Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 19
“ไว้ชีวิตด้วยเถิด ผู้อาวุโสไว้ชีวิตด้วยเถิด ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิดขอรับ” กู่กานหลัววิงวอนโดยไม่มีความคิดที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย แม้เขาจะรู้สึกหวาดหวั่น แต่ก็ยังคงมีความหวัง ในสายตาของเขา หากจะฆ่าเขา เกรงว่าคงจะฆ่าไปตั้งนานแล้ว ปล่อยเขาเอาไว้จนถึงตอนนี้ เป็นไปได้มากว่าจะเหลือทางรอดไว้ให้เขาสักสายหนึ่ง และก็เป็นไปได้เช่นกันว่าอีกฝ่ายรู้จัก ‘องค์บรรพชนกู่’ ท่านอาจารย์ของเขา
ถึงอย่างไรองค์บรรพชนกู่นั้นก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่บำเพ็ญจนถึงขีดสุดท่านหนึ่ง สถานะและอิทธิพลล้วนสูงส่งอย่างยิ่ง สุนัขป่าสีดำตรงหน้าตัวนี้คงจะคร้ามเกรงท่านอาจารย์ของตนอยู่บ้าง
“ไว้ชีวิตรึ”
กรงเล็บของสุนัขป่าสีดำคว้ากู่กานหลัวเอาไว้ หัวสุนัขนั้นเอียงคอมองเขา “แฮ่…เจ้าโง่นี่ มาหลับใหลอยู่ภายในจักรวาลนี้มาตั้งหลายยุค ข้าก็ยังพอจะทำเหมือนเจ้าไม่มีตัวตนได้ เจ้าห้ำหั่นกับพวกคมมีดโลหิตยกหนึ่งแล้วหนีไปก็แล้วไปเถิด แต่ตอนที่หนีไปกลับคิดจะทำลายล้างจักรวาลที่นายท่านของข้าสร้างขึ้นมาให้เกลี้ยง ทำลายล้างยุคจักรวาลนี้น่ะหรือ เจ้านี่ช่างรนหาที่ตายเองจริงๆ!”
กู่กานหลัวฟังแล้วหัวใจก็หวาดหวั่นขึ้นมา แต่จากนั้นก็อึดอัดใจจนต้องพูดขึ้นอย่างอดมิได้ว่า “ผู้อาวุโส นายท่านของท่านเป็นผู้สร้างจักรวาลนี้ขึ้นมาหรือ”
อย่าว่าแต่กู่กานหลัวเลย แม้แต่เหล่าผู้ปกครองซึ่งอยู่ในที่นั้น เช่นผางอี ประมุขเกาะกาลมิติ ประมุขตำหนักหมื่นเทพ บรรพชนหุบเหวลึกและเจ้าแม่กานเหอต่างพากันเผยสีหน้าหวาดหวั่นออกมา
ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็ลอบรำพึงในใจ เห็นทีผู้ที่รู้ว่า ‘บรรพชนเทียนอวี๋เป็นผู้สร้างจักรวาล’ นี้ขึ้นมายังคงมีน้อยนัก ตนก็รู้เรื่องนี้ตอนที่พบกับผู้ท่องอากาศกู่ฉีนั่นเอง…เมื่อตนเข้าไปในสถานที่แรกเริ่ม เพิ่งเริ่มต้นก็ถือว่าเจ้าของสถานที่แรกเริ่มเป็นยอดฝีมือผู้เร้นลับคนหนึ่งแล้ว แต่มิได้ตระหนักเลยว่าอีกฝ่ายเป็นผู้สร้างจักรวาลแห่งนี้ขึ้นมา ตนผ่านการทดสอบขั้นบุกเบิกและได้เข้าไปในกระท่อมฟาง แล้วพบกับเงาร่างของบรรพชนเทียนอวี๋ บรรพชนเทียนอวี๋จึงได้บอกว่าเป็นผู้สร้างจักรวาลแห่งนี้ขึ้นมาเอง
คนที่รู้ว่าบรรพชนเทียนอวี๋เป็นผู้สร้างจักรวาลแห่งนี้ขึ้นมานั้นมีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย!
สุนัขป่าสีดำและชายชราผมขาวในสถานที่แรกเริ่มต่างก็รู้…แต่พวกเขาไม่พูด! ผู้ท่องอากาศกู่ฉีก็รู้ แต่ก็แค่บอกให้ผู้สืบทอดเช่นเขาคนนี้ล่วงรู้เท่านั้น คาดว่าผู้ที่ผ่านจอมกระบี่แห่งเกาะใจกลางทะเลสาบการทดสอบขั้นบุกเบิกทั้งหลายในประวัติศาสตร์แต่ละคนก็คงจะรู้เช่นกัน แต่เรื่องที่เป็นความลับเช่นนี้ พวกเขาก็มิอาจบอกกับคนรุ่นหลังทั้งหลายได้ง่ายๆ หากพลังอ่อนแอ รู้ไปก็ไร้ประโยชน์!
“เอ๊ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปรอบด้านแวบหนึ่ง “ท่านอาจารย์ของข้าและประมุขหยวนชู สองท่านนั้นก็คล้ายว่าจะทราบแล้วหรือ”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตมองตงป๋อเสวี่ยอิงซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนจะยิ้มพลางถ่ายเสียงพูดว่า “เสวี่ยอิง คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจ้าจะสำเร็จเป็นศิษย์ของวังทวีสูญ” ก่อนหน้านี้จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็รู้ว่าจักรวาลแห่งนี้สร้างขึ้นโดยบรรพชนเทียนอวี๋ ทว่า ‘วังทวีสูญ’ เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลที่จักรวาลส่งถ่ายตรงเข้ามาสู่ห้วงสมองของเขาหลังจากสำเร็จเป็นเทพอากาศแล้ว ในจำนวนนั้นก็มีข้อมูลของวังทวีสูญอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งยังมีข้อมูลของโลกทิพย์ทั้งห้าอยู่ด้วย และยังมีภาพเส้นทางไปยัง ‘โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา’ และอื่นๆ ด้วย
“ต้องผ่านการทดสอบขั้นบุกเบิกในสถานที่แรกเริ่มจึงจะกลายเป็นศิษย์ของวังทวีสูญได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงพูด
“ท่านบรรพชนเป็นบรรพชนต้นตระกูลของพวกเราในจักรวาลแห่งนี้ พวกเราก็ย่อมเป็นส่วนหนึ่งของวังทวีสูญเป็นธรรมดา” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพยักหน้า
……
ทางฝ่ายพวกเขานั้นรู้สึกสบายใจมาก
กู่กานหลัวกลับตื่นตระหนกเหลือแสน นายท่านหรือ สิ่งมีชีวิตระดับนี้จะยินยอมเป็นบ่าวรับใช้ได้อย่างไรกัน ทั้งยังอยู่ในจักรวาลแห่งนี้มายาวนานถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน นี่ไม่เท่ากับว่าถูกจองจำอยู่ในคุกหรือไร เขารู้ซึ้งถึงพลังของสุนัขป่าสีดำตรงหน้าตัวนี้เป็นอย่างดี หากอยู่ในโลกภายนอกย่อมสามารถเป็นท่านบรรพชนของฝ่ายหนึ่งได้อย่างแน่นอน เกรงว่าคงจะมีเพียงสิ่งมีชีวิตที่การบำเพ็ญบรรลุถึงระดับขั้นสุดเท่านั้น จึงมีคุณสมบัติพอจะทำให้พวกเขายอมก้มหัวได้ แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ผู้แกร่งกล้าก็มีความหยิ่งทระนงในตนเอง เมื่อถึงระดับนี้แล้ว คงจะมีเพียงไม่กี่คนที่ยอมเป็นบ่าวรับใช้!
ต่อให้แปลกพิกลจริงๆ พลังอันน่าหวาดหวั่นเช่นนี้ก็ยังยินดีเป็นบ่าวได้ แต่โดยทั่วไปก็มักจะต้องมีความปรารถนาที่มากกว่านี้ ไม่มีทางป้องกันอยู่ภายในจักรวาลแห่งเดียวอย่างยาวนานได้! ภายในจักรวาลไหนเลยจะมียอดฝีมือที่แข็งแกร่งอย่างยิ่ง สำหรับพลังแล้วก็ไม่มีส่วนช่วยในการขัดเกลาแต่อย่างใด เมื่ออยู่ที่นี่ก็เท่ากับถูกขังคุก
ดังนั้นจึงมีคำตอบเพียงอย่างเดียวก็คือสามารถจัดการได้
“สุนัขป่าสีดำตัวนี้มิใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริง คงจะเป็นสิ่งมีชีวิตหุ่นเชิดที่ถูกหลอมขึ้นมา” กู่กานหลัวพูดพึมพำ เพราะว่ามิใช่สิ่งมีชีวิตที่แท้จริง ดังนั้นจึงเชื่อฟังคำสั่งของเจ้านายอย่างเต็มที่
“แต่ว่า…” กู่กานหลัวคิดถึงตรงนี้ก็ยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปใหญ่
สิ่งมีชีวิตที่บำเพ็ญจนถึงขั้นสุด สามารถหลอมหุ่นเชิดที่น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ขึ้นมาได้ก็มีน้อยเสียจนยกนิ้วนับได้! เพราะมิใช่ว่าทุกคนจะเชี่ยวชาญทางด้านการหลอมไปเสียหมด เช่นบรรพชนเทียนอวี๋…เป็นถึงสิ่งมีชีวิตซึ่งบรรลุถึงขั้นสุดในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ก็เชี่ยวชาญด้านการหลอมเช่นกัน ส่วนระบบลัทธิจอมมารดาหรือระบบผู้ท่องอากาศนั้น…ด้านการหลอมก็ด้อยกว่ามากทีเดียว!
“การหลอมหุ่นเชิดที่ใกล้เคียงกับ ‘ขั้นอลวน’ ของอากาศนั้น ยากกว่าการสร้างจักรวาลแห่งหนึ่งขึ้นมามากนัก ทุ่มเทอะไรไปมากมายถึงเพียงนั้นเพื่อหลอมหุ่นเชิดพรรค์นี้ขึ้นมาแล้วทิ้งขว้างเอาไว้ในจักรวาลแห่งหนึ่งเช่นนี้น่ะหรือ” กู่กานหลัวรู้สึกว่าบ้าไปแล้ว
เข้าไปในจักรวาลแห่งหนึ่ง
จักรวาลนี้ถูกสร้างขึ้นมา! เรื่องนี้ก็แล้วไปเถิด แต่ภายในจักรวาลนี้กลับยังมีหุ่นเชิดอันน่าหวาดหวั่นตนหนึ่งถูกหลอมขึ้นมาด้วยหรือนี่
“สิ่งมีชีวิตที่สร้างจักรวาลนี้ขึ้นมาตัดใจได้อย่างไรกัน” กู่กานหลัวมิอาจทำใจเชื่อได้ หากเป็น ‘องค์บรรพชนกู่’ ท่านอาจารย์ของเขามีผู้ใต้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ก็จะต้องเอาไว้ข้างกายอย่างแน่นอน มีเรื่องราวมากมายที่สามารถมอบหมายให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเช่นนี้ไปทำได้ เพราะพวกเขาซื่อสัตย์ภักดีอย่างแน่นอนพลังก็แข็งแกร่งพอตัวด้วย
แต่บรรพชนเทียนอวี๋กลับทิ้งสุนัขป่าสีดำตัวนี้เอาไว้ที่นี่เสียแล้ว!
……
“เดิมทีจะไม่ตายก็ได้ แต่เจ้ากลับรนหาที่ตายเอง แน่นอนว่าข้าต้องทำให้เจ้าสมปรารถนา คมมีดโลหิต ตงป๋อ คนหนุ่มอย่างพวกเจ้าคงไม่มีความเห็นแย้งอันใดกระมัง หากไม่มีข้าก็จะกินเขาแล้ว” สุนัขป่าสีดำมองไปทางกลุ่มคนด้านข้างรวมทั้งตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงและจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตต่างก็พยักหน้า
ไม่มีความเห็นหรอก! แต่ละคนล้วนต้องการจะสังหารกู่กานหลัวจึงจะมีความสุขได้
“กินข้าหรือ” กู่กานหลัวตกใจจนถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์ความคิด เขามองไปยังสุนัขป่าสีดำตรงหน้าแล้วขอร้องว่า “ผู้อาวุโส ผู้อาวุโส ไว้ชีวิตด้วยเถิด ไว้ชีวิตข้าสักครั้งหนึ่งเถิด”
“แฮ่ๆ…” สุนัขป่าสีดำกลับคำรามออกมาสองครั้ง มันจงใจแสยะยิ้ม เผยให้เห็นฟันสีขาวปานหิมะ พูดพลางกรงเล็บก็คว้าตัวกู่กานหลัวแล้วยัดเข้าปากไปอย่างเชื่องช้า
กู่กานหลัวเห็นเข้าก็ร้อนใจขึ้นมา “ข้า ข้าคือศิษย์ในสำนักขององค์บรรพชนกู่! ข้าคือบุตรทิพย์คนที่เจ็ด สังหารข้ามิได้นะ หากท่านสังหารข้า องค์บรรพชนกู่ไม่มีทางปล่อยท่านไปแน่”
“องค์บรรพชนกู่รึ” สุนัขป่าสีดำชะงักแล้วเบ้ปาก “วังทวีสูญของข้าจะไปกลัวโครงกระดูกชรานั่นได้อย่างไรกัน หากเก่งจริงก็ให้เขามาวัดกำลังกับเจ้านายของข้าเสียหน่อยปะไร”
สิ่งมีชีวิตที่บำเพ็ญจนถึงขั้นสุด พลังก็มีระดับสูงต่ำแตกต่างกันไป
บรรพชนเทียนอวี๋ก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดหวั่นมาก องค์บรรพชนกู่น่ะหรือ บรรพชนเทียนอวี๋นั้นไม่แยแสเลยจริงๆ
“เฮอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ไกลออกไปฟังแล้วก็ลอบส่ายหน้า ตอนแรกบรรพชนเทียนอวี๋ก็ไม่แยแสองค์บรรพชนกู่เพียงคนเดียว บัดนี้วังทวีสูญของตนมีสิ่งมีชีวิตอยู่ถึงสองท่าน…ได้แก่บรรพชนเทียนอวี๋และจอมกระบี่แห่งเกาะใจกลางทะเลสาบ! บัดนี้ความแข็งแกร่งของขุมอำนาจใช่สิ่งที่องค์บรรพชนกู่แห่งเขตหนึ่งๆ จะมาเทียบเทียมได้ด้วยหรือไร นอกจากนี้บรรพชนเทียนอวี๋ยังมีชื่อเสียงเรื่องการปกป้องคนของตนเอง เป็นผู้ที่ใส่ใจศิษย์และชนรุ่นหลังมากเกินไป ดังนั้นจึงได้หลอมสุนัขป่าสีดำเอาไว้ภายในจักรวาลที่สร้างขึ้นมาเพื่อคุ้มกันโดยไม่เสียดายอะไรทั้งสิ้น!
“ท่าน ท่าน…” กู่กานหลัวก็รู้จักชื่อเสียงของวังทวีสูญดี เขาอดร้อนใจขึ้นมามิได้ “ท่านจะสังหารข้า ไยไม่สังหารข้าเสียเลยเล่า ยังจับข้าทั้งเป็น แล้วตอนนี้ก็จะสังหารข้าอีกอย่างนั้นหรือ”
“ข้าจับเจ้ามาทั้งเป็น ก็เพื่อจะดุด่าเจ้าเสียหน่อย จากนั้นค่อยปล่อยให้เจ้าตายไปท่ามกลางความสิ้นหวังและความหวาดหวั่น” ฟันของสุนัขป่าสีดำทั้งคมกริบ ทั้งขาวเต็มปากไปหมด
กู่กานหลัวตะลึงงันไป
จับมาทั้งเป็นเพื่อจะดุด่าเขาอย่างนั้นหรือ เพื่อจะทำให้เขาหวาดหวั่นยิ่งขึ้นน่ะหรือ นี่มัน…
“ตายเสียเถอะ” สุนัขป่าสีดำยังคงจับตัวกู่กานหลัวเอาไว้อย่างเชื่องช้า กู่กานหลัวดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่อานุภาพอันไร้รูปร่างก็เข้าปกคลุมเขาเอาไว้ เขามิอาจต้านทานได้เลย ทำได้เพียงมองดูปากใหญ่โตนั้นเข้าใกล้เขามากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความสิ้นหวัง
“ฟิ้ว”
กู่กานหลัวถูกทิ้งเข้าไปในปากแล้ว
สุนัขป่าสีดำตัวใหญ่เคี้ยวเสียงกรอบแกรบสองทีก่อนจะกลืนเขาลงท้องไป จากนั้นก็มองไปทางกลุ่มคนที่มีจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตและตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ พวกตงป๋อเสวี่ยอิงก็พูดอะไรไม่ออกอยู่บ้าง ผู้อาวุโสสุนัขป่าสีดำท่านนี้ก็ ‘ร่าเริง’ พอสมควรทีเดียว เขาจงใจสั่งสอนศัตรูเสียก่อน แล้วค่อยจัดการกับศัตรู
“แต่ละคนนมองข้าทำไมกัน” สุนัขป่าสีดำถลึงตา “หรือว่ายังต้องการเรือบินอลวนลำนั้นอีก”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต ตงป๋อเสวี่ยอิง ผางอี ผู้ครองชิงและคนอื่นๆ ต่างก็นัยน์ตาเป็นประกาย
สุนัขป่าสีดำแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ต้องการเรือบินอลวนไปก็ไร้ประโยชน์ แต่สำหรับพวกเขาแล้วก็ยังมีแรงดึงดูดมากทีเดียว
“อย่าแม้แต่จะคิด!” สุนัขป่าสีดำยิ้มหยัน “นายท่านบอกแล้วว่า เส้นทางการบำเพ็ญต้องอาศัยตนเอง! ไม่มีสิ่งใดได้มาโดยไม่ลงแรง กู่กานหลัวผู้นี้เป็นข้าที่สังหารเขา เรือบินอลวนเป็นข้าที่ชิงมา แน่นอนว่าต้องตกเป็นของข้า!”
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงอับจนคำพูด
ท่านแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เอาเรือบินอลวนลำหนึ่งไปแล้วจะมีประโยชน์หรือไร
“แน่นอนว่าเรือบินต้องเป็นของผู้อาวุโสอยู่แล้ว” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูดยิ้มๆ “ข้าและคนอื่นๆ ล้วนคิดไม่ถึงว่าจักรวาลของเรายังมีผู้อาวุโสคอยคุ้มครองด้วย หากรู้แต่เนิ่นๆ ว่าเป็นเช่นนี้ สงครามครั้งนี้ก็คงไม่ต้องสู้สุดกำลังอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้แล้ว”
“เฮอะๆ หากมิใช่เพราะกู่กานหลัวจะทำลายล้างยุคจักรวาลนี้ ข้าก็ไม่มีทางลงมือง่ายๆ หรอก” สุนัขป่าสีดำแค่นเสียงพูด “นายท่านเคยกล่าวว่า การบำเพ็ญต้องอาศัยตนเอง! สงครามกับลัทธิจอมมารดาก็เป็นการขัดเกลาพวกเจ้า หากพวกเจ้าตาย ก็เพราะมีพลังไม่พอ เนื่องจากลัทธิจอมมารดาของพวกเขาจวนใกล้จะตั้งแท่นบูชาและเปลี่ยนแปลงจักรวาลแล้วจริงๆ ข้าจึงได้ลงมือ”
“เฮอะๆ จอมมารดาช่างเหิมเกริมแท้ๆ เคราะห์ดีที่นายท่านของข้าเก่งกาจและทิ้งกลเม็ดเอาไว้เบื้องหลัง คิดจะบิดเบือนจักรวาลที่นายท่านสร้างขึ้นมาให้กลายเป็นจักรวาลลัทธิจอมมารดาของพวกเขา ช่างฝันหวานเสียจริง” สุนัขป่าสีดำยิ้มหยัน
อันที่จริงแล้ว
บรรดาสิ่งมีชีวิตที่บำเพ็ญมาถึงขั้นสุด ก็คงมีไม่กี่คนที่ทิ้งหุ่นเชิดอันน่าหวาดหวั่นซึ่งล้ำค่ากว่าจักรวาลเป็นสิบเท่าเอาไว้ภายในจักรวาลหรอก
“บำเพ็ญให้ดีๆ เสียเถิด” สุนัขป่าสีดำกวาดตามองพวกจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตและตงป๋อเสวี่ยอิงแวบหนึ่ง “ภายในจักรวาล พวกท่านได้รับการปกป้อง แต่ด้านนอกนั้นอันตรายกว่ามาก อ้อ ใช่แล้ว เรือรบของลัทธิจอมมารดาลำนั้นจะให้ข้าช่วยพวกท่านจัดการหรือไม่เล่า” สายตาของสุนัขป่าสีดำตกต้องลงบนเรือรบซวีมู่ลำนั้น นัยน์ตามีประกายสายหนึ่งปรากฏขึ้น มันชอบการเก็บรวบรวม!
“ไม่ต้องๆ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเอ่ย “ข้าใช้เวลาสักหน่อยก็สามารถจัดการได้แล้ว”
“อื้ม”
สุนัขป่าสีดำขานรับเสียงหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ หมุนกายไปช้าๆ เมื่อก้าวออกไปก้าวหนึ่งเงาร่างก็เลือนรางไป จากนั้นก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตจึงถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง เขายังคงต้องการจะได้สมบัติล้ำค่าของลัทธิจอมมารดามา เมื่อสุนัขป่าสีดำลงมือ ก็ไปอยู่กับมันเสียแล้ว
“คมมีดโลหิต เจ้าลัทธิของลัทธิจอมมารดาผู้นั้นเล่า” บรรพชนหุบเหวลึกชี้ไปทางเจ้าลัทธิซางตานซึ่งกำลังหมดสติล่องลอยอยู่กลางอากาศไกลออกไป
“ทำลายทิ้งเสียเถิด” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูดเสียงเรียบ จากนั้นก็หันไป สายตาจับอยู่ที่เรือรบซวีมู่
“ทุกท่าน บัดนี้ข้ามีเพียงร่างเดียว จึงรบกวนพวกท่านช่วยพาชาวเผ่าที่อยู่ในโบราณสถานเกาะใจกลางทะเลสาบอพยพออกมาด้วย” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูดยิ้มๆ “สงครามยุติแล้ว”
“อื้ม” พวกตงป๋อเสวี่ยอิงต่างเผยรอยยิ้มออกมา ใช่แล้ว ควรอพยพออกมาได้แล้ว
“ทว่าเมื่อผ่านเหตุการณ์ครั้งนี้ไปแล้ว ได้เห็นผู้อาวุโส ก็รู้สึกว่าพลังของพวกเราช่างอ่อนแอนัก” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตกล่าว “หลังสงครามจงตั้งใจฝึกฝนให้ดี ไม่แน่ว่ายุคจักรวาลนี้ของพวกเราอาจจะอ่อนแอกว่ายุคจักรวาลที่สามก็เป็นได้”
ผู้ครองชิง ผู้ปกครองนรกโลกันตร์ ผางอี ประมุขหยวนชู ประมุขเกาะกาลมิติและคนอื่นๆ ต่างก็เปี่ยมไปด้วยปณิธานอันแรงกล้าพวกเขาได้รับแรงกระตุ้นจากพลังของตงป๋อเสวี่ยอิง จากการบรรลุของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต จากวิกฤตที่ยุคจักรวาลจะแตกทำลาย รวมทั้งความแข็งแกร่งของสุนัขป่าสีดำ…การกระตุ้นเหล่านี้ทำให้พวกเขาอยากจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
………………………………