Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 8 ความซาบซึ้ง
เหล่าเทพโลกาผู้ถูกคุมขังอยู่ภายในกรงที่กำลังจะถูกกิน หนึ่งในนั้นก็มีหนุ่มช่างตีเหล็กผู้นั้นอยู่ด้วย พวกเขาแต่ละคนล้วนปากอ้าตาค้างมองดูสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศที่มีพลังคับฟ้าที่แสนสูงส่งเมื่ออยู่ต่อหน้าหอกยาว เพียงแค่กระบวนท่าเดียว สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศนั่นก็จบชีวิตลงเสียแล้ว
“ตายแล้ว เขาตายแล้ว”
“ในที่สุด ในที่สุดก็มีผู้แกร่งกล้ามาถึงแล้วหรือ”
“มีสิ่งมีชีวิตผู้สูงส่งเหนือผู้ใด ได้รับฟังคำภาวนาอ้อนวอนของข้าแล้วหรือ”
เทพโลกาเหล่านี้ หรือแม้กระทั่งเหล่าผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้างต่างก็รู้สึกถึงความตื่นเต้น เหล่าผู้ดูแลล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ ร่างแยกของพวกเขาถูกกินหมดครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาทั้งเจ็บปวดขมขื่นทั้งสิ้นหวัง
พวกเขารู้สึกแม้กระทั่งว่าหัวใจก็ล้วนบิดเบี้ยวไปแล้ว! แม้กระทั่งไม่แยแสสนใจว่าตนจะสิ้นชีวิต มีชีวิตอยู่ไปก็เพียงปรารถนาว่าเหล่าสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศที่พวกเขาเกลียดชังที่สุดจะตายสิ้น!
และตอนนี้สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศนั่นก็ตายหมดแล้วจริงๆ หรือ
มองดูบุรุษอาภรณ์ดำผู้กุมหอกยาวเอาไว้ในมือที่เดินออกมาจากกลางอากาศ ในขณะนั้นเอง เหล่าผู้ดูแลและเหล่าเทพโลกากลุ่มนี้ล้วนหลั่งน้ำตาแห่งความปีติออกมา แล้วทำการจดจำรูปลักษณ์ของบุรุษอาภรณ์ดำตรงหน้าเอาไว้อย่างลึกล้ำ ในใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและตื่นเต้นอย่าางไร้ที่สิ้นสุด
พวกเขากระทั่งปรารถนาให้บุรุษอาภรณ์ดำเป็นอมตะชั่วนิรันดร์! สวามิภักดิ์ตลอดกาล!
“เป็นเขาหรือ” ผู้ดูแลเหล่านั้นมีจำนวนมากที่จดจำขึ้นมาได้แล้ว บุรุษอาภรณ์ดำผู้นี้ก็คือผู้ที่ประมือกับชีวิตแห่งห้วงอากาศฝูงหนึ่งเมื่อคราวก่อนจนสุดท้ายตัวตายผู้นั้นนั่นเอง แต่ว่าตอนนี้กลับมีชีวิตขึ้นมาอย่างนั้นหรือ
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ดำหันหน้ามา สายตากวาดผ่านผู้ดูแลกลุ่มหนึ่ง ทั้งยังกวาดผ่านเหล่าเทพโลกาภายในกรงขังเหล่านั้นด้วย เขาเปิดปากเอ่ยว่า “นี่คือคนแรก!”
พอพูดจบ ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ก้าวไปก้าวหนึ่งแล้วหายไปไม่เห็นเงา
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที!”
“แม้ยามฝันข้าก็ยังกระหายอยากถึงวันนี้”
“เพียงแค่ได้เห็นวันนี้ ข้าก็ตายตาหลับแล้ว!”
“เพียงพอแล้ว เพียงพอแล้ว ได้เห็นสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศตายก็เพียงพอแล้ว” เหล่าเทพโลกาจำนวนมากมายถึงกับหลั่งน้ำตา
แม้กระทั่งเหล่าผู้ดูแลเหล่านั้นต่างก็มองดูฉากนี้ด้วยร่างกายอันสั่นสะท้าน
และเพียงไม่นานพวกเขาก็ได้รับการถ่ายเสียงผ่านเหตุปัจจัย “พี่ฉีเหยียน สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศที่พวกเรารับใช้ท่านนี้ถูกผู้อาวุโสชุดดำที่กุมหอกยาวท่านหนึ่งสังหาร ก็คือท่านที่ตอนนั้นรับมือกับสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศท่านนั้นนั่นแหละ”
“พวกเราทางนี้ก็เช่นกัน”
“ตายแล้ว ตายแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าสัตว์ประหลาดนั่นตายแล้ว ในที่สุดข้าก็ได้เห็นวันนี้เสียที”
……
อันที่จริงแล้ว
ตงป๋อเสวี่ยอิงควบคุมร่างแปรสามร่างในเวลาเดียวกัน นี่ก็คือขีดจำกัดพลังที่พลังโจมตีอันแข็งแกร่งที่สุดของร่างแปรที่เขารักษาเอาไว้ในตอนนี้สามารถรักษาได้ ร่างแปรทั้งสามเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน ในครั้งแรกก็สังหารชีวิตแห่งห้วงอากาศไปสามตนพร้อมกัน! ทุกครั้งต่างอาศัยเพียงหอกเดียวก็สังหารจนสิ้นได้แล้ว
หลังจากนั้นตงป๋อเสวี่ยอิงก็มิได้ลังเล เคลื่อนย้ายผ่านอากาศในทันใด แล้วไปบุกโจมตีสังหารสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศอีกสามตน
พูดได้ว่าในขณะที่เหล่าชีวิตแห่งห้วงอากาศยังไม่มีการตอบสนอง หรือแม้กระทั่งยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดเลยนั้น ตงป๋อเสวี่ยอิงก็สังหารสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศไปเก้าตนติดๆกันแล้ว! รวมกับอีกสองตนที่เขาสังหารไปตอนเข้าสู่ดินแดนอลหม่านในตอนแรก ก็รวมเป็นสิบเอ็ดตนแล้ว…
สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศขั้นผู้ปกครองในดินแดนอลหม่านแห่งนี้เหลืออยู่เพียงห้าท่านเท่านั้น และในเวลานี้หัวหน้าทั้งสามถึงเพิ่งได้รับการถ่ายเสียงจากหนึ่งในชีวิตแห่งห้วงอากาศเหล่านั้นก่อนที่จะตายว่า “มีศัตรู!”
แต่ชีวิตแห่งห้วงอากาศที่ตายไปตนนั้นไปรายงานเพียงแค่หัวหน้าเท่านั้น ส่วนชีวิตแห่งห้วงอากาศขั้นผู้ปกครองตนอื่นๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่อีกห้าตนนั้นกลับยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวเช่นเดิม ร่างแปรทั้งสามของตงป๋อเสวี่ยอิงอาศัยการเคลื่อนที่ผ่านอากาศแล้วบุกสังหารชีวิตแห่งห้วงอากาศอีกสามตนในทันใด
ในขณะนี้เอง
หัวหน้าทั้งสามจึงออกฆ่า จึงได้ล้อมกรอบสำรวจทั่วทั้งแผ่นดินอลหม่าน แล้วจึงเพิ่งค้นพบว่าลูกน้องของพวกเขาเหลืออยู่เพียงแค่ชีวิตแห่งห้วงอากาศสองตนเท่านั้น
“ตายแล้ว”
“สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศตายแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงเสียที พวกเขาตายกันหมดแล้ว”
“สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศของข้าทางนี้ก็ตายแล้ว”
“ของข้าทางนี้ก็เช่นกัน!”
“ทางนี้ก็ตายแล้ว ถูกผู้อาวุโสชุดดำที่ถือหอกยาวสังหารภายในกระบวนท่าเดียวเช่นกัน”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ข่าวสารแพร่สะพัดออกไป
บรรดาสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ เหล่าเทพโลกา และเหล่าวิญญาณเทพทั่วทั้งแผ่นดินอลหม่านต่างก็ตื่นเต้นยินดีจนแทบคลั่ง พวกเขาบอกต่อกันจากหนึ่งเป็นสิบ สิบเป็นร้อยเป็นหมื่น เป็นล้าน…สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ตื่นเต้น มีมากมายที่ถึงกับหลั่งน้ำตาแห่งความยินดีออกมา มีบางคนที่ถึงกับศรัทธาในผู้อาวุโสชุดดำที่ถือหอกยาวในคำเล่าขานผู้นั้นขึ้นมา
ถ้าหากตงป๋อเสวี่ยอิงโบกแขนคราหนึ่ง เกรงว่าอาจทำให้ชีวิตในดินแดนอลหม่านจำนวนนับไม่ถ้วนนี้ปรารถนาจะติดตามไปในทันที
“หยุดมือนะ!”
“ที่แท้เจ้าก็ยังมีชีวิตอยู่!”
หัวหน้าทั้งสามต่างก็เดือดดาล ถึงแม้ว่าในขณะนี้พวกเขาจะค้นพบร่างแปรทั้งสามของตงป๋อเสวี่ยอิงแล้ว แต่ว่า…สิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเชี่ยวชาญที่สุดคือสิ่งใด ก็คือการลอบสังหารอย่างไรเล่า นอกจากนี้เขายังครองความได้เปรียบในการเคลื่อนที่ในอากาศอีกด้วย เขาไปถึงข้างกายของชีวิตแห่งห้วงอากาศขั้นผู้ปกครองสองตนที่ยังรอดชีวิตอยูนั้นด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นแล้วแทงหอกออกไปในทันใด!
ชีวิตแห่งห้วงอากาศหนึ่งในนั้นคำรามอย่างหวาดหวั่นแต่ก็ถูกสังหารไป
แต่ในยามที่จะสังหารอีกตนหนึ่งนั้นกลับเผชิญกับความยุ่งยากเล็กน้อย
“เฮอะ” หลังจากเสียงเฮอะเย็นชา สายฟ้าสีเขียวสายหนึ่งก็ปรากฏขึ้น ผ่าลงมาจากกลางเวหามาทางร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิง หอกยาวของตงป๋อเสวี่ยอิงยังมิทันจะแทงถูกศัตรู ทว่าสายฟ้าสีเขียวกลับสัมผัสบนร่างของเขาแล้วเดิมทีวิชาหอกของเขาก็มิอาจต้านทานอยู่แล้ว ร่างกายจึงแตกสลายไปในทันที
“สมกับที่เป็นหัวหน้าใหญ่จริงๆ แต่ว่าไม่มีประโยชน์เลย” ชั่วขณะที่ร่างของตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ดำสูญสลายไปนั้น นัยน์ตาทั้งสองก็ยังคงมีแววอาฆาตลุกโชนเช่นเดิม
เพราะในขณะเดียวกัน ร่างแปรทั้งสามก็ปรากฏขึ้นในบริเวณรอบข้างแล้วโอบล้อมโจมตีชีวิตแห่งห้วงอากาศตนนั้นพร้อมๆ กัน
ร่างแปร…
ย่อมมิกลัวการถูกสังหาร เพราะถูกสังหารไปแล้วก็สามารถก่อกำเนิดใหม่ได้อีก!
“ฟึ่บ” การโจมตีพร้อมกันของร่างแปรทั้งสาม สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศตนนั้นยืดลำคอเรียวเล็กขึ้น บนกะโหลกศีรษะสีชมพูนั้นเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง หัวหน้าใหญ่ผู้นั้นก็มาได้ทันเพียงโจมตีร่างแปรร่างหนึ่ง ทำได้แค่จ้องมองดูลูกน้องขั้นผู้ปกครองคนสุดท้ายของตนถูกปลิดชีพ
บนร่างของสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศตนนี้ วิชาหอกของตงป๋อเสวี่ยอิงก็ไปถึงระดับขั้นใหม่… วิชาหอกสามารถควบคุมได้จนเหลือเพียงสิบสองรูแล้ว!
จากการต่อสู้ในครั้งนี้ที่โจมตีชีวิตแห่งห้วงอากาศตนแรก มีถึงยี่สิบหกรูเต็มๆ ถึงตอนนี้เหลือเพียงสิบสองรูเท่านั้น
ทุกการโจมตีสังหารหนึ่งตน…
สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศเหล่านี้มีวิธีการป้องกันตัวแตกต่างกัน บ้างก็อาศัยเกราะ บ้างก็ใช้ผิวหนังถ่ายพลังออกไปอย่างแรง บ้างก็ใช้พลังเปลวเพลิง บ้างก็ใช้การแยกร่างกาย… ก็เพราะวิธีการป้องกันตัวที่แตกต่างกันนี้เองที่ทำให้ตงป๋อเสวี่ยอิงตระหนักรู้ในวิชาหอกของตนอย่างไม่หยุดหย่อนในยามโจมตี กระบี่ที่หนึ่งผลาญโลกาซึ่งเดิมทีก็ขาดเพียงแค่การทดสอบในการต่อสู้จริง ตอนนี้จึงก้าวกระโดดอย่างฉับพลัน
เปรียบเทียบกับตอนที่เพิ่งเข้าสู่แผ่นดินอลหม่านที่มีกว่าร้อยรูแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงสิบสองรู พลานุภาพของวิชาหอกกลับเพิ่มพูนขึ้นกว่าสิบเท่า
……
สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศขั้นผู้ปกครองที่มีอยู่ล้วนถูกสังหารจนสิ้น ผ่านการส่งข่าวระหว่างเหล่าผู้ดูแลแต่ละคน เพียงไม่นานก็ส่งข่าวไปถึงเทพโลกาและเหล่าวิญญาณเทพ พวกเขาต่างก็ตื่นเต้นยินดีอย่างแท้จริง
“สามารถรอมาจนถึงวันนี้ได้ ได้เห็นพวกเขาสูญสลายย่อยยับจนสิ้น ก็เพียงพอแล้วจริงๆ”
“นอกจากตัวหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดสามคนนั้นแล้ว ก็ไม่มีสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศอื่นๆ เหลืออยู่อีกแล้ว สามารถทำมาจนถึงขั้นนี้ได้ก็ดีมากแล้วจริงๆ”
เหล่าผู้ดูแลปลดปล่อยเหล่าผู้เคารพที่ถูกคุมขังอยู่ออกมาส่วนหนึ่ง และปล่อยบรรดาผู้ปกครองที่ถูกคุมขังอยู่ออกมา
พวกเขาแต่ละคนรอคอยอย่างกระหาย…
มองดูห้วงอากาศที่อยู่ห่างไกลออกไป ที่นั่นมีบุรุษอาภรณ์ดำสามคนกำลังเผชิญหน้าอยู่กับหัวหน้าทั้งสาม แต่ทั้งสามคนนั้นล้วนเป็นเทพอากาศที่น่าหวั่นเกรง!
“พวกเราใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้ว”
“ถึงจะตายก็เต็มใจแล้ว”
“แต่ผู้อาวุโสชุดดำท่านนี้ ตอนนี้เขากลับต้องตกอยู่ในอันตรายแล้ว หัวหน้าทั้งสามของสัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศย่อมไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน” ผู้ที่สามารถมองเห็นเหตุการณ์นี้ผ่านห้วงอากาศจากที่ไกลๆ ได้ ต่างก็เกิดความร้อนรนขึ้นในใจ
พวกเขาตกอยู่ในความมืดมิดอันไร้ที่สิ้นสุดมาโดยตลอด
คราวนี้สัตว์ประหลาดแห่งห้วงอากาศฝูงใหญ่ดับสูญ ถึงแม้ว่าจะยังมีหัวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่อีกสามตน แต่สำหรับชนพื้นเมืองของแผ่นดินอลหม่านแล้ว นี่ก็คือชัยชนะที่ก่อนหน้านี้มิเคยพบพานแล้ว! พวกเขาได้รับความยากเย็นเข็ญใจมามาก สามารถทำมาจนถึงขั้นนี้ได้พวกเขาก็อิ่มเอมใจเป็นอย่างยิ่งแล้ว มิกล้าหวังลมๆ แล้งๆ เกินตัว
ตอนนี้พวกเขาเป็นห่วงผู้อาวุโสชุดดำท่านนี้ กังวลเรื่องความปลอดภัยของเขา
เหล่าเทพโลกาจำนวนมากก็ได้รู้จากสิ่งมีชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ว่าผู้อาวุโสที่ช่วยชีวิตพวกเขาท่านนั้น ตอนนี้ก็ตกอยู่ในอันตราย ทุกคนต่างก็หวังให้ผู้อาวุโสสามารถมีชีวิตรอดปลอดภัยต่อไปได้ อดไม่ไหวที่จะใช้ชีวิตของตนไปแลกกับความปลอดภัยของผู้อาวุโสท่านนั้น
……
แต่ในขณะนี้ตงป๋อเสวี่ยอิงกลับไม่มีความตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย ร่างแปรทั้งสามของเขาแต่ละร่างต่างก็กุมหอกยาวอันหนึ่ง ยืนกระจายตัวกันอยู่กลางเวหา มองดูเทพอากาศสามตนที่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า พวกเขามีลักษณะที่แตกต่างกัน ผู้ที่เป็นผู้นำมีปีกสีทอง ศีรษะดูดุร้าย นัยน์ตาสีทองเข้มทั้งคู่ถลึงจ้องตงป๋อเสวี่ยอิง ที่ด้านข้างของเขานั้น ตนหนึ่งก็คือสัตว์ประหลาดที่มีเกล็ดสีดำที่เคยรับมือแล้วเมื่อคราวก่อน ส่วนอีกตนหนึ่งนั้นก็คือชีวิตแห่งห้วงอากาศที่มีร่างกายขนาดมหึมา เป็นร่างมนุษย์ที่มีขนและมีตาสามข้าง
“คราวก่อนเจ้าไม่ตายก็ควรจะไปหลบซ่อนตัวสิ คิดไม่ถึงว่ายังกล้าเสนอหน้าออกมารนหาที่ตายอีก” สัตว์ประหลาดเกล็ดสีดำเดือดดาลอยู่บ้าง คราวก่อนก็เป็นเขาที่สังหารร่างแปรของตงป๋อเสวี่ยอิง
ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ดำทั้งสามเปิดปากเอ่ยขึ้นพร้อมกัน “ข้าออกมาก็เพราะต้องการจะสังหารพวกเจ้าทั้งสามนั่นแหละ”
……………………………….