Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 5
ก่อนจะบำเพ็ญในห้วงนิทรา ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ทำให้วิถีทั้งสามสายเช่นวิถีโลกเทียมบรรลุถึงขีดจำกัดขั้นสุด แม้การบำเพ็ญในห้วงนิทราจะแตกต่างกันบ้างตามทิศทางที่เดินไป การรับรู้ของการบำเพ็ญก็แตกต่างกันออกไปบ้าง แต่ก็บรรลุถึงขีดจำกัดขั้นสุดเช่นเดียวกัน เมื่อบำเพ็ญในห้วงนิทรา…ก็ล่วงรู้ขั้นผู้ปกครองขึ้นมาบ้างแล้ว
เมื่อการรับรู้สองอย่างปะทะกัน ก็เป็นความรู้สึกอันพิสดารมากทีเดียว
……
เวลาล่วงเลยไป ภายในกระท่อมฟางผ่านไปถึงหนึ่งร้อยหกสิบปีแล้ว การบำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงยุติลง เวลาของโลกภายนอกก็ผ่านไปนานเกือบหกวันแล้ว ซึ่งนี่นานกว่าเวลาวันสองวันตามที่ตงป๋อเสวี่ยอิงได้บอกกับท่านอาจารย์จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว ทว่าการต่อสู้ดำเนินมาจนถึงบัดนี้ เวลาเพียงไม่กี่วันนี้ก็ไม่นับเป็นอะไรได้ เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ในช่วงเวลาคับขันของการคิดค้นปรัชญาคลื่นลมบทที่สี่ก็ไม่อยากหยุดลง การรับรู้จำนวนมากหลอมรวมเข้าไปอย่างไม่ขาดสาย ทำให้เขาดำดิ่งลงไปอย่างสิ้นเชิง เวลาจึงเนิ่นช้าออกไป
บนเกาะธุลีแดงในโลกภูผาศิลาแดง
“เอี๊ยด”
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์สีขาวทั้งร่างผลักประตูเปิดแล้วเดินออกมา ใบไม้บนต้นไม้รอบด้านเป็นสีแดงเรื่อ ใบไม้ร่วงจำนวนนับไม่ถ้วนเกลื่อนกลาดอยู่เต็มพื้น
“ผู้ปกครองช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเผยรอยยิ้มออกมา
เมื่อเงยหน้ามองออกไปไกล
สายตาก็พลันมองทะลุทั้งโลกวัตถุ และมองเห็นโบราณสถานเกาะใจกลางทะเลสาบอันไกลโพ้น ทั้งยังมองเห็นว่า ที่ส่วนลึกของเกาะใจกลางทะเลสาบมีผู้ปกครองทั้งเก้านั่งขัดสมาธิอยู่ ได้แก่จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตอาภรณ์สีดำ ผางอี ผู้ครองชิง บรรพชนบรรพชนหุบเหวลึก ผู้ปกครองนรกโลกันตร์ เจ้าแม่กานเหอ ประมุขเกาะกาลมิติ ประมุขตำหนักหมื่นเทพและประมุขหยวนชู ผู้แกร่งกล้าจำนวนมากของฝ่ายจักรวาลผู้บำเพ็ญล้วนอพยพมายังเกาะใจกลางทะเลสาบชั่วคราว ผู้ปกครองอย่างพวกเขาเหล่านี้ล้วนทิ้งร่างแยกร่างหนึ่งเอาไว้ที่เกาะใจกลางทะเลสาบ
เมื่อตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นผู้ปกครองทั้งเก้า ผู้ปกครองเก้าท่านก็รับสัมผัสได้ทันที แต่ละคนต่างก็มองมาด้วยความตกใจ
“ใครน่ะ”
“พวกลัทธิจอมมารดาโง่เง่านั่นไม่มีทางพบที่ซ่อนของพวกเราได้หรอกกระมัง”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต ประมุขเกาะกาลมิติ ผู้ครองชิงและผางอีต่างก็มองไปตามการสัมผัสรับรู้
ไม่นานนัก
ก็ประสานสายตาเข้ากับตงป๋อเสวี่ยอิงที่อยู่ในโลกวัตถุอันไกลโพ้น
“ศิษย์น้องตงป๋อหรือ” ผู้ครองชิงตกตะลึง
“ตงป๋อเสวี่ยอิงรึ” ประมุขเกาะกาลมิติไม่อยากจะเชื่อ “เขา เขาสำเร็จเป็นผู้ปกครองแล้วหรือ”
จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตก็เผยสีหน้ายินดีออกมา จากนั้นก็พูดพลางหัวเราะฮ่าฮ่า “ทุกท่าน เสวี่ยอิงเข้าไปในจักรวาลคีรีมาร ความเร็วในการเคลื่อนของเวลาที่นั่นเร็วกว่าพวกเราสามพันกว่าเท่า ดังนั้นเสวี่ยอิงจึงบำเพ็ญที่นั่นมาเป็นเวลานานหลายร้อยล้านปีแล้ว! พลังของเขาในตอนแรกบรรลุถึงขีดจำกัดขั้นสุดแล้ว บัดนี้ก็ก้าวพ้นก้าวนั้นและสำเร็จเป็นผู้ปกครองได้ก็เป็นเรื่องปกตินัก”
“ปกติหรือ” ผู้ครองชิงทอดถอนใจ “ข้าติดอยู่ในขั้นผู้เคารพมานานถึงเพียงนี้”
“ข้าบุกเบิกเส้นทางขึ้นมาใหม่และคิดค้นวิถีการบำเพ็ญขึ้นมาเองจึงได้บรรลุ” ผางอีก็ทอดถอนใจ “พรสวรรค์นี้ของตงป๋อเสวี่ยอิงช่างเก่งกาจ จนสำเร็จเป็นผู้ปกครองแล้ว”
จากขีดจำกัดผู้เคารพถึงขั้นผู้ปกครอง ดูเหมือนจะเป็นเพียงก้าวเดียวเท่านั้น แต่กลับยากเป็นอย่างมาก
เช่นจักรพรรดิผลาญเอกา บัดนี้ก็ยังติดอยู่ที่นั่น!
“ฮ่าฮ่าฮ่า เสวี่ยอิงสามารถสำเร็จเป็นผู้ปกครองได้ ความช่วยเหลือของเขาก็ยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก” จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตเอ่ยปากออกมาว่า “เสวี่ยอิง รีบมาเร็วเข้า”
“ขอรับ ท่านอาจารย์” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับคำ
“ตงป๋อเสวี่ยอิง เจ้าบรรลุถึงขีดจำกัดขั้นบุกเบิกข้าก็ยังไม่แปลกใจนัก ทว่าสามารถสำเร็จเป็นผู้ปกครองได้รวดเร็วถึงเพียงนี้…ข้าก็นับถือเจ้านัก นี่มันรวดเร็วเกินไปแล้วจริงๆ” ประมุขหยวนชูก็ถ่ายเสียงอุทาน
สีหน้าของประมุขเกาะกาลมิติแปลกพิกล
เดิมทีเขาก็เห็นตงป๋อเสวี่ยอิงขัดหูขัดตาอยู่แล้ว บัดนี้เจ้าเด็กนี่กลับมานั่งเสมอข้าในครู่เดียว ล้อเล่นอันใดกัน
“เฮอะๆ คาดว่าผู้ปกครองใหม่ยังคงอ่อนต่อโลกนัก” บัดนี้ประมุขเกาะกาลมิติยังคงปลอบใจตนเอง
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าการที่ตนสำเร็จเป็นผู้ปกครองนำความตื่นตระหนกมาให้แก่พวกเขา ทว่าการสำเร็จเป็นผู้ปกครองนั้นยากมากอย่างแท้จริง อย่างน้อยระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ก็บรรลุได้ยากกว่า
“ข้าหลอมรวมการรับรู้เข้าไปก็เพียงแค่ทำให้วิถีโลกเทียมก้าวเข้าสู่ขั้นผู้ปกครอง” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบรำพึงในใจ “บัดนี้ก็คิดค้นปรัชญาคลื่นลมบทที่สี่ขึ้นมาแล้ว เข้าใจวิถีเข่นฆ่าและวิถีระลอกคลื่นได้ลึกล้ำยิ่งขึ้น แต่จะบรรลุได้ก็ต้องใช้เวลาสั่งสมไปเรื่อยๆ เมื่อทุกอย่างพร้อมก็จะสำเร็จเอง”
“หากไร้ซึ่งการบำเพ็ญในห้วงนิทรา เกรงว่าข้าก็คงจะติดอยู่ที่ขีดจำกัดนานยิ่งกว่านี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงก็เข้าใจในข้อนี้ดี
“เสวี่ยอิง”
เสียงหนึ่งแพร่เข้ามาจากที่ไกลๆ
ตงป๋อเสวี่ยอิงแหงนหน้ามองไป อวี๋จิ้งชิวซึ่งอยู่ห่างออกไปกะพริบวาบคราหนึ่งก็มาถึงตรงหน้า
“ท่านพ่อ ท่านพ่อ” เงาร่างสองสายเคลื่อนที่ในพริบตามาปรากฏขึ้นเสียงดังสวบ สวบ เป็นตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยานั่นเอง
“เสวี่ยอิง เหตุใดข้าจึงสามารถสัมผัสกลิ่นอายของท่านได้เล่า” อวี๋จิ้งชิวเอ่ยขึ้นอย่างอดมิได้ เท่าที่นางรู้ กลิ่นอายของตงป๋อเสวี่ยอิงตรงหน้าผู้นี้ลึกล้ำเกินหยั่งมากกว่านี้
“ข้าเข้าไปในจักรวาลคีรีมารและพบโอกาสบางอย่างเข้า จึงบรรลุในรวดเดียว บัดนี้ประสบผลสำเร็จกลายเป็นผู้ปกครองแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงกล่าว
อวี๋จิ้งชิว ตงป๋ออวี้และตงป๋อชิงเหยาพากันตะลึงงัน
สำเร็จเป็นผู้ปกครองหรือ
พวกเขาล้วนภาคภูมิใจในตัวตงป๋อเสวี่ยอิง และยอมรับว่าเขายอดเยี่ยมไร้เทียมทาน แต่สำเร็จเป็นผู้ปกครอง ยืนอยู่ในจุดยอดสุดของทั้งจักรวาลเช่นนั้นหรือ อยู่ในระดับสูงทัดเทียมกับจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต ประมุขเกาะกาลมิติ บรรพชนหุบเหวลึกและประมุขตำหนักหมื่นเทพน่ะหรือ เรื่องนี้ยังคงทำให้พวกอวี๋จิ้งชิวรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่บ้าง
“การเคลื่อนของเวลาในจักรวาลคีรีมารเร็วกว่าของพวกเราที่นี่มาก ข้ามิได้บำเพ็ญมาสิบล้านปี หากแต่เป็นหกร้อยกว่าล้านปีแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดยิ้มๆ “รอจนสงครามยุติ ข้าก็จะส่งพวกเจ้าไปยังจักรวาลคีรีมาร ระบบการบำเพ็ญและทรัพยากรของพวกเขาล้วนมีมากกว่าของพวกเรามากมายนัก ท่านชายสามเจียวอวิ๋นหลิวก็เป็นสหายที่ดีของข้า ข้าเคยพูดกับเขาเรื่องนี้มานมนานแล้ว”
“ผู้ปกครองเชียวนะ” ตงป๋ออวี้มองไปทางตงป๋อชิงเหยาที่อยู่ด้านข้าง “ได้ยินแล้วหรือไม่ บิดาข้าเป็นผู้ปกครองแล้ว!”
“บิดาข้าก็เป็นผู้ปกครองเหมือนกัน!” ตงป๋อชิงเหยาจงใจเบ้ปาก
สองพี่น้องรู้สึกตื่นเต้นจนยากจะปกปิดเอาไว้ได้
ตงป๋อเสวี่ยอิงเห็นเข้าก็ยิ้มออกมา “ข้าจะหลุดพ้นเสียหน่อยก่อน”
“หลุดพ้นเสียหน่อยหรือ” อวี๋จิ้งชิวและลูกๆ ต่างก็สะดุ้ง
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองไปกลางฟากฟ้าด้านข้าง แล้วควบคุมอากาศผ่านกาลมิติ
วิ้งงงง…
อากาศที่อยู่ตรงหน้าพลันถูกลอกออกจากกัน ประหนึ่งผลส้มที่ถูกปอกเปลือก เผยให้เห็นเนื้อส้มที่อยู่ด้านใน เผยให้เห็นมิติในระดับที่ลึกขึ้น ที่นั่นมีสายน้ำอันกว้างใหญ่ไพศาลหาใดเปรียบซึ่งโลดแล่นอยู่ มันไร้ซึ่งต้นกำเนิด และไร้ซึ่งจุดสิ้นสุด มันโลดแล่นไปทุกบริเวณทั่วทั้งจักรวาลแห่งนี้
กลางสายน้ำมีสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ตั้งแต่มดปลวกไปจนถึงเทพโลกาสวรรค์สี่ชั้นล้วนจมจ่อมอยู่ในนั้น
“มหานทีแห่งกาลเวลาหรือ” ตงป๋ออวี้ ตงป๋อชิงเหยาและอวี๋จิ้งชิวต่างก็มองดู เมื่อพวกเขามองเห็นมหานทีสายนี้ จิตใจก็เกิดความรู้สึกซับซ้อนนัก เพราะเมื่อพวกเขาบำเพ็ญ ก็ล้วนตั้งตารอคอยว่าจะมีสักวันหนึ่งที่สามารถหลุดพ้นจากมหานทีแห่งนี้ไปได้
“นั่นมัน…”
พวกตงป๋ออวี้ทั้งสามคนทอดสายตามองออกไปไกลด้วยความตื่นตระหนก
ไกลออกไปในมหานทีแห่งกาลเวลามียักษ์ขนาดมหึมาหาใดเปรียบอยู่ตนหนึ่ง! ความสูงของยักษ์นั้นยากจะประมาณได้ เขาสูงใหญ่เกินไปจนตาเปล่ามิอาจมองเห็นได้ชัดเจน ขาทั้งสองของเขายังยืนอยู่ในมหานทีแห่งกาลเวลา ทว่าน้ำในมหานทีแห่งกาลเวลากลับสูงไม่ถึงหัวเข่าของเขาเสียด้วยซ้ำไป! ความกว้างของขาทั้งสองก็ครองความกว้างทั้งหมดของมหานทีแห่งกาลเวลาไปจนเต็มแล้ว
ยักษ์ตนนี้เพียงแค่ก้าวขาก็ไปถึงฝั่งข้างมหานทีแห่งกาลเวลาแล้ว
ออกจากสายน้ำแล้วขึ้นสู่ฝั่ง!
นี่มิใช่สายน้ำธรรมดาทั่วไป หากแต่เป็นมหานทีแห่งกาลเวลา เมื่อเดินออกจากสายน้ำขึ้นสู่ฝั่ง ก็เท่ากับว่าเป็นคนอีกฝั่ง เป็นผู้หลุดพ้นแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวก้าวออกไปก้าวหนึ่งก็ไปถึงฝั่งกลางอากาศนั้นแล้ว ทันใดนั้นยักษ์ซึ่งเดิมทีสูงตระหง่านหาใดเปรียบก็พลันหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ในยามนี้พวกตงป๋ออวี้และอวี๋จิ้งชิวจึงสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ยักษ์ซึ่งขาทั้งสองข้างแทบจะทำให้มหานทีแห่งกาลเวลาระเบิดอยู่รอมร่อนั้นก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงนั่นเอง! เพราะถึงอย่างไรบัดนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่เพียงวิถีโลกเทียมสำเร็จเป็นผู้ปกครองเท่านั้น ‘ผู้ท่องอากาศ’ ก็ยังสำเร็จเป็นผู้ปกครองอีกด้วย ร่างจริงและจิตเทพของเขาล้วนแข็งแกร่งยิ่งนัก แข็งแกร่งกว่าผู้ปกครองทั่วไปมากทีเดียว ดังนั้นรูปร่างของเขาที่อยู่ในมหานทีแห่งกาลเวลาจึงได้ใหญ่โตเกินจริงไปมากถึงเพียงนั้น
หลังจากยักษ์ร่างสูงตระหง่านนั้นหดเล็กลงแล้ว ก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาว
“หลุดพ้น ครบสมบูรณ์” ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกว่าวิญญาณของตนครบสมบูรณ์ขึ้นมากทีเดียว “ทว่าร่างจริงและร่างแยกรวมเป็นหนึ่งจึงครบสมบูรณ์ในท้ายที่สุด”
จะสำเร็จเป็นเทพอากาศนั้น
ร่างจริงและร่างแยกจะต้องรวมเป็นหนึ่ง ชีวิตครบสมบูรณ์อย่างแท้จริงจึงจะสามารถก้าวออกมาจากก้าวนั้นได้ และก้าวออกจากขั้นเทพแท้ซึ่งเป็นระดับขั้นใหญ่เข้าสู่ระดับขั้นเทพอากาศนั้น ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงยังคงเป็นผู้ปกครอง ทั้งยังไม่ต้องการเข้าสู่อากาศอันสับสนอลหม่านชั่วคราว จึงไม่จำเป็นต้องรวมร่างจริงและร่างแยกให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
“ท่านพ่อ ข้าได้ยินมาว่าการหลุดพ้นต้องอาศัยพละกำลังของกฎเกณฑ์ฟ้าดินทำให้ตนหลุดออกจากมหานทีแห่งกาลเวลาได้ แต่ท่านแค่ก้าวเพียงก้าวเดียวก็ขึ้นมาริมฝั่งแม่น้ำได้แล้วอย่างนั้นหรือ และร่างกายนั่นก็ใหญ่โตเกินไปแล้ว” ตงป๋ออวี้อ้าปากค้างอยู่ข้างๆ
“ฮ่าฮ่า…ไม่พุดกับเจ้าให้มากความแล้วดีกว่า ข้าออกไปก่อนล่ะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้าให้ภรรยาเล็กน้อย
“ระวังตัวด้วยล่ะ” อวี๋จิ้งชิวกำชับ
ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มแล้วก็หายวับไปกลางอากาศ เขาออกจากโลกวัตถุไปรวมตัวกับพวกจักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตแล้ว