Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 6 วังทวีสูญอันเลื่องชื่อ
ตงป๋อเสวี่ยอิงรู้สึกปิติยินดีในใจขึ้นมาทันที แล้วเริ่มต้นเปรียบเทียบกับ ‘แผนที่อากาศ’ ที่ตนรู้จัก
‘ดินแดนจอมละโมบ’ เป็นส่วนหนึ่งในแผ่นดินของอากาศอันสับสนอลหม่านจำนวนนับไม่ถ้วน อยู่ห่างไกลจาก ‘โลกทิพย์กิเลนบูรพา’ แห่งมหาโลกทิพย์ทั้งห้ามากที่สุด ออกเดินทางจากที่นี่ไปยังโลกทิพย์กิเลนบูรพา ด้วยความเร็วของตนก่อนหน้านี้ การจะไปถึงได้นั้นต้องใช้เวลาราวๆ หนึ่งร้อยล้านปี
“โลกทิพย์กิเลนบูรพาหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “คิดไม่ถึงว่าข้าเร่งเดินทางในอากาศอันสับสนอลหม่านจนเข้าสู่วิถีแห่งห้วงอากาศแล้วจะก้าวข้ามผ่านระยะทางไกลโพ้นเช่นนั้น ถึงกับมาใกล้กับโลกทิพย์กิเลนบูรพา ดูแล้วคงได้แต่ไปที่โลกทิพย์กิเลนบูรพาก่อนแล้วล่ะ”
เขาย่อมไม่กล้าคิดจะกลับไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราภายในระยะเวลาอันสั้น
เพราะว่าห่างไกลเกินไป
เดิมทีโลกทิพย์ทั้งสองแห่งก็อยู่ห่างไกลกันอย่างหาใดเปรียบอยู่แล้ว เป็นเพราะระยะทางห่างไกลเหลือเกิน ภยันตรายระหว่างทางก็ยิ่งมาก ด้วยพลังยุทธ์ของเขาในตอนนี้หากนึกอยากกลับไป ถึงแม้ตลอดทางจะราบรื่นปลอดภัย ก็ยังต้องใช้เวลาเกินกว่ายุคจักรวาลหนึ่งเสียอีก! ภยันตรายมากมายนับไม่ถ้วนบนเส้นทางอันยาวไกลนี้ก็เพียงพอที่จะสังหารเขาแล้ว
ดังนั้นหากยกระดับพลังยุทธ์อย่างสบายใจเสียก่อน ให้พลังยุทธ์แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะไปยังโลกทิพย์ทะเลสัตตดารา หรือในอนาคตจะกลับไปยังจักรวาลภูมิลำเนาก็ล้วนง่ายดายยิ่งขึ้น
“โลกทิพย์กิเลนบูรพา มีเทพจักรวาลสามท่าน กับเจ้าเมืองหลัวท่านหนึ่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ “สำหรับข้าแล้วก็ยังนับว่าไม่เลว”
เทพจักรวาลสามท่านแห่งโลกทิพย์กิเลนบูรพา มีท่านหนึ่งที่ความสัมพันธ์กับตงป๋อเสวี่ยอิงอาจย่ำแย่อยู่บ้าง ก็คือท่านอาจารย์ของกู่กานหลัว…บรรพชนกู่ผู้นั้น!
มีท่านหนึ่งที่ห่วงใยใกล้ชิดกับตงป๋อเสวี่ยอิง ผู้ที่แกร่งกล้ายิ่งกว่าบรรพชนกู่เสียอีก ทั้งยังเป็นผู้สร้างระบบผู้ท่องอากาศ…บรรพชนห้วงอากาศ! บรรพชนห้วงอากาศพำนักอยู่ที่ ‘ตำหนักเทพอากาศ’ แห่งโลกทิพย์กิเลนบูรพา ว่ากันว่าตำหนักเทพอากาศมีชีวิตแห่งห้วงอากาศอยู่เก้าล้านชีวิต ในนั้นมีเทพอากาศอยู่นับหมื่น พวกเขาล้วนภักดีต่อบรรพชนห้วงอากาศ ‘ตำหนักเทพอากาศ’ นั้นเป็นขุมอำนาจที่ค่อนข้างมีคุณธรรม ชิงชังความชั่วร้ายราวกับศัตรู ชีวิตแห่งห้วงอากาศที่สามารถเข้าไปได้นั้น ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่ชั่วร้าย
มิฉะนั้นบรรพชนห้วงอากาศก็จะสังหารตัดตอนไปก่อนแล้ว!
เฉกเช่นเดียวกับตงป๋อเสวี่ยอิงที่ได้รับถ่ายทอดวิชาผู้ท่องอากาศ ก็มีการทดสอบจิตใจแล้ว
“ราชันย์มีด บรรพชนกู่ บรรพชนห้วงอากาศ และเจ้าเมืองหลัว” ผู้ที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเคารพนับถือมากที่สุดก็คือเจ้าเมืองหลัวผู้นี้ เพราะสามท่านแรกนั้นต่างก็เป็นบุคคลขั้นสุดยอด
ส่วนเจ้าเมืองหลัวนั้น…
เท่าที่รู้ในตอนนี้และในประวัติศาสตร์ เป็นเพียงผู้เดียวในบรรดาผู้แกร่งกล้าจำนวนนับไม่ถ้วนของมหาโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่าน ที่สามารถอาศัยขั้นอลวนเทียบเคียงกับเทพจักรวาลได้
ใช่แล้ว
เทพจักรวาล เป็นระดับขั้นสุดยอด เมื่อเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นนี้แล้วพลังยุทธ์ก็จะมีการเปลี่ยนแปรราวพลิกฟ้าดิน โดยทั่วไปแล้วสิ่งมีชีวิตขั้นอลวนที่ร้ายกาจยิ่งกว่านี้ก็มิอาจเทียบเคียงกับเทพจักรวาลได้ นี่คล้ายกับเป็นกฎเหล็กข้อหนึ่งไปแล้ว แต่ว่าเจ้าเมืองหลัวกลับทำลายกฎเหล็กข้อนี้ไป
เจ้าเมืองหลัวเป็นผู้บำเพ็ญที่ค่อนข้างลึกลับคนหนึ่ง แม้ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นอลวน แต่ก็เคยต่อตีจนบรรพชนกู่หนีเอาชีวิตรอดอย่างน่าอับอาย แม้ยามที่ต่อกรกับบรรพชนห้วงอากาศ พลังนั้นก็ยังเหนือกว่าบรรพชนห้วงอากาศเสียอีก! ต้องรู้เอาไว้ว่าบรรพชนห้วงอากาศนั้นคือผู้ที่สรรสร้างวิชาลับผู้ท่องทั้งหกสิบขั้นออกมา แม้กระทั่งบรรพชนเทียนอวี๋ประลองกับเขาก็ยังด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย ทว่าเจ้าเมืองหลัวกลับยังสามารถกดดันบรรพชนห้วงอากาศได้
เห็นได้ชัดว่าเขาอาศัยระดับขั้นอลวน ก็สามารถกดดันบรรพชนเทียนอวี๋ได้เช่นเดียวกัน
นี่ก็คือบุคคลเพียงผู้เดียว…ที่มิใช่เทพจักรวาล แต่มีสถานะเทพจักรวาล!
ดังนั้น ‘โลกทิพย์กิเลนบูรพา’ ที่ดูเหมือนมีบุคคลขั้นสุดยอดเพียงสามท่าน แต่ก็สามารถนับเจ้าเมืองหลัวเป็นหนึ่งท่านได้ แม้กระทั่งแห่งบุคคลขั้นสุดยอดคนอื่นๆ แห่งมหาโลกทิพย์ทั้งห้าแต่ละท่านก็ยังเคารพเจ้าเมืองหลัวผู้นี้เป็นอย่างมาก อ้างอิงจากรายละเอียดข้อมูลของผู้ท่องอากาศกู่ฉี เจ้าเมืองหลัวระดับขั้นสูงส่งเป็นทึ่สุด แต่คล้ายจะฝ่าฝืนข้อห้ามบางประการ จึงส่งผลให้มิอาจบรรลุไปถึงขั้นเทพจักรวาลได้ตลอดกาล
……
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าใจสถานะของตนดี ทั้งยังมีความมั่นใจ เขาถามขึ้นว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่าชีวิตแห่งห้วงอากาศเหล่านี้ยึดครองดินแดนอลหม่านมากน้อยเพียงใด”
บุรุษผมสีดำยุ่งเหยิงเอ่ยว่า ข้าเองก็ได้ยินจ้าวท่านพูดว่าจ้าวท่านคือเทพอากาศเพียงหนึ่งเดียวในดินแดนอลหม่านแห่งนี้ของพวกเรา คอยปกป้องพวกเรา! จ้าวท่านก็ออกไปเยี่ยมเยียนสหายอยู่เป็นระยะๆ มีความสัมพันธ์อันดีกับเทพอากาศแห่งแผ่นดินอลหม่านบริเวณรอบๆ อยู่จำนวนหนึ่ง วันนั้นจ้าวท่านได้รับข่าวคราวของสหาย บอกว่าดินแดนอลหม่านในบริเวณรอบๆ กว่าสองร้อยแห่ง ล้วนถูกชีวิตแห่งห้วงอากาศยึดครอง ตอนนี้สหายท่านนั้นเองก็หนีเข้าไปในอากาศอันสับสนอลหม่าน กำลังหลบหนีหัวซุกหัวซุนอย่างน่าอนาถ ปล่อยให้เขาหลบหนีไป”
ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังแล้วก็ลอบทอดถอนใจ
นับว่าจ้าวผู้นี้โชคดีอยู่ไม่น้อย จึงได้มีสหายมาส่งข่าวให้
ต้องรู้เอาไว้ว่าการส่งข่าวสารผ่านอากาศอันสับสนอลหม่านนั้นเป็นสิ่งที่ยากเย็นยิ่ง ระยะทางยิ่งห่างไกลเท่าใดก็ยิ่งยากขึ้นเท่านั้น! แม้กระทั่งค่ายกลอันซับซ้อนที่จัดทำขึ้นเป็นพิเศษ ก็ต้องอาศัยกำลังความสามารถมหาศาลเพื่อการส่งข่าวครั้งหนึ่งออกมา เฉกเช่นตนที่จากบ้านเกิดมาก็ไม่มีวิธีติดต่อกับจักรวาลภูมิลำเนาแล้ว
สหายของจ้าวผู้นี้คงจะอยู่ไม่ห่างจากเขาจนเกินไปนัก เช่นนี้จึงสามารถส่งข่าวได้
“จ้าวท่านได้รับข่าวจึงรู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว เดิมทีคิดจะพาสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่งที่อยู่ที่นี่หลบหนีไปก่อน แต่บรรดาสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ยังแค่รวมตัวกันอยู่ ชีวิตแห่งห้วงอากาศก็มาถึงเสียแล้ว” บุรุษผมสีดำยุ่งเหยิงส่ายศีรษะ “ตอนนั้นมีชีวิตแห่งห้วงอากาศมาฝูงใหญ่ มีเทพอากาศอยู่เป็นจำนวนมากพอดู เพียงไม่นานจ้าวท่านของบ้านข้าก็ถูกล้อมจับแล้วกลืนกินไปเสียแล้ว ชีวิตแห่งห้วงอากาศเหล่านั้นมีบางส่วนที่จากไป และยังมีส่วนหนึ่งที่อยู่ปักหลักยึดครอง คอยรักษาการณ์อยู่ที่นี่”
“พวกเรากลายเป็นข้าทาสของพวกเขา กลายเป็นอาหารของพวกเขานับแต่บัดนั้น”
“พวกที่มิอาจทนรับได้เหล่านั้นก็พากันตายไปก่อนแล้ว”
“ก็มีเพียงพวกเราเหล่านี้ที่ยืนหยัดกระต่ายขาเดียว ยังคงกระหายว่าความหวังจะมาถึง จึงยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้” บุรุษผมสีดำยุ่งเหยิงพูดพลางยิ้มขมขื่น “ทุกครั้งที่ผ่านไปช่วงระยะเวลาหนึ่งก็จะบีบบังคับให้พวกเราบำเพ็ญร่างแยกออกมาร่างหนึ่งให้พวกเขากลืนกินเป็นอาหาร พวกเขาทำเหมือนพวกเราเป็นแหล่งอาหารที่ไมมีวันหมดสิ้นเสียแล้ว ถ้าหากมิใช่เพราะยังมีความหวังสายหนึ่งอยู่ เกรงว่าข้าคงทนไม่ไหวไปนานแล้ว”
ตงป๋อเสวี่ยอิงพยักหน้า
การทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนในดินแดนอลหม่านแห่งนี้กลายเป็นอาหารกันหมด จากสิ่งนี้ก็สามารถเห็นได้ว่าเมื่อเทียบกันแล้ว ‘จักรวาล’ ก็ปลอดภัยกว่ามาก ห้ามเทพอากาศเข้า แม้กระทั่งกฎการสัญจรจักรวาลก็ยังกีดกันผู้มาจากภายนอก ก็มีแต่จักรวาลที่มีผู้ปกป้องดูแลอย่างจักรวาลคีรีมารนี้จึงจะโอบอ้อมอารีต่อผู้มาจากภายนอกเป็นอย่างยิ่ง จักรวาลผู้บำเพ็ญเองก็ค่อนข้างโอบอ้อมอารี เพราะมีหมาไนสีดำปกป้องอยู่ในความมืดเช่นกัน!
“เจ้ารู้ชื่อของดินแดนอลหม่านรอบๆ หรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงถาม
“ก็พอรู้อยู่บ้าง” แล้วบุรุษผมสีดำยุ่งเหยิงก็ร่ายรายชื่อออกมาประมาณยี่สิบกว่าชื่อ ตงป๋อเสวี่ยอิงฟังดูเทียบกับการรับสัมผัสแผนที่อากาศของตน มิผิด เป็นบริเวณนี้จริงๆ เสียด้วย
“เจ้าวางใจเถิด ข้ารับรองได้ว่าพวกเจ้าจะต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างแน่นอน เพียงแต่พวกเจ้าจะต้องอดทนอีกสักหลายปีหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
“ขอเพียงแค่สามารถช่วยได้ พวกเราก็รอไหว” บุรุษผมสีดำยุ่งเหยิงพยักหน้า
……
ในส่วนลึกของหุบเขาแห่งหนึ่งในดินแดนอลหม่านแห่งนี้มีบ้านไม้ไผ่อยู่หลังหนึ่ง ตงป๋อเสวี่ยอิงปลีกวิเวกอยู่ที่นี่ชั่วคราว เขาสวมใส่ป้ายสัญลักษณ์คุ้มกันชีพเพื่อซ่อนเร้นกลิ่นอาย เพื่อมิให้เหล่าชีวิตแห่งห้วงอากาศค้นพบ
“ใช้คำสั่งเรียกตัวครั้งแรก” ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกฝ่ามือหยิบเอาวัตถุโปร่งแสงทรงสามเหลี่ยมหน้าตาแปลกประหลาดออกมา นี่ก็คือคำสั่งเรียกตัวของศิษย์วังทวีสูญ เป็นถึงศิษย์อาภรณ์ทอง คำสั่งเรียกตัวนี้ของเขาก็ล้ำค่ายิ่งกว่ามากมายแล้ว
เกือบจะทุกหนแห่งในมหาโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่าน ต่างก็สามารถส่งข่าวคราวผ่านคำสั่งเรียกตัวนี้กลับไปยังวังทวีสูญได้!
ดังเช่นการขอความช่วยเหลือเป็นต้น…
ถึงแม้ว่าจะมิอาจกลับไปยังวังทวีสูญได้เป็นการชั่วคราว แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิอาจขอความช่วยเหลือได้ ถึงอย่างไรก็เป็นถึงศิษย์อาภรณ์ทอง มีบางคนที่ริเริ่มออกมาเสี่ยงอันตราย! ตนเองยังมิได้ประสบอันตรายแล้วจะขอความช่วยเหลือให้คนพาตนกลับไปยังวังทวีสูญ เช่นนั้นจึงจะเป็นเรื่องน่าขัน!
“วิ้ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงกระตุ้นคำสั่งเรียกตัว ส่งข่าวหนึ่งตรงกลับไปยังวังทวีสูญ พลังงานของคำสั่งเรียกตัวทรงสามเหลี่ยมนี้กระเพื่อมไหว พลานุภาพอันน่าหวั่นเกรงกลั่นตัวอยู่ภายใน พลังงานมหาศาลก็ถูกสูบไปพร้อมกับความเงียบงันไร้ซึ่งสุ้มเสียง คำสั่งเรียกตัวก็รับสัมผัสกับวังทวีสูญที่อยู่ห่างไกลหาใดเปรียบ ส่งข่าวคราวออกไป
“สิ้นเปลืองพลังงานไปถึงหกส่วนเชียวหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบตกตะลึง “การจะเติมเต็มพลังงานของคำสั่งเรียกตัวนั้น ด้วยพลังยุทธ์ของข้าแล้วเกรงว่าคงต้องใช้เวลากว่าหนึ่งเดือนกระมัง”
ตอนนี้เหลือพลังงานอยู่เพียงราวๆ สี่ส่วนเท่านั้น ในชั่วระยะเวลาอันสั้นนี้ตนเองคงมิได้ติดต่อกับวังทวีสูญเสียแล้ว
******
วังทวีสูญ
อยู่ในมิติที่พิเศษแห่งหนึ่ง มีทิวเขาที่แขวนลอยอยู่หลายแห่ง บนทิวเขามากมายล้วนมีวังถ้ำอยู่ แต่ที่บริเวณศูนย์กลางกลับเป็นแผ่นดินแขวนลอยขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง ด้านบนเป็นหมู่วังที่เชื่อมติดต่อกัน ทั้งยังมีวังขนาดใหญ่โตมโหฬารตระการตาแห่งหนึ่งอยู่ด้วย รัศมีพร่างพรายไปทั่วทั้งเวหา
ที่นี่ก็คือ ‘วังทวีสูญ’ อันเลื่องชื่อไปทั่วมหาโลกทิพย์ทั้งห้า! ต้องรู้เอาไว้ว่าเทพจักรวาลในโลกทิพย์แห่งหนึ่งๆ นั้นมีอยู่น้อยนิดจนสามารถนับนิ้วได้ แต่วังทวีสูญก็มีเทพจักรวาลดำรงอยู่ถึงสองท่าน แค่คิดดูก็รู้แล้วว่าสถานะของสถานที่แห่งนี้จะมีเสถียรภาพเพียงใด มีชื่อเสียงอันกล้าแกร่งปานใด
เงาร่างสายแล้วสายเล่าทะยานผ่าน
“เขตไท่ซวี ก็คือสถานที่ไต่สวนของวังทวีสูญของข้า กล้ามาวุ่นวายที่สถานที่ของพวกเรา ถึงกับใช้สรรพชีวิตในดินแดนอลหม่านสิบห้าแห่งมาสังเวยจอมมารดา เฮอะ นี่คือเขตไท่ซวี ร่างจริงของจอมมารดาก็ยังไม่กล้ามาสามหาวยังที่ของพวกเรา เร่งให้ศิษย์ผู้หนึ่งมาออกหน้าแทน จับพวกเขาส่งเข้าไปใน ‘คุกหลอมมาร’ ทั้งเป็น แล้วสังหารผู้ที่มิอาจจับเป็นได้ทั้งหมด” เงาร่างสายหนึ่งที่เป็นจ่าฝูง สวมอาภรณ์สีดำหรูหราตระการตาตลอดร่าง เส้นผมยาวสีแดงโลหิตปลิวไสว นัยน์ตาทั้งสองแฝงแววเยียบเย็นน่าหวาดหวั่น
“เจ้าค่ะ ท่านประมุขวัง” หญิงสาวที่อยู่ด้านหลังรับบัญชาอย่างเคารพ ประมุขวังที่อยู่ด้านหน้านางผู้นี้ก็คือ ‘ประมุขวังลงทัณฑ์’ ผู้มีชื่อเสียงเลื่องลือ…จอมมาร!
ว่ากันว่าจอมมารก็มาจากจักรวาลแห่งเดียวกันกับจอมกระบี่
แต่จอมมารเชื่อในคำที่ว่าผู้ที่อ่อนแอย่อมตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง หลังจากรับกฎวังของวังทวีสูญแล้ว จอมกระบี่แห่งเกาะใจกลางทะเลสาบก็เริ่มต้นจัดระเบียบ ให้จอมมารรับตำแหน่ง ‘ประมุขวังลงทัณฑ์’! เหล่าผู้บำเพ็ญของวังทวีสูญก็ดีขึ้นอย่างมากในพริบตา มีไม่กี่คนที่กล้ายุแหย่กฎของวังทวีสูญอีก
“มีเรื่องอันใดกัน” จอมมารมองไปยังที่ไกลๆ เบื้องหน้าของกำแพงแก้วผลึกด้านหนึ่งที่อยู่ไกลออกไป ผู้บำเพ็ญวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ที่นั่น เต็มไปด้วยความชุลมุนวุ่นวาย
“ที่แท้ก็มีศิษย์อาภรณ์ทองคนใหม่แล้ว!”
“คิดไม่ถึงว่านอกจากศิษย์อาภรณ์ทองผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบแล้วจะมีศิษย์อาภรณ์ทองเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง นี่คือผู้ที่ผ่านการทดสอบของท่านบรรพชนที่ก่อตั้งจักรวาล”
“จักรวาลแรกเริ่มอย่างนั้นหรือ จักรวาลแห่งนี้ จอมกระบี่และจอมมารก็เป็นคนของจักรวาลแห่งนี้กระมัง”
ผู้บำเพ็ญเหล่านั้นต่างกำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน
ศิษย์อาภรณ์ทองผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสิบ…นั่นล้วนเป็นผู้ร้ายกาจที่สามารถต่อสู้ข้ามชั้นได้ เดิมทีการที่มีศิษย์อาภรณ์ทองคนใหม่ปรากฏตัวขึ้นในทันทีทันใด ข่าวลือก็สะพัดไปอย่างรวดเร็วอยู่แล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมาจากจักรวาลแห่งเดียวกันกับจอมกระบี่แห่งเกาะใจกลางทะเลสาบและจอมมารอีกด้วย
“หืม”
จอมมารเองก็ได้ยินข่าวคราวแล้ว
เพียงก้าวยาวๆ ก้าวเดียว เขาก็มาถึงตรงหน้ากำแพงแก้วผลึกนั้นแล้ว ผู้บำเพ็ญบริเวณรอบๆ เหล่านั้นพอได้เห็นจอมมารแล้วต่างก็ตกใจแล้วพากันถอยไปทางด้านข้างอย่างเคารพ ถึงแม้ว่าเดือนปีที่จอมมารใช้ในการบำเพ็ญจะสั้น แต่ก็เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นอลวนมานานแล้ว ด้วยความที่เป็นยักษ์ใหญ่คนหนึ่งในวังทวีสูญ
อีกทั้งวิธีการลงมือของเขายังเผ็ดร้อน ทั้งยังเป็นประมุขวังลงทัณฑ์อีกด้วย ทำให้ผู้บำเพ็ญแห่งวังทวีสูญต่างก็หวาดกลัวด้วยกันทั้งสิ้น
แต่จอมมารกลับเงยหน้ามองไป บนกำแพงแก้วผลึกมีภารกิจแน่นขนัดปรากฏอยู่ สิ่งที่เขาต้องการจะดูก็คือข้อมูลที่จารึกอยู่สูงบริเวณแถวที่สาม ภารกิจเหล่านี้…จัดเรียงโดยอ้างอิงตามลำดับเวลาและความสำคัญ
“ดินแดนจอมละโมบและดินแดนอลหม่านอีกกว่าสองร้อยแห่งเป็นอย่างน้อย ล้วนถูกชีวิตแห่งห้วงอากาศยึดครอง ใช้ชีวิตผู้บำเพ็ญเป็นอาหารอย่างอุกอาจ ภารกิจนี้ผ่านการอนุมัติจาก ‘วังปุจฉาสวรรค์’ อย่างถูกต้องแล้วว่าสามารถสังหารชีวิตแห่งห้วงอากาศเหล่านี้ได้ ผู้ที่รับภารกิจสามารถรับข้อมูลโดยละเอียดได้ ภารกิจนี้เผยแพร่โดยศิษย์อาภรณ์ทอง (จักรวาลแรกเริ่ม) ‘ตงป๋อเสวี่ยอิง’”
…………………………………..