Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 1
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ขาวฟังภรรยาที่อยู่ข้างๆ บอกเล่าเรื่องราว เขาออกจะงุนงงอยู่บ้าง
ภรรยาจิ้งชิวเป็นเพียงแค่เทพโลกาสวรรค์สี่ชั้น เพราะมีสถานะพิเศษจึงสามารถรับรู้ข่าวสารของสงครามได้ รู้เพียงว่าสงครามนี้ปะทุขึ้นตอนที่ตนหลับใหลไปแปดหมื่นสองพันปี ถึงตอนนี้ก็ผ่านไปหนึ่งแสนปีเต็มๆ แล้ว! สงครามหนึ่งแสนปีก็ยังคงดำเนินต่อไป… ‘ผู้ปกครองคลุ้งคาวเลือด’ หนีหลัว ที่เปิดเผยตัวตนก็ตายไปแล้ว ตอนนี้ทางฝั่งจักรวาลผู้บำเพ็ญมีข้อได้เปรียบเหนือกว่ามาก แต่ก็ยังไม่สามารถขจัดลัทธิจอมมารดาอย่างราบคาบได้ในตอนนี้
“พอฟื้นขึ้นมา สงครามก็ดำเนินไปหนึ่งแสนปีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับสัมผัสเล็กน้อย “กายของร่างแยกของผู้ปกครองคลุ้งคาวเลือดหนีหลัวสูญสลายไปแล้ว ยังดีที่เหล่าผู้ปกครองคนอื่นๆ ยังมีชีวิตอยู่”
“ท่านอาจารย์”
ตงป๋อเสวี่ยอิงถ่ายเสียงผ่านเหตุปัจจัย
“เสวี่ยอิงหรือ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตที่ได้รับการถ่ายทอดเสียงทั้งตื่นตะลึงทั้งดีใจ ก่อนที่จะเกิดสงคราม เขามาเยี่ยมดูหลายครั้งหลายครา หลังจากเกิดสงครามแล้ว ถึงแม้ในใจจะเป็นห่วงลูกศิษย์ แต่ก็ต้องใช้พลังงานทั้งหมดไปกับการโต้ตอบลัทธิจอมมารดา
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเอ่ยถาม
“ไม่เป็นไรขอรับ นิทราย่อมมิได้ทำร้ายข้า ในทางตรงข้ามกลับช่วยเหลือข้าเป็นอย่างมาก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “ตอนนี้สถานการณ์สงครามเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอาจจำเป็นต้องล่าช้าสักวันสองวันแล้วค่อยเข้าร่วมการต่อสู้”
“ก็มีความวุ่นวายอยู่บ้าง แต่พวกเราก็ยังได้เปรียบอย่างสิ้นเชิง! อยากจะถอนรากถอนโคนพวกเขาจริงๆ นั้นไม่ง่ายเลย ภูมิหลังของลัทธิจอมมารดาลึกล้ำกว่าพวกเราเสียอีก ถ้าหากเจ้าสามารถมาร่วมต่อสู้ได้ก็ย่อมเป็นเรื่องดี แต่ก็ผ่านมาหนึ่งแสนปีแล้ว อีกเพียงวันสองวันคงไม่ต้องรีบร้อนหรอก เจ้าไปจัดการธุระของตัวเจ้าเองให้เสร็จสิ้นก่อนเถิด” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเอ่ยอย่างไว้วางใจ
“ขอรับ” ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อยคลายใจ
ตนก็ต้องการเวลาเตรียมตัวสักหน่อยจริงๆ
……
ชั้นในของบรรพคีรีมาร
ประตูของคูหาลอยเปิดออก ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ดำเหินทะยานออกมา ด้านหลังมีหุ่นเชิดสาวผู้นั้นติดตามอยู่
“ฝันคราหนึ่งยาวนานหกร้อยห้าสิบล้านปี” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยวาจาเสียงเบา ร่างกายร่อนลงบนทางเดินภูเขา
“การบำเพ็ญในห้วงนิทรานั้นมีประโยชน์มหาศาลต่อข้าจริงๆ แต่สำหรับข้าแล้วก็ยังเนิ่นนานเหลือเกิน ตั้งแต่เกิดมาจนถึงตอนนี้ ข้าเพิ่งจะบำเพ็ญทั้งหมดมานานเท่าใดกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเต็มไปด้วยอารมณ์ วันคืนของการบำเพ็ญในห้วงนิทราช่างน่ากลัวยิ่งนัก
ตนใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังบนพื้นดินอันแห้งแล้งว่างเปล่าผืนหนึ่ง แล้วความทรงจำก็ถูกทำให้มืดบอดไปเสียสิ้นจนตัวเองลืมไปแล้วว่าตนเป็นใคร
บนแผ่นดินอันว่างเปล่าแห่งนั้นมีเพียงตนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น มีที่พัก มีหอตำรา ตนเองได้อ่านตำราที่วางอยู่ภายในหอตำราจนหมดสิ้นแล้ว อย่างเช่นเคล็ดการบำเพ็ญของระบบการบำเพ็ญความเร้นลับของกฎเกณฑ์และระบบอื่นๆ หรือศาสตร์ลับต่างๆ อย่างจรัสยิ่งและกายทิพย์ทลายสุดขั้ว แม้แต่วิชาลับผู้ท่องก็ยังมีบันทึกเอาไว้ และยังมีตำราของบรรพคีรีมารที่ตนเคยพลิกดูอีกด้วย
ขอเพียงเป็นสิ่งที่ตนจำได้ ก็ปรากฏขึ้นมาบนแผ่นดินอันว่างเปล่าแห่งนั้นทั้งหมด
ส่วนที่ตนไม่มีความทรงจำ เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่ร่อนลงมายังแผ่นดินอันว่างเปล่า ก็ถูกบีบบังคับให้บำเพ็ญเพื่อเข้าร่วมสงคราม
การบำเพ็ญ การต่อสู้ การบำเพ็ญ การต่อสู้…วนเวียนตลอดกาลไร้ที่สิ้นสุด!
เพราะไม่มีความทรงจำ ก็ไม่มีการรบกวนจากก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่น้อย ราวกับกระดาษขาวแผ่นหนึ่ง! ก่อนจะตาย ตนก็ยกระดับการบำเพ็ญอย่างไม่หยุดหย่อน ถึงแม้ว่าจะไม่มีความทรงจำแล้ว แต่สัญชาตญาณกลับรู้สึกว่าชอบระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์มากที่สุด อาศัยระบบนี้เป็นทางเข้าแล้วเปิดทางออกสู่วิถีโลกเทียม วิถีเข่นฆ่า และวิถีระลอกคลื่นเช่นเดิม… เพราะเมื่อเทียบกันแล้วสิ่งเหล่านี้สำหรับเขาแล้วเป็นสิ่งที่ง่ายดายที่สุด เห็นได้ชัดว่าสำหรับระบบอื่นๆ นั้นกินแรงกว่ามาก
ทั้งยังฝึกฝนวิชาลับผู้ท่องควบคู่ไปด้วย!
บำเพ็ญมาตลอดทาง
ถึงแม้ว่าการบำเพ็ญในห้วงนิทรา จะได้รับอิทธิพลจากโลกแห่งความจริง ต้องเดินไปในเส้นทางเดียวกัน! แต่ความตระหนักรู้ในความเร้นลับของกฎเกณฑ์และความเข้าใจในวิธีการต่อสู้นั้น…สุดท้ายแล้วก็มิอาจเหมือนกันทุกประการได้
“บำเพ็ญในห้วงนิทราหกร้อยห้าสิบล้านปี สุดท้ายข้าก็บำเพ็ญวิชาลับผู้ท่องไปถึงขั้นที่สิบเอ็ดแล้ว กลายเป็นผู้ปกครองแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงอุทาน
วิชาลับผู้ท่องมีทั้งสิ้นหกสิบขั้น
ทุกสิบขั้นคือระดับขั้นใหญ่หนึ่งขั้น
ดังนั้นการบำเพ็ญจากขั้นที่หนึ่งจนถึงขั้นที่สิบอาจจะยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง แต่ถ้าหากค่อยๆ บำเพ็ญ ค่อยๆ สั่งสมไปอย่างช้าๆ ก็ยังสามารถสำเร็จได้ แต่ต้องการบรรลุจุดคอขวดจากขั้นที่สิบ เหยียบย่างเข้าสู่ ‘ขั้นที่สิบเอ็ด’ นั้นช่างยากเย็นเหลือแสน… เฉกเช่นเดียวกับการบรรรลุขีดจำกัดของผู้เคารพไปถึงผู้ปกครองในระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ก้าวเดียว แต่ก็เป็นการก้าวข้ามฟากฟ้าเลยทีเดียว
จะพูดเช่นนี้ก็ได้
ระดับความยากของการบรรลุขั้นที่สิบไปยังขั้นที่สิบเอ็ดนั้นมากกว่าระดับความยากของการบรรลุขั้นที่หนึ่งไปถึงขั้นที่สิบมากมายนัก เนื่องด้วยอย่างหลังนั้นเป็นเพียงแค่การค่อยๆ เพิ่มความลึกซึ้งในระดับขั้นเดียวกันเท่านั้น แต่อย่างแรกนั้นเป็นการก้าวข้ามระดับขั้นใหญ่เลยทีเดียว
“ผู้ปกครอง”
“นอกจากนี้ ยังเป็นผู้ปกครองทางสายผู้ท่องอากาศอีกด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงรำพึง ถึงแม้ว่าการบำเพ็ญในห้วงนิทราจะไปถึงระดับขั้นนั้นแล้ว แต่ในความเป็นจริงร่างกายของเขายังคงเหมือนกับก่อนการนิทรา อีกทั้งวิญญาณก็มิได้เปลี่ยนแปลง ถึงอย่างไรนั่นก็เป็น ‘โลกแห่งความฝัน’
“ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ของข้าก็ยกระดับขึ้นด้วย ปรัชญาคลื่นลมก็สำเร็จไปถึงบทที่สามแล้ว”
“แต่ว่า…”
“วิถีอากาศ วิถีเข่นฆ่า และวิถีระลอกคลื่นนั้น ดูเหมือนจะแตกต่างกับประสบการณ์ของข้าในโลกแห่งความจริงอยู่บ้าง” ในใจของตงป๋อเสวี่ยอิงสั่นไหว ความเร้นลับของกฎเกณฑ์จำนวนมากเริ่มปะทะกัน เขาสีหน้าแปรเปลี่ยน หยุดความคิดเอาไว้
เพราะการบำเพ็ญในโลกแห่งความฝัน ถึงแม้ว่าวิถีสามสายนี้จะเพียงแค่ถึงจุดคอขวด แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาก็พอจะรู้ว่าจะบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบนิรันดร์กาลได้อย่างไร
บวกกับที่เขาก็ได้รับรู้วิถีสามสายนี้ในโลกแห่งความจริง แต่ละอันยังมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง ต้องการเพียงแค่การปะทะกันครั้งหนึ่ง หลอมรวมกันครั้งหนึ่ง และการรับรู้อีกเล็กน้อย… ก็มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าจะก้าวเข้าสู่เขตแดนผู้ปกครองในทันที
“ไม่ต้องรีบบรรลุหรอก กลับบ้านเกิดก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ย
“ชั้นในของบรรพคีรีมาร…” ตงป๋อเสวี่ยอิงหันไปมองคูหาลอยแต่ละแห่งที่อยู่ไกลออกไป “ข้าเพิ่งมายังชั้นในของบรรพคีรีมารก็ต้องจากไปเสียแล้ว”
เขาไม่มีทางรั้งอยู่ที่นี่ต่อได้!
เพราะเมื่อบำเพ็ญแล้วบรรพคีรีมารสัมผัสได้ว่าตนก้าวเข้าสู่ระดับผู้ปกครอง ก็จะขับไล่ตนออกไป! ถึงอย่างไรตนก็มิใช่ผู้เคารพอีกต่อไปแล้ว จึงไม่มีทางรั้งอยู่ที่คูหาแห่งนี้ต่อไปได้อีก
นึกอยากจะเข้ามาที่บรรพคีรีมารอีกอย่างนั้นหรือ ก็ต้องทำตามกฎของผู้ปกครอง ผู้ปกครองที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดสามสิบเก้าคนแรก จึงจะสามารถเข้าสู่ชั้นนอกได้
ผู้ปกครองที่แข็งแกร่งที่สุดเก้าคน จึงจะสามารถเข้าสู่ชั้นในได้
ผู้ปกครองอันดับหนึ่ง จึงจะสามารถเข้าสู่ใจกลางได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้กระจ่างแก่ใจดีว่าถ้าหากตนบำเพ็ญวิชาลับผู้ท่องไปถึงขั้นที่สิบเก้า ขั้นที่ยี่สิบ ทำให้ระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์สมบูรณ์แบบนิรันดร์กาลทั้งหมด บางทีอาจจะสามารถประมือกับผู้ปกครองหลายคนก่อนหน้าได้
แม้กระทั่งผู้ปกครองอันดับหนึ่งก็ตาม แต่สำหรับตอนนี้เล่า คาดว่าสามารถเข้าสู่ ‘ชั้นนอกของบรรพคีรีมาร’ ได้ ก็นับว่าเดินมาไกลแล้ว
ถึงอย่างไรจักรวาลคีรีมารบวกกับจักรวาลที่เขาพิชิตมาอีกมากมายก็มีผู้ปกครองอยู่สามร้อยกว่าคน สามสิบเก้าคนที่สามารถเข้ามาได้… มีเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น! ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในสามสิบเก้าคนนี้ก็ยังต้องเป็นผู้ปกครองระดับสุดยอด
“ข้ากำลังจะบรรลุแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงหันหน้ามองไปทางหุ่นเชิดสาวที่อยู่ด้านข้าง “อีกไม่นานก็จะก้าวเข้าสู่ระดับผู้ปกครอง ดังนั้นจึงมิอาจรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปได้อีกแล้ว”
หุ่นเชิดสาวสะดุ้ง
ก้าวเข้าสู่ระดับผู้ปกครองหรือ
ในการบำเพ็ญครั้งนี้ไล่ล่าผู้เคารพมามากมายถึงเพียงนั้นก็ยังมิอาจก้าวเข้าถึงได้ เจ้านายคนใหม่ผู้นี้บำเพ็ญในห้วงนิทราเพียงครั้งแรกก็จะบรรลุถึงชั้นผู้ปกครองแล้วหรือ
“คูหาแห่งนี้ก็เก็บไว้ให้ผู้เคารพคนอื่นเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดด้วยรอยยิ้มแล้วหมุนกายจากไปในทันที
ตอนนั้นมีข่าวแพร่สะพัดภายในบรรพคีรีมารว่าอีกไม่นาน ชั้นบนสุดของจักรวาลคีรีมารและจักรวาลโดยรอบอีกจำนวนหนึ่งก็จะเปลี่ยนมือแล้ว
‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’ ผู้เคารพที่แข็งแกร่งที่สุด ที่บรรลุอย่างฉับพลันแล้วเข้าสู่ชั้นในของบรรพคีรีมารในทันทีผู้นั้น เพิ่งบำเพ็ญมาแค่หกร้อยล้านปีเศษก็บรรลุถึงชั้นผู้ปกครอง ไปจากบรรพคีรีมารแล้ว
******
ท่ามกลางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ตงป๋อเสวี่ยอิงได้พบกับท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิว
“ข้ายังมิได้เข้าไปในบรรพคีรีมารเลย เจ้าออกมาแล้วหรือ” ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวพูด
“ใกล้จะก้าวเข้าสู่ขั้นผู้ปกครองแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม “บ้านเกิดของข้ากำลังเกิดสงคราม ข้าจำเป็นต้องกลับไป แต่ก่อนจะไปข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากรบกวนท่านชาย”
“เจ้ากับข้ามีมิตรไมตรีต่อกัน มีเรื่องอันใดก็พูดมาตรงๆ เลย” เจียวอวิ๋นหลิวพูด
ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยว่า “เมื่อข้าก้าวเข้าสู่ระดับผู้ปกครอง ก็มิอาจผ่านทางเชื่อมจักรวาลมาที่นี่ได้อีกต่อไปแล้ว ถึงเวลานั้นก็เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคนสนิทและเหล่าศิษย์ของข้าจำนวนหนึ่งอาจมาบำเพ็ญที่นี่ ก็ต้องการความช่วยเหลือของท่านเสียแล้ว พวกเขาอาจเป็นเพียงแค่เทพโลกา อ่อนแอเหลือเกิน หากไม่มีผู้แกร่งกล้าคอยช่วยเหลือ… เกรงว่าจะต้องเผชิญกับความยุ่งยากมากมายที่จักรวาลคีรีมาร”
“วางใจเถิด เรื่องเล็กแค่นี้ เจ้าให้คนของเจ้ามาส่งข่าวให้ข้าถึงที่นี่ ข้าก็ต้องจัดแจงให้เหมาะสมแน่อยู่แล้ว” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวพูด เขามีสถานะเช่นไร แต่เดิมตัวก็เป็นผู้ปกครอง ทั้งยังเป็นบุตรชายของเทพอากาศอีกด้วย การจัดการเรื่องราวจึงย่อมง่ายดายอย่างยิ่ง
“ต่อจากนี้เจ้าจะไม่มาอีกแล้วหรือ” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวเอ่ยถาม
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้ม “ในอนาคตพวกเราจะต้องได้พบกันอีกที่โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา”
“ก็ได้ โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา” ท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวพูด “ถึงเวลานั้นพวกเราค่อยพบกันใหม่”
……
หลังจากอำลาท่านชายเจียวอวิ๋นหลิวแล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็เริ่มเดินทางกลับทันที ตงป๋อเสวี่ยอิงยังจงใจวางค่ายกลโลกเทียมซ่อนเอาไว้ที่ทางเชื่อมจักรวาลตรงทางออกทางฝั่งจักรวาลคีรีมารด้วย!
“ไป”
ทั้งตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ดำและตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์แดงต่างก็มองดูจักรวาลคีรีมารแห่งนี้
จักรวาลคีรีมารให้ความช่วยเหลือเขามาจนถึงตอนนี้ ถึงแม้ว่าบรรพคีรีมารจะมีแรงดึงดูดมหาศาล แต่ความช่วยเหลือของ ‘การบำเพ็ญในห้วงนิทรา’ ครั้งแรกที่ชั้นในนั้นยิ่งใหญ่ที่สุด ความช่วยเหลือหลังจากนั้นอาจยิ่งน้อยลงเรื่อยๆ
สำหรับชั้นใจกลางของบรรพคีรีมารอันลึกลับน่าอัศจรรย์ยิ่งกว่านั้น… จะต้องเป็นผู้ปกครองอันดับหนึ่ง จึงจะสามารถเข้าไปได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าจะต้องบำเพ็ญเนิ่นนานเพียงใด ตนต้องการใช้เวลาอีกเล็กน้อยเพียงแค่วันสองวันเท่านั้นในการบรรลุ เชื่อว่าในบ้านเกิด เขาก็สามารถจัดเป็นอันดับต้นๆ ในหมู่ผู้ปกครองได้ ถึงอย่างไรตนก็เป็นผู้ท่องอากาศ อีกอึดใจเดียวก็จะบรรลุเป็นผู้ปกครองแล้ว ห่างชั้นกับผู้ปกครองของระบบธรรมดาลิบลับ
“ก่อนจะบรรลุ ยังต้องไปที่สถานที่แรกเริ่มสักครั้ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ
“ฟิ้ว…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ดำและตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์แดงต่างก็บินทะยานเคียงข้างกันไปในทางเชื่อมจักรวาล กลับไปยังจักรวาลผู้บำเพ็ญ