Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 12
“นี่มันอะไรกัน” จักรพรรดิเทพมารแดงไม่เคยเห็นมาก่อน แต่ก็รู้สึกถึงภัยคุกคามได้โดยสัญชาตญาณ ทว่าเขาก็ยังคงต้านรับไว้ไม่ทันอยู่ดี
ปลายหอกทิ่มลงบนเกราะน้ำแข็งสีขาวเหนือบ่าของเขา แต่ขอบคมอันน่าหวาดหวั่นนี้กลับทะลวงผ่านเกราะน้ำแข็งสีขาว ทะลุเข้าสู่ร่างกายของเขา เกราะพลที่รวมตัวอยู่บนปลายหอกระเบิดออกมาในทันใด อีกทั้งคลื่นสังหารยังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างของจักรพรรดิเทพมารแดง
สีหน้าของจักรพรรดิเทพมารแดงพลันแดงจัด เขารีบใช้พลังน้ำแข็งแช่แข็งร่าง ปกป้องร่างกายอย่างแข็งขันในทันใดเพื่อขับไล่เกราะพลและคลื่นสังหารอันน่าหวาดหวั่นนั้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงแทงหอกออกไปคราหนึ่งแล้วก็รีบชักกลับ เตรียมจะแทงหอกอีกเป็นครั้งที่สอง
จักรพรรดิเทพมารแดงสีหน้าซีดเผือด แม้ว่าพลังชีวิตของเขาจะอาศัยการแช่แข็งของพลังน้ำแข็งช่วยปกป้องเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็สูญเสียไปเกือบสามส่วน แม้ว่าหลังจากนี้จะป้องกันตัวอย่างระมัดระวังยิ่งขึ้น แต่ก็คาดการณ์ว่าเพียงแปดหอกสิบหอกก็สามารถปลิดชีพตนได้แล้ว
พ่ายแพ้เสียแล้ว
จักรพรรดิเทพมารแดงเข้าใจในจุดนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะยังมีลูกไม้เล็กๆ อยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับตงป๋อเสวี่ยอิงที่หลบหลีกเสียจนหาตัวจับยาก ผนวกกับวิชาหอกอันน่าหวั่นเกรงนี่…เขาก็รู้ว่าตนต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่ข้า… จักรพรรดิเทพมารแดง จะพ่ายแพ้ภายใต้เงื้อมมือของผู้เคารพคนหนึ่งได้ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
จักรพรรดิเทพมารแดงหัวเราะลั่น ดวงตาข้างเดียวของเขาก็กลับมาเป็นปกติ ความหนาวเหน็บเริ่มจะหดหายกลับไป แต่ในขณะนั้นเอง รอบด้านกลับมีร่างแปรปรากฏขึ้น ร่างจริงของเขาก็หายไปท่ามกลางร่างแปร แล้วร่างแปรก็หลีกลี้หนีไปทั่วทุกทิศทุกทาง
“หนีหรือ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสังเกตเห็นเสียแล้ว
กระแสคลื่นสีแดงโลหิตพลันสาดกระจายไปทั่วบริเวณ แววสังหารแผ่กำจายไปทั่วทุกทิศทุกทางอย่างบ้าคลั่ง คราวนี้ความเร็วในการแผ่กระจายเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ชัดเจนว่าจักรพรรดิเทพมารแดงทุ่มหมดหน้าตักแล้ว ร่างแปรร่างแล้วร่างเล่าหลบหนีอย่างฉับไวยิ่ง
“ปัง!” คลื่นสีแดงโลหิตอันปั่นป่วนพุ่งไปถึงเบื้องหน้าท่านชายใหญ่เจียวอวิ๋นเถิงในทันใด เจียวอวิ๋นเถิงมองคลื่นสีแดงโลหิตที่พุ่งโจมตีเข้ามาด้วยสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง เขาเข้าใจแจ่มแจ้งอย่างยิ่งว่าเขาต้านรับการคุกคามของเขตแดนสังหารนี้ไม่ไหวแน่
“อย่าสังหารเขา จับเป็นเขาเสีย!” ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวตะโกนขึ้นมา
สิ้นเสียงตะโกนนี้
กระแสคลื่นสีแดงโลหิตที่พุ่งไปถึงเบื้องหน้าท่านชายใหญ่กระจายตัวออกในทันใด แล้วแหวกทางให้ท่านชายใหญ่ ก่อนจะไปไล่ล่าร่างแปรเหล่านั้นต่อไป
หากแต่ร่างแปรรวดเร็วเกินไป และอาณาบริเวณของค่ายกลดาวเคราะห์ก็เล็กเกินไป ร่างแปรที่จักรพรรดิเทพมารแดงแยกออกมาจ่อมจมอยู่ภายใต้เขตแดนสังหาร หากแต่ร่างแปรที่มีกำลังมากก็ยังพุ่งออกมา พอออกจากอาณาบริเวณของค่ายกล จักรพรรดิเทพมารแดงก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว และเขาก็มิได้คิดจะช่วยเหลือท่านชายใหญ่ด้วย ถึงอย่างไรภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น เขาย่อมมิได้มีความหวังแม้แต่น้อย หากต้องช่วยก็เกรงว่าจะต้องเกี่ยวพันถึงชีวิตแล้วจริงๆ
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ร่างแยกร่างหนึ่ง แต่จักรพรรดิเทพมารแดงก็ไม่อยากตายอยู่ดี!
การถูกผู้เคารพเอาชนะกับการถูกผู้เคารพสังหารนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง! จักรพรรดิเทพมารแดงยังหวังว่า…จะเหลือหน้าเอาไว้สักหน่อย
……
พรึ่บ
ณ ฟากฟ้าอันไกลโพ้นแห่งหนึ่ง จักรพรรดิเทพมารแดงปรากฏกายขึ้น เขาหันศีรษะมองกลับไปมาแล้วจึงค่อยผ่อนลมหายใจออกจากปากด้วยความจนใจและทอดถอนใจอยู่บ้าง
“น่าขายหน้าเสียจริง”
“จักรวาลบ้านเกิดถูกพิชิตเสียได้! มาถึงจักรวาลคีรีมารแห่งนี้ ปรารถนาจะไปที่ ‘บรรพคีรีมาร’ แต่กลับถูกบดขยี้สังหาร… เพื่อทรัพยากรในการบำเพ็ญ จึงได้สวามิภักดิ์ต่อท่านชายใหญ่ของตระกูลเทพอากาศ ใครเล่าจะไปคิดว่าจะถูกผู้เคารพคนหนึ่งกำราบเอาได้” จักรพรรดิเทพมารแดงส่ายศีรษะ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ช่วยท่านชายใหญ่ แต่เขาก็มิได้แยแสเลยสักนิด
ถึงอย่างไรก็เป็นท่านชายใหญ่ที่ขอร้องเขา!
เขาเป็นถึงผู้ปกครอง จะต้องยอมจำนนจริงๆ เหล่าท่านชายของสามตระกูลใหญ่เทพอากาศ เพียงแค่ยังมิได้เป็นผู้ปกครองเท่านั้น เกรงว่าทุกคนต่างก็กระหายอยากกันทั้งนั้น
ทว่าผู้ปกครองเป็นองครักษ์ให้แก่ผู้เคารพคนหนึ่ง…นับได้ว่าน่าขายหน้าอยู่บ้าง
“ครั้งนี้เสียหน้าอย่างใหญ่หลวงเสียแล้ว เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ท่านชายทั้งสองกับเหล่าองครักษ์มากมายต่างก็เห็นกันหมด เกรงว่าอีกไม่นานก็คงแพร่ไปทั่วทั้งจักรวาลคีรีมารแล้ว! แล้วยังมีผู้แกร่งกล้าของจักรวาลอื่นๆ อีก เขา ตงป๋อเสวี่ยอิงได้สร้างชื่อ แต่เป็นการย่ำยีชื่อเสียงของข้า” จักรพรรดิเทพมารแดงเศร้าโศกอยู่บ้าง แต่ก็ยอมรับทั้งปากและใจ เพราะตงป๋อเสวี่ยอิงที่ต่อสู้กับเขาเมื่อครู่นั้นกระตุ้นเขาอยู่ตลอด บีบให้เขาแสดงพลังที่กล้าแกร่งที่สุดออกมา
ภายใต้สถานการณ์ที่สำแดงพลังอันกล้าแกร่งที่สุดออกมาแล้วยังถูกเอาชนะได้ เขาก็ไม่มีวาจาจะเอ่ยแล้ว
******
กระแสคลื่นโลหิตห่อหุ้มท่านชายใหญ่เจียวอวิ๋นเถิงเอาไว้ เช่นเดียวกับเหล่าองครักษ์
“ตงป๋อเสวี่ยอิง” ท่านชายใหญ่ฝืนคลี่รอยยิ้มออกมาแล้วเอ่ยต่อไปว่า “เจ้ายอมสวามิภักดิ์ต่อน้องชายของข้าก็เพียงเพื่อผลประโยชน์บางอย่างใช่หรือไม่ เขาให้อะไรเจ้า ข้าสามารถให้ได้มากกว่าอีกนะ!”
“สายไปแล้วล่ะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ตอนแรกเขาต้องการโอกาสในการเข้าถึงกฎเกณฑ์ของระบบการบำเพ็ญสักครั้ง ตอนนี้ก็ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ในตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่เก็บตัวเพื่อบำเพ็ญเท่านั้น
“องครักษ์ตงป๋อ” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวกับซานตาน องครักษ์ฉง และเหล่าองครักษ์อีกกลุ่มหนึ่งเหินลอยออกมาอย่างรวดเร็วตามทางที่กระแสคลื่นสีแดงโลหิตแยกตัวออก บรรดาองครักษ์เหล่านั้นต่างก็มองตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างตื่นตะลึงระคนยกย่อง เหมือนกับที่บรรดาผู้เคารพทั่วไปที่จักรวาลผู้บำเพ็ญมอง ‘ผู้ครองชิง’ อย่างไรอย่างนั้น! ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะโอ้อวดเกินจริงยิ่งกว่านี้ แต่อย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นวิถีสามสาย ส่วนวิถีสองสายก็ไปถึงจุดคอขวดสูงสุด วิถีระลอกคลื่นก็ไปถึงขั้นสุดยอด นอกจากนี้ที่สำคัญยังสืบเชื้อสายผู้ท่องอากาศที่แข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าผู้ครองชิงในตอนแรกเสียอีก
“ท่านชาย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “สังหารใคร ไว้ชีวิตใครดีขอรับ”
“สังหารองครักษ์คนอื่นให้หมดเสีย ไว้ชีวิตพี่ใหญ่ข้ากับฉาอวิ๋นหนงเอาไว้” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ถ้าหากองครักษ์ตงป๋อมีความคิดเห็นเช่นไรก็พูดมา”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้พูดอะไร
กระแสคลื่นสีแดงโลหิตที่ล้อมรอบอยู่กลายเป็นคลื่นกระเพื่อม แล้วหุ้มห่อองครักษ์เหล่านั้นเอาไว้ ตงป๋อเสวี่ยอิงกับพวกเขามิได้มีความชิงชังอันใดต่อกัน แต่ท่านชายทั้งสองต่อสู้กันมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ เหล่าองครักษ์ของทางฝั่งท่านชายสามเองก็ตายตกตามกันหลายต่อหลายครั้ง เมื่อครู่ถ้าหากมิใช่ตน ฝั่งตนเองก็ต้องถูกสังหารเช่นเดียวกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ย่อมมิอาจไว้น้ำใจได้! ถึงอย่างไรก็เป็นแค่ร่างแยกร่างหนึ่งเท่านั้น อย่างมากก็แค่ทำให้อีกฝ่ายสูญเสียสมบัติล้ำค่าไปบ้าง
เขตแดนสังหารกลายเป็นคลื่นกระเพื่อม องครักษ์คนอื่นๆ ถูกสังหารจนหมด เหลือไว้เพียงแค่ฉาอวิ๋นหนงกับท่านชายใหญ่ ‘เจียวอวิ๋นเถิง’ เท่านั้น
“เจียวอวิ๋นเถิง พี่ชายข้า ท่านเคยคิดถึงบ้างหรือไม่ว่าท่านจะมีวันนี้ได้” ร่างของท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวสั่นเทาอยู่บ้าง
ทว่าท่านชายใหญ่เจียวอวิ๋นเถิงไม่มองน้องชายของตน แต่กลับมองตงป๋อเสวี่ยอิงแทน “ที่แท้แล้วน้องชายข้าให้สิ่งใดกับเจ้ากันแน่”
“เคล็ดวิชาของระบบการบำเพ็ญอื่นกับศาสตร์ลับจำนวนหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“แค่นี้เองหรือ” ท่านชายใหญ่ยากที่จะเชื่อได้
จักรวาลคีรีมารมีความเปิดกว้างอย่างยิ่ง เคล็ดการบำเพ็ญที่สืบทอดกันก็เรียบง่ายนัก เมื่อเทียบกันแล้วศาสตร์ลับสูงค่ากว่า แต่สำหรับท่านชายใหญ่แล้ว ระดับท่านชายสามนี้มิอาจนับเป็นอะไรได้เลย
“หอกยาวเล่มหนึ่ง เสื้อเกราะ กับเรือรบ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ท่านชายใหญ่ไม่เอ่ยวาจา
เป็นสิ่งที่องครักษ์ทั่วไปของท่านชายก็ควรจะมีอยู่แล้ว
“หมดแล้วหรือ” ท่านชายใหญ่มองตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วมองไปทางท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิว “น้องข้า เจ้าช่างโชคดีเสียจริง”
“ข้าสามารถให้เจ้าได้เป็นสิบเท่าร้อยเท่า เจ้าอยากจะมาเป็นองครักษ์ของข้าหรือไม่เล่า” ท่านชายใหญ่มองตงป๋อเสวี่ยอิง
“ข้าก็ทำได้” ท่านชายสามตะโกน เขารู้สึกเคร่งเครียดอยู่บ้าง
“รับประโยชน์จากผู้ใด ทำการแทนผู้นั้น” พอตงป๋อเสวี่ยอิงพูดจบก็มิได้พูดอะไรต่ออีก
ตงป๋อเสวี่ยอิงยึดมั่นจนเข้ากระดูกว่ามีบุญคุณต้องทดแทน มีแค้นต้องชำระ สามสิบล้านปีมานี้ ท่านชายสามช่วยเหลือเขาเอาไว้ไม่น้อย ทั้งยังมีความเมตตา ในเมื่อมีบุญคุณเขาก็ต้องทดแทนอยู่แล้ว
ท่านชายใหญ่เจียวอวิ๋นเถิงเห็นท่าก็รู้แล้วว่าขอร้องต่อไปก็ไม่มีประโยชน์ บุคคลระดับผู้เคารพที่เหนือชั้นพรรค์นี้ย่อมมีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว เจียวอวิ๋นเถิงจึงเอ่ยค่อยๆ ว่า “แต่น้องชายข้ามีผลวิเศษมารดำ ผลวิเศษมารดำอาจไม่มีประโยชน์อันใดต่อระบบการบำเพ็ญอื่นๆ แต่กลับเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับระบบการบำเพ็ญสายโลหิตของพวกเรา เหตุใดเจ้าไม่สังหารน้องชายข้า แล้วชิงเอาผลวิเศษมารดำมาเล่า ประโยชน์ที่จะได้จากผลวิเศษมารดำมันเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้เลยนะ”
เจียวอวิ๋นเถิงมองท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวที่มีสีหน้าซีดเผือด “น้องชาย ใครแพ้ใครชนะก็ยังไม่แน่นอนหรอกนะ ผลวิเศษมารดำน่ะหรือ ข้าไม่ได้มา เจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้ไปเลย!”
ปัง!
ร่างของเจียวอวิ๋นเถิงระเบิดออกในทันใด
แต่กระแสคลื่นสีแดงโลหิตม้วนกลืนเขาจนจมมิดทันที แรงกระเพื่อมจากการระเบิดถูกเขตแดนสังหารสลายไปอย่างง่ายดาย
ทว่าบริเวณโดยรอบกลับเงียบสงบ ซานตานและองครักษ์ฉง ต่างก็มองท่านชายสามและตงป๋อเสวี่ยอิง
ผลวิเศษมารดำหรือ
“ยังมีฉาอวิ๋นหนงอีกคนหนึ่ง ท่านชาย ท่านจัดการเอาเองเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยความคิดออกมา สายโลหิตสาดกระจายไม่สิ้นสุด สุดท้ายก็เหลือแค่ฉาอวิ๋นหนงเพียงคนเดียวแล้ว ท่านชายกับองครักษ์กลุ่มหนึ่งก็สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย
“องครักษ์ตงป๋อ น้องตงป๋อ” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวมองตงป๋อเสวี่ยอิง ในใจอดที่จะปลาบปลื้มยินดีมิได้
“ท่านชาย” ฉาอวิ๋นหนง กลับตะโกนขึ้นมาในเวลานี้
เจียวอวิ๋นหลิวสีหน้าแปรเปลี่ยน เขาหันหน้าไปมอง บนใบหน้าฉายแววเดือดดาล “เจ้ายังมีหน้ามาตะโกนใส่ข้าอีกหรือ ข้าเชื่อใจเจ้ามาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาข้าตาบอดไปจริงๆ ฆ่ามันให้ข้าเสีย”
ทันใดนั้นเหล่าองครักษ์กลุ่มหนึ่งต่างก็มองฉาอวิ๋นหนงด้วยแววตาอาฆาต
……
แต่เจียวอวิ๋นหลิวกลับนำทางตงป๋อเสวี่ยอิงไปถึงภายในวังแล้วนั่งลงตรงข้ามกันภายในโถงตำหนัก สาวใช้ยกสุราชั้นเลิศมาให้
ด้านนอกยังมีกองหิมะอยู่ ซึ่งเป็นกองหิมะที่เกิดขึ้นจากการที่จักรพรรดิเทพมารแดงสำแดงลมหนาวอนันต์เมื่อครู่
เจียวอวิ๋นหลิวรินสุราให้กับตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยตนเองพลางยิ้มพูดว่า “คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าข้า เจียวอวิ๋นหลิว จะมีโชคดีเช่นนี้ ทำให้น้องตงป๋อมาเป็นองครักษ์ของข้าได้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป น้องตงป๋อมิใช่องครักษ์ของข้าอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นพี่น้องของข้า ถ้าหากไม่รังเกียจข้า มา ดื่มสุราจอกนี้เสียสิ” เขาวางสุราจอกหนึ่งลงตรงหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงกับมือตนเอง
ตงป๋อเสวี่ยอิงยกจอกเหล้าขึ้น “ขอบคุณท่านชาย”
ทั้งสองยกจอกขึ้นดื่มพร้อมกัน
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” เจียวอวิ๋นหลิวอารมณ์เบิกบานยิ่ง “คราวนี้น้องตงป๋อสามารถเอาชนะจักรพรรดิเทพมารแดงได้ ตัวเป็นผู้เคารพแต่สามารถเอาชนะผู้ปกครองคนหนึ่งได้ ช่างไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เชื่อว่าอีกไม่นานก็คงแพร่สะพัดไปทั่วทั้งจักรวาลคีรีมารและจักรวาลรอบๆอีกมากมาย พอข่าวแพร่สะพัดออกไปแล้ว เกรงว่าจะต้องมีเรื่องบางอย่างตามมาแน่”
“เรื่องบางอย่างหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยท่าทีประหลาดใจ “ขอท่านชายโปรดชี้แนะด้วย”
เขาสนทนาพาทีกับเหล่าองครักษ์มาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ และรู้จักจักรวาลคีรีมารดีพอสมควร ทั้งยังเข้าใจว่าหลังจากที่ตนเอาชนะจักรพรรดิเทพมารแดงแล้วหมายความว่าอย่างไร แต่ก็มิได้รู้มากเท่ากับที่ท่านชายสามผู้นี้รู้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้การสำแดงพลังก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการของเขาด้วย
ท่านอาจารย์จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็เคยสนทนากับเขาว่า “เสวี่ยอิง ถ้าหากถูกบีบบังคับ ก็สามารถแสดงเคล็ดวิชาระบบการบำเพ็ญของพวกเราให้จักรวาลคีรีมารรับรู้ได้ ความเร้นลับของระบบกฎเกณฑ์ในห้วงอากาศอันสับสนอลหม่านไร้ที่สิ้นสุดนั้นก็มิใช่ความลับอันใหญ่หลวงแต่อย่างใด ระบบของพวกเรานี้เข้าใจง่ายที่สุดแล้ว! แพร่ออกไปก็ไม่เป็นอะไร หากไม่มีผู้อาวุโสคอยชี้แนะ การบำเพ็ญก็ยากเย็นยิ่งนัก ภารกิจของเจ้าก็คือ…การรวบรวมสิ่งที่สามารถช่วยเหลือจักรวาลของเราทั้งหมดมาให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นระบบการบำเพ็ญ เคล็ดวิชา หรือว่าสิ่งอื่นๆ ก็ตาม”
ตงป๋อเสวี่ยอิงเตรียมตัวอย่างเต็มที่
แม้กระทั่งระดับขั้นของเขาในตอนนี้ ก็ยังเรียนรู้จากร่างแยกที่จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตแยกไว้ก่อนนานแล้ว ตอนนี้ยังมีร่างแยกอีกร่างที่ซ่อนอยู่ในเงามืดที่จักรวาลคีรีมาร! ถึงอย่างไรเวลาที่นี่ก็เคลื่อนไปเร็วกว่าถึงสามพันเท่า การอยู่ที่นี่ช่วยแม้กระทั่งการบำเพ็ญได้เป็นอย่างมาก
“เจ้าน่าจะได้ยินจากองครักษ์เหล่านั้นมาบ้างแล้ว แต่พวกเขาก็รู้ไม่มากนักหรอก” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวรินเหล้าให้ตนเองพร้อมกับเอ่ยต่อไปว่า “ฉะนั้นฟังรายละเอียดที่ข้าจะพูดให้ดีล่ะ”