Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 6
นี่เป็นระบบการบำเพ็ญที่มีข้อบกพร่องซึ่งมีนามว่า ‘ระบบการบำเพ็ญจักรวาลเทวทูต’ เพื่อความอยู่รอด เพื่อความแข็งแกร่ง เพื่อความปรารถนาต่างๆ สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในจักรวาลของพวกเขาได้ปรับปรุงแก้ไขระบบนี้ให้สมบูรณ์ขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งระบบนี้ ในตอนที่อ่อนแอสามารถติดต่อกับฟ้าดินได้ และหยิบยืมพลังฟ้าดินมาใช้ในการต่อสู้! และสามารถใช้พลังฟ้าดินทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ได้
ตอนที่แข็งแกร่ง ก็สามารถติดต่อกับต้นกำเนิดจักรวาลได้! และทำให้ตนแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงขั้นสามารถควบคุมต้นกำเนิดจักรวาลส่วนหนึ่งได้
พวกเขาเพียงแค่ยกมือยกเท้าขึ้นมา สามารถปรับเปลี่ยนพลังต้นกำเนิดจักรวาลได้ พลังรบน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง
ถึงขั้นที่ว่าท้ายที่สุด มีสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นผู้หนึ่งในจักรวาลแห่งนี้ได้หลอมรวมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับต้นกำเนิดจักรวาล! ปณิธานของตนก็คือปณิธานของจักรวาล ภายในจักรวาล เขาเป็นผู้ที่ไร้ศัตรู! แต่ระบบการบำเพ็ญพรรค์นี้…เมื่อมาถึงระดับนี้ก็นับว่าถึงบทสรุปสุดท้ายแล้ว! เพราะหลังจากหลอมรวมกับจักรวาลเรียบร้อย จักรวาลก็ประหนึ่งกรงขังที่จองจำเขาเอาไว้ จนเขามิอาจไปจากจักรวาลแห่งนี้ได้อีกเลยตลอดกาล
ส่วนจักรวาลเทวทูตคนอื่นๆ เนื่องจากมีท่านหนึ่งที่หลอมรวมเข้ากับต้นกำเนิดจักรวาลไปแล้ว เทวทูตท่านอื่นๆ จึงมิอาจหลอมรวมเข้าไปได้อีก นอกเสียจากเปลี่ยนไปบำเพ็ญระบบอื่น มิเช่นนั้นแล้วพวกเขาก็มิอาจยกระดับขึ้นได้อีกแม้แต่น้อย
จักรวาลของพวกเขานี้…
แข็งแกร่งนัก!
แต่ข้อบกพร่องก็เห็นได้ชัดเจนมาก ภายในจักรวาลของตน พวกเขาแข็งแกร่งหาใดเปรียบ แต่หากออกจากจักรวาลของตนไปก็ใช้ไม่ได้แล้ว ในจักรวาลอื่น พวกเขามิอาจปรับเปลี่ยนพลังต้นกำเนิดจักรวาลได้! พลังรบจึงลดลงอย่างฮวบฮาบ
ระบบนี้ยังมีปัญหาอยู่อีกอย่างหนึ่ง
ดังเช่นบรรพชนเทียนอวี๋ หรือ ‘ท่านบรรพชน’ แห่งจักรวาลระบบการบำเพ็ญสายเลือด พวกเขาสร้างจักรวาลแห่งหนึ่งขึ้นมา ก็ล้วนตั้งใจปกป้องต้นกำเนิดจักรวาลเอาไว้เป็นอย่างดี! ดังนั้นจักรวาลที่ถูกสร้างขึ้นมา แหล่งกำเนิดก็มิอาจถูกควบคุมได้! และยิ่งไม่มีโอกาสหลอมรวมเข้าไปได้ด้วย
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิบำเพ็ญอยู่บนทุ่งหญ้า
“ตู้มมม…”
ระดับขั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงสูงยิ่งนัก ร่างกายของแข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง หลังรับรู้ระบบนี้ได้เพียงร้อยปีก็ติดต่อกับต้นกำเนิดจักรวาลได้สำเร็จ
โครมมมม…
พละกำลังเข่นฆ่าของต้นกำเนิดจักรวาลแผ่คลุมลงมา แล้วปกคลุมรอบกายตงป๋อเสวี่ยอิง
“ช่าง…ช่าง…ช่างดีเกินไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยินดีจนแทบคลั่งจากก้นบึ้งของหัวใจ “เดิมทีข้ามิได้ใส่ใจระบบนี้เลย เพราะรู้สึกว่าระบบนี้มีข้อบกพร่องชัดเจนเกินไป แต่เมื่อดูจากตอนนี้ ข้าคงประเมินพวกเขาต่ำเกินไป ระบบใดก็ตามที่สามารถกลายเป็นระบบการบำเพ็ญของจักรวาลหนึ่งได้ ก็ล้วนยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งนั้น”
“นี่…”
“การรับรู้ความเร้นลับของกฎเกณฑ์ จะไปสู้การทำให้พลังต้นกำเนิดจักรวาลแผ่คลุมลงมาให้สัมผัสได้อย่างไรกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงตื่นเต้นยินดีจนร่างกายสั่นระริก
ตามระดับขั้นของกฎเกณฑ์
กฎเกณฑ์ฟ้าดินที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดในโลกมนุษย์ธรรมดานั้นเป็นพื้นฐานที่สุด ที่สูงกว่านั้นก็เช่นกฎเกณฑ์ของทั้งโลกวัตถุ กฎเกณฑ์ของหุบเหวลึกดำมืด การหมุนเวียนค่ายกลเกาะใจกลางทะเลสาบ กฎเกณฑ์ของดวงอาทิตย์และดวงจันทรา…ระดับขั้นเหล่านี้ล้วนสูงส่งเป็นอย่างมาก
ที่สูงที่สุดก็คือกฎเกณฑ์การหมุนเวียนของจักรวาลหนึ่งๆ
การทำให้พลังของต้นกำเนิดจักรวาลปกคลุมลงมาข้างกายได้ เป็นการตรวจสอบกฎเกณฑ์การหมุนเวียนจักรวาลอย่างตรงไปตรงมาที่สุด! มีส่วนช่วยต่อกฎเกณฑ์การบำเพ็ญเป็นอย่างยิ่ง บัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญวิถีโลกเทียมและวิถีเข่นฆ่าเป็นหลัก ดังนั้นจึงต้องลองทำให้พละกำลัง ‘เข่นฆ่า’ ที่แฝงอยู่ในต้นกำเนิดจักรวาลปกคลุมลงมาเสียก่อน
“ลำพังแค่สัมผัสรับรู้ยังไม่พอ ต้องบำเพ็ญเคล็ดวิชาของพวกเขาด้วย”
“ยุทธ์ระลอกคลื่นดำมืด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชาจำพวกการเข่นฆ่าซึ่งสืบทอดมาจากจักรวาลนั้น และสัมผัสความเข้าใจที่สิ่งมีชีวิตในจักรวาลแห่งนั้นมีต่อการเข่นฆ่าจากการตกผลึกทางจิตใจและเลือดเนื้อเหล่านี้ แต่ละเคล็ดวิชาล้วนแต่เป็นการปรับเปลี่ยนและควบคุมพละกำลังเข่นฆ่าของต้นกำเนิดจักรวาล เมื่อฝึกฝนพวกมันอย่างลึกซึ้งขึ้นมาจริงๆ ความเข้าใจของตงป๋อเสวี่ยอิงที่มีต่อการเข่นฆ่าก็ลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ
ในบ้านเกิด ผู้ที่บุกเบิกวิถีเข่นฆ่ามีทั้งหมดสักกี่คนกันเชียว
ส่วนใน ‘ระบบจักรวาลเทวทูต’ กลับมีผู้ที่เลือกบำเพ็ญ ‘พละกำลังเข่นฆ่าต้นกำเนิดจักรวาล’ มากมาย พวกเขาใฝ่หาพละกำลัง จึงย่อมยินดีที่จะเลือกการเข่นฆ่า ดังนั้นจึงมีเคล็ดวิชาจำพวกเข่นฆ่าอยู่ไม่น้อยเลย
“เข่นฆ่า…”
“ที่ผ่านมาข้าคิดอย่างตื้นเขินเกินไปแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงตกอยู่ในความยินดีจนแทบคลั่งอย่างเต็มที่ เขารู้สึกว่าความเข้าใจที่มีต่อการเข่นฆ่ายกระดับมากขึ้นทุกวัน
ระหว่างนั้นเขายังแบกหน้าไปเยี่ยมคารวะท่านชายสาม แล้วขอให้ท่านชายสามช่วยเก็บรวบรวมเคล็ดวิชาและศาสตร์ลับวิถีเข่นฆ่าภายใน ‘ระบบจักรวาลเทวทูต’ให้อีกด้วย ซึ่งท่านชายสามก็ตกปากรับคำทันที แล้วติดต่อคนภายในตระกูล ก่อนจะขอเคล็ดวิชาและศาสตร์ลับของระบบการบำเพ็ญจักรวาลเทวทูต
“ท่านชายสาม ระบบนี้ไร้ซึ่งอนาคต อย่างมากก็ใช้สัมผัสความแข็งแกร่งของต้นกำเนิดจักรวาลบ้างก็เท่านั้น” คนระดับสูงภายในตระกูลออกจะไม่พอใจอยู่บ้าง ทั้งยังตำหนิว่า “ท่านน่ะ เคี่ยวกรำร่างกายให้มากเสียหน่อยเถอะ ต่อสู้ให้มากหน่อย ขอเพียงสายเลือดตื่นรู้ พลังของท่านก็จะยกระดับขึ้นอย่างใหญ่หลวง”
“เข้าใจแล้วๆ ข้าเพียงแค่ใช้อ้างอิงเท่านั้น รบกวนท่านอาฝูเร่งเก็บรวบรวมแล้วนำมาให้ข้าเสียเถอะ” ท่านชายสามกำชับ
“ก็ได้”
เพียงครึ่งเดือนให้หลัง
เคล็ดการบำเพ็ญทั่วไปเพิ่มขึ้นมาเพียงสองชนิด แต่ศาสตร์ลับกลับถูกนำเล่มจริงมาถึงแปดฉบับ แล้วท่านชายสามก็มอบทั้งหมดให้ตงป๋อเสวี่ยอิง
เรื่องนี้ทำเอาตงป๋อเสวี่ยอิงต้องลอบรำพึง ไม่ว่าอย่างไรท่านชายสามผู้นี้ก็ปฏิบัติต่อเหล่าองครักษ์อย่างตั้งอกตั้งใจมากจริงๆ
******
เขาบำเพ็ญเคล็ดวิชาของพละกำลังต้นกำเนิดจำพวกเข่นฆ่าทีละชนิดๆ และยังบำเพ็ญศาสตร์ลับด้วย เขาไม่สนใจอย่างอื่น สิ่งเดียวที่เขาสนใจก็คือความเข้าใจที่ตนมีต่อวิถีเข่นฆ่า ในเวลาเพียงล้านปี วิถีเข่นฆ่าของเขาก็บรรลุถึงระดับยอดสุดแล้ว
แน่นอนว่านอกจากรับรู้ระบบอื่นแล้ว
อย่างวิชาลับผู้ท่องที่สำคัญยิ่งกว่า เขาก็มิได้ย่อหย่อนแต่อย่างใด และนี่ก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องหลบเข้าไปบำเพ็ญในโลกคูหาสวรรค์ การบำเพ็ญวิชาลับผู้ท่องแต่ละครั้ง สิ่งที่ปรับเปลี่ยนก็คือพลังของอากาศอันสับสนอลหม่าน เมื่อถูกพบเข้า ก็จะยุ่งยากแล้ว! หากพูดถึงระดับอันแข็งแกร่ง วิชาลับผู้ท่องนั้นอยู่เหนือกว่าระบบอื่นทั้งปวง เพราะถึงอย่างไรเมื่อเพิ่งจะฝึกจนเข้าที่ ในจักรวาลก็ยากมากที่จะหาผู้ถ่ายทอดได้สักคน
……
เวลาล่วงเลยไป
เนื่องจากความเร็วในการเคลื่อนของเวลาเป็นสามพันกว่าเท่าของจักรวาลบ้านเกิด บ้านเกิดเพิ่งผ่านไปไม่ถึงหมื่นปี ภายในจักรวาลคีรีมารแห่งนี้ก็ผ่านไปสามสิบล้านปีแล้ว
“ดีมาก”
“ดียิ่งนัก”
ลึกลงไปใต้ดินซึ่งเป็นที่พำนักของตงป๋อเสวี่ยอิงบนดวงดาราแห่งนี้ ดวงตาทั้งคู่ของท่านชายสาม ‘เจียวอวิ๋นหลิว’ กำลังมองตรงไปที่พืชสีดำตรงหน้าด้วยสายตาร้อนรุ่ม ผลไม้สามผลบนต้นพืชสีดำได้กลายเป็นสีดำขลับไปแล้ว มันดูเหมือนจะธรรมดาสามัญ ไม่มีความพิเศษอันใดแม้แต่น้อย แต่ทันใดนั้นใบของพืชสีดำก็ค่อยๆ เริ่มเหี่ยวเฉาไป
“ยินดีกับท่านชายขอรับ ยินดีกับท่านชายขอรับ บัดนี้ผลวิเศษมารดำสุกงอมแล้ว ท่านชายจะต้องบรรลุถึงขั้นผู้ปกครองได้อย่างรวดเร็วแน่” ด้านข้างมีองครักษ์ทั้งหมดสี่นาย แต่ละนายล้วนตื่นเต้นเป็นอันมาก
“ฮ่าฮ่าฮ่า…พอข้าก้าวเข้าสู่ขั้นผู้ปกครอง ก็จะแตกต่างไปโดยสิ้นเชิงแล้ว” เจียวอวิ๋นหลิวยากที่จะปกปิดรอยยิ้มเอาไว้ จากนั้นเขาก็ยื่นมือออกไป ค่ายกลซึ่งมีพืชสีดำปกคลุมเอาไว้ในตอนแรกก็สลายหายไป เขายื่นมือออกไปแล้ววางเอาไว้ใต้ผลไม้ทั้งสามลูกนั้น แล้วใบไม้ก็เหี่ยวเฉาไปต่อหน้าต่อตา ในที่สุด…แปะ แปะ แปะ ผลไม้สีดำสามลูกร่วงลงมาอยู่ในมือของท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวเอง
ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวเผยสีหน้ายินดีออกมา เขาหยิบขวดสีทองขวดหนึ่งออกมาก่อน แล้ววางผลไม้สีดำสามลูกเข้าไป
“ได้มาไว้ในมือแล้ว”
ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวจับขวดสีทองเอาไว้ นัยน์ตามีแววคมกริบกะพริบวาบผ่าน
เขาดูแลมันและจำศีลมานานปี และได้ทุ่มเทเพื่อผลวิเศษมารดำนี้มากมายเกินไปแล้ว จนบัดนี้มันสุกงอมและมาอยู่ในมือเขาแล้ว
“ตาข้ากลับตัวบ้างแล้ว!” เจียวอวิ๋นหลิวพึมพำ จากนั้นก็หมุนกายเดินออกไปข้างนอก “ไป”
เขารอไม่ไหวแล้ว
ตอนนี้เขาจะเริ่มฝึกฝนแล้ว