Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 14
“ก็มีสองเรื่องที่พูดไปก่อนหน้านี้ บัญชีกับโลหิตธาตุของแมลงเพลิงพันเนตร” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูดต่อ “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความต้องการเร่งด่วน เจ้าทำสำเร็จเพียงเรื่องเดียวก็ดีเหลือเกินแล้ว ถ้าหากทำได้ทั้งสองเรื่อง… เช่นนั้นพวกเราก็ชนะการต่อสู้ในคราวนี้อย่างแน่นอนแล้ว”
“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ก่อนหน้านี้เคยถามท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวเกี่ยวกับสิ่งล้ำค่าสองชิ้นที่เป็นความต้องการเร่งด่วนของพวกท่านอาจารย์มาแล้ว แต่เจียวอวิ๋นหลิวก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ
เห็นได้ชัดว่าต้องไปหาสิ่งมีชีวิตที่ร้ายกาจยิ่งกว่านี้ จักรวาลคีรีมารมีอิทธิพลยิ่งใหญ่ มีผู้ปกครองอยู่มากมาย สมบัติล้ำค่าที่พวกจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตหาไม่พบ กลับมีหวังที่จะหาพบได้ในจักรวาลคีรีมาร
“เช่นนั้นศิษย์ขอลา” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“เจ้าต้องระมัดระวังด้วยนะ การต่อสู้กับลัทธิจอมมารดานั้น เดิมที่พวกเราก็เป็นต่ออยู่แล้ว ความพยายามในตอนนี้ก็เพียงเพื่อเพิ่มโอกาสในการชนะเท่านั้น เจ้าอย่าเพิ่งเทหมดหน้าตักเด็ดขาด” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตชี้แนะต่อไป “ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีร่างแยก ดูเหมือนว่าจะปลอดภัยอย่างยิ่ง ทว่าลูกไม้ของเทพอากาศนั้นยังเหนือกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้ นอกจากนี้ภูมิหลังของบรรพคีรีมารแห่งนั้นก็ไม่ธรรมดาเลย จะต้องทำตามกฎกติกาของพวกเขาโดยตลอด”
“ข้าเข้าใจ” ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้มแล้วกล่าวลาท่านอาจารย์ไปในทันที
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตมองร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงที่สลายหายไปตรงหน้าด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง เรื่องที่เขาให้ตงป๋อเสวี่ยอิงไปจัดการสองเรื่องนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
“อ๊ะ…เสวี่ยอิงเคยพูดว่า การจะเข้าไปในบรรพคีรีมารนั้นยากยิ่ง เขามั่นใจแล้วหรือ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเอ่ย “หรือว่าได้ท่านชายสามผู้นั้นช่วยเหลือ”
ความเข้าใจที่เขามีต่อบรรพคีรีมารก็ล้วนเป็นสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงบอกเล่า สิ่งที่รู้ก็ย่อมน้อยนัก
ย่อมมิได้เข้าใจว่า…การเข้าไปนั้นจะยากเย็นสักเพียงใด
******
ตงป๋อเสวี่ยอิงออกเดินทางอย่างไม่เร่งร้อน แต่ยังคงคอยท่าอยู่บนดาวดวงนั้น เพราะท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวเคยพูดว่ารอให้เขาเสร็จสิ้นการบำเพ็ญแล้วจะไปส่งตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยตนเอง
คนต่างเผ่าอย่างเขาบุ่มบ่ามบุกเข้าไปคนเดียว มิสู้รอให้ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวส่งเขาเข้าไป และอาศัยช่วงเวลาเล็กน้อยนี้ในการตกตะกอนบทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการต่อสู้กับจักรพรรดิเทพมารแดงก่อนหน้านี้
“ซ่าๆๆ”
ฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก เกิดเป็นม่านฝนขึ้นระหว่างผืนฟ้าและพื้นดิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า…” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะลั่นก็ดังขึ้นมาพร้อมกัน สะท้อนก้องไปทั่วทั้งดวงดาว กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นขุมหนึ่งก็ระเบิดปะทุออกมาในขณะเดียวกัน
“หืม”
เหล่าองครักษ์ทั้งหลายล้วนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ออกมา พวกเขาล้วนหันหน้ามองไปทางตำหนักของท่านชายที่อยู่ไกลออกไป
เห็นเพียงว่ามีเงาร่างสายหนึ่งยืนอยู่กลางอากาศเหนือตำหนักแห่งนั้น ในขณะนี้พื้นผิวร่างกายของท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวภายใต้ชุดเกราะสีแดงเลือดหมู มีไอคลื่นสีแดงระเหยออกมา กลิ่นอายอันน่าหวาดเกรงทะยานสู่ผืนฟ้า ทำให้ทั่วทั้งดวงดาราสั่นสะเทือน โชคดีที่มีค่ายกลคอยป้องกัน มิฉะนั้นทั่วทั้งดวงดาวคงจะสิ้นสูญไปเสียแล้ว
“ยินดีด้วยท่านชาย ยินดีด้วยท่านชาย” ทันใดนั้นก็มีองครักษ์ตะโกนเสียงสูงขึ้นมา
บรรดาเหล่าองครักษ์ต่างก็พูดตามๆ กันไป
“เป็นผู้ปกครองแล้วหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ตกตะลึงอยู่บ้าง ถึงแม้ว่าการเป็นผู้ปกครองในระบบการบำเพ็ญสายโลหิตจะยากเย็นยิ่ง แต่เมื่อเทียบกันแล้วก็ยังง่ายกว่าระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์อยู่เล็กน้อย อย่างน้อยเพียงแค่อาศัยความช่วยเหลือจาก ‘ผลวิเศษมารดำ’ ก็ทำให้ความมั่นใจในสายโลหิตตื่นรู้ของท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวเพิ่มพูนขึ้นมากๆแล้ว ตอนนี้ยังก้าวเข้าสู่ระดับผู้ปกครองได้สำเร็จอีกด้วย
การจะเป็นผู้ปกครองในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ยากเย็นอย่างยิ่ง วิถีโลกเทียมและวิถีเข่นฆ่าของตนนั้นก็บำเพ็ญจนถึงจุดคอขวดสูงสุดแล้ว แต่ต้องการจะสมบูรณ์นิรันดร์ ก็รู้สึกว่ายังมืดมัวนัก
ถึงแม้ว่าในใจจะยังเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังทะยานเหินไปทางท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวที่ตอนนี้กำลังตื่นเต้นยินดีอย่างหาใดเปรียบเพื่อแสดงความยินดี “ยินดีด้วยท่านชาย ได้เป็นผู้ปกครองแล้ว”
“ฮ่าฮ่า”
ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง เขาย่อมมีท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปต่อเหล่าองครักษ์คนอื่นๆบ้าง ถึงอย่างไรช่องว่างระหว่างผู้ปกครองกับผู้เคารพก็แตกต่างกันมากนัก แต่กับตงป๋อเสวี่ยอิง
เจียวอวิ๋นหลิวก็ยังค่อนข้างเกรงใจ เพราะว่าเขารู้สึกว่าองครักษ์ตงป๋อผู้นี้สามารถร้ายกาจเช่นนี้ได้
การจะเป็นผู้ปกครองย่อมไม่มีปัญหาอันใดอยู่แล้ว หลังจากเป็นผู้ปกครองแล้วก็จะต้องเป็นผู้ที่เหนือกว่าใครในบรรดาผู้ปกครองแน่ แม้ว่าอนาคตจะมุ่งหน้าไปยัง ‘โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา’ ก็ยังต้องติดต่อกันอยู่บ่อยๆ
น้องตงป๋อ ต้องขอบคุณเจ้ามาก ถ้าหากไม่มีผลวิเศษมารดำ ลำพังข้าเองก็ไม่รู้เลยจริงๆว่าเมื่อไหร่จึงจะสามารถบรรลุได้” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวทอดถอนใจ
“ผลวิเศษมารดำเป็นวัตถุภายนอก การบรรลุนั้นนอกจากวัตถุภายนอกแล้วก็ยังต้องอาศัยตัวเองด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ท่านชายสามารถบรรลุได้ เห็นได้ชัดว่าโดยปกติแล้วจะต้องสั่งสมอะไรมามากมาย”
เจียวอวิ๋นหลิวคลี่ยิ้ม
ใช่แล้ว
เขาถึงอัดอั้นตันใจมานานเกินไปแล้ว! เขาได้ทดลองบำเพ็ญระบบอื่นเพื่อการบรรลุ สิ้นเปลืองพลังงานไปมากมายเหลือเกิน ทั้งยังสั่งสมอะไรมามากมาย สุดท้ายตอนนี้กลับบรรลุได้ในคราวเดียว! ระดับชีวิตก็ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ก่อนหน้านี้หากตงป๋อเสวี่ยอิงจะสังหารท่านชายสามนั้นก็ง่ายดายราวกับปอกกล้วย ทว่าตอนนี้…หากต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆ ตงป๋อเสวี่ยอิงจะสามารถเอาชนะท่านชายสามได้หรือไม่ก็ยากจะพูดได้
สามารถเอาชนะจักรพรรดิเทพมารแดงได้ ก็มิได้หมายความว่าจะสามารถเอาชนะท่านชายสามที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ปกครองแล้วได้
“ข้าเคยบอกแล้วว่าหลังจากเก็บตัวบำเพ็ญ ข้าจะส่งเจ้าไปบรรพคีรีมารด้วยตนเอง” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวพูดยิ้มๆ “ถึงแม้ว่าข้าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะเข้าไป แต่ข้าคุ้นเคยกับผู้ดูแลเขาบรรพคีรีมารเป็นอย่างยิ่ง แล้วข้าก็ยังรู้พวกกฎพื้นฐานด้วย”
“ต้องขอบคุณท่านชายแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ฮ่าฮ่า ตอนนี้ข้าเป็นผู้ปกครอง บำเพ็ญต่ออีกสักระยะเวลาหนึ่งข้าก็จะเข้าไปในบรรพคีรีมารด้วย” เจียวอวิ๋นหลิวอมยิ้ม “ผู้เคารพมีเพียงสามคน ตอนแรกข้าไม่กล้าจะคิด แต่ผู้ปกครองในบรรพคีรีมารกลับมีถึงสามสิบเก้าคน… ข้ามีท่านพ่อข้าช่วยเหลือ บำเพ็ญให้มากอีกสักระยะหนึ่งก็น่าจะสามารถสู้ได้อยู่”
“มีข้าช่วยเหลือ เจ้ายังไม่มั่นใจเต็มที่อีกหรือ” น้ำเสียงแหบพร่าเสียงหนึ่งดังขึ้น
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกใจจนตัวโยน เจียวอวิ๋นหลิวก็หันหน้าไปอย่างตกใจ พวกเขาสองคนต่างก็เห็นบุรุษผู้หนึ่งหยัดยืนอยู่กลางอากาศด้านข้าง บุรุษผู้นี้สวมเกราะเกล็ดสีแดงเข้มตลอดร่าง ทว่าเกราะตรงบริเวณคิ้วกลับเป็นสีขาวซีด นัยน์ตาสีเงินทั้งคู่ก็เยียบเย็นราวน้ำแข็ง ราวกับสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งหยามเหยียดมดปลวก
“ท่านพ่อขอรับ” เจียวอวิ๋นหลิวทักทายอย่างเคารพนบนอบ
“จ้าวท่าน” เหล่าองครักษ์ทั้งหมดกล่าวทัก เช่นเดียวกันกับตงป๋อเสวี่ยอิง
ไม่มีผู้ใดโง่งม ต่างก็รู้ว่าผู้ที่ปรากฏตัวขึ้นในทันทีทันใดผู้นี้ก็คือหนึ่งในจักรพรรดิสามท่านที่มีสถานะสูงส่งที่สุดในจักรวาลคีรีมาร แล้วยังเป็นจ้าวแห่งตระกูลเจียวอวิ๋น…จักรพรรดิเจียวอวิ๋น!
จ้าวท่าน เป็นคำเรียกขานที่ใช้กันโดยทั่วไปมากกว่าในจักรวาลผู้บำเพ็ญ
แต่ในจักรวาลคีรีมาร ‘อ๋อง’ ก็หมายถึงผู้ปกครองแล้ว! ส่วน ‘จ้าวท่าน’ มีเพียงเทพอากาศเท่านั้นจึงจะคู่ควรกับคำเรียกขานเช่นนี้
“ยังนับว่ามีประโยชน์อยู่บ้าง” จักรพรรดิเจียวอวิ๋นเอ่ยอย่างเย็นชา
แต่ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวกลับได้ยินแววยินดีที่แสดงออกมาสายหนึ่ง เนิ่นนานเหลือเกินแล้ว หลายปีมานี้ท่านพ่อของเขายากที่จะชมเชยเขาสักครั้ง ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ นี่เป็นครั้งที่สองกระมัง
“ตัวเจ้าเป็นผู้ปกครอง ทั้งยังเป็นบุตรชายของข้า ก็จะต้องเข้าไปในบรรพคีรีมารอยู่แล้วสิ” จักรพรรดิเจียวอวิ๋นเอ่ยอย่างเย็นชา “อย่าทำตัวไร้ประโยชน์เช่นนั้น”
“ขอรับ” เจียวอวิ๋นหลิวเอ่ยอย่างเชื่อฟัง
จักรพรรดิเจียวอวิ๋นมองไปทางตงป๋อเสวี่ยอิง นัยน์ตาสีเงินอันเยียบเย็นไร้อารมณ์คู่นั้นทำให้หัวใจของตงป๋อเสวี่ยอิงบีบรัด กลิ่นอายของจักรพรรดิเจียวอวิ๋นผู้นี้เป็นเอกลักษณ์ยิ่งนัก ให้ความรู้สึกเหนือกว่ากฎเกณฑ์การหมุนเวียนของทั้งจักรวาลเสียอีก
“ตงป๋อเสวี่ยอิง” จักรพรรดิเจียวอวิ๋นเปิดปากเรียก “ข้ารู้จักเจ้า เอาชนะมารแดงได้ ผู้ปกครองที่สามารถเอาชนะผู้เคารพได้นั้นหาได้ยากยิ่งนัก”
ตงป๋อเสวี่ยอิงอมยิ้มพลางก้มศีรษะต่ำอย่างเชื่อฟัง
เขาอยู่ที่จักรวาลคีรีมาร มิได้มีเจตนาเป็นศัตรู ย่อมต้องทำตามกฎเกณฑ์อย่างเชื่อฟัง
ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวที่อยู่ข้างๆ เอ่ยต่อไปว่า “โชคดีที่มีน้องตงป๋อ หากมิได้น้องตงป๋อ ผลวิเศษมารดำของข้าก็คงถูกชิงไปแล้ว”
จักรพรรดิเจียวอวิ๋นพยักหน้า “พี่ใหญ่ของเจ้าสามารถทำให้มารแดงคอยช่วยเหลือได้ ก็เป็นความสามารถของเขา! เจ้าสามารถทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงช่วยเหลือได้ ก็เป็นความสามารถของเจ้าเช่นกัน ตงป๋อเสวี่ยอิง พลังของเจ้าเพียงพอที่จะไปยังบรรพคีรีมาร ไปแข่งกับผู้เคารพอีกสามคน เจ้าอยากไปหรือไม่ล่ะ”
“อยากไปแน่นอนขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ดี เช่นนั้นก็ไปเถิด”
จักรพรรดิเจียวอวิ๋นพูดจบก็นำทางตงป๋อเสวี่ยอิงและท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวไป เสียงดังฟิ้วก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เหล่าองครักษ์คนอื่นๆ ในที่นั้นค่อยผ่อนลมหายใจออกจากปาก ทั้งตื่นเต้นและพรั่นพรึงไปพร้อมๆ กัน ในที่สุดชั่วชีวิตนี้ของพวกเขาก็ได้เห็นจักรพรรดิสักครั้งหนึ่งแล้ว!