Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 23 ตัดสินใจ
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กุมมือภรรยา ใช่แล้ว ตนยังมีพวกเขาอยู่
แต่ชาติก่อนภรรยาก็บำเพ็ญมาเป็นเวลายาวนานยิ่ง ทั้งยังบำเพ็ญไปกว่าสองร้อยล้านปีที่จักรวาลคีรีมาร แต่ก็ยังติดอยู่ที่ขั้นเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นมาโดยตลอด ไม่มีทางบรรลุได้! ถ้าหากไม่บรรลุก็จะทำให้วิญญาณแตกสลายสิ้นชีพได้
……
ในปีต่อมา ร่างแยกอาภรณ์สีดำของตงป๋อเสวี่ยอิง บำเพ็ญอยู่ในสถานที่แรกเริ่มโดยตลอด ส่วนร่างจริงของเขาก็คอยคิดหาวิธีช่วยเหลือภรรยาและบุตร ตำราการบำเพ็ญอันหาได้ยากจำนวนหนึ่ง วัตถุวิเศษจักรวาลที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่ กระทั่งแอบจัดการอย่างลับๆ ตอนที่ภรรยาและบุตรไปเที่ยวเล่นที่โบราณสถาน เขาก็แอบชี้แนะอย่างลับๆ
กาลเวลาหมุนผ่านไป
เพียงพริบตาตงป๋อเสวี่ยอิงก็เป็นผู้ปกครองมาพันล้านปีแล้ว ในจักรวาลผู้บำเพ็ญ สถานะของตงป๋อเสวี่ยอิงก็มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ในลำดับรายนามเทพมารจักรวาลที่ประมุขหยวนชูเขียนขึ้นในตอนนี้ อันดับหนึ่งคือจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต อันดับที่สองกลับกลายเป็นจ้าวตงป๋อ ส่วนอันดับสามคือผู้ปกครองนรกโลกันตร์ และอันดับสี่คือผู้ครองชิง…
“ฮ่าฮ่าฮ่า เสวี่ยอิง คิดจะทำร้ายข้าด้วยเคล็ดวิชานี้น่ะหรือ” บนผืนฟ้าที่พร่างพรายไปด้วยดวงดาว เงาร่างสองสายกำลังเผชิญหน้ากันอยู่ห่างๆ
ท่านหนึ่งคือจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตในอาภรณ์สีแดงหม่น ส่วนอีกหนึ่งนั้นก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาว
แผ่นดินแห่งนี้ก็คือสถานที่ที่จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตทำให้กลายเป็นแดนบำเพ็ญอันธรรมดาๆ ด้วยมือตน ตอนนี้เมื่อมองไปทั่วทั้งจักรวาลก็มีเพียงตงป๋อเสวี่ยอิงเท่านั้นที่สามารถประมือกับเขาได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ พวกเขาทั้งสองก็ต้องควบคุมพละกำลัง พวกเขาต่างก็สำแดงเพียงความเร้นลับของกฎเกณฑ์ เปรียบเทียบกันแค่เคล็ดวิชาส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่กล้าลงมืออย่างสุดแรงจริงๆ
วิชาลับผู้ท่องได้ยกระดับมาถึงขั้นที่ยี่สิบแล้ว พลังเช่นนี้ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไม่กล้าไปสำแดงในจักรวาลตามอำเภอใจ
เดิมทีจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็น่าอัศจรรย์อยู่แล้ว หลังจากเข้าสู่ระดับขั้นเทพอากาศมาหลายปี พลังยุทธ์ก็ยิ่งลึกล้ำยากหยั่งถึง
“ท่านอาจารย์ อย่าเพิ่งได้ใจไป คราวก่อนไม่รู้ว่าผู้ใดกันที่ถูกข้าเตะเสียจนตีลังกา” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเย้าแหย่ พวกเขาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เปรียบเทียบเคล็ดวิชา เพราะมีศาสตร์ลับระดับอลหม่านสามศาสตร์ ตาข่ายสวรรค์ไร้เงา สามพันร่างแปร และคัมภีร์รัศมีเทพ บวกกับตอนอยู่ที่บรรพคีรีมารก็เคยอ่านคัมภีร์ล้ำค่าจำนวนมากมายที่บรรพชนผู้นั้นทิ้งเอาไว้ เคล็ดวิชาการต่อสู้ของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงลึกลับร้ายกาจอย่างที่สุด
คราวก่อนก็เพราะอาศัยเขตลวงและสามพันร่างแปร ทำให้จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพลาดท่า!
แน่นอนว่าจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตนั้นถูกห้ามมิให้ใช้ค่ายกลทั้งหมด! อนุญาตให้สำแดงได้เพียงความเร้นลับของกฎเกณฑ์ ดังนั้นจึงพลาดท่าได้
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตกลับมิได้แยแส “นั่นเป็นความประมาทของข้าเอง”
“เช่นนั้นท่านก็รับมือศิษย์อีกสักกระบวนท่าหนึ่งเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “นี่คือปรัชญาคลื่นลมบทที่แปดที่ศิษย์สร้างขึ้นใหม่”
“หืม” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตสายตาทอประกายวูบหนึ่ง
“รับกระบวนท่าด้วย”
ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงพร่าเลือนในทันใด เพียงแค่ตำแหน่งนั้นพร่าเลือน เงาร่างสายหนึ่งก็มาถึงตรงหน้าจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตแล้ว มิได้ก่อให้เกิดระลอกคลื่นอันใด สายลมที่อยู่รอบๆ ก็ยังคงพัดโชยเช่นเดิม กิ่งไม้ใบหญ้าก็มิได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ทว่าตงป๋อเสวี่ยอิงกลับพุ่งทะยานออกมาด้วยความเร็วที่ทำให้เหล่าผู้ปกครองต้องจนคำพูด จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตตกใจแล้วกำลังจะลงมือ แต่ในขณะที่เขากำลังจะลงมือนั้นเอง เงาร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับเลือนหายไปเสียแล้ว ทิ้งรอยทางเคลื่อนอันรางเลือนเอาไว้กลางอากาศสายหนึ่งก็ไปถึงยังจุดที่อยู่ห่างไกลออกไป
“ช่างรวดเร็วเหลือเกิน” เมื่อจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตได้เห็นก็ลอบตกตะลึง บริเวณของกฎเกณฑ์ของเขาแกร่งกล้าเพียงใด สามารถตัดสินได้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงมิได้อาศัยความเร็วจากพละกำลังของร่างกาย หากแต่อาศัยความเร้นลับของกฎเกณฑ์ล้วนๆ ถึงได้รวดเร็วเช่นนี้
ทันใดนั้น
ณ บริเวณที่ไกลออกไปอีกแห่งหนึ่งก็มีตงป๋อเสวี่ยอิงอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้น
พร้อมกันนั้นทางด้านหลังของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็มีตงป๋อเสวี่ยอิงอีกคนหนึ่งปรากฏขึ้น ตอนนี้มีทั้งสิ้นสามคนแล้ว
ร่างของพวกเขากะพริบคราหนึ่งแล้วก็บุกล้อมเข้าไปหาจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต ในมือของทั้งสามคนต่างก็มีหอกยาวเล่มหนึ่ง หอกยาวก็เหมือนกับเคล็ดวิชาของร่างกาย ที่ดูเหมือนจะเจาะทะลุผ่านได้ง่าย แต่เพียงแค่ทิ้งรอยทางเคลื่อนอันรางเลือนเอาไว้ ก็ไปถึงตรงหน้าจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตแล้ว
“ตึงๆๆ” สองมือของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตต้านทานเอาไว้พร้อมกัน “เหตุใดเจ้าเด็กผู้นี้จึงรวดเร็วถึงเพียงนี้ได้ ออกจะเกินต้านรับไปบ้างแล้ว เดิมทีคิดจะใช้เคล็ดวิชาที่เรียนรู้มาใหม่ทำให้เขาพรั่นพรึง แต่กลับถูกเขาบีบเสียจนต้องสำแดงออกมาก่อน”
“ปัง…”
ใบมีดสีแดงโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างของจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตบินออกมา ทำลายล้างรอบด้านในทันใด ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็ตกใจจนถอยกรูด
เห็นเพียงใบมีดสีแดงโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนกวาดทำลายไปทั่วทิศ ห้อมล้อมจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเอาไว้ ก่อตัวเป็นทรงกลมขนาดมหึมาอย่างเป็นธรรมชาติ ความรู้สึกที่คล้ายกับส่งมาจากดวงอาทิตย์ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตะลึงงันอยู่บ้าง
“เป็นอย่างไรบ้าง” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูดยิ้มๆ
“คราวก่อนท่านอาจารย์มิได้สำแดงนี่นา” ตงป๋อเสวี่ยอิงตกตะลึงอยู่บ้าง
“คราวก่อนวิถีคมมีดโลหิตของข้าเพิ่งถึงขั้นก่อกำเนิดในอากาศเท่านั้น ยังรวบรวมไม่เสร็จ ตอนนี้บำเพ็ญผ่านวันเวลามาช่วงหนึ่ง ก็ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูด เขาเองก็มีความหวาดกลัวอยู่บ้าง ไม่ใช้ค่ายกล พลังเทพอากาศ หรือพละกำลังร่างกาย… แข่งขันกันที่ความเร้นลับของกฎเกณฑ์ เขาก็เกือบจะพ่ายแพ้เสียแล้ว ศิษย์ผู้นี้ของตนช่างล้ำเลิศเสียจริง
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ลอบถอนใจ เทพอากาศก็คือเทพอากาศ ไม่พึ่งวิชาลับผู้ท่อง คิดจะเอาชนะก็ยากเย็นเกินไปเสียแล้ว! ตนเองมีศาสตร์ลับระดับอลหม่านสามศาสตร์ พลังยุทธ์ที่สำแดงออกมาก็ย่อมเหนือกว่าผู้ปกครองโดยทั่วไปมากมาย แต่ก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี
แต่เขาก็ยังนึกสงสัยว่าถ้าหากตนทุ่มเทสุดพลังจริงๆ ก็ไม่รู้ว่าจะกดดันท่านอาจารย์ได้ถึงระดับใด ที่สุดแล้วตอนนี้สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของตนก็ยังคงเป็นวิชาลับผู้ท่อง แต่ว่าสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของท่านอาจารย์ยังเป็นระบบ ‘ทิพย์’ อีกทั้งเมื่อกระตุ้นด้วยพลังของเทพอากาศแล้วก็จะยิ่งล้ำเลิศ
“ท่านอาจารย์พ่ะย่ะค่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าอยากขอความกรุณาจากท่านอาจารย์”
“ฮ่าฮ่า ตอนนี้นอกจากข้าแล้ว ผู้อื่นในจักรวาลล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า เจ้ายังมีเรื่องต้องขอความกรุณาจากข้าอีกหรือ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูดยิ้มๆ “พูดมาเถิด”
“หวังว่าท่านอาจารย์จะช่วยปกป้องดูแลคนใกล้ชิดของข้าด้วย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ให้ข้าช่วยปกป้องดูแลคนใกล้ชิดหรือ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตสงสัย “แล้วตัวเจ้าเองเล่า” ศิษย์ผู้นี้ของตนเป็นผู้ปกครอง แต่ก็มีร่างแยกถึงสามร่าง
“ข้าเตรียมตัวจะไปจากจักรวาล” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “เข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่านพ่ะย่ะค่ะ”
“เข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่านหรือ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตตกตะลึง “มิได้สำเร็จเป็นเทพอากาศ แล้วเจ้าจะเข้าไปได้อย่างไรกัน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า “ข้ามีวิธี กู่กานหลัว อาศัยเรือบินอลวนเข้าไปยังอากาศอันสับสนอลหม่าน ข้าก็มีวิธีของข้าเองเช่นกัน”
เขาคิดเอาไว้เนิ่นนานแล้ว
การจากไปของท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านอาจง ท่านอาถง รวมถึงน้องชาย กระตุ้นเขาอย่างแท้จริง เพราะพวกเขาเหล่านี้ล้วนเป็นคนใกล้ชิดของตน! พันล้านปีมานี้ เขาก็คอยช่วยเหลือภรรยา จิ้งชิว และบุตร คิดอยากให้พวกเขาบรรลุให้ได้ แต่ทว่า ‘การบรรลุ’ นั้นช่างยากเย็นเหลือเกิน สิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงสามารถทำได้ก็มีเพียงพลังภายนอก สุดท้ายแล้วการบรรลุนั้นก็ยังต้องอาศัยตนเองอยู่ดี
พันล้านปีผ่านไป ภรรยาจิ้งชิวก็ยังไม่บรรลุ ตงป๋อเสวี่ยอิงกลัวเหลือเกิน กลัวว่าวันนั้นก็จะมาถึงเช่นกัน
เขาไม่มีทางทนรับผลเช่นนั้นได้ไหว
การบำเพ็ญ…
เพื่ออะไรกัน
ความกล้าแกร่งหรือ ไร้ซึ่งศัตรูอย่างนั้นหรือ
เริ่มตั้งแต่วัยเยาว์ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงบำเพ็ญก็เพื่อคนในครอบครัว ถ้าหากคนใกล้ชิดไม่อยู่กันหมดแล้ว บำเพ็ญจนแข็งแกร่งกว่านี้แล้วจะมีความหมายอันใดกัน มีชีวิตอยู่ไปก็เป็นเพียงแค่ซากศพเดินได้เท่านั้น
บางทีเหล่าผู้ปกครองและเหล่าผู้แกร่งกล้าคนอื่นๆ ก็อาจเคยมีความโศกศัลย์ที่เสียคนใกล้ชิดไปมาก่อนเช่นกัน แต่วันเวลาอันยาวนานก็ทำให้ผู้แกร่งกล้าเหล่านี้ค่อยๆ กำหนดจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่กับการบำเพ็ญได้ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงทำไม่ได้ บางทีอาจมีวันนั้นจริงๆ ตามกาลเวลาที่ผันผ่านไป เขาอาจสามารถตั้งมั่นอยู่กับการบำเพ็ญ แล้วปล่อยให้ตนเองลืมเลือนไปได้เช่นเดียวกัน
แต่วิถีทางเช่นนั้นมิใช่สิ่งที่เขาต้องการ
รั้งอยู่ในจักรวาลผู้บำเพ็ญ ไร้ซึ่งภยันตรายและความทุกข์ยาก ไม่มีโอกาสอันยิ่งใหญ่ ไม่มีผู้แกร่งกล้ามากมาย ความคืบหน้าของตนก็จะเชื่องช้ายิ่ง มีเพียงการเดินออกไปสู่ฟ้าดินอันกว้างใหญ่กว่าเท่านั้น! ตนเองจึงจะก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น! นอกจากนี้ก็ยังมีความหวังที่จะได้รับวัตถุวิเศษที่ใช้สร้างวิญญาณขึ้นมาใหม่ และวัตถุภายนอกที่จะช่วยเหลือในการบำเพ็ญมากขึ้น ทำให้ความหวังที่พวกจิ้งชิวจะบรรลุมีหวังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก
“เจ้าจะออกไปจริงๆ น่ะหรือ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตถาม
“พ่ะย่ะค่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“ไปไหนหรือ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเอ่ยถาม
“โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ยังคิดที่จะกลับมาอีกหรือไม่” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตถาม เขากับตงป๋อเสวี่ยอิงไม่เหมือนกัน ระบบ ‘ทิพย์’ นี้ ค้นคว้าทุกสรรพสิ่ง ก็คือการก้มหน้าก้มตาค้นคว้าและเคี่ยวกรำ เขาก็ไม่ได้เร่งร้อนและค่อยๆบำเพ็ญอย่างอดทนยิ่ง จนกว่ายุคจักรวาลจะสิ้นสุดแล้วจึงค่อยจากไป! นอกจากนี้เขาก็จะนำพาคนในเผ่าจากไปด้วยกัน ก็ไม่สามารถนึกอยากไปก็ไปได้
“ข้าจะกลับมาก่อนจุดสิ้นยุคจักรวาล” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ยุคจักรวาลนี้ ตามการรับสัมผัสของข้าควรจะยังมีอีกราวๆ หนึ่งล้านสามแสนหกหมื่นล้านปี” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูด
“ข้าจะกลับมาภายในหนึ่งล้านล้านปี” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
หนึ่งล้านล้านปี
ช่างเป็นเวลาที่เนิ่นนานนัก
ก็มีเพียงระยะเวลาที่เนิ่นนานมากพอ จึงจะทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ่งมีความมั่นใจว่าจะทำได้ หาสมบัติล้ำค่าที่สามารถทำให้คนในครอบครัวยิ่งมีความหวังที่จะบรรลุได้พบ! สำหรับอายุขัยของคนในครอบครัวน่ะหรือ ในช่วงที่ไร้ซึ่งความหวังในการบรรลุ สามารถเข้าไปผ่านวันคืนภายในโลกสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ได้
ภายในโลกสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์มีการรักษาสภาวะในการเคลื่อนของเวลาให้เนิ่นช้าเป็นที่สุด ช้าจนถึงหนึ่งในหมื่นนั้นไม่ยากเลย พลังงานที่เผาผลาญไป สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิอาจนับเป็นอะไรได้
ภรรยาและบุตรอยู่กันภายในโลกสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ ผ่านไปพันล้านปี เกรงว่าโลกภายนอกจะผ่านไปสิบล้านล้านปีแล้ว
ถึงเวลาที่ตนกลับมา เกรงว่าสถานการณ์จะไม่เหมือนเดิมอย่างสิ้นเชิงเสียแล้ว และไม่เหมือนเช่นตอนนี้… มองดูพวกเขาค่อยๆ เข้าใกล้ความตายทีละน้อยอย่างไร้ซึ่งกำลัง!
“เจ้าเพิ่งเป็นผู้ปกครอง ก็จะไปจากจักรวาลแล้วหรือ” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตส่ายหน้า “ท่ามกลางอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นอันตรายยิ่งนัก”
“ข้าเข้าใจดีพ่ะย่ะค่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า ผู้สืบเชื้อสายผู้ท่องอากาศเคยบอกเล่าข้อมูลของโลกภายนอกกับเขามาก่อนแล้ว
“ที่แท้เพราะเหตุใดกันแน่ เพราะเหตุใดจึงไม่บำเพ็ญอยู่ภายในจักรวาลจนถึงจุดสิ้นยุคจักรวาลเล่า ด้วยความรู้ความสามารถของเจ้า เกรงว่าเมื่อถึงเวลาแล้วจะไม่น้อยไปกว่าจอมมารเลย” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพูด “ออกไปในเวลานั้น ผู้ที่สามารถคุกคามเจ้าได้ก็มีน้อยมากแล้ว”
“เพื่อคนในครอบครัว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตตะลึงงัน
คนในครอบครัวอย่างนั้นหรือ
เงาร่างสายนั้นในความทรงจำส่วนลึกของเขาอดที่จะปรากฏขึ้นมิได้ เนิ่นนานเหลือเกินแล้ว! ตอนนั้นก็เพราะความรู้สึกระหว่างตงป๋อเสวี่ยอิงและภรรยากระตุ้นความรู้สึกของเขา เขาจึงมีข้อยกเว้น ยอมรับลูกศิษย์
“ข้าเข้าใจแล้ว” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตพยักหน้า ตอนนั้นเขาคิดหาทุกวิถีทางก็เพียงเพื่อทำให้ภรรยาได้เป็นเทพโลกาสวรรค์หนึ่งชั้น ในที่สุดภรรยาก็ยังวิญญาณดับสูญสิ้นชีพไป ถ้าหาก ถ้าหากภรรยาสามารถเป็นเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นได้ บางทีเขาก็อาจจะคิดหาทุกวิถีทางเพื่อให้ภรรยาบรรลุได้โดยไม่แยแสสิ่งใด
เขาเข้าใจความคิดภายในใจของตงป๋อเสวี่ยอิง ดังนั้นจึงมิได้ห้ามปรามแต่อย่างใด
……………………………………………….