Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 20
ในส่วนลึกของโบราณสถานเกาะใจกลางทะเลสาบ ผางอี ผู้ครองชิง ผู้ปกครองนรกโลกันตร์ ประมุขเกาะกาลมิติ บรรพชนหุบเหวลึก เจ้าแม่กานเหอ ประมุขตำหนักหมื่นเทพ และประมุขหยวนชู ร่างจริงของพวกเขาแปดคนล้วนอยู่ที่นี่ด้วยกันทั้งสิ้น หนึ่งในนั้น ผางอีหยิบเอาสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ขึ้นมาแล้วพูดยิ้มๆ ว่า “ทุกท่าน พวกเราออกไปกันเถิด”
“พี่ผางอี ช้าก่อน” เสียงหนึ่งดังขึ้น ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ เขาคือสมาชิกคนหนึ่งของกองทัพทำลายล้าง ก็สามารถเคลื่อนที่ในพริบตาจากโลกภายนอกเข้ามาได้โดยตรง
“ตงป๋อหรือ”
“เจ้าต้องมาเพราะเรื่องเล็กๆ อย่างการอพยพนี่ด้วยหรือ”
เหล่าผู้ปกครองแต่ละคนคุยไปยิ้มไป ในโลกของผู้บำเพ็ญนั้นผู้แกร่งกล้าเป็นใหญ่ พลังยุทธ์อันน่าหวาดหวั่นที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสำแดงออกมาย่อมทำให้ทุกคนนับถือเขา นอกจากนี้ในใจของทุกคนยังเข้าใจลางๆ ว่าความเร็วในการบำเพ็ญรวดเร็วเช่นนี้ ถ้าหากบอกว่ายุคจักรวาลของพวกเขานี้จะยังมีผู้ใดมีหวังจะไล่ตามจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตได้ ก็เกรงว่าคงจะเป็นตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว
“มีเรื่องเล็กๆ เรื่องหนึ่งต้องการจะรบกวนสักหน่อย ปล่อยบรรพชนมารดำในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ออกมาเสียก่อน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด ทันใดนั้นเขาก็มองไปทางประมุขเกาะกาลมิติ “ประมุขเกาะกาลมิติโปรดอภัยด้วย ความแค้นของอาจารย์ ข้าไม่ชำระแค้นไม่ได้”
ประมุขเกาะกาลมิติขมวดคิ้วมุ่น สีหน้าไม่น่าดูอยู่บ้าง
ไม่ว่าอย่างไรบรรพชนมารดำก็ยอมจำนนเป็นเบี้ยล่างแก่เขาแล้ว ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงแสดงอย่างชัดเจนว่าต้องการสังหารบรรพชนมารดำ แต่ก็มีชื่อว่า ‘ล้างแค้นให้อาจารย์’ ทำให้ประมุขเกาะกาลมิติเดือดดาลยิ่งนัก เขาก็เข้าใจดีว่า… ตอนนี้จะปลดปล่อยบรรพชนมารดำหรือไม่ ก็ขึ้นกับจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต เพราะสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์เป็นของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต เขาอยากจะหยุดยั้งก็มิอาจหยุดยั้งได้!
“เฮอะ” ประมุขเกาะกาลมิติเอ่ยเสียงเย็น “เป็นถึงผู้ปกครองแต่มาสังหารสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง จะรังแกชนรุ่นหลังมากเกินไปแล้วหรือไม่”
“ข้าบอกแล้ว ความแค้นของท่านอาจารย์ อย่างไรก็ต้องถูกชำระ!” น้ำเสียงของตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็เย็นชาลง
ตนพูดขึ้นมาเอง แค่นี้ก็ไว้หน้ามากแล้ว
หากตนจะสังหาร ประมุขเกาะกาลมิติจะสามารถต้านทานได้หรือไร
“หึๆ” ประมุขเกาะกาลมิติหัวเราะเสียงเย็น “พลังยุทธ์ของผู้ปกครองตงป๋อนั้นสูงส่งกว่าข้า ภายในอาณาเขตของโบราณสถานเกาะใจกลางทะเลสาบ เจ้ากับผางอีไม่ได้รับการขัดขวางแต่อย่างใด ข้ามิอาจปกป้องเขาได้ แต่เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถสังหารเขาได้หรือไร”
“ร่างแยกหนึ่งของเขามิได้อยู่ที่จักรวาลแห่งนี้หรอกหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงแค่นหัวเราะ
เขาค้นพบตั้งนานแล้ว
ผลของการรับสัมผัสผ่านเหตุปัจจัยทั่วทั้งจักรวาล ทำได้เพียงค้นพบร่างหนึ่งของบรรพชนมารดำ ส่วนร่างแยกอีกร่างนั้นมิอาจหาพบ หรือว่าจะหลบซ่อนอยู่ในสถานที่แรกเริ่มหรือสถานที่ที่คล้ายคลึงกัน หรือไม่ก็ไปยังจักรวาลแห่งอื่น! อ้อ ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือไม่มีร่างแยก บรรพชนมารดำมีเพียงชีวิตเดียว ไม่บำเพ็ญร่างแยกต่างหากจึงจะเป็นเรื่องน่าขัน ถ้าหากไม่บำเพ็ญแล้วสังหารร่างจริงของเขาโดยตรง เขาก็จะตายเช่นเดียวกัน
“ถูกต้อง ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของเขาอยู่ที่จักรวาลแห่งอื่นจริงๆ ตลอดมาก็มิได้กลับมาเลย” ประมุขเกาะกาลมิติยิ้มเยาะ “ผู้ปกครองตงป๋อ ตอนนี้ยังมีความมั่นใจในการสังหารเขาอยู่อีกหรือไม่เล่า”
ผางอีแย้มยิ้มอยู่ข้างๆ เมื่อกำหนดจิตคราหนึ่ง บรรพชนมารดำก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ
เพราะเมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงมาถึง ก็ได้อาศัยบริเวณของกฎเกณฑ์ตัดขาดวิธีการต่างๆ เช่นการถ่ายเสียงผ่านเหตุปัจจัยและการส่งสารทั้งมวลออกไป ภายในบริเวณของกฎเกณฑ์ของตน…ก็สามารถตั้งกฎเกณฑ์เองได้ วาจาที่เอ่ยออกไปก็คือกฎ! เว้นแต่ว่าผู้ปกครองคนอื่นๆ ก็ใช้บริเวณของกฎเกณฑ์บังคับต่อต้าน แต่ทุกคนก็เข้าใจในสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงร้องขอนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นปฏิปักษ์กับตงป๋อเสวี่ยอิงในเวลานี้ ประมุขเกาะกาลมิติก็ไม่มีวิธีเตือนบรรพชนมารดำได้
“ท่านประมุขเกาะ” บรรพชนมารดำมองประมุขเกาะกาลมิติปราดหนึ่ง พร้อมกันนั้นก็เห็นผู้ปกครองกลุ่มหนึ่งอยู่รอบๆ ในเวลาเดียวกันก็เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาว ทำให้หัวใจของเขาสั่นสะท้าน แต่เคราะห์ดีที่ร่างแยกอีกร่างได้เข้าสู่จักรวาลอีกแห่ง ดังนั้นเขาก็ยังสามารถใจเย็นอยู่ได้
“บรรพชนมารดำ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
น้ำเสียงสั่นเครือ บรรพชนมารดำรู้สึกเพียงว่าคล้ายกับโลกตรงหน้าบิดเบี้ยวไป
เหล่าผู้ปกครองคนอื่นๆ ที่รายล้อมอยู่ต่างก็พบว่าแววตาของบรรพชนมารดำทึบทึมไปแล้ว ทันใดนั้นก็เข้าใจว่าบรรพชนมารดำหลงกลเสียแล้ว
“ตงป๋อเสวี่ยอิง” หลังจากนั้นบรรพชนมารดำคล้ายจะมีสติฟื้นคืนมา เขาชี้ไปยังอากาศด้านข้างแล้วเอ่ยอย่างโมโหว่า “เจ้าคิดจะสังหารข้าหรือ น่าเสียดายนักที่ข้าเคราะห์ดี ร่างแยกอีกร่างหนึ่งของข้ามิได้อยู่ที่จักรวาลแห่งนี้ เจ้าก็ย่อมไม่สามารถสังหารข้าได้ แม้กระทั่งร่างจริงร่างนี้ของข้า…ฮ่าฮ่า เจ้าอยากฆ่าก็ให้เจ้าฆ่าเสียเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“ปัง!”
บรรพชนมารดำพลันระเบิดออก ตามหลังเสียงหัวเราะลั่น
“นับถือ” ผู้ปกครองนรกโลกันตร์เปิดปากพูด “การตัดขาดจักรวาลก็ถึงกับทำให้มารดำฆ่าตัวตายเสียแล้ว”
“ร่างแยกของมารดำชิงฆ่าตัวตายไปเสียก่อน หลังจากนั้นร่างจริงนี้จึงฆ่าตัวตาย” ประมุขหยวนชูพูดอย่างชื่นชม “ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง”
สีหน้าของประมุขเกาะกาลมิติที่อยู่ด้านข้างยิ่งไม่น่าดูยิ่งขึ้นอีก
“ก็แค่เขตลวงนิดหน่อยเท่านั้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
วิถีโลกเทียมของเขาไปถึงขั้นผู้ปกครอง พูดถึงการควบคุมเขตลวงนั้น เขาก็เป็นที่หนึ่งในจักรวาลผู้บำเพ็ญ ก็แค่สิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ธรรมดาๆ คนหนึ่งเท่านั้น… เผชิญหน้ากันคราหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำให้เขาตกเข้าไปในเขตลวง ความทรงจำของร่างจริงร่างแยกเชื่อมโยงกัน แล้วเข้าสู่เขตลวงไปพร้อมกัน ตงป๋อเสวี่ยอิงชักนำให้หนึ่งร่างแยก หนึ่งร่างจริงของบรรพชนมารดำฆ่าตัวตายตามกัน หลังจากที่ร่างแยกฆ่าตัวตายแล้ว วิญญาณของร่างจริงก็เป็นหนึ่งไม่มีสอง ประมุขหยวนชูก็อาศัยเคล็ดลับสอดแนมจนพบในส่วนนี้แล้วตัดสินใจได้ว่าให้ร่างแยกฆ่าตัวตายก่อน ร่างจริงฆ่าตัวตายตาม
“ไปเถิด ออกไปเสีย” ประมุขเกาะกาลมิติพูดอย่างเย็นชา
“ไป”
ผางอีพยักหน้า
พรึ่บ
ทันใดนั้นก็พาทุกคนเคลื่อนที่ในพริบตาคราหนึ่ง ก็ออกมาจากโบราณสถานเกาะใจกลางทะเลสาบมาถึงกลางฟากฟ้าของโลกภายนอก ท่ามกลางท้องฟ้าอันพร่างพรายไปด้วยแสงดาว ผางอีก็เริ่มต้นเคลื่อนย้ายผู้บำเพ็ญจำนวนมากจากในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ เหล่าผู้เคารพ บรรดาสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ เหล่าเทพโลกาจำนวนมาก แม้กระทั่งบรรดาคนเยาว์วัยที่มีพรสวรรค์ เคลื่อนย้ายเอาเหล่าบุคคลขั้นสุดยอดของจักรวาลผู้บำเพ็ญออกมาทั้งหมด
“อ้างอิงจากการวางแผนการอพยพก่อนหน้านี้” ผางอีพูด
“รับทราบ” บรรดาเหล่าผู้เคารพ บรรดาสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ทุกคนต่างรับคำสั่ง พวกเขาผู้แกร่งกล้าหลายร้อยคนรับผิดชอบแต่ละส่วนของการอพยพ เพียงแต่ว่าสายตาของพวกเขาล้วนไปจับอยู่บนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างช่วยมิได้ พวกเขาสามารถรู้สึกได้ว่า… ‘จ้าวตงป๋อ’ หนึ่งในสามบรรพชนแห่งตำหนักเทพคมมีดโลหิต ตอนนี้อยู่ด้วยกันกับเหล่าผู้ปกครอง กลิ่นอายอันไร้รูปร่างก็มิได้ด้อยไปกว่าเหล่าผู้ปกครองเลยแม้แต่น้อย นี่ทำให้พวกเขาต่างก็พรั่นพรึงอยู่บ้าง
พวกเขาไม่กล้าเชื่อว่าตงป๋อเสวี่ยอิงที่บำเพ็ญด้วยระยะเวลาอันแสนสั้นเช่นนั้นจะเป็นผู้ปกครองได้ แต่ฉากเหตุการณ์ตรงหน้าก็ทำให้พวกเขาอดคิดมิได้
“จ้าวตงป๋อเป็นผู้ปกครองแล้วอย่างแน่นอน หากไร้ซึ่งจ้าวตงป๋อ การต่อสู้กับลัทธิจอมมารดาก็ไม่มีทางสิ้นสุดลงได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้หรอก” ผางอีพูดขึ้น
พวกผู้ครองชิงและประมุขหยวนชูต่างก็พยักหน้า
ทันใดนั้นความเงียบก็ปกคลุม
ในที่นั้นนอกจากบรรดาสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่มากมายแล้ว คนอื่นๆ ที่ดูเหมือนจะรวมทั้งเทพโลกาของจักรวาลผู้บำเพ็ญ กับบรรดาผู้เยาว์วัยจำนวนมาก พวกเขาต่างก็ได้ยินกันอย่างกระจ่างชัดว่า… จ้าวตงป๋อที่เล่าลือกันนั้นไปถึงขั้นผู้ปกครองแล้ว นี่ทำให้พวกเขารู้สึกพรั่นพรึง นี่ก็คือตำนานบทหนึ่งแล้ว!
……
สงครามสิ้นสุดลงแล้ว ทุกคนต่างก็เริ่มแยกย้ายกัน ทั้งจักรวาลผู้บำเพ็ญก็กลับสู่ความเงียบสงบ บรรดาสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในระดับยอดสุดต่างก็รู้ว่า นอกจากจ้าวตงป๋อกลายเป็นผู้ปกครองแล้ว บุคคลที่เป็นที่ยอมรับในโลกเทพหุบเหวลึกว่ากล้าแกร่งที่สุด อย่าง ‘จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต’ ก็ไปถึงอีกระดับขั้นหนึ่งที่สูงยิ่งกว่าแล้ว ทำให้บรรดาสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่พากันตกตะลึงพรึงเพริดด้วยเหตุนี้
เมื่อศิษย์พี่ฮุ่ยหมิงและบรรพชนเพลิงชาดรู้ว่าบรรพชนมารดำตายแล้ว ต่างก็คลายใจลง เทียบกับตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว ความสัมพันธ์ที่พวกเขาสองคนมีต่อจอมเทพธุลีแดงนั้นลึกล้ำยิ่งกว่า!
ความสัมพันธ์ระหว่างตงป๋อเสวี่ยอิงกับจอมเทพธุลีแดงนั้นผิวเผินยิ่งนัก แม้กระทั่งสังหารบรรพชนมารดำ ฝ่ายหนึ่งทำเพื่อตอบแทนบุญคุณ ส่วนอีกฝ่ายนั้น ไม่มีเรื่องชั่วร้ายใดที่บรรพชนมารดำไม่กระทำ กระตุ้นจิตสังหารของเขาขึ้นมา
“ข้าเป็นผู้ปกครองแล้ว เรื่องราวมากมายที่อยากทำในอดีต ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องไปทำแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเบาๆ “แต่เกรงว่าประมุขเกาะกาลมิติคงจะต่อต้านอย่างร้ายกาจยิ่งทีเดียว”
…………………………………..