Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 9
จักรพรรดิเทพมารแดงซึ่งอยู่กลางอากาศมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง และรู้สึกว่าน่าสนุกยิ่งขึ้นไปอีก “หนุ่มน้อย ก็เพราะเจ้าไม่เคยสู้กับผู้ปกครองมาก่อนนี่แหละ เจ้าจึงกล้าท้าทายข้า อีกประเดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เองว่า การท้าทายผู้ปกครองคนหนึ่งเป็นเรื่องโง่งมเพียงใด”
“จักรพรรดิเทพมารแดง ฆ่าเขาเสีย” ท่านชายใหญ่เจียวอวิ๋นเถิงที่อยู่ด้านข้างคำรามเสียงต่ำ “ฆ่าเขาเสีย”
“จักรพรรดิเทพ จะให้เขาตายง่ายๆ ไม่ได้หรอก ดูสิว่าเขาจะกล้าโอหังอีกหรือไม่” ฉาอวิ๋นหนงคนทรยศซึ่งเพิ่งจะหันไปสวามิภักดิ์ต่อท่านชายใหญ่ตะโกนสวนขึ้นมา ทำให้เหล่าองครักษ์คนอื่นๆ ของท่านชายใหญ่ฟังแล้วลอบบ่นขึ้นมาในใจ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูก็ต้องสังหารให้ตาย แต่พลังอันแข็งแกร่งของตงป๋อเสวี่ยอิง ต่อให้ร่างแยกถูกสังหารไป ทุกคนก็ยังยอมรับนับถือจากก้นบึ้งของหัวใจ
ต่อให้เขาโอหัง ก็เพราะดาบีพอที่จะโอหัง จักรพรรดิเทพมีคุณสมบัติพอที่จะสั่งสอนได้ คนทรยศอย่างเจ้าคนหนึ่งจะแหกปากหาอะไรกันเล่า
“ประมือกับผู้ปกครองหรือ” ทางฝั่งท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวแต่ละคนกลับตึงเครียดเป็นอันมาก เหล่าองครักษ์เช่นซานตาน องครักษ์ฉงและคนอื่นๆ ต่างพากันกังวลใจ แม้ก่อนหน้านี้จะได้เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงอานุภาพอันเกรียงไกรออกมา พวกเขาก็ยังไม่มั่นใจสักเท่าใดนัก
มีเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงเองเท่านั้นที่มีแววรบสูงเทียมฟ้า
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าบรรดาผู้ปกครองล้วนสร้างบริเวณกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองด้วยกันทั้งสิ้น” จักรพรรดิเทพมารแดงกล่าว ร่างกายของเขาเริ่มปลดปล่อยรัศมีอันเรืองรองออกมา รัศมีนั้นส่องสะท้อนไปรอบด้าน ปกคลุมไปทั่วบริเวณนับพันเมตร
“นี่คือบริเวณของข้า…”
ทันใดนั้นเค้าร่างของเขาก็ขยับไหวแล้วบีบเข้าไปใกล้ตงป๋อเสวี่ยอิงทันที ตาข้างเดียวดวงนั้นของเขาจ้องตงป๋อเสวี่ยอิงเขม็ง ระยะห่างระหว่างกันถือว่าใกล้มากแล้ว บริเวณที่เขาปลดปล่อยออกมาก็เข้าปกคลุมตงป๋อเสวี่ยอิงเอาไว้ “บริเวณ…กระจายตัว!”
“ฟึ่บๆๆ…”
ทุกสิ่งภายในบริเวณของเขาเริ่มแตกสลาย ไม่ว่าจะเป็นอากาศหรือดินโคลนบนพื้นล้วนเริ่มกระจายตัวออก
พลังกระจายตัวของกฎเกณฑ์ระลอกหนึ่งส่งผลต่อร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิง จักรพรรดิเทพมารแดงมองดูด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แต่ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป เพราะเมื่อพลังกระจายตัวอันไร้รูปร่างนี้ปกคลุมลงบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ก็เหมือนกับเหนี่ยวนำเอาพลังที่แท้จริงอันน่าหวาดหวั่นของตงป๋อเสวี่ยอิงซึ่งเก็บซ่อนไว้ออกมา “ตู้ม!” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืนอยู่ตรงนั้น กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นพลันปะทุออกมา ทุกสิ่งรอบด้านเริ่มบิดเบือนไป คลื่นสีเทาอันไร้รูปร่างแผ่คลุมรอบด้าน แล้วทำลายพลังกระจายตัวลงไปอย่างง่ายดาย ก่อนจะเริ่มปะทะเข้ากับรัศมีอันเรืองรองที่จักรพรรดิเทพมารแดงปลดปล่อยออกมา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ระลอกคลื่นสีเทาที่ปลดปล่อยออกมาจากผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิงปะทะเข้ากับรัศมีอันเรืองรองที่แผ่ออกมาจากร่างของจักรพรรดิเทพมารแดงอย่างรุนแรงเสียงดังสนั่น บริเวณของตงป๋อเสวี่ยอิงเป็นรองกว่าเล็กน้อย
“อะไรกัน!”
“บริเวณกฎเกณฑ์หรือ”
“เขาก็มีบริเวณกฎเกณฑ์ด้วยหรือ”
ท่านชายใหญ่เจียวอวิ๋นเถิง ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวและเหล่าองครักษ์คนอื่นๆ ที่ชมการต่อสู้อยู่พากันตกตะลึงไป แม้แต่จักรพรรดิเทพมารแดงก็ยังมีสีหน้าตื่นตกใจ
“เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเขาเป็นผู้เคารพ” เหล่าองครักษ์ของทั้งสองฝ่ายตะลึงงันไปหมด
“ร่างกายของเขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว แข็งแกร่งเสียจนก่อให้เกิดบริเวณกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองตามธรรมชาติเลยทีเดียว” ท่านชายใหญ่เจียวอวิ๋นเถิงมองตงป๋อเสวี่ยอิงด้วยสายตาเย็นชา ปากก็พูดต่อไปว่า “ผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งอย่างยิ่ง เช่นระบบกฎเกณฑ์ของลัทธิจอมมารดา หรือระบบกฎเกณฑ์พลรบที่แข็งแกร่งที่สุด …ตามบันทึกประวัติศาสตร์ ก็มีผู้เคารพที่ยอดเยี่ยมเป็นอันมาก ในช่วงผู้เคารพนั้นร่างกายแข็งแกร่งอย่างยิ่ง จึงก่อกำเนิดบริเวณกฎเกณฑ์ขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย”
……
จักรพรรดิเทพมารแดงมองตงป๋อเสวี่ยอิง ในดวงตาข้างเดียวนั้นฉายแววแตกตื่นระคนตกใจ “ระดับผู้เคารพ ร่างกายของเจ้าก็สามารถก่อให้เกิดบริเวณกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองตามธรรมชาติแล้ว! นับถือๆ เกรงว่าหากพูดถึงความแข็งแกร่งของร่างกายแล้ว ข้าก็คงจะสู้เจ้าไม่ได้”
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม
อันที่จริงอย่างผู้รักษากฎทิพย์ของลัทธิจอมมารดาก็สามารถปลดปล่อยระลอกคลื่นอันไร้รูปร่างออกมาได้แล้ว นั่นนับได้ว่าเป็นบริเวณกฎเกณฑ์ขนาดเล็กแล้ว ส่วนระบบผู้ท่องอากาศนั้นไม่เหมือนกัน ตนฝึกมาโดยตลอดจนถึงชั้นที่หก หากพูดถึงความแข็งแกร่งของกายหยาบเพียงอย่างเดียว คาดว่าคงจะสามารถเทียบได้กับเจ้าลัทธิของลัทธิจอมมารดาซึ่งเพิ่งจะบรรลุ การควบคุมร่างกายที่มีต่ออากาศรอบด้านจึงก่อให้เกิดบริเวณกฎเกณฑ์ขึ้นมาในที่สุด! บริเวณกฎเกณฑ์ของตน…ค่อนไปทางด้านอากาศ
ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่มีความหยิ่งผยองเลยแม้แต่น้อย
เช่นประมุขเกาะกาลมิติและเจ้าแม่กานเหอ หากพูดถึงร่างกายของพวกเขา เกรงว่าคงจะสู้ผู้รักษากฎทิพย์ลัทธิจอมมารดามิได้ แต่ด้วยข้อได้เปรียบอย่างมหาศาลทางด้านกฎเกณฑ์ ทำให้พวกเขาสามารถสังหารผู้รักษากฎทิพย์ได้อย่างง่ายดาย
ด้วยเหตุผลอย่างเดียวกัน…
แม้จักรพรรดิเทพมารแดงตรงหน้าผู้นี้จะมีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าตน แต่สิ่งที่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญมิใช่กายหยาบ ตามข้อมูลที่ท่านชายสามมอบให้ สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของอีกฝ่ายก็คือตาข้างเดียวนั่นเอง!
“จักรพรรดิเทพมารแดง สำหรับพวกเราแล้ว แค่บริเวณกฎเกณฑ์อันหนึ่งไม่ส่งผลกระทบอันใดหรอก สำแดงพลังที่แท้จริงออกมาเสียเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกมือคราหนึ่ง ในมือก็มีหอกยาวสีเงินเล่มนั้นปรากฏขึ้น
“ข้าเห็นดีในตัวเจ้ามากจนไม่อยากจะฆ่าเจ้าเลย แต่ในเมื่อเจ้าอยากรนหาที่ตายเอง…” จักรพรรดิเทพมารแดงส่ายหน้า เขายินดีที่จะผูกสัมพันธ์กับคนที่สามารถสร้างบริเวณกฎเกณฑ์ขึ้นมาได้ตั้งแต่ยังเป็นผู้เคารพ ทว่าครั้งนี้ต้องเอาผลวิเศษมารดำมาให้ได้ อีกฝ่ายก็ไม่รู้ว่าควรรุกหรือถอยเมื่อใด “เช่นนั้นก็ไม่มีหนทางอื่นแล้ว”
วิ้งๆๆๆๆๆ!
ตาข้างเดียวของจักรพรรดิเทพมารแดงปลดปล่อยรัศมีออกไป ร่างกายก็พลันกลายเป็นเลือนรางไปในทันใด รอบด้านเริ่มปรากฏเป็นเงาร่างของจักรพรรดิเทพมารแดงร่างแล้วร่างเล่า
จักรพรรดิเทพมารแดงนับร้อยคนกระจายตัวอยู่ทั่วทุกทิศทุกทางบนฟากฟ้าและเหนือผิวดิน แล้วห่อหุ้มตงป๋อเสวี่ยอิง เอาไว้อย่างสิ้นเชิง แต่ละคนล้วนมองตงป๋อเสวี่ยอิง
“ลงมือแล้ว”
“จักรพรรดิเทพมารแดงสำแดงท่าไม้ตายออกมาแล้ว”
“ร่างแปรจำนวนมากมายถึงเพียงนี้ จะโจมตีอย่างไรเล่า หาร่างจริงไม่พบเลย! อีกทั้งร่างแปรแต่ละร่างยังมีพลังแข็งแกร่งยิ่งนัก”
เหล่าองครักษ์ของทั้งสองฝ่ายและท่านชายทั้งสองชมการต่อสู้ด้วยความตื่นเต้น
……
“มาแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับมีแววสงครามสูงเสียดฟ้า รายงานของท่านชายสามบันทึกเอาไว้ละเอียดมากว่า เท่าที่เขาทราบ กระบวนท่าของจักรพรรดิเทพมารแดงที่มีชื่อเสียงและร้ายกาจที่สุดก็คือกระบวนท่านี้…ร่างแปรนั่นเอง! ร่างจริงสามารถสับเปลี่ยนในหมู่ร่างแปรได้ อีกทั้งพลังรบของร่างแปรก็ห่างชั้นกับผู้เคารพทั่วไปมากนัก ลำพังแค่ข้อได้เปรียบเรื่องจำนวนก็ทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังแล้ว
“ตายเสียเถอะ!” เงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงกะพริบวาบ พละกำลังและความเร็วของผู้ท่องอากาศปะทุออกมาจนสิ้น ทำให้จักรพรรดิเทพมารแดงตระหนกตกใจขึ้นมา จากนั้นเขาก็แอบหัวเราะเยาะอย่างสงบนิ่ง “พวกผู้ที่มีร่างกายแข็งแกร่งพรรค์นี้ ต่อสู้ได้แค่ไม่กี่กระบวนท่าเท่านั้น ค่อนข้างโง่งม โจมตีให้พ่ายแพ้ได้ง่ายดายนัก”
“แคว่ก!”
อากาศถูกตัดเฉือน
หอกยาวสีเงินทิ้งร่องรอยสายแล้วสายเล่าเอาไว้กลางอากาศโดยรอบ และเชือดเฉือนตามอำเภอใจ กวาดไปทั่วสารทิศอย่างบ้าคลั่ง บรรดาร่างแปรทั้งหลายของจักรพรรดิเทพมารแดงต่างก็ถือดาบรบสีดำเล่มใหญ่เข้ามาล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
แต่ ปังๆๆๆ…
ร่างแปรแต่ละร่างบ้างก็ถูกหอกยาวเฉือนออกเป็นสองซีก บ้างก็แทงทะลุร่างกายไป
ช่างเป็นการกดดันจริงๆ
“วิถีหอกร้ายกาจนัก” ร่างจริงของจักรพรรดิเทพมารแดงซึ่งอยู่ท่ามกลางร่างแปรทั้งหลายซ่อนตัวอยู่ค่อนข้างห่างจากตงป๋อเสวี่ยอิงมาโดยตลอดพลางลอบมองดู ขณะเดียวกันสีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปรไป “การต่อสู้ของเขาไม่โง่งมเลยแม้แต่น้อย ระดับความพิสดารของวิถีหอกของเขาทำเอาข้ามองไม่ออกเลย”
ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์บรรลุถึงขีดจำกัดขั้นสุดของวิถีเข่นฆ่า ขาดเพียงแค่ก้าวสุดท้าย วิถีเข่นฆ่าก็จะสมบูรณ์แบบตลอดนิรันดร์กาลได้! วิถีหอกที่มีระดับขั้นเช่นนี้จะสกัดกั้นได้ง่ายๆ ถึงเพียงนั้นเสียที่ไหนกันเล่า
หากร่างจริงของเขาเข้าไปขัดขวางก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง แต่แค่ร่างแปรเพียงร่างหนึ่งน่ะหรือ ถ้าร่างแปรต่อสู้กับผู้เคารพทั่วไปก็แล้วไปเถิด แต่จะต่อกรกับตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยังห่างชั้นนัก!
“น่าเสียดายที่ข้ามีจำนวนมากกว่า!”
“พอแล้ว ไม่เล่นแล้ว ฆ่าเขาเสีย”
ร่างแปรของจักรพรรดิเทพมารแดงตายจากไปทีละร่างๆ แต่กลับมีร่างแปรใหม่ถือกำเนิดขึ้นอีก จำนวนรวมของร่างแปรมิได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้น…ร่างแปรทั้งหมดก็พรั่งพรูเข้าไปอย่างบ้าคลั่ง เพราะถึงอย่างไรตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีหอกเพียงเล่มเดียวเท่านั้น จะสังหารร่างแปรทั้งหมดทิ้งได้อย่างไรกันเล่า
“ฟึ่บ”
มีร่างแปรสองร่างที่มิอาจต้านทานได้ ร่างหนึ่งในจำนวนนั้นสลับมาเป็นร่างจริงในทันใด
ประกายดาบกลายเป็นเยียบเย็นขึ้นมา ก่อนจะวาดผ่านร่างกายของพวกเขาไป ราวกับเชือดเฉือนผ่านอากาศอันว่างเปล่าอย่างไรอย่างนั้น!
สีหน้าของตงป๋อเสวี่ยอิงเปลี่ยนแปรไปเล็กน้อย
“ฟึ่บ!”
เมื่อถึงคราวคับขัน ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ซ่อนตัวอยู่ในฟ้าดินโลกเทียม แต่ก็ยังคงถูกเชือดไปดาบหนึ่ง ทำเอาอาภรณ์ที่ท่านชายสามมอบให้เสียหายไป และทิ้งรอยสีขาวเอาไว้บนผิวหนัง
ฟึ่บๆๆ…
ร่างแปรทั้งหลายล้อมโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงถูกฟันครั้งแล้วครั้งเล่า!
ส่วนวิถีหอกที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงออกไปสังหารร่างแปรครั้งแล้วครั้งเล่ากลับมิได้กระทบถูกร่างจริงเลย
“ทุกครั้งที่ออกกระบวนท่าก็หลบหลีกไปได้ทันควัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบร่ำร้องในใจ “เห็นทีอาศัยแค่ร่างกายอย่างเดียว คิดจะเอาชนะก็ยังห่างไกลนัก”
“เคล็ดลับอันแข็งแกร่งที่สุดซึ่งข้าสู้อุตส่าห์ปรับปรุงให้สมบูรณ์มาสามสิบล้านปี ให้ผู้ปกครองท่านนี้ได้ลิ้มลองเสียหน่อยเถอะ”