Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 10 กระบี่ที่หนึ่งผลาญโลกา
หัวหน้าใหญ่ยังคงคิดวิธีตามหาร่างจริงของตงป๋อเสวี่ยอิงอยู่ แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ค่อยๆ กระจ่างแจ้งขึ้นจากการต่อกรระหว่างหัวหน้ารองและหัวหน้าสาม ในห้วงสมองมีความรู้สึกปลอดโปร่งอย่างหนึ่งขึ้นมา ในที่สุดก็รับรู้กระบี่ที่หนึ่งของสิบสามกระบี่ผลาญโลกาได้อย่างชัดเจน
กระบี่ที่หนึ่งผลาญโลกานี้ไม่มีกลิ่นควันไฟเลยแม้แต่น้อย ร้ซึ่งกลิ่นอายเข่นฆ่า สิ่งที่มีก็คือความงดงามอันทำให้คนลุ่มหลง ราวกับทุกสิ่งง่ายดายและบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างไรอย่างนั้น
ความงดงามจนถึงขั้นสุดพรรค์นี้ ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงลุ่มหลงอย่างลึกล้ำ เขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าวิถีเข่นฆ่าซึ่งแฝงอยู่ภายในกระบี่นี้ เห็นๆ กันอยู่ว่าไม่ซับซ้อน แต่ก็เหมือนกับถ่านไม้ที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงอันน่ามหัศจรรย์แล้วกลายเป็นเพชรที่งดงามหาใดเปรียบ ‘กระบี่ที่หนึ่งผลาญโลกา’ ซึ่งเกิดจากความเร้นลับวิถีเข่นฆ่าซึ่งไม่ซับซ้อนรวมตัวกันอย่างน่าประหลาดก็น่าหวาดหวั่นถึงเพียงนี้เช่นเดียวกัน
“นี่ก็คือระดับขั้นของบรรพชนเทียนอวี๋ ว่ากันว่ากระบี่ที่สองผลาญโลกา ขั้นผู้ปกครองก็มีโอกาสฝึกให้สำเร็จได้ แม้ในประวัติศาสตร์ตั้งแต่โบราณมาจนถึงบัดนี้ มีผู้ปกครองเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงพึมพำ บรรดาศิษย์อาภรณ์ทองแต่ละคนล้วนไร้เทียมทาน แต่ต่อให้มีศาสตร์ลับวางอยู่ตรงหน้า โดยทั่วไป อย่างมากพวกเขาก็ศึกษากระบี่ที่หนึ่งผลาญโลกาสำเร็จตั้งแต่ยังอยู่ในขั้นผู้ปกครอง แต่บรรพชนเทียนอวี๋กลับสามารถคิดค้นกระบี่ที่สองซึ่งเป็นขั้นผู้ปกครองที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าขึ้นมาได้ เรียกได้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าโดยแท้
“ฟึ่บ”
หอกยาวพลิกหมุนแล้วแทงออกไป ครั้งนี้เหมือนจะพลิกหมุนไปอย่างเชื่องช้านัก แต่นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด อันที่จริงมันกลับรวดเร็วยิ่งนัก ปลายหอก ‘แตะ’ ลงบนแผ่นอกของสัตว์ประหลาดเกล็ดสีดำคราหนึ่งดุจดั่งแมลงปอแตะผิวน้ำ ทันใดนั้นก็แตะจนเกิดเป็นรูใหญ่ และรูขนาดใหญ่นี้ก็แผ่ขยายออกไปทุกทิศทุกทางแล้วทำลายร่างของมันอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย เมื่อทำลายไปกว่าครึ่งแล้วจึงหยุดลง ทำให้สัตว์ประหลาดเกล็ดสีดำเผยสีหน้าตื่นตระหนกออกมา
สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์สามตาซึ่งเต็มไปด้วยขนตัวนั้นประสบกับการโจมตีของร่างแปรสองร่าง ขณะเดียวกัน วิถีหอกที่เหมือนกันซึ่งเป็นเพียงแค่การ ‘แตะ’ อย่างง่ายๆ คราหนึ่งเท่านั้น ร่างกายของสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์สามตากลับมีรูใหญ่มหึมาปรากฏขึ้นถึงสองรู นอกจากนี้รูอันเย็นเยียบยังแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วอีกด้วย
“ไม่” สิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์สามตาตัวนี้ตะโกนด้วยความตื่นตระหนกว่า “พี่ใหญ่ ไว้ชีวิตด้วยเถิด”
“ช่วยด้วย” หัวหน้ารอง สัตว์ประหลาดเกล็ดสีดำไม่ต่อสู้และหนีอย่างบ้าคลั่งแทนแล้ว
พวกเขาทั้งสองล้วนคิดไม่ถึงว่า ร่างแปรที่ยังห้ำหั่นกับพวกเขาได้อย่างสูสีเมื่อครู่นี้ จู่ๆ พลังจะปะทุขึ้น แล้วกดดันพวกเขาได้อย่างสิ้นเชิง คาดว่าอีกไม่กี่กระบวนท่า พวกเขาก็ต้องสังเวยชีวิตแล้ว
“อะไรกัน” หัวหน้าใหญ่ที่ตามหาร่างจริงของตงป๋อเสวี่ยอิงมาโดยตลอดตกใจใหญ่ เขารีบเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเข้ามา “หยุดมือนะ!”
“ฟึ่บ”
แทงออกไปอีกหอกหนึ่ง
ในที่สุดร่างของสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์สามตาที่อาการสาหัสขึ้นก็แหลกสลายลงในที่สุด ขณะที่สิ้นใจนั้น นัยน์ตาของมันเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะถูกผู้ปกครองคนหนึ่งสังหาร! ทั้งยังเป็นเพียงร่างแปรของผู้ปกครองคนหนึ่งเท่านั้นด้วย ทว่าเขาก็ควรตายตาหลับ เพราะผู้ที่สังหารเขานั้นเป็นถึงศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญ! ทั้งยังเป็นผู้ท่องอากาศคนหนึ่งอีกด้วย!
เนื่องจากสัตว์ประหลาดเกล็ดสีดำเพียงแค่เผชิญกับการโจมตีของร่างแปรร่างหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นหัวหน้าใหญ่จึงสามารถช่วยเหลือเขาได้อย่างหวุดหวิด ด้วยการเก็บเขาลงไปในสมบัติล้ำค่าคูหาสวรรค์ ชั่วขณะที่ถูกช่วยเอาไว้ได้นั้น สัตว์ประหลาดเกล็ดสีดำจึงคลายใจลง
กลางอากาศ
ชายหนุ่มชุดดำสามคนที่เหมือนกันทุกประการยืนอยู่กลางอากาศ รายล้อมหัวหน้าใหญ่เอาไว้
นัยน์ตาสีเหลืองเข้มของหัวหน้าใหญ่กวาดผ่านร่างแปรสามร่างตรงหน้า นัยน์ตาเต็มไปด้วยแววสังหาร เขาพูดเสียงต่ำว่า “ข้าได้ยินมาตั้งนานแล้วว่ามีผู้ปกครองในตำนานบางคนที่บำเพ็ญหลายระบบควบคู่กัน บางคนถึงขั้นคารวะเข้าอยู่ในสำนักของเทพจักรวาล พวกเขาสามารถอาศัยร่างผู้ปกครองแล้วต่อสู้ข้ามขั้นมาสังหารเทพอากาศได้! แต่แค่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็นเลย ครั้งนี้ได้เห็นแล้ว เพียงแค่ส่งร่างแปรมาก็สังหารเทพอากาศได้แล้ว ช่างเก่งกาจจริงๆ ไม่ทราบว่าเจ้ามาจากขุมอำนาจใดหรือ เป็นโลกทิพย์ใดในห้าโลกกันแน่เล่า”
“เจ้าเดาไม่ออกรึ” ตงป๋อเสวี่ยอิงถามกลับ
“เห็นๆ กันอยู่ว่าร่างแปรนั้นอ่อนแอมาก แต่วิถีหอกพิสดารเช่นนี้และเหนี่ยวนำอานุภาพที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้ขึ้นมาได้ เจ้าเป็นคนของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์หรือ” หัวหน้าใหญ่ถาม “ได้ยินมาว่าบรรพชนผู้ก่อตั้งระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ตกต่ำลงไปตั้งนานแล้ว บัดนี้ที่แข็งแกร่งที่สุดเห็นจะเป็นวังทวีสูญแห่งโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา เจ้าเป็นคนของวังทวีสูญหรือ แต่ผู้ปกครองเช่นเจ้าคนหนึ่ง ไม่อยู่ในโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา แต่มาจนถึงแถบโลกทิพย์กิเลนบูรพาได้ เหตุใดจึงล่องลอยมาไกลถึงเพียงนี้เล่า เห็นทีข้าคงจะเดาผิดไปแล้ว เจ้ามิใช่คนของวังทวีสูญ หากแต่บังเอิญได้รับมรดกที่ร้ายกาจบางอย่างของระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์มาโดยบังเอิญใช่หรือไม่เล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้ม “เจ้ารู้อะไรมากมายทีเดียว ยังคิดว่าเจ้าจะเข้าใจโลกทิพย์ทั้งห้าน้อยมากเสียอีก”
“เจ้าจากไปเสียเถิด ข้าจะไม่สังหารเจ้าก็ได้” หัวหน้าใหญ่พูดเสียงเย็นชา
“จากไปรึ จะไม่สังหารข้ารึ ทำไมกัน เจ้าหาร่างจริงของข้าพบได้อย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มหยัน “หาร่างจริงของข้ายังไม่พบเลย ก็อย่ามาพูดว่าจะไม่สังหารข้าอะไรนั่น ยิ่งไปกว่านั้นลำพังแค่ร่างแปรสามร่างของข้า เกรงว่าเจ้าก็คงจะสังหารไม่หวาดไม่ไหวแล้ว”
หัวหน้าใหญ่สีหน้าเปลี่ยนแปรไป
“รับความตายเสียเถอะ” ตงป๋อเสวี่ยอิงแค่นเสียงเฮอะเย็นชาคราหนึ่ง ร่างแปรสามร่างลงมือพร้อมกัน
เขาไม่มีทางไว้น้ำใจเด็ดขาด
ครั้งนี้หัวหน้าใหญ่ได้รับการเหยียดหยามมากมายเช่นนี้ แม้แต่หัวหน้าสามก็ยังสู้จนตัวตาย หากตงป๋อเสวี่ยอิงจากไปเช่นนี้ หัวหน้าใหญ่ระบายโทสะคราหนึ่ง สิ่งมีชีวิตภายในดินแดนอลหม่านแห่งนี้ก็คงประสบภัยไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่! ดังนั้นแน่นอนว่าตนจึงต้องลงมือถอนรากถอนโคนเสีย!
……
ทั้งสองฝ่ายพลันประมือกันขึ้นมา
ร่างแปรสามร่างท่องไปในฟ้าดินโลกเทียม เข้าล้อมโจมตีหัวหน้าใหญ่ หอกยาวหลายเล่มโจมตีเข้ามาครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดหัวหน้าใหญ่ก็สยายปีกสีทองของเขา ก่อนจะกลายเป็นสายฟ้าอันเลือนรางสายหนึ่ง ความเร็วสูงยิ่งนัก อานุภาพในการพัดกระพือของปีกก็น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างยิ่ง ขนสีทองแต่ละเส้นเหนือปีกของเขาล้วนคมกริบและทนทานประหนึ่งปลายกริชอย่างไรอย่างนั้น! เคร้งๆๆ…
หอกยาวแทงลงบนปีก ทิ้งไว้เพียงจุดสีขาวเท่านั้น มิอาจแทงทะลุได้เลย
“ส่วนท้องของเขาอ่อนแอกว่ามากทีเดียว” ร่างแปรทั้งสามของตงป๋อเสวี่ยอิงกำลังร่วมมือกันล้อมโจมตี
ทางด้านหัวหน้าใหญ่ก็ปลดปล่อยบริเวณออกมากดดันทั่วสารทิศ บางครั้งก็ปล่อยสายฟ้าสีเขียวออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ปีกและกรงเล็บโจมตีเข้ามาหลายต่อหลายครั้ง และถึงขั้นทำให้ร่างแปรทั้งสามของตงป๋อเสวี่ยอิงทำอะไรมิได้ ปีกของมันแค่ประสานกันเล็กน้อยก็สามารถป้องกันส่วนท้องของมันเอาไว้ได้แล้ว
“พลังของเขาแข็งแกร่งกว่าหัวหน้ารองและหัวหน้าสามมากเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นด้านพละกำลังหรือความเร็วหรือการป้องกันก็ล้วนร้ายกาจกว่าทั้งสิ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับยังคงรู้สึกว่าโชคดี
เคราะห์ดีที่เป็นเพียงเหล่ากลืนกินซึ่งรู้จักแต่อาศัยความสามารถพื้นฐานที่สุดเท่านั้น
หากเป็นเทพอากาศจำพวกความเร้นลับของกฎเกณฑ์ บริเวณกฎเกณฑ์ก็จะน่ากลัวยิ่งกว่า เพราะพวกเขาอาศัยกฎเกณฑ์ในการสำเร็จเป็นเทพอากาศ บริเวณกฎเกณฑ์ของพวกเขา…ก็จะใช้กฎเกณฑ์ที่พวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดเป็นตัวกำหนด! วิธีการต่อสู้ก็จะพิสดารกว่ามากทีเดียว
ส่วนเหล่ากลืนกินน่ะหรือ ยังโง่เง่ากว่าพวกต่อสู้อย่างลัทธิจอมมารดาเสียอีก
ดังนั้นแม้ว่าจะทำร้ายฝ่ายตรงข้ามมิได้ในชั่วพริบตา แต่การป้องกันตนเองของร่างแปรทั้งสามกลับไร้ข้อบกพร่อง เนื่องจากการโจมตีของอีกฝ่ายตรงไปตรงมามากเกินไป ร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิงจึงสามารถแก้ไขไปทีละเปลาะได้อย่างง่ายดาย
“สมควรตาย”
“ไยจึงมิอาจฆ่าเขาให้ตายได้ แม้แต่ร่างแปรทั้งสามของเขาก็ยังฆ่าไม่ได้เสียที” หัวหน้าใหญ่ร้อนรนขึ้นมาบ้างแล้ว เขาโจมตีอย่างบ้าคลั่งตามอำเภอใจ อานุภาพยิ่งใหญ่โหมซัด เห็นๆ กันอยู่ว่าร่างแปรทั้งสามของมนุษย์ตรงหน้าผู้นี้มีร่างกายที่อ่อนแอมาก แต่วิถีหอกกลับพิสดารอย่างยิ่ง แต่ละหอกล้วนสามารถจัดการสายฟ้าของเขาได้อย่างง่ายดาย แล้วถ่ายเทพลังกวาดล้างของปีกเขาออกไป…
“ฟึ่บ!”
นี่คือหอกยาวด้ามไม้สีม่วงเข้มเล่มหนึ่ง บนด้ามหอกมีลวดลายที่ดูเหมือนจะธรรมดามากอยู่ ทว่าท้ายที่สุดชวดลายเหล่านี้ก็ไปรวมตัวกันตรงปลายหอก นอกจากนี้ทั้งหอกยาวยังมีประกายสีดำเป็นมันชั้นหนึ่งไหลเวียนอยู่ ซึ่งก็คือเกราะพลนั่นเอง
ปลายหอกแทงออกไปจากกลางอากาศประหนึ่งแมลงปอแตะผิวน้ำ และดุจดั่งจุมพิตของคู่รัก หัวหน้าใหญ่รีบสยายปีกออกไปสกัดกั้นอย่างรู้ตัว แต่ปลายหอกก็ยังคงแทงทะลุปีกสีทองนั้นมาและแทงเข้าสู่ส่วนท้องของเขา ก่อนจะทะลุร่างกายไป
เก็บหอกโดยพลัน
หายไปอย่างไร้ร่องรอย
สลายหายไปอย่างสิ้นเชิงราวกับไม่เคยลงมือมาก่อนอย่างไรอย่างนั้น
“ร่างจริง ร่างจริงของเขา” ดวงตาของหัวหน้าใหญ่เบิกกว้างจนแทบถลน พลางมองไปด้านหลังด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม แต่ให้อย่างไรก็หาไม่พบอีกแล้ว
“อ๊าก” รูใหญ่ที่แทงทะลุปีกและร่างกายของเขากลับแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็วและกัดกินพลังชีวิตของเขา ทำให้เขาเผยสีหน้าร้อนรนใจออกมา เขาสัมผัสได้ว่าความตายคืบคลานเข้ามาใกล้ “มิได้ว่ากันว่าระบบความเร้นลับของกฎเกณฑ์ สิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือกฎเกณฑ์ จนร่างจริงและร่างแปรของพวกเขามีความแตกต่างกันมากมายอย่างยิ่งหรอกหรือ เหตุใด เหตุใดคนผู้นี้…แตกต่างกันแค่นี้เองหรือ”
เพียงพอจะเทียบกับพละกำลังของเทพอากาศทั่วไปได้แล้ว!
เป็นเกราะพลที่มีพละกำลังทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่น!
บวกกับอาวุธเทพอากาศเล่มหนึ่งซึ่งมีเพียงศิษย์อาภรณ์ทองเท่านั้นจึงจะได้มา แล้วผสานกับกระบี่ที่หนึ่งผลาญโลกาในท้ายที่สุด! อานุภาพจึงย่อมเหนือกว่าร่างแปรมากเป็นธรรมดา
“ไม่”
เขาเคลื่อนที่ในอากาศหมายจะรุดหนีไป
“ฟึ่บ” เขาเคลื่อนที่ในอากาศตามสัญชาตญาณล้วนๆ ไหนเลยจะสู้ผู้ท่องอากาศซึ่งเข้าถึงวิชาลับผู้ท่องชั้นที่ยี่สิบได้ หอกยาวแทงถูกร่างของเขาอีกครั้ง จากนั้นก็แทงออกไปอีกหอกหนึ่งอย่างไม่ไว้น้ำใจเลยแม้แต่น้อย
เพียงสามหอกเท่านั้น!
หัวหน้าใหญ่ที่หมายจะรุดหนีไปก็ทรุดร่วงลงไป ร่างกายของเขาประสบกับการกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว เขาเผยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อออกมาพลางมองไกลออกไปด้านหลัง ขณะนี้กลางอากาศไกลออกไปมีชายหนุ่มในชุดขาวพลิ้วไสวซึ่งในมือถือหอกยาวสีม่วงเข้มเล่มหนึ่งเอาไว้เดินออกมา ดวงตาของเขาเยียบเย็นหาใดเปรียบ ส่วนร่างแปรสามร่างโดยรอบก็สลายหายไปทันที
“ร่างจริง ในที่สุดก็เห็นร่างจริงของเจ้าแล้ว บอกข้ามาสิว่าที่แท้แล้วเจ้ามาจากที่ใดกันแน่” ร่างกายของหัวหน้าใหญ่ถูกกัดกินไปอย่างรวดเร็ว เขาถูกกัดกินไปจนถึงศีรษะแล้ว เขาพูดยังไม่ทันขาดคำ ร่างกายก็แหลกสลายกลายเป็นผุยผงไปจนสิ้นแล้ว
“ตงป๋อเสวี่ยอิง ศิษย์อาภรณ์ทองแห่งวังทวีสูญ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดเบาๆ
น่าเสียดายที่หัวหน้าใหญ่ไม่ได้ยิน
…………………………………..