Silver Overlord - ตอนที่ 195 - พบกันโดย‘บังเอิญ’
เป็นเวลามากกว่าห้าปีแล้วที่เล่ยซือถงเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษกาน สำหรับมังกรร้ายข้ามดินแดนอย่างเล่ยซือถงมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่เกิดการปะทะกันกับตระกูลเย่ซึ่งถือเป็นงูเจ้าถิ่น
คนหนึ่งเป็นคนนอกที่มีอำนาจในขณะที่อีกคนเป็นเผด็จการในท้องถิ่น ความขัดแย้งของทั้งสองจึงดำเนินไปอย่างรุนแรงตลอดห้าปีที่ผ่านมา
ตามคำกล่าวของเฉียนซูผู้ว่าการเขตปกครองพิเศษคนนี้มีผู้ตรวจการใหญ่ของอาณาจักรฮั่นอันยิ่งใหญ่อยู่เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตามเฉียนซูไม่แน่ใจเกี่ยวกับข้อมูลชิ้นนี้มากเกินไปเพราะเขาเคยได้ยินเรื่องนี้จากคนอื่นเช่นกัน เขาไม่รู้ถึงความเฉพาะเจาะจงของมันจริงๆ
แม้ว่าตำแหน่งของเฉียนซูจะทำให้เขาได้รับข้อมูลมากมายเกี่ยวกับระบบราชการ แต่ก็ยังมีขีดจำกัดว่าเขาจะขุดได้ลึกแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่เอี้ยนลี่เฉียงได้รับจากเฉียนซูก็เพียงพอแล้ว ในตอนนี้ ‘การแก้แค้น’ ของเขาจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ ตราบใดที่เขากำจัดเย่เทียนเฉิงออกไปจากแคว้นผิงซี เขาก็ไม่ต้องการสร้างปัญหาเพิ่มเติมอีกเช่นกัน
ท้ายที่สุดแล้ว วัตถุประสงค์หลักของ ‘การแก้แค้น’ ของเขาคือการปกป้องตัวเองและคนที่เขารักเท่านั้น
ในตอนนี้ถือว่าเขาได้ทำมันสำเร็จแล้ว หากสามารถขับไล่เย่เทียนเฉิงกลับตระกูลเย่ที่แคว้นกานไปได้เรื่องนี้จะเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่สำหรับเขา
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่เซียวและหวังฮ่าวเฟย บางทีเส้นทางของเอี้ยนลี่เฉียงอาจจะไม่เคยมาบรรจบกับเย่เทียนเฉิงและตระกูลเย่เลยตลอดชีวิต
ทั้งสองฝ่ายมาจากสองโลกที่เกือบจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในฐานะสามัญชนธรรมดา เขาไม่สนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมของตระกูลเย่หรือคนที่อยู่เบื้องของพวกเขา
ตอนนี้เขาสามารถล้างแค้นได้สำเร็จแล้วดังนั้นเขาจึงไม่สนใจว่าอนาคตของเย่เทียนเฉิงจะเป็นอย่างไรต่อจากนี้
บางที ณ เวลานี้ แม้แต่ผู้ว่าการแคว้นผิงซีเย่เทียนเฉิงก็ยังต้องรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าเขาจะใช้สมองมากเพียงใดเขาก็คงไม่เข้าใจว่าทำไมหลายสิ่งหลายอย่างจึงประเดประดังเข้าใส่เขาในเวลาเดียวกัน
คืนนี้เอี้ยนลี่เฉียงนอนหลับสบายที่ชั้นบน และไม่ถูกรบกวนจากฝันร้ายใดๆ
เมื่อเขาตื่นขึ้นในเช้าวันรุ่งขึ้นและทำกิจวัตรตอนเช้าเสร็จ เขาก็ไปทานอาหารเช้าที่โรงอาหารของย่านโรงตีเหล็กเหมือนกับที่เคยทำมา
หลังจากนั้นเขาขึ้นไปบนภูเขาเพียงลำพังและฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่จุดเดิม
ในอดีตเอี้ยนลี่เฉียงต้องแก้ตัวเพื่อฝึกฝนบนภูเขา แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องแก้ตัวอีกต่อไปเพราะทุกคนในย่านโรงตีเหล็กรู้ว่าเขาเป็นนักเรียนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้
แน่นอนว่าในฐานะนักเรียนจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ การฝึกฝนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
ไม่เพียงแต่คนของย่านโรงตีเหล็กจะรู้สึกเป็นธรรมชาติที่จะรู้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงกำลังขึ้นไปบนภูเขาเพื่อฝึกฝน ยังมีผู้คนมากมายเฝ้าตักเตือนเขาให้ขยันฝึกซ้อมและอย่าเสียเวลากับเรื่องอื่น
พรุ่งนี้หิมะจะตก อากาศในวันที่ 17 ค่ำเดือน 11 เย็นลงมาก โดยเฉพาะบนภูเขา พืชจำนวนมากได้ถูกแช่แข็งไปแล้ว อุณหภูมิอากาศบนยอดเขาต่ำกว่าปกติมากมันทำให้คนตัวสั่นจากอากาศหนาวเย็น
เอี้ยนลี่เฉียงมาที่ยอดเขาโดยแต่งกายด้วยชุดฝึกการต่อสู้แบบบางเบาซึ่งง่ายต่อการเคลื่อนไหว ในตอนแรกเขายังรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นเล็กน้อย แต่หลังจากที่เขาเริ่มฝึกวิชาระฆังทองคุ้มกายเขาไม่รู้สึกถึงความหนาวเย็นในอากาศอีกต่อไป
พลังปราณทางวิญญาณที่มองไม่เห็นระหว่างสวรรค์และปฐพีหลั่งไหลออกมาจากกระหม่อมก่อนที่พวกมันจะทำความสะอาดอวัยวะภายในทั้งห้าและลำไส้ทั้งหกของเขา
เอี้ยนลี่เฉียงจดจ่อกับการฝึกฝนของเขาอย่างสุดใจ เป้าหมายปัจจุบันของเขาในตอนนี้คือการก้าวไปสู่ระดับนักรบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในเช้าวันนี้งเอี้ยนลี่เฉียงได้ฝึกฝนวิชาจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นห้ารอบ เมื่อสิ้นสุดการฝึก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และกระดูกในร่างกายของเขาก็ร้อนจัด
กล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของเขาสั่นเทาราวกับมังกรที่ตื่นขึ้นจากการหลับไหล ทุกข้อต่อในร่างกายของเขารู้สึกราวกับว่ามีน้ำมันหล่อลื่นทาไว้มากมาย
จากประสบการณ์ใน ‘อดีต’ ของเขา เอี้ยนลี่เฉียงรู้ว่าเขาได้สัมผัสกับขอบของระดับยืดเส้นเอ็นและขยายกระดูกด้แล้ว
ถ้าเขาก้าวต่อไปด้วยความเร็วนี้ อย่างมากที่สุดภายในเวลาหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งเป็นการฝึกฝนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นอีกประมาณแปดสิบรอบ เขาจะสามารถผ่านด่านยืดเส้นเอ็นขยายกระดูกและสร้างตันเถียนได้
และนั่นจะทำให้เขากลายเป็นนักรบได้อย่างแท้จริง
หลังจากฝึกคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นอีกสองสามรอบและเห็นว่าเป็นเวลาอาหารกลางวันแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็ลงจากภูเขาเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันกับคนอื่นๆ
หลังรับประทานอาหารกลางวันเอี้ยนลี่เฉียงก็ไม่กลับมาที่ภูเขาอีก เขาเล่นมวยปล้ำในลานซึ่งพี่น้องทหารรวมทั้งโจวหย่งต่างก็รอคอยเขาอยู่ที่นี่
ไม่ถึงชั่วยามหลังจากเกมเริ่มต้น ทหารที่ยืนเฝ้าอยู่ที่ทางเข้าของย่านโรงตีเหล็กก็วิ่งเข้ามาในลานพร้อมกับตะโกนว่า
“นายน้อยเอี้ยน พ่อของเจ้ามาที่ย่านโรงตีเหล็กแล้ว!”
“โอ้ พ่อของข้าก็มาที่นี่หรือ เขาอยู่ที่ไหน”
เอี้ยนลี่เฉียงแสร้งทำเป็นประหลาดใจ ในความเป็นจริงเขารู้อยู่แล้วว่าเอี้ยนเต๋อชางกำลังจะปรากฏตัวในวันนี้
“ใช่ เขาเพิ่งมาถึงทางเข้าของย่านโรงตีเหล็ก ท่านปรมาจารย์ให้ข้ามารายงานเจ้า!”
“เอาล่ะ เล่นต่อไปให้สนุกนะพี่น้อง เดี๋ยวข้าจะไปพบกับท่านพ่อก่อน”
“ก็ได้ ไปสิ” โจวหย่งและคนอื่นๆยิ้มให้เขา “เราค่อยเล่นกันอีกครั้งเมื่อเจ้าว่าง!”
หลังจากอำลาเหล่าทหารแล้ว เอี้ยนลี่เฉียงก็วิ่งออกจากลานที่ทหารพักอยู่และเดินไปที่ทางเข้าของย่านโรงตีเหล็กในชั่วพริบตา
เอี้ยนเต๋อชางสวมเสื้อขนสัตว์ซึ่งใช้สำหรับเดินทางไกล เขาเพิ่งเข้ามาในย่านโรงตีเหล็กและกำลังคุยกับเฉียนซู ข้างหลังเขามีทหารอารักขาแซ่ซู ซึ่งตระกูลเอี้ยนเพิ่งว่าจ้างเมื่อไม่นานนี้
“ท่านพ่อ…” ไม่ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะแสร้งทำเป็นสงบเพียงใด จมูกของเขาก็อดไม่ได้ที่จะแสบเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของเอี้ยนเต๋อชางอีกครั้ง
“อา ลี่เฉียง เหตุไฉนเจ้าจึงอยู่ที่นี่” เอี้ยนเต๋อชางมีสีหน้าประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
“นายน้อย…” ผู้พิทักษ์จากตระกูลเอี้ยนรีบโค้งคำนับให้เอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงไม่ค่อยมีชื่อเสียงเมื่อเขาอยู่ในเมืองผิงซี และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนธรรมดาและขยันขันแข็ง
อย่างไรก็ตาม ตระกูลเอี้ยนในมณฑลชิงไห่เปลี่ยนไปมาก ตอนนี้มันเป็นหนึ่งในกลุ่มที่มีอิทธิพลสูงสุดของมณฑล การจะเรียกเอี้ยนลี่เฉียงว่านายน้อยนั้นดูจะไม่เกินไปเลย
“สองวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นมากนักที่สถาบันศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นข้าจึงมาเยี่ยมทุกคนที่นี่ จริงๆแล้วอีกสองวันข้าตั้งใจจะกลับไปเยี่ยมท่านพ่อด้วย!” เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มเขาสูดหายใจเข้าลึกๆ และพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะร่วงลงมา
“แล้วเหตุไฉนท่านพ่อถึงมาอยู่ที่นี่!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า พี่ใหญ่อย่าบอกลี่เฉียงนะ ข้าอยากให้เขาลองทายดู…” เฉียนซูขัดจังหวะพวกเขาด้วยรอยยิ้ม
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและมองไปที่รถม้า
“ข้าเดาว่าลุงเฉียนคงจะหาธุรกิจให้โรงตีเหล็กของเราและข้าคิดว่าที่ท่านพ่อมาวันนี้ก็เพื่อส่งมอบมีดคูกรีชุดแรก ไม่คิดว่าจะมีคนชอบมันเร็วขนาดนี้…”
เฉียนซูและเอี้ยนเต๋อชางได้แลกเปลี่ยนสายตากัน ทั้งคู่ไม่คาดคิดว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะคาดเดาได้ทันที
“ลืมมันไปเถอะ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ ข้างงจริงๆว่าคนซื่ออย่างเจ้ามีลูกชายที่เฉียบแหลมขนาดนี้ได้อย่างไร…” เฉียนซูส่ายหัวและถอนหายใจ