Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 27 ท้าประลอง
“ช่างเยาว์วัยนัก” จอมกระบี่ บุรุษผมขาวมองลงไปยังเบื้องล่างพร้อมเผยรอยยิ้มหนึ่งออกมา
บรรพชนเทียนอวี๋ที่อยู่ด้านข้างก็สังเกตเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงแล้วเช่นกัน เขาพูดยิ้มๆ ว่า “ตอนแรกที่ข้าสถาปนาจักรวาลห้าแห่ง ในบรรดาจักรวาลที่สถาปนานั้น ยุคจักรวาลของเจ้ากับจอมมารนั้นค่อนข้างล้ำเลิศทีเดียว ถึงได้ให้กำเนิดพวกเจ้าสองคนออกมาได้! แต่หลังจากนั้นก็ค่อนข้างธรรมดาแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้สามารถผ่านการทดสอบของศิษย์อาภรณ์ทองภายในจักรวาลได้ อย่างน้อยก็มีศักยภาพมากพอดูทีเดียว”
จอมกระบี่พยักหน้าน้อยๆ
สำหรับเจ้าเด็กรุ่นหลังที่มาจากจักรวาลบ้านเกิด จอมกระบี่และจอมมารก็ย่อมต้องมีความชอบพออยู่บ้างเป็นธรรมดา ดังนั้นคราวนี้จอมกระบี่จึงได้มาเข้าร่วมกิจกรรมใหญ่เพื่อมาดูว่าเด็กรุ่นหลังผู้นี้มีพลังยุทธ์เป็นเช่นไรบ้าง
“เริ่มกันเลยเถิด! ”บรรพชนเทียนอวี๋เอ่ยปากในทันใด น้ำเสียงก้องกังวานสะท้อนอยู่ภายในลานโลกสันติ
เขากับจอมกระบี่ บรรดาเหล่าประมุขวังขั้นอลวนและเหล่าผู้อาวุโสตำหนักในเริ่มต้นดื่มสุราสนทนากัน สำหรับพวกเขาแล้วก็คืองานพบปะพูดคุยกันงานหนึ่ง โดยปกติแล้วทุกคนต่างก็มีธุระส่วนตัว กิจกรรมใหญ่เช่นนี้ก็เป็นโอกาสที่จะได้มารวมตัวกัน ระหว่างนั้นก็ได้ดูว่าเด็กรุ่นหลังพวกไหนบ้างที่ค่อนข้างมีศักยภาพ
ทางด้านล่าง
บนเสาหินแต่ละต้น บรรดาศิษย์เทพแท้ทั้งหลายกลับเตรียมตัวพร้อมกันถ้วนหน้า
“ศิษย์พี่เฉินเทา เชิญ” เงาร่างสายหนึ่งเหินลอยออกจากเสาหินมายังกลางเวหาแล้วเริ่มต้นท้าประลองในทันใด
“เฮอะ”
ศิษย์อาภรณ์ม่วงอีกคนที่ถูกท้าประลองส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นคราหนึ่งแล้วเหินทะยานออกไปรับคำท้า
……
การประลองจัดอันดับศิษย์เทพแท้ก็มีกฎกติกาอยู่เช่นกัน
ลำดับสูงที่สุดที่ศิษย์ทุกคนสามารถท้าทายได้คือผู้ที่อยู่สูงกว่าตนยี่สิบลำดับ! ไม่จำกัดจำนวนครั้งในการท้าประลอง แต่ถ้าหากแพ้การประลองสามครั้ง ก็จะไม่มีโอกาสในการท้าประลองอีกต่อไป
แต่ถ้า ‘ถูกท้าประลอง’ แล้วพ่ายแพ้ ก็ไม่นับว่าอยู่ใน ‘แพ้การประลองสามครั้ง’
หากชนะแล้วก็จะได้ครอบครองลำดับของผู้ชนะ
ผู้ที่แพ้การประลองก็จะขยับถอยหลังไปหนึ่งลำดับ
……
เช่นผู้ที่จัดอยู่หลังลำดับที่เจ็ดร้อย ทุกครั้งที่ท้าประลองก็ท้าผู้ที่อยู่สูงกว่าตนยี่สิบลำดับ คิดจะสังหารไปจนถึงลำดับแรก อย่างเร็วที่สุดก็ต้องประลองสามสิบกว่าครั้ง และระหว่างการประลองก็มีศิษย์เทพแท้มากมายถึงเพียงนี้ที่สามารถท้าประลองซึ่งกันและกันได้ ดังนั้นใน ‘การประลองจัดอันดับศิษย์เทพแท้’ ครั้งหนึ่งๆ นั้นจะดำเนินไปเป็นสิบๆปี ก็เป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
แน่นอน
ผู้ชมการประลองไม่ว่าจะเป็นบรรพชนเทียนอวี๋ จอมกระบี่ เหล่าประมุขวังขั้นอลวน และเหล่าผู้อาวุโสตำหนักใน หรือผู้อาวุโสตำหนักนอกคนอื่นๆ ย่อมไม่มีสิทธิ์ในการเข้าร่วมการประลองของศิษย์เทพแท้ ลำพังเวลาเพียงสิบปีมิใช่สิ่งที่ต้องยกมาเป็นประเด็นสำหรับพวกเขาเลย
******
“ศิษย์พี่ชื่อ เชิญ” ตามเสียงเย็นชาเสียงหนึ่ง
ทันใดนั้นไม่ว่าจะเป็นเหล่าศิษย์กลุ่มใหญ่ที่ชมดูอยู่ด้านข้าง เหล่าผู้อาวุโสตำหนักในตำหนักนอก หรือจะเป็นศิษย์อาภรณ์ทองบนเสาหิน หรือเหล่าศิษย์อาภรณ์ม่วง สายตาส่วนใหญ่ต่างก็จับตามองไป เพราะ ‘ศิษย์พี่ชื่อ’ คือศิษย์อาภรณ์ทองผู้จัดอยู่ในลำดับที่เก้า ทั้งยังเป็นการท้าประลองศิษย์อาภรณ์ทองครั้งแรกของการประลองจัดอันดับศิษย์เทพแท้ในครั้งนี้
ถ้าหากชนะแล้วล่ะก็ ฝ่ายตรงข้ามก็จะสามารถขึ้นมาเป็นลำดับที่เก้าแทนได้!
“ศิษย์น้องหญิงเฟิ่งอวิ๋น เจ้าจะมาท้าประลองข้าอย่างนั้นหรือ” ตามหลังเสียงหัวเราะอันกังวาน ศิษย์อาภรณ์ทองผู้เป็นบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำ ผิวหนังสีแดงเข้ม ศีรษะล้านเลี่ยนเป็นเงามันก็เหินลอยออกมา เขายื่นมือออกมาคราหนึ่งก็มีค้อนใหญ่สีดำอันหนึ่งปรากฏขึ้น
“ท่านต้องระวังแล้วล่ะ” หญิงสาวนัยน์ตาสีเงินมีแววต่อสู้คับฟ้าอยู่ในดวงตา
เสียงพูดเพิ่งเอ่ยออกไป
หญิงสาวนัยน์ตาสีเงินแปลงร่างเป็นสกุณาปีกสีแดงขนาดมหึมาตัวหนึ่ง สกุณาตัวนี้มีนัยน์ตาสีเงินคู่หนึ่ง บริเวณรอบๆ ปีกมีเปลวเพลิงท่วมฟ้าก่อตัวขึ้นเองโดยอัตโนมัติ ปัง… กองเพลิงอันปั่นป่วนกวาดล้อมบริเวณโดยรอบในทันใด รวมทั้งห่อหุ้ม ‘ศิษย์พี่ชื่อ’ ที่อยู่ไกลออกไปเอาไว้ด้วย แต่ศิษย์พี่ชื่อกลับฉีกยิ้มกว้างคราหนึ่งแล้วเหวี่ยงค้อนใหญ่ในมือออกไปโดยพลัน
ท่อนแขนพุ่งขึ้นบนท้องฟ้า ค้อนใหญ่ก็เปลี่ยนเป็นขนาดมหึมาราวกับภูเขาลูกหนึ่งกดทับลงมา แต่มีความรู้สึกลึกลับเป็นที่สุด ในขณะนี้พลานุภาพของห้วงมิติโดยรอบดูคล้ายว่าจะรวมตัวอยู่บนค้อนใหญ่นั้นจนสิ้น
……
สิ่งที่ศิษย์พี่ชื่อผู้จัดอยู่ในลำดับที่เก้าสำแดงก็คือศาสตร์ลับขั้นจักรวาล ‘พิทักษ์โลก’ นี่คือศาสตร์ลับที่เน้นในทางการป้องกันศาสตร์หนึ่ง เป็นหนึ่งในสามศาสตร์ลับขั้นจักรวาลที่บรรพชนเทียนอวี๋สรรสร้างขึ้น! แต่ว่าศิษย์พี่ชื่อกลับนำมาใช้กับค้อนใหญ่ และนำมาใช้ในการบุกโจมตีเช่นเดียวกัน
ศิษย์พี่ชื่อยังได้ซึมซับศาสตร์พิทักษ์โลกเข้าไปในเคล็ดวิชาบำเพ็ญฝึกฝนร่างกาย บำเพ็ญเป็นร่างกายที่แกร่งกล้าออกมา ความแข็งแกร่งของพละกำลัง ตงป๋อเสวี่ยอิงประมาณว่าพลังยุทธ์อยู่ราวๆ ‘วิชาลับผู้ท่อง’ ลำดับขั้นที่สิบหกสิบเจ็ด และสิ่งที่ร่างกายของศิษย์พี่ชื่อเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการป้องกัน
ศิษย์น้องหญิงเฟิ่งอวิ๋น คราวก่อนจัดอยู่เป็นลำดับที่สิบห้า เดิมทีก็เป็นสิ่งมีชีวิตแห่งห้วงอากาศที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศคนหนึ่งอยู่แล้ว กราบอาจารย์อยู่ภายใต้สำนักวังทวีสูญ ศาสตร์ลับที่หยั่งรู้หลอมรวมเข้ากับพรสวรรค์ พลังยุทธ์แข็งแกร่งเป็นที่สุดแต่ออกจะขาดแคลนโชค ไม่สามารถเข้าเป็นสิบอันดับแรกได้มาโดยตลอด
การประลองในยกนี้ต่อสู้กันเป็นเวลาสามชั่วโมงเต็มๆ ศิษย์น้องหญิงเฟิ่งอวิ๋นอาศัยความว่องไวของร่างกายเป็นข้อได้เปรียบในการต่อสู้มาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ยังเป็นศิษย์พี่ชื่อที่เป็นผู้ชนะ!
……
การประลองยกแล้วยกเล่าดำเนินต่อไป
ตงป๋อเสวี่ยอิงนั่งขัดสมาธิชมดูการประลองอยู่บนเสาหิน ชมอย่างตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เพราะศิษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นความเร้นลับของกฎเกณฑ์ระดับผู้ปกครอง แต่กลับสามารถระเบิดพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่งออกมาได้! สำหรับการใช้ความเร้นลับของกฎเกณฑ์จำนวนมากต่างก็ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตาลุกวาว เขาก็ได้เห็นผู้ที่เชี่ยวชาญวิถีเข่นฆ่าจำนวนหนึ่ง ทั้งยังมีผู้ที่เชี่ยวชาญวิถีระลอกคลื่นและวิถีโลกเทียมอยู่ด้วย…
ถึงแม้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงจะมีความมั่นใจในการคว้าชัยชนะ แต่ผู้อื่นก็มีข้อได้เปรียบเช่นกัน ดึงจุดแข็งของผู้อื่นแล้วซึมซับเข้าสู่ตนเอง
เพียงพริบตาเดียว กิจกรรมใหญ่ครั้งนี้ก็ดำเนินมาครึ่งปีแล้ว
แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับยังมิได้ประลองเลยแม้แต่ยกเดียว!
หนึ่งก็เพราะเหล่าศิษย์เทพแท้มีมากมายเกินไปจริงๆ มีถึงเจ็ดร้อยกว่าคน สอง ผู้ที่มาท้าประลองกับลำดับแรกๆ เหล่านั้น ก็ตรงไปท้าประลองกับสิบลำดับแรกกันทั้งสิ้น! เพราะมีเพียงการเอาชนะสิบคนแรกเท่านั้นจึงจะสามารถแทนที่พวกเขาได้ กลายเป็นศิษย์อาภรณ์ทองคนใหม่ สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นศิษย์อาภรณ์ทองเช่นกัน แต่เขาถูกจัดอยู่ในลำดับที่สิบเอ็ด รอให้การประลองจัดอันดับเสร็จสิ้นลง ลำดับที่สิบเอ็ดนี้ก็จะเป็นเพียงแค่ศิษย์อาภรณ์ม่วงเท่านั้น
ภายใต้สถานการณ์ปกติ กำหนดให้มีศิษย์อาภรณ์ทองเพียงสิบคนเท่านั้น
แน่นอนว่าหากมิได้เข้าร่วมการประลองเลยแม้แต่ยกเดียว ก็ยังมีเหตุผลที่สามอยู่… ก็คือตงป๋อเสวี่ยอิงชมดูการประลอง ชมดูจนตื่นเต้นเกินไป!
เปิดกว้างโลกทัศน์!
ถึงแม้ว่าจะพลิกอ่านตำรามามากมาย แต่เหล่าผู้ปกครองที่มีความเร้นลับของกฎเกณฑ์อันเลิศล้ำเป็นที่สุดกลุ่มหนึ่งต่อสู้กันด้วยชีวิตจริงๆ ก็ยังทำให้เขาได้อะไรมามากมายนัก หยั่งรู้วิถีเข่นฆ่า วิถีระลอกคลื่น และวิถีโลกเทียมได้ลึกล้ำยิ่งขึ้นอีก แม้กระทั่งสิบสามกระบี่ผลาญโลกากระบี่ที่สองบางส่วนที่ยังสับสนอยู่บ้างก็ล้วนเข้าใจได้กระจ่างแล้ว
เดิมทีการบำเพ็ญก็คือการสั่งสม สั่งสมเพียงพอแล้วก็สามารถบรรลุได้! ตอนนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงชมดูการประลองก็เป็นการสั่งสมอย่างหนึ่ง! ถึงอย่างไรบรรดาผู้ปกครองเหล่านี้ต่างก็ล้ำเลิศเหลือเกิน
ถึงแม้ว่าท่านอาจารย์ ‘จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิต’ จะอยู่ในขั้นผู้ปกครอง แต่ถ้าหากมาเข้าร่วมการประลองก็เกรงว่าจะมิอาจเข้าเป็นหนึ่งร้อยคนแรกได้!
ระดับความร้ายกาจของศิษย์เทพแท้แห่งวังทวีสูญ แค่คิดก็สามารถรู้ได้แล้ว
“ศิษย์พี่ตงป๋อเสวี่ยอิง เชิญ!” ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“เอ่อ…”
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่กำลังชมดูการประลองอีกสนามหนึ่งที่อยู่ไกลออกไปอย่างตั้งอกตั้งใจอดสะดุ้งคราหนึ่งมิได้ แล้วจึงเห็นว่ากลางเวหาเบื้องหน้ามีชายหนุ่มผิวดำผู้หนึ่งกำลังจ้องมองตนอยู่
ท้าประลองหรือ
มาท้าประลองกับตนจริงๆ น่ะหรือ
ตงป๋อเสวี่ยอิงค่อนข้างจะยินดี แต่ต่อให้ชนะตนแล้วก็เป็นเพียงแค่ลำดับที่สิบเอ็ดเท่านั้นเอง
“ศิษย์น้องผู้นี้ เชิญ” แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็เหินลอยออกมา
“หืม”
“ตงป๋อเสวี่ยอิงหรือ”
“นี่ก็คือศิษย์อาภรณ์ทองตงป๋อเสวี่ยอิงที่ออกมาจากจักรวาลผู้นั้นน่ะหรือ”
“เขามาจากจักรวาลแห่งเดียวกันกับจอมกระบี่และจอมมาร”
การประลองยกนี้ดึงดูดสายตาของบรรดาศิษย์กลุ่มใหญ่ในทันใด เพราะบรรดาศิษย์อาภรณ์ทองสิบคนคนอื่นๆ นั้นก็มิได้กำลังประลองอยู่ในตอนนี้ ผู้ที่สามารถท้าประลองพวกเขาสิบคนได้ต่างก็ต้องจัดอยู่ในสามสิบลำดับแรกเท่านั้น ดังนั้นนานๆ ที จึงจะมีการประลองของศิษย์อาภรณ์ทองสักยกหนึ่ง
“เจ้าเด็กตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้นี่เอง” จอมมารก็มองลงไปยังเบื้องล่าง และจอมกระบี่ บุรุษผมขาวที่อยู่ในตำแหน่งสูงที่สุดก็มองลงไปเช่นเดียวกัน
สำหรับพวกเขาสองคนแล้วก็ยังมีความสนใจในการประลองของเด็กรุ่นหลังจากบ้านเกิดอยู่พอสมควรทีเดียว
……
ชายหนุ่มผิวดำยืนอยู่กลางเวหาพลางเปิดปากเอ่ยว่า “เป้าเซียวคารวะศิษย์พี่ตงป๋อเสวี่ยอิง ศิษย์พี่เคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ในยามที่ประลองจัดอันดับศิษย์เทพแท้สามารถเดิมพันการประลองได้ ใช่หรือไม่เล่า”
ตงป๋อเสวี่ยอิงสะดุ้งคราหนึ่ง สีหน้าแปรเปลี่ยนเล็กน้อย
เดิมพันการประลองหรือ
ตนเองยังประหลาดใจอยู่เลยว่าเพราะเหตุใดจึงต้องมาท้าประลองกับตน! ต่อให้เอาชนะตนก็มิอาจเข้าเป็นสิบลำดับแรกได้อยู่ดี ที่แท้ก็เพื่อการเดิมพันนี่เอง!
“ใช่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
“เดิมพันเป็นอาวุธเทพอากาศของศิษย์พี่ได้หรือไม่” ชายหนุ่มผิวดำเอ่ยต่อไป
ขณะนี้บรรดาศิษย์คนอื่นๆ ต่างก็พากันตื่นเต้นขึ้นมา เดิมพันการประลอง ตอนแรกศิษย์อาภรณ์ทองที่มาจากจักรวาลผู้นี้เพิ่งมาเยือนวังทวีสูญ ผู้ที่คิดจะเดิมพันการประลองก็มีอยู่มากมาย! แต่ถึงอย่างไรพอผ่านไปสามสิบกว่าล้านปี ศิษย์อาภรณ์ทองผู้นี้ก็ไปพลิกอ่านตำราจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในตำหนักหมื่นรูป ตอนนี้พลังยุทธ์ยากจะคาดเดาได้ เดิมพันก็ต้องยิ่งใหญ่ ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงไม่มีใครไปเดิมพันการประลองเลยมาโดยตลอด
“คราวก่อนเป้าเซียวจัดอยู่ในลำดับที่สิบหก แต่เขาก็เคยเป็นศิษย์อาภรณ์ทองมาก่อนแล้ว”
“เขาที่เคยเป็นศิษย์อาภรณ์ทองมาแล้วคนหนึ่ง ถึงกับจะมาเดิมพันการประลองกับตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้ รังแกผู้อื่นมากเกินไปแล้วหรือไม่”
“ใจดำเสียจริง”
“ตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้คงจะไม่โง่เง่าขนาดยอมตอบรับการประลองเดิมพันหรอกกระมัง”
เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างพากันลอบวิพากษ์วิจารณ์
ถึงแม้ว่าคราวก่อนเป้าเซียวจะจัดอยู่ในลำดับที่สิบหก แต่ก็มิได้หมายความว่าเขาจะอ่อนแอกว่าสิบห้าคนนั้น! เพราะว่ามิได้เข้าเป็นสิบคนแรก ลำดับหลังจากนั้นก็มิได้สำคัญถึงเพียงนั้นแล้ว ถึงอย่างไรเป้าเซียวก็เคยเป็นศิษย์อาภรณ์ทองมาก่อน พลังยุทธ์ก็ย่อมล้ำเลิศเป็นที่สุดอยู่แล้ว
“เจ้าคิดจะเดิมพันเอาอาวุธเทพอากาศของข้าอย่างนั้นหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเขา “เช่นนั้นเจ้าก็หยิบเอาศิลาปฐมโลกายี่สิบห้าก้อนหรือสมบัติล้ำค่าที่มีมูลค่าเท่ากันมาสินะ”
“แน่นอนว่าข้าเอามาด้วย” ชายหนุ่มผิวดำมองตงป๋อเสวี่ยอิง “ศิษย์พี่จะยอมเดิมพันการประลองหรือไม่เล่า ตอนนี้บรรดาศิษย์พี่ศิษย์น้องล้วนอยู่กันพร้อมหน้า แม้กระทั่งประมุขวังสองท่านและบรรดาประมุขวังทั้งหลายต่างก็อยู่กันด้วย พอออกปากพูดไปแล้วก็มิอาจนึกเสียใจภายหลังได้แล้วนะ!”
“เช่นนั้นก็ประลองเดิมพันกันเถิด” ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
ชายหนุ่มผิวดำสะดุ้งคราหนึ่งแล้วรีบกดความปิติยินดีแทบคลั่งในใจเอาไว้ในทันใด
ถึงอย่างไรเขาก็เคยเป็นศิษย์อาภรณ์ทองมาก่อน ดังนั้นความกระหายอยากที่จะเป็นสิบคนแรกจึงมิได้รุนแรงปานนั้น เพราะเขาได้ผลปัดจิตวิญญาณมาครอบครองแล้ว ศาสตร์ลับขั้นจักรวาลก็เคยได้ครอบครองแล้ว ในทางกลับกัน…เขาค่อนข้างจะหมายตากับการเดิมพันการประลองกับตงป๋อเสวี่ยอิง นั่นก็คืออาวุธเทพอากาศชั้นยอดชิ้นหนึ่ง! การที่เขาจะหยิบเอาสมบัติล้ำค่าศิลาปฐมโลกายี่สิบห้าก้อนออกมานั้นก็เป็นการทุ่มทุนหมดหน้าตักแล้ว การเก็งกำไรในครั้งนี้ช่างได้กำไรเป็นกอบเป็นกำเสียจริง!
คนอื่นๆ ที่เคยเป็นศิษย์อาภรณ์ทองมาก่อน บ้างก็รักษาหน้า บ้างก็คิดว่าตงป๋อเสวี่ยอิงคงจะไม่โง่งมไปตอบรับการเดิมพัน ทั้งหมดจึงล้วนไม่มีใครเอ่ยปากท้าประลองเลย
แต่เขากลับเปิดปากเสียแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ยอมตอบรับเสียด้วย! นี่ทำให้ผู้ที่เคยเป็นศิษย์อาภรณ์ทองต่างก็เป็นกังวล เหตุใดตงป๋อเสวี่ยอิงผู้นี้จึงได้ยโสเช่นนี้เล่า เหตุใดข้าจึงไม่ชิงท้าประลองแซงหน้าไปก่อนเล่า
“คงไม่นึกเสียใจภายหลังนะ” ชายหนุ่มผิวดำถามซ้ำอีกรอบหนึ่ง
“ไม่นึกเสียใจแน่นอน” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
ขณะนี้ คนส่วนมากในกิจกรรมใหญ่ล้วนแล้วแต่มองมาทางพวกตงป๋อเสวี่ยอิงสองคน ทว่าจอมมารและจอมกระบี่ก็เพียงแค่ชมดูอยู่อย่างสนอกสนใจ มิอาจห้ามปรามได้เลยแม้แต่น้อย! บำเพ็ญมาถึงระดับขั้นเช่นตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิใช่เด็กน้อยอมมืออีกต่อไปแล้ว การตัดสินใจใดๆ ล้วนต้องให้ตนเองเป็นผู้รับผลที่จะตามมาทั้งสิ้น
……………………………..