถูกมอบให้กับผู้ที่ลงมือจับกุม สัตว์ร้ายตัวนี้เย่เซียวถูกจับโดยเราแล้ว หากใครกล้าแย่งชิงอย่าโทษว่าเราโหดร้ายก็แล้วกัน…”
ผู้ชมหลายพันคนรอบๆถนนต่างตกตะลึงเมื่อได้ยินคนพเนจรพูดต่อหน้าพวกเขา และพวกเขาก็ระเบิดคำสาปแช่งออกมาทันที…
“เจ้าสัตว์ร้าย…!”
“ไม่น่าแปลกใจที่เด็กผู้หญิงหลายคนหายตัวไปในเมืองผิงซีในช่วงสองปีที่ผ่านมา ต้องเป็นฝีมือของเจ้าเด็กคนนี้และชาวชาตูแน่นอน…!”
“ใช่ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกอย่างแน่นอน สัตว์ร้ายตัวนี้ยังขุดอุโมงค์ใต้ดินเพื่อมาปิดตาผู้คน…!”
ท่ามกลางคำสาปแช่งของทุกคน ทันใดนั้นเสียงสิ้นหวังก็ดังขึ้นจากฝูงชน
“ไฉ่เซียะ ไฉ่เฟิง ทำไมพวกเจ้าถึงอยู่ที่นี่…?!
ชายคนหนึ่งพยายามที่จะวิ่งผ่านฝูงชนเข้ามาเสียงของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เขาตะโกนเสียงดังใส่เด็กสาวเหล่านั้นที่อยู่ใต้การคุ้มครองของผู้บัญชาการซู
“พี่ใหญ่…!” เด็กหญิงทั้งสองคร่ำครวญทันทีเมื่อเห็นชายคนนั้นก่อนที่พวกนางจะวิ่งเข้าหาเขา
“ทำไมพวกเจ้าสองคนถึงอยู่ที่นี่? พวกเจ้าออกไปนอกเมืองเมื่อวานพ่อแม่เป็นห่วงมากข้าก็ออกตามหาพวกเจ้ามาตั้งแต่เช้าแล้ว!”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ข้ากับน้องเล็กออกไปสวดมนต์นอกเมือง แต่ระหว่างทางกลับบ้านพวกเราก็ถูกชาวชาตูจับตัวมา ถ้าไม่ได้ท่านผู้กล้าหาญทั้งสองรวมถึงนายท่านเจ้าหน้าที่ทุกคนเราอาจจะไม่ได้พบพี่ใหญ่และพ่อแม่แล้วก็ได้”
ขณะที่ทั้งสามพูดพวกเขาก็กอดกันร้องไห้อยู่กลางถนน
ฉากดังกล่าวกระตุ้นหัวใจของผู้ชมนับไม่ถ้วน โชคดีที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาที่ตกไปอยู่ในมือของสัตว์ร้ายตัวนั้น…
ทันใดนั้น ความโกลาหลก็ปะทุขึ้นในคฤหาสน์หลังใหญ่ ผู้พเนจรวิ่งออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่และตะโกนบอกทุกคนที่อยู่ข้างนอกว่า
“มีบ่อน้ำแห้งที่ด้านหลังของคฤหาสน์ขนาดใหญ่ใต้แผ่นหิน เราเพิ่งเอาหินออกและพบโครงกระดูกผู้หญิงมากกว่าสิบคนในนั้น…!”
“พวกเจ้า คนชั้นต่ำ รอให้พ่อข้าทราบเรื่องนี้ก่อนแล้วพวกเจ้าจะได้ตายทุกคน…”
เย่เซียวยังคงตะโกนเหมือนคนโง่คุกคามทุกคนรอบตัวเขา
ฝูงชนระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างสมบูรณ์
“มาฆ่าเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้กันเถอะ!!!”
“ใช่ ทุบมันให้ตาย!!!”
“ทุบตีมันให้ตาย!!”
“ฆ่าเจ้าสัตว์เดรัจฉานตัวนี้…!
ฝูงชนที่โกรธเกรี้ยวพุ่งไปข้างหน้าเหมือนกระแสน้ำ ในเวลาเพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็ทะลุแนวป้องกันของเจ้าหน้าที่ แม้แต่พวกทหารก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำของทุกคนเลย
“เจ้าสัตว์ร้าย!!”
พี่ชายคนโตของเด็กหญิงสองคนนั้นเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นดวงตาที่แดงก่ำ เขาเป็นคนแรกที่วิ่งไปต่อยหน้าเย่เซียวจนฟันหลุดสองซี่ทันที
เมื่อผู้บัญชาการซูหน้าดำเห็นฝูงชนที่โกรธแค้นหลั่งไหลออกมา เขาพร้อมที่จะสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าไปขัดขวาง อย่างไรก็ตามทหารคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆเขาแอบดึงแขนเสื้อของเขาและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า
“ท่านครับ ถ้าเย่เซียวมีชีวิตอยู่นายท่านอาจมีปัญหาได้ ถ้าเขาตายตอนนี้ ความผิดทุกอย่างของเขาจะไม่สามารถลบล้างและในที่สุดในท่านก็จะเอาตัวรอดได้สำเร็จ… ”
“ไอ้เ**้ย!” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ผู้บัญชาการซูก็สบถออกมาแต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆและปล่อยให้ฝูงชนรุมประชาทัณฑ์เย่เซียวต่อไป
เมื่อมองดูฝูงชนที่พุ่งเข้าหาเขาสีหน้าของเย่เซียวบิดเบี้ยวอย่างแท้จริง ผู้พเนจรสองคนที่จับเขาไว้ได้แลกเปลี่ยนสายตากัน ประกายเย็นวาบวิ่งผ่านดวงตาของพวกเขา
ทันใดนั้นหนึ่งในนั้นก็กระแทกกำปั้นเข้าที่หลังส่วนล่างของเย่เซียวอย่างเงียบๆ เย่เซียวหน้าซีดทันทีและกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
จากนั้นผู้พเนจรทั้งสองก็ผลักเขาเข้าไปในฝูงชนที่โกรธจัดซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกอย่างหนึ่ง
เหมือนกับที่ทหารข้างแม่ทัพซูพูดไว้ ถ้าเย่เซียวถูกทุบตีจนตายโดยสามัญชนจำนวนนับไม่ถ้วนในเมืองผิงซี ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะไม่สามารถพลิกผันได้
หากมีใครซักคนกลับคำตัดสินของเย่เซียวพลเมืองจำนวนนับไม่ถ้วนของเมืองผิงซีจะถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากร ใครจะกล้าทำอย่างนั้น?
พวกเขาจะไม่กังวลหรือว่าสิ่งนี้จะยั่วยุให้สามัญชนกบฏ? ถ้าเย่เซียวตาย ผู้พเนจรจะได้รับรางวัลอย่างแน่นอนสำหรับงานของพวกเขา
และสิ่งเดียวที่พวกเขาต้องทำคือรอให้เจ้าหน้าที่ของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่มอบรางวัลให้พวกเขา ถ้าเย่เซียวยังมีชีวิตอยู่ใครจะรู้ว่าเย่เทียนเฉิงพ่อของเขาจะสร้างปาฏิหาริย์แบบใด?
ผู้พเนจรเหล่านี้ล้วนคุ้นเคยกับวิถีของโลกเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงมองเห็นได้ตามธรรมชาติอยู่แล้ว
สือต้าเฟิงก็กระตือรือร้นที่จะมีส่วนร่วมเช่นกัน เมื่อเขากำลังจะพุ่งเข้าใส่ เอี้ยนลี่เฉียงที่อยู่ด้านข้างก็รั้งแขนเขาไว้และส่ายหัว
เมื่อเห็นทหารเหล่านั้นยังคงนิ่งเฉยและผู้พเนจรผลักเย่เซียวออกไปเอี้ยนลี่เฉียงก็มั่นใจว่าเย่เซียวจะไม่มีทางได้เข้าสู่การพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้แน่นอน
ด้วยความโกรธแค้นของฝูงชนที่เดือดพล่านราวกับภูเขาไฟ นับประสาเด็กรุ่นที่สองที่ร่ำรวยอย่างเย่เซียว แม้แต่ เบนิโต มุสโสลินี ก็ยังต้องตายอย่างอนาถ
ศีรษะของเจ้าหน้าที่โจว ถูกเหยียบย่ำด้วยเท้านับไม่ถ้วน ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าหน้าที่อำเภอสองคนที่อยู่ด้านข้างดึงเขาออกไปอย่างรวดเร็ว เขาอาจจะถูกฆ่าตายจากการถูกเหยียบไปแล้ว
“ทุบตีเขาให้ตาย!”
“ตีเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้ให้ตาย!!”
ร่างของเย่เซียวคล้ายกับใบไม้ที่ติดอยู่กับพายุรุนแรงและกลิ้งไปกลิ้งมาก่อนจะหายไปในฝูงชน
ในตอนแรกเอี้ยนลี่เฉียงยังคงได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเย่เซียวจากระยะไกล เพียงไม่กี่นาทีต่อมาเอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่ได้ยินเสียงของเขาอีกต่อไป…
“พวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่” ทันใดนั้น ร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆ
ขณะที่พวกเขาทั้งสามหันศีรษะไปรอบๆ พวกเขาเห็นว่าสือฉางเฟิงที่กำลังมองพวกเขาอยู่ด้วยดวงตาเปล่งประกาย