Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 36 การแปรสภาพของโลก
ครึ่งชั่วยามให้หลัง
ณ ประตูทางเข้าเจดีย์ดาว ตงป๋อเสวี่ยอิงปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ สีหน้าของเขาซีดขาว พละกำลังอันร้ายกาจขุมหนึ่งถูกขับออกจากภายในร่างเขาอย่างต่อเนื่อง พอออกมาสู่โลกภายนอกแล้ว พลังสีเทาอันร้ายกาจขุมนั้นก็แปรเปลี่ยนไปเป็นไร้ซึ่งสรรพสิ่ง
“ข้าไม่สนว่าจะได้รับบาดเจ็บ ที่ทำลงไปทั้งหมดก็เพียงเพื่อทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ย่อมมิอาจบุกสังหารเขาได้อยู่แล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูทางเข้าตรงหน้า “ชั้นที่หนึ่งของเจดีย์ดาวช่างยากเย็นอะไรเช่นนี้”
กระบี่ที่สองผลาญโลกา ว่ากันว่าขั้นผู้ปกครองใช้ต่อสู้ ก็เพียงพอที่จะหนีเอาชีวิตรอดจากขั้นรวมเป็นเอกภาพได้
แต่ร่างแปรทั้งสามของตนสำแดงวิชากระบี่ที่สองผลาญโลกา ก็ยังทำร้ายฝ่ายตรงข้ามมิได้เลยแม้แต่น้อย!
“อ้างอิงจากข้อมูลที่ข้ารู้ การที่จะผ่านชั้นที่หนึ่งของเจดีย์ดาวได้นั้นจะต้องไปถึงพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับธรรมดา ผ่านชั้นที่สองจะต้องมีพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับสูง ชั้นที่สามจะต้องเป็นพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับสุดยอด” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างครุ่นคิด “ถึงแม้ว่าข้าจะสำเร็จวิชากระบี่ที่สองผลาญโลกาแล้ว แต่ก็ยังด้อยกว่าขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับธรรมดาอยู่อีกเล็กน้อย”
“เทพอากาศธรรมดาๆ จะไปถึงพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับสุดยอดได้หรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบทอดถอนใจ
ยากเย็นยิ่งนัก
ต่อให้อยู่ที่วังทวีสูญ ผู้แกร่งกล้าขั้นรวมเป็นเอกภาพจำนวนหนึ่ง โดยทั่วไปก็ผ่านชั้นที่สามชั้นที่สี่ รับหน้าที่ผู้อาวุโสตำหนักนอก
ขั้นรวมเป็นเอกภาพจะต้องผ่านชั้นที่ห้า จึงจะสามารถรับหน้าที่ผู้อาวุโสตำหนักในได้ ชั้นที่ห้านั้นคือผู้ที่มีกำลังยุทธ์ถึง ‘ขอบกั้นขั้นอลวน’ แล้ว หรือแม้กระทั่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในบางด้าน ต่อให้เผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนสองท่านต่างก็สามารถรับมือและหนีเอาชีวิตรอดได้! ดังนั้น ‘ผู้อาวุโสตำหนักใน’ แห่งวังทวีสูญนั้นช่างมีสถานะอันสูงส่ง สูงส่งเป็นอย่างยิ่ง
เป็นบุคคลที่ผ่านชั้นที่ห้าไปได้ ก็สามารถผลาญชีวิตขั้นรวมเป็นเอกภาพระดับทั่วไปได้ ก็มีอยู่เป็นร้อยเป็นพัน ล้วนสามารถถูกสังหารได้อย่างง่ายดาย! ก็ไม่สามารถทำให้พวกเขากลายเป็นขั้นรวมเป็นเอกภาพได้แล้ว
และตามคำที่เล่าลือกัน…
ในบรรดาขั้นรวมเป็นเอกภาพยังมีผู้ที่สามารถผ่านชั้นที่หกได้ด้วย! นั่นคือผู้ที่สามารถเทียบเคียงกับยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนระดับธรรมดาสองท่านได้อย่างแท้จริง! แต่นี่เป็นสิ่งที่ยากจะได้พบเห็น คล้ายว่าตอนนี้ในวังทวีสูญจะไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว แต่เคยมีมาก่อนในอดีต!
แน่นอนว่ายังมีผู้ที่เลิศล้ำยิ่งกว่า ขั้นรวมเป็นเอกภาพที่ผ่านไปยังชั้นที่เจ็ด เป็นตำนานในทั้งหกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ในประวัติศาสตร์อันยาวนานก็มีอยู่สองท่านเท่านั้น! ตอนนี้สองท่านนั้นต่างก็กลายเป็นขั้นอลวนไปแล้ว ทั้งยังเป็นบุคคลที่น่าหวาดเกรงเป็นอย่างยิ่งในบรรดาขั้นอลวน
……
กลับมายังตำหนักกาลเวลาแล้ว
บนดาวเคราะห์อันเต็มไปด้วยผืนหญ้าอันงดงามดวงหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกบำเพ็ญอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้
“อิงจากกฎของวังทวีสูญ หลังจากกลายเป็นเทพอากาศแล้ว จะต้องผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาว กลายเป็นผู้อาวุโสตำหนักในให้ได้ภายในหมื่นล้านปี มิฉะนั้นก็จะต้องรับหน้าที่ผู้อาวุโสตำหนักนอก ให้ไปอยู่ข้างนอกภายใน ‘เมืองอลหม่าน’” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพึมพำ หมื่นล้านปีของที่นี่คือเวลาของโลกภายนอก ถ้าหากมีศิลาปฐมโลกามากเพียงพอ เวลาภายในตำหนักกาลเวลาเร่งความเร็วเป็นพันเท่าหมื่นเท่า
สามารถหยิบเอาศิลาปฐมโลกาออกมาได้มากมายถึงเพียงนี้ วังทวีสูญกลับยังยินดีอย่างยิ่งที่ได้เห็นฉากนี้
เทพอากาศอยู่ภายในตำหนักกาลเวลา เวลาเร่งความเร็วขึ้นร้อยเท่า ทุกหนึ่งร้อยล้านปีก็ต้องการศิลาปฐมโลกาห้าก้อน! ถ้าหากบำเพ็ญอยู่ข้างในนั้นตลอดหมื่นล้านปี นั่นก็คือศิลาปฐมโลกาห้าร้อยก้อนเต็มๆ ตนจ่ายไม่ไหวจริงๆ
“ข้าจะต้องทำให้ได้”
“ปัจจุบันในยุคนี้ก็มีผู้อาวุโสตำหนักในขั้นเทพอากาศระดับธรรมดาอยู่คนหนึ่ง นับรวมกับในประวัติศาสตร์ก็มากยิ่งขึ้นแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงอุทิศตัวเพื่อการบำเพ็ญ
เป็นเทพอากาศแล้วก็ย่อมต้องบำเพ็ญให้ดี! ก่อนหน้านี้เพิ่งบรรลุจึงไปดูเจดีย์ดาวด้วยความใคร่รู้
เพราะร่างกายบรรลุไปถึงระดับขั้นเทพอากาศ ร่างกายบ่มเพาะจิตวิญญาณ จิตวิญญาณก็กำลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแกร่งกล้าเช่นกัน การยกระดับจิตวิญญาณทำให้การหยั่งรู้บำเพ็ญของตงป๋อเสวี่ยอิงมีความคืบหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดด ตอนนี้เขาจิตใจจดจ่ออยู่กับวิถีโลกเทียม วิถีเข่นฆ่า และวิถีระลอกคลื่น
แน่นอนว่าการสัมผัสหยั่งรู้ก่อนหน้านี้ทำให้เขารู้สึกว่ามีความมั่นใจกับ ‘วิถีโลกเทียม’ มากที่สุด รองลงมาคือวิถีเข่นฆ่า
เวลาไหลผ่านไป
บนดาวเคราะห์ที่มีพื้นหญ้าเขียวขจีดวงนี้มีต้นหญ้าเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ยิ่งมาก็ยิ่งเติบโตสูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสูงกว่าตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่เสียอีก แล้วก็เหี่ยวแห้งไปจนหมดในท้ายที่สุด ดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยพื้นหญ้าเปลี่ยนแปรกลายเป็นเต็มไปด้วยความแห้งแล้ง แล้วบนดาวเคราะห์อันแห้งแล้งก็มีต้นหญ้าค่อยๆ แตกหน่อโผล่พ้นผิวดินออกมาใหม่แล้วเจริญเติบโตอีกครั้ง
เจริญเติบโตและเหี่ยวแห้ง…
นี่ก็คือวัฏจักรหนึ่ง วัฏจักรแต่ละรอบ หนึ่งล้านปี ไปถึงร้อยล้านปี ระยะเวลาอันยาวนานเคลื่อนผ่าน สำหรับมนุษย์ธรรมดาแล้วนี่เป็นระยะเวลาอันยาวนานหาใดเทียม แต่สำหรับตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้เป็นเพียงแค่ระยะเวลาอันแสนสั้นที่การวิวัฒน์วิถีโลกเทียมอันสมบูรณ์แบบของเขาต้องการเท่านั้น
สองร้อยสามสิบล้านปี นี่เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงที่ระดับจิตวิญญาณก็ไปถึงระดับขั้นเทพอากาศแล้วปลีกวิเวก เป็นระยะเวลาที่จำเป็นต้องใช้ในการทำให้บรรลุวิถีโลกเทียม
ตงป๋อเสวี่ยอิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขามีเทหวัตถุขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งกำลังหมุนวน
“โครม…”
โลกภายในกายก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงขึ้นเช่นกัน ในขณะนี้โลกภายในกายที่เดิมทีกว้างใหญ่ราวกับแผ่นดินกลับเริ่มบิดหมุน โลกภายในกายทั้งหมดอยู่ภายใต้อิทธิพลของกฎเกณฑ์อันไร้รูปร่าง เปลี่ยนแปลงจากรูปร่างแผ่นดิน กลายเป็นรูปร่าง ‘ทรงกลมจักรวาล’
ทรงกลม
ดวงอาทิตย์เป็นทรงกลม ดวงจันทร์เป็นทรงกลม จักรวาลก็เป็นทรงกลม
ทุกบริเวณบนพื้นผิวทรงกลมล้วนสมบูรณ์แบบเป็นอย่างยิ่ง ระยะห่างระหว่างพวกมันกับแกนจุดศูนย์กลางเท่ากันอย่างสิ้นเชิง นี่คือรูปทรงที่สมบูรณ์แบบอย่างยิ่ง และเป็นขั้นสูงยิ่ง จาก ‘ผู้ปกครองเทพแท้’ เหยียบย่างเข้าสู่ ‘เทพอากาศ’ เชื้อสายความเร้นลับของกฎเกณฑ์ โลกภายในกายต่างก็สามารถเกิดความเปลี่ยนแปลงอันยิ่งใหญ่ได้
แต่ทว่าจะเปลี่ยนแปลงเป็นเช่นไรนั้นก็มีความสัมพันธ์กับระบบกฎเกณฑ์ด้วย
วิถีโลกเทียม…ก็ยกระดับเป็น ‘ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม’
มีผู้ที่บรรลุเป็นเทพอากาศ โลกภายในกายก็เหมือนกับ ‘โลกวัตถุ’ ที่เปลี่ยนแปลงจากโลกแผ่นดินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลายเป็นโลกแผ่นดินจำนวนมากสอดประสานกัน! โลกแผ่นดินจำนวนนับไม่ถ้วนสอดประสานกันเป็นหนึ่งเดียว นี่ก็เป็นการยกระดับชนิดหนึ่งเช่นเดียวกัน
ก็อย่างเช่นโลกภายในกายที่เปลี่ยนแปลงเหมือน ‘หุบเหวลึกดำมืด’ จากโลกแผ่นดินขนาดใหญ่แห่งหนึ่งกลายเป็นโลกแผ่นดินชั้นแล้วชั้นเล่าซ้อนทับกันไปอย่างไม่สิ้นสุด กลายเป็นร่างรวมที่มีรูปลักษณ์คล้ายลำไส้
โลกวัตถุ หุบเหวลึกดำมืด ดวงอาทิตย์ และดวงจันทรา…นี่ล้วนเป็นสรรพสิ่งที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันทั้งสิ้น แสดงถึงทิศทางที่แตกต่างกัน
การแปรสภาพของโลกภายในร่างกายของตงป๋อเสวี่ยอิงในตอนนี้ มีแนวโน้มไปในทิศทางของดวงอาทิตย์ดวงจันทรา
“โครม…”
ในที่สุด
โลกภายในกายก็แปรเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ มันใหญ่โตมหึมาหาใดเทียม มีขนาดพอๆกับดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แต่ทว่าพลานุภาพกลับยังอ่อนแอกว่าอยู่มากนัก มีปริมาณดินเท่ากัน และมีปริมาณเหล็กกล้าเท่ากัน แต่ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
ตอนนี้ดาวเคราะห์ขนาดมหึมาภายในร่างกายยังเป็นเพียงแค่ ‘ขั้นกำเนิด’ เท่านั้น
“ดาวเคราะห์โลกเทียม” ตงป๋อเสวี่ยอิงรับสัมผัสดาวเคราะห์ขนาดมหึมาภายในกาย ดาวเคราะห์ขนาดมหึมาดวงนี้ กฎเกณฑ์ที่สัญจรอยู่ตอนนี้ก็คือ ‘ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม’ ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งตระหนักรู้มาใหม่ ระบบนี้อาศัยวิถีโลกเทียมเป็นแกนกลางแล้วอาศัยความเร้นลับอื่นๆ ร่วมกัน แม้กระทั่งความเร้นลับของวิถีเข่นฆ่าและความเร้นลับของวิถีระลอกคลื่นก็มีส่วนที่แทรกซึมเข้าไปด้วยเช่นกัน
วิถีเส้นเดียวกัน
ให้คนละคนไปเดินก็ไม่เหมือนกัน
ต้องการจะไปถึงขั้นเทพอากาศ เพียงแค่สร้างระบบกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์แบบขึ้นมาเท่านั้น!
อาศัย ‘ระบบกฎเกณฑ์โลกเทียม’ เป็นแกนกลางพร้อมกับจิตวิญญาณของตงป๋อเสวี่ยอิง ยกระดับขึ้นอีกครั้ง
……
กาลเวลาเคลื่อนผ่าน
สิ้นเปลืองเวลาไปกว่าสองร้อยล้านปีหลังจากบรรลุวิถีโลกเทียม เพราะวิชากระบี่ที่สองผลาญโลกาที่ตระหนักรู้ไปก่อนหน้านี้ ทั้งยังมีประสบการณ์บรรลุวิถีโลกเทียมมาก่อนแล้ว เพียงแค่หนึ่งร้อยห้าสิบล้านปีก็ทำให้วิถีเข่นฆ่าบรรลุด้วยเช่นกัน! แต่การบำเพ็ญ ‘วิถีระลอกคลื่น’ ที่เหลืออยู่เป็นอย่างสุดท้ายนั้นกลับค่อนข้างกินแรง
ตงป๋อเสวี่ยอิงเองก็มิได้รีบร้อน
เหมือนกับท่านอาจารย์จักรพรรดิเทพคมมีดโลหิตที่การบรรลุความเร้นลับของกฎเกณฑ์ก็เนิ่นช้าและกินแรงเป็นอย่างยิ่ง
ความนึกคิดจิตใจส่วนใหญ่ของเขาอยู่ที่วิชาสิบสามกระบี่ผลาญโลกา เป็นขั้นผู้ปกครองก็ตระหนักรู้วิชากระบี่ที่สองผลาญโลกา แล้วตอนนี้ก็บรรลุวิถีเข่นฆ่า การหยั่งรู้วิชากระบี่ที่สามผลาญโลกา…ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงได้รับประโยชน์อยู่บ่อยครั้ง ‘วิถีระลอกคลื่น’ ก็กำลังค่อยๆ ยกระดับขึ้น ถึงอย่างไรระดับขั้นของโลกทัศน์สูงส่งแล้ว ระดับความยากของการหยั่งรู้ก็ย่อมลดต่ำลงอยู่แล้ว
เขาไม่เร่งร้อนเลยแม้แต่น้อย
ภายในตำหนักกาลเวลามีการเร่งเวลาร้อยเท่า เขาจึงสามารถบำเพ็ญได้อย่างผ่อนคลายเลยทีเดียว
………………………………