Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 11
รอบกายเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บจนเสียดกระดูก ค่ายกลส่วนหนึ่งจับตัวแข็งและปริแตกออก หลายบริเวณของดวงดาราแห่งนี้ถึงขั้นเริ่มมีเกล็ดหิมะโปรยปลิวขึ้นมา ท่านชายใหญ่ ‘เจียวอวิ๋นเถิง’ และเหล่าองครักษ์เช่นฉาอวิ๋นหนงชมการต่อสู้ด้วยความตื่นเต้นอยู่ไกลออกไป เคราะห์ดีที่จักรพรรดิเทพมารแดงจงใจควบคุมให้ความหนาวเหน็บอันน่าหวาดหวั่นนั้นหลบหลีกพวกเขาออกไป พวกเขาเพียงแค่ถูกลูกหลงกระทบเล็กน้อย แต่ก็ยังคงตัวสั่นระริกอยู่บ้าง
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่เป็นเป้าหมายหลักกลับเผยรอยยิ้มออกมา เขามองดูจักรพรรดิเทพมารแดงที่กำลังคลุ้มคลั่ง “บางทีอาจจะเป็นข้าที่ส่งท่านไปตายก็ได้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ตู้ม!
จักรพรรดิเทพมารแดงที่กำลังหัวเราะด้วยความกราดเกรี้ยวสุดขีดนั้นสวมเกราะสีขาวทั่วร่าง ในมือกุมดาบรบขนาดมหึมาเอาไว้แล้วกระโจนพรวดเข้ามาหาตงป๋อเสวี่ยอิงทันใด
ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ตรงนั้น รอบด้านมีคลื่นสีแดงโลหิตม้วนตัวอยู่ ทว่าถึงอย่างไรนี่ก็มิใช่ ‘บริเวณการเข่นฆ่า’ ฉบับดั้งเดิม เพียงแค่อาศัยมันมาศึกษาเท่านั้น เป็นเคล็ดวิชาลับที่ผสมผสานกันระหว่างวิถีเข่นฆ่าและวิถีแห่งระลอกคลื่น อีกทั้งวิถีสองสายล้วนยังมิได้บรรลุถึงระดับขั้นนิรันดร์กาลอย่างสมบูรณ์แบบ บริเวณการเข่นฆ่านี้ก็ถูกความหนาวเหน็บอันไร้ที่สิ้นสุดกดดัน อานุภาพก็ลดลงอย่างฮวบฮาบ
แต่ว่า…
ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงยืนอยู่ตรงนั้นพลางกุมหอกยาวสีเงินเอาไว้ แล้วยิ้มมองจักรพรรดิเทพมารแดงบุกเข้ามาสังหาร
ดาบรบขนาดมหึมาฟันเข้ามาอย่างดุเดือดด้วยความเร็วปานสายฟ้า อานุภาพแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้เสียอีก
“ฟิ้ว” หอกยาวในมือของตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกหมุน แล้วเข้าสกัดกั้นคมดาบรบขนาดมหึมาอย่างพิสดารหาใดเปรียบ พละกำลังอันน่าหวาดหวั่นภายในกายทำให้เขามิได้ถอยไปเลยแม้แต่ก้าวเดียว จักรพรรดิเทพมารแดงกลับถูกกระแทกเสียจนต้องโซซัดโซเซถอยไปหลายก้าว
“ความเร็วของข้าลดลงแล้วหรือนี่” ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้ว ทุกอณูของมิติโดยรอบล้วนมีไอหนาวเย็นอันไร้รูปร่างอยู่ ไอหนาวเย็นนั้นสามารถกดดันบริเวณการเข่นฆ่าได้ และทำให้แต่ละการเคลื่อนไหวของตงป๋อเสวี่ยอิงถูกขัดขวางจนช้าลงเช่นเดียวกัน
“ข้ายอมรับว่าพลังของเจ้าแข็งแกร่งมาก แต่ยังไม่พอที่จะท้าทายผู้ปกครองสักคนหนึ่งหรอกนะ!” เสียงของจักรพรรดิเทพมารแดงสะท้อนก้องไปทั่วฟ้าดิน ขณะเดียวกันเงาร่างของเขาก็เข้าลอบโจมตีตงป๋อเสวี่ยอิงจากทุกทิศทุกทางครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับภูตผีปีศาจอย่างไรอย่างนั้น เมื่อสำแดงท่าไม้ตายออกมา อานุภาพและความเร็วของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นเป็นอันมาก ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับได้รับผลกระทบ เพียงครู่เดียวก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบด้านความเร็วไปเสียแล้ว
แต่อาศัยหอกยาวเพียงเล่มเดียว ก็สามารถป้องกันได้โดยไม่บกพร่องเลยแม้แต่น้อย
“ร่างกายของเขามิได้รับผลกระทบแม้แต่นิดเดียวเลยหรือนี่” จักรพรรดิเทพมารแดงโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ในใจกลับร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะจากประสบการณ์ของเขา ตามปกติแล้วเมื่อผู้ปกครองทั่วไปเผชิญหน้ากับความหนาวเหน็บเช่นนี้ โดยทั่วไปร่างกายก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งเมื่อเย็นจนแข็ง อาการบาดเจ็บก็จะฟื้นตัวได้ช้ามาก เวลาผ่านไปนานเข้า พลังชีวิตถูกเผาผลาญไปจนสิ้นและตายจากไปก็ยังเป็นไปได้
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ตรงนั้น แม้ความเร็วจะลดลงไปบ้าง แต่ก็มองไม่ออกเลยว่าร่างกายได้รับบาดเจ็บ!
เขากลับไม่รู้เลยว่า เมื่อวิถีโลกเทียมและ ‘สายผู้ท่องอากาศ’ ผสานเข้าด้วยกัน ทำให้ความสามารถในการรักษาชีวิตของตงป๋อเสวี่ยอิงไม่แพ้จ้าวจิ้งหรีดทิพย์เลย แม้ตอนนี้เขาจะเป็นผู้เคารพ แต่ความสามารถในการรักษาชีวิตนี้ทำให้ผู้ปกครองที่ไม่เชี่ยวชาญทางด้านการรักษาชีวิตเหล่านั้นต้องอิจฉา!
“ฟิ้ว” เมื่อจักรพรรดิเทพมารแดงโจมตีออกไปอีกครั้ง ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็หายวับไปแล้ว
“หายไปแล้วหรือ” จักรพรรดิเทพมารแดงสีหน้าเปลี่ยนแปรไป พลางมองไปรอบกาย ความหนาวเหน็บอันไร้ที่สิ้นสุดซึ่งปะทะออกมาจากตาข้างเดียวแผ่คลุมทั้งซ้ายขวา แต่กลับสัมผัสมิได้เลยแม้แต่น้อย “ข้าตรวจสอบไม่พบเลยหรือนี่”
รอบกายของจักรพรรดิเทพมารแดงเริ่มปลดปล่อยรัศมีอันเรืองรองออกมา ซึ่งก็คือบริเวณกฎเกณฑ์นั่นเอง
ขอบเขตของบริเวณกฎเกณฑ์เล็กมาก แต่การรับรู้กลับแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง
“อยู่นี่!” สีหน้าของจักรพรรดิเทพมารแดงเปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวง
เขาพบแล้ว
แต่เมื่ออาศัยบริเวณกฎเกณฑ์พบเข้า ด้วยความเร็วในการออกหอกของตงป๋อเสวี่ยอิง หอกยาวก็มาถึงตรงหน้าเขาแล้ว
“ฟึ่บ…” ปลายหอกยาวมีระลอกคลื่นวงแล้ววงเล่า ระลอกคลื่นเหล่านี้ราวกับจะฉีกทึ้งและทำลายทุกสิ่ง จักรพรรดิเทพมารแดงมิอาจสกัดกั้นได้ทัน ปลายหอกก็แทงลงบนแผ่นอกของเขา
“กึ้ก…”
เกราะสีขาวเหนือผิวของจักรพรรดิเทพมารแดงเพียงแค่ได้รับความเสียหายเล็กน้อย ปลายหอกกลับไม่สามารถแทงทะลุไปได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงพลันเก็บหอกแล้วหายวับไปอีกครา
“ไปไหนแล้ว” จักรพรรดิเทพมารแดงเสาะหาไปทั่วทุกทิศทุกทาง ในใจทั้งร้อนรนและแตกตื่น ลูกไม้การหลบหลีกของผู้เคารพคนนี้ร้ายกาจเกินไปแล้ว นอกจากบริเวณกฎเกณฑ์ของเขาที่สามารถพบศัตรูได้แล้ว วิธีการอื่นๆ ล้วนมิอาจตรวจพบได้เลย! แต่ขอบเขตบริเวณกฎเกณฑ์ของเขาเล็กเกินไปแล้ว จำกัดเพียงแค่ในระยะพันเมตรเท่านั้น สำหรับคนระดับพวกเขาแล้ว การประมือในระยะทางพันเมตร ก็ถือว่าสั้นยิ่งนัก
……
ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างรวมทั้งคนอีกฝ่ายหนึ่งอย่างท่านชายใหญ่เจียวอวิ๋นเถิงต่างก็มองดูด้วยความตื่นตระหนก
ก่อนหน้านี้พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้จะดำเนินมาถึงขนาดในตอนนี้ได้
จักรพรรดิเทพมารแดงสำแดงกระบวนท่าที่แม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่รู้ออกมา ความเย็นยะเยือกอันน่าหวาดหวั่นปกคลุมไปทั่วสารทิศ ไม่ใช่แค่สามารถโจมตีศัตรูได้เท่านั้น แต่ยังสามารถกดดันศัตรูได้ด้วย ส่วนพลังของตัวจักรพรรดิเทพมารแดงเองกลับปะทุขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แม้แต่การป้องกันก็ยังร้ายกาจขึ้นเพราะเกราะน้ำแข็งสีขาวชั้นนั้นด้วย
แต่องครักษ์ตงป๋อผู้เร้นลับคนนั้นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย…แล้วลอบโจมตีอย่างลับๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า!
“แม้แต่ผู้ปกครองก็ยังยากที่จะพบเขาได้ หากลอบโจมตีพวกเราขึ้นมา จะยังมีชีวิตรอดได้อีกหรือ” เหล่าองครักษ์ที่ชมดูอยู่พากันร่ำร้อง
“ลอบโจมตีหรือ สังหารพวกเรายังต้องลอบโจมตีอีกรึ”
องครักษ์เหล่านี้ตื่นตระหนกอย่างสุดขีด จนถึงกับเกิดความรู้สึกเคารพเทิดทูนขึ้นมาเลยทีเดียว
******
ภายในฟ้าดินโลกเทียม
ตงป๋อเสวี่ยอิงขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาสำแดงเคล็ดการหลบหลีกสองวิชาออกมาพร้อมกัน วิชาหนึ่งคือฟ้าดินโลกเทียม อีกวิชาหนึ่งก็คือเคล็ดการหลบหลีกในอากาศ! เนื่องจากนี่คือฟ้าดินที่ตนบุกเบิกและเข้าถึง เมื่อหลบซ่อนตัวภายในฟ้าดินโลกเทียม…ก็จะสามารถหลบซ่อนได้ร้ายกาจยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการทะลุมิติในฟ้าดินโลกเทียม ก็ทำได้เร็วขึ้นมาก
วิชาหนึ่งคือวิธีหลบซ่อนจำพวกกฎเกณฑ์ ส่วนอีกวิชาหนึ่งคือการหลบซ่อนที่ระบบผู้ท่องอากาศเชี่ยวชาญ ทั้งสองสิ่งสามารถผนวกเข้าด้วยกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ทำให้ผู้ปกครองผู้องอาจอย่าง ‘จักรพรรดิเทพมารแดง’ มิอาจพบตงป๋อเสวี่ยอิงได้เลย นอกเสียจากจะใช้บริเวณกฎเกณฑ์มาสัมผัสเท่านั้น
“ก็แค่ผู้ปกครองที่ไม่มีชื่อเสียงเรียงนามอันใดคนหนึ่ง! เป็นผู้ปกครองซึ่งมาเป็นองครักษ์ของท่านชายใหญ่ ก็แค่ผู้ปกครองพรรค์นี้คนหนึ่งเท่านั้น…กลับโจมตีให้พ่ายแพ้ได้ยากถึงเพียงนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบส่ายหน้า “ลองสำแดงเกราะพลดูดีกว่า หากอาศัยเกราะพลแล้วยังมิอาจทำลายการป้องกันของเขาได้ ก็คงเอาชนะมิได้แล้ว”
เกราะพล
เป็นหนึ่งในสามกลเม็ดของผู้ท่องอากาศ ซึ่งได้แก่ร่างกาย เคล็ดการหลบหลีกในอากาศและเกราะพล
เกราะพลเป็นการนำเอาพละกำลังที่มีแรงทำลายล้างสูงยิ่งซึ่งร่างกายมิอาจดูดซับเข้าไปได้ระหว่างการดูดซับพลังของอากาศอันสับสนอลหม่านเข้าไปในร่างกายมาหลอมรวมกัน ท้ายที่สุดก็หลอมขึ้นมาเป็นพละกำลังพิเศษซึ่งมีแรงโจมตีอย่างยิ่งยวด ที่ถูกขนานนามว่า…เกราะพล!
“เกราะพล” ตงป๋อเสวี่ยอิงจับหอกยาวสีเงินเอาไว้ ที่ฝ่ามือของเขาพลันมีประกายสีดำปรากฏขึ้น และค่อยๆ แผ่ขยายไปตามด้ามหอก ไม่นานนักทุกอณูเหนือผิวด้ามหอกสีเงินเล่มนี้ก็มีประกายสีดำเคลือบอยู่ชั้นหนึ่ง แม้แต่เหนือปลายหอกก็มีประกายสีดำเคลือบอยู่เช่นกัน ประกายสีดำพลิกหมุนไปอย่างต่อเนื่อง ราวกับเชือดเฉือนทุกสิ่งอยู่ตลอดเวลา
“ฆ่า”
หอกยาวพลิกหมุนราวกับมังกรตัวหนึ่งที่โผทะยานออกมา มันแฝงไว้ด้วยแรงอาฆาตอันน่าหวาดหวั่น แล้วทะลุผ่านจากฟ้าดินโลกเทียมเข้าไปในฟ้าดินปกติ ผ่านบริเวณกฎเกณฑ์ตรงเข้าไปหาจักรพรรดิเทพมารแดง
ความเร็วของการออกหอกรวดเร็วเกินไปแล้ว
เมื่อเขาซ่อนอยู่ในฟ้าดินโลกเทียมอย่างสิ้นเชิง พละกำลังอันหนาวเหน็บที่เผชิญก็นับได้ว่าต่ำลงมากทีเดียว ผลกระทบที่มีต่อความเร็วแทบจะสามารถมองข้ามไปได้
“ฟึ่บ”
จักรพรรดิเทพมารแดงหันมาก็มองเห็นว่าหอกยาวซึ่งแฝงไว้ด้วยเงารางเล่มหนึ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้ออกจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง นอกจากบนปลายหอกจะมีระลอกคลื่นสีแดงโลหิตวงแล้ววงเล่าแฝงอยู่แล้ว ที่ผิวยังมีประกายสีดำชั้นหนึ่งฉาบเอาไว้อีกด้วย แม้แต่ด้ามหอกก็ยังมีประกายสีดำชั้นหนึ่งฉาบเอาไว้เช่นกัน