Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 1 แผนภาพคลื่นจาน
ศิษย์เทพแท้จำนวนมากของวังทวีสูญ และเหล่าผู้อาวุโสตำหนักนอกต่างก็มองดูรัศมีที่เปล่งประกายเจิดจรัสที่สุดทั่วทั้งสถานที่ศักดิ์สิทธิ์วังทวีสูญอยู่ห่างๆ พวกเขาต่างก็ใคร่รู้ยิ่งนักว่าที่แท้เล้วเกิดเรื่องอันใดขึ้นถึงขนาดที่ต้องรวมตัวชนชั้นสูงของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพียงไม่นาน ในบรรดาพวกเขาก็มีผู้รอบรู้ข่าวสารรู้ข่าวคราวเข้า “ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เป็นผู้อาวุโสตำหนักในแล้วหรือ”
จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ในขณะเดียวกันก็มีผู้อาวุโสตำหนักใน แม้กระทั่งเหล่าประมุขวังก็บอกเล่าข่าวนี้ผ่านทางลูกน้องหรือศิษย์ของตนเช่นเดียวกัน
“เขาเพิ่งบำเพ็ญมานานสักเท่าใดกันเชียว”
“เพิ่งมายังวังทวีสูญก่อนหน้านี้ไม่นาน ตั้งแต่การประลองของศิษย์เทพแท้สิ้นสุดลงจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านปีเลยด้วยซ้ำ เขาก็ได้เป็นผู้อาวุโสตำหนักในแล้วหรือ”
“มิเสียแรงเลยจริงๆ ที่เป็นผู้บำเพ็ญผู้มีพรสวรรค์ที่มาจากจักรวาลเดียวกันกับจอมมารและจอมกระบี่ ภายในระยะเวลาอันสั้น หลังจากพลิกอ่านตำราในตำหนักหมื่นรูปจำนวนนับไม่ถ้วน ก็แปรเปลี่ยนเป็นผู้อาวุโสตำหนักในได้ในทันทีแล้ว”
“ร้ายกาจ ร้ายกาจ”
“เทพอากาศขั้นกำเนิดก็ผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาวได้! ว่ากันว่ามีผู้อาวุโสตำหนักนอกขั้นรวมเป็นหนึ่งหลายคนยังต้องบำเพ็ญเป็นระยะเวลาหนึ่งจึงจะสามารถผ่านชั้นที่สามไปได้”
ข่าวนี้ทำให้เหล่าศิษย์เทพแท้จำนวนมากและเหล่าผู้อาวุโสตำหนักนอกพรั่นพรึง นี่คือความสำเร็จที่เพียงพอจะทำให้พวกเขามองขึ้นไป
บน ‘เกาะท่องเอกา’
เหล่าศิษย์อาภรณ์ทองจำนวนหนึ่งก็ออกมาจากคูหาแล้วมองมายังทิศทางของตำหนักทวีสูญเช่นกัน พวกเขาต่างก็สนใจว่าที่แท้เกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้นกันแน่ แล้วพวกเขาก็ได้รับข่าวคราวอย่างรวดเร็วยิ่ง
“ศิษย์พี่ตงป๋อได้เป็นผู้อาวุโสตำหนักในแล้วหรือ”
“รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
บรรดาศิษย์อาภรณ์ทองเหล่านี้ต่างก็เคยรับมือกับตงป๋อเสวี่ยอิงมาก่อน แต่ละคนทั้งประหลาดใจทั้งอิจฉา
“ก่อนหน้านี้ก็รู้สึกว่าศิษย์พี่ตงป๋อค่อนข้างล้ำเลิศอยู่แล้ว เพิ่งมายังวังทวีสูญ พลังยุทธ์ก็ใกล้เคียงกับศิษย์พี่อวี่เจี้ยนเค่อแล้ว” ศิษย์น้องหญิงเชียนเชวียพูดพลางยิ้มน้อยๆ “เพิ่งจะผ่านไปได้ไม่นานสักเท่าใดเลย ศิษย์พี่ตงป๋อก็กลายเป็นเทพอากาศ ทั้งยังกลายเป็นผู้อาวุโสตำหนักในแล้วอีกด้วย”
“น้องหญิงเชียนเชวีย ก่อนหน้านี้ข้าก็บอกให้เจ้าสนิทสนมกับตงป๋อเขาเข้าไว้ ตอนนี้สำนึกเสียใจแล้วหรือไม่เล่า” ขุนนางโลหิตผู้อ้วนพีพูดพลางหัวเราะฮ่าๆ
ศิษย์น้องหญิงเชียนเชวียมีผมยาวสีทองประบ่า อาภรณ์ยาวสีทองสว่างสูงส่งงดงาม เมื่อได้ยินวาจาเย้ยหยันของขุนนางโลหิต นางก็เพียงแค่ยิ้มน้อยๆ เท่านั้น
ขุนนางโลหิตหันหน้ามองไปทางมารเฒ่าเข็มทองที่อยู่ห่างออกไปพลางตะโกนว่า “มารเฒ่าเข็มทอง ยามที่อยู่ในการประลองของศิษย์เทพแท้มิได้หยิ่งยโสลำพองใจนักหรือไร แต่ไหนแต่ไรศิษย์พี่ตงป๋อก็มิได้เห็นเจ้าในสายตาอยู่แล้ว ตอนนี้ศิษย์พี่ตงป๋อไม่เพียงแต่เป็นเทพอากาศแล้ว แต่ยังเป็นผู้อาวุโสตำหนักในอีกด้วย ข้าดูท่าแล้ว ชั่วชีวิตนี้ท่านคิดจะเป็นผู้อาวุโสตำหนักในก็คงจะหมดหวังเสียแล้วกระมัง”
มารเฒ่าเข็มทองส่งเสียงเฮอะเยียบเย็นหนักๆ คราหนึ่งแล้วหันหน้ากลับเข้าไปภายในคูหาของตน
“ฮ่าฮ่า ถูกข้าพูดเสียจนเอ่ยวาจามิออกเลยแม้แต่ประโยคเดียวล่ะสิ” ขุนนางโลหิตหัวเราะลั่น
“มาดูเร็วเข้า”
“ศิษย์พี่ตงป๋อออกมาแล้ว”
ศิษย์เทพแท้จำนวนมากและเหล่าผู้อาวุโสตำหนักนอกทุกหนแห่งในวังทวีสูญต่างก็เห็นกันแล้ว เห็นว่าประตูตำหนักทวีสูญเปิดออก เงาร่างสายหนึ่งเหินทะยานออกมา ตงป๋อเสวี่ยอิงในอาภรณ์ขาวตลอดร่างเฉยชาเช่นเดียวกับในอดีต เขากับบรรดาผู้อาวุโสตำหนักในคนอื่นๆ รอบๆ สนทนาเกี่ยวกับการเหินทะยานออกไป
“ผู้อาวุโสตำหนักใน ชั่วชีวิตนี้ของข้าจะสามารถเป็นผู้อาวุโสตำหนักในได้เมื่อใดกัน” ขุนนางโลหิตผู้อ้วนพีมองอยู่ห่างๆ พลางบ่นพึมพำ ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความริษยา
ยากเย็นเกินไปแล้ว
การที่ขั้นกำเนิดผ่านชั้นที่สามของเจดีย์ดาวนั้นดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้กระมัง
ขั้นรวมเป็นหนึ่งผ่านชั้นที่ห้าหรือ ชั้นที่ห้าหมายความเช่นไร
‘ชั้นที่หก’ ที่อยู่สูงกว่ามันขึ้นไปอีกนั้นปกติแล้วก็มีเพียงยักษ์ใหญ่ขั้นอลวนสองท่านเท่านั้นจึงสามารถผ่านไปได้!
ดังนั้นผู้ที่สามารถผ่านชั้นที่ห้าไปได้นั้น โดยทั่วไปก็ล้วนเป็นบุคคลที่ไปถึงขอบกั้นของขั้นอลวน ต่อให้มีพลังยุทธ์ขั้นรวมเป็นหนึ่งที่แข็งแกร่งที่สุดที่วังทวีสูญบ่มเพาะออกมา ก็มีเพียงน้อยนิดเหลือเกินที่สามารถทำได้ คนอื่นๆ ล้วนได้แค่รับตำแหน่งผู้อาวุโสตำหนักนอกเท่านั้น
******
วันเวลาที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเพิ่งจะได้เป็นผู้อาวุโสตำหนักใน บรรดาผู้อาวุโสตำหนักในคนอื่นๆ ก็เชื้อเชิญเขาให้ไปเข้าร่วมงานชุมนุมงานแล้วงานเล่าอย่างต่อเนื่อง แต่ตงป๋อเสวี่ยอิงในงานชุมนุมกลับค้นพบลางๆ ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่บ้าง
“ผู้อาวุโสตำหนักในเหล่านี้ดูเหมือนจะมีสิ่งใดปิดบังข้าอยู่กระมัง”
“ข้าสอบถาม แต่พวกเขากลับบอกว่าข้าผ่านเจดีย์ดาวชั้นที่ห้าก็จะรู้ได้เอง”
ตงป๋อเสวี่ยอิงลอบคลางแคลงใจ
นอกจากการชุมนุมกับมิตรสหายแล้ว ตงป๋อเสวี่ยอิงก็ส่งคืนอาภรณ์และป้ายคำสั่งทองของศิษย์อาภรณ์ทองกลับไป เป็นผู้อาวุโสตำหนักใน ยามอยู่ที่ตำหนักทวีสูญ บรรพชนเทียนอวี๋ได้มอบวัตถุให้สามชิ้น ได้แก่อาภรณ์ ป้ายคำสั่งทอง และป้ายคำสั่งส่งสาร หนึ่งในนั้นป้ายคำสั่งทองที่แสดงตัวตนของผู้อาวุโสตำหนักในก็เป็นวัตถุล้ำค่ารักษาชีวิตชิ้นหนึ่งเช่นเดียวกัน ความเลอค่านั้นยังสูงกว่าน้ำเต้าสีดำเสียอีก
ขณะเดียวกันหลังจากที่ได้เป็นผู้อาวุโสตำหนักในแล้ว ก็ได้รับแต้มความดีความชอบหนึ่งล้านจุดในคราวเดียว! สามารถแลกเปลี่ยนเป็นของล้ำค่านานาชนิดที่มีส่วนช่วยในการบำเพ็ญภายในวังทวีสูญได้
ถ้าหากคิดจะได้รับแต้มความดีความชอบเพิ่มอีก ได้รับสมบัติล้ำค่าเพิ่มอีก ก็จำเป็นต้องไปรับภารกิจแล้ว!
ในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการหลอมอาวุธที่ร้ายกาจกว่านี้ หรือว่าจะเป็นความต้องการอื่นๆ ล้วนต้องอาศัยตนเองในการไปคว้ามาทั้งสิ้น
“หืม”
ภายในตำหนักหมื่นรูป ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกดูตำราอยู่ที่ชั้นที่สี่ จำเป็นจะต้องเป็นผู้อาวุโสตำหนักในเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ขึ้นไปยังชั้นที่สี่ได้
ชั้นที่สี่ก็ต้องมีความสำคัญกว่ามาก ที่นี่จัดวางตำราอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทุกเล่มต่างก็ล้ำค่าเป็นที่สุด ต้นฉบับศาสตร์ลับขั้นจักรวาลแต่ละเล่มก็มีจัดวางเอาไว้ที่นี่ด้วย เป็นผู้อาวุโสตำหนักในแล้วก็สามารถเลือกศาสตร์ลับขั้นจักรวาลได้
“เมี้ยว” แมวดำตัวหนึ่งกระโจนขึ้นบนชั้นหนังสือแล้วยอบตัวลงพลางมองดูตงป๋อเสวี่ยอิง “ตงป๋อเสวี่ยอิง อย่าละโมบนักล่ะ
การจะหยั่งรู้ศาสตร์ลับขั้นจักรวาลทุกๆ ศาสตร์นั้นล้วนต้องสิ้นเปลืองพลังจิตมหาศาล หากโลภมากก็จะกลายเป็นส่งผลกระทบต่อการบำเพ็ญของเจ้าแทนได้”
“ต้องขอบคุณแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงแย้มยิ้ม
เขาเองก็ค้นพบแล้ว
ต้นฉบับศาสตร์ลับขั้นจักรวาลที่จัดวางเอาไว้ที่นี่มีด้วยกันถึงเก้าเล่ม ศาสตร์ทางวิถีเข่นฆ่ามีอยู่สองเล่ม ศาสตร์หนึ่งคือสิบสามกระบี่ผลาญโลกา ส่วนอีกศาสตร์นั้นคือม้วนกระบี่จันทร์แรม ยามที่ตงป๋อเสวี่ยอิงพลิกอ่านก็พบว่าทั้งสองอย่างนั้นมีส่วนที่ขัดแย้งกันอยู่มากมาย เขาเองก็เข้าใจว่าถ้าหากระดับขั้นของตนสูงพอ ก็จะกลับกลายเป็นว่าสามารถทนต่อทั้งสองอย่างได้ ทว่าถึงอย่างไรตนก็เพิ่งเป็นขั้นกำเนิด การเผชิญกับศาสตร์ลับที่เทพจักรวาลสรรสร้างขึ้นนั้นก็ยังกินแรงเกินไปอยู่บ้าง
“ก็ฝึกฝนสองศาสตร์นี้เป็นหลักก็แล้วกัน” แล้วตงป๋อเสวี่ยอิงก็หยิตำราหินสีฟ้าเล่มหนึ่งออกมา พื้นผิวของหินสีฟ้ายังมีระลอกคลื่นกระเพื่อมไหว
ฝึกฝนสองศาสตร์เป็นหลัก
ศาสตร์หนึ่งคือสิบสามกระบี่ผลาญโลกาที่ตนสิ้นเปลืองพลังงานไปจำนวนนับไม่ถ้วนแล้ว
ส่วนอีกศาสตร์หนึ่งก็คือศาสตร์ลับหนึ่งของวิถีระลอกคลื่น แผนภาพคลื่นจาน ซึ่งเป็นแนวทางเดียวกับความเร้นลับของกฎเกณฑ์ เป็นศาสตร์ลับเพียงหนึ่งเดียวที่ ‘บรรพชนชาง’ ทิ้งเอาไว้
อันที่จริงตงป๋อเสวี่ยอิงก็นึกอยากจะหาศาสตร์ลับขั้นจักรวาลของวิถีโลกเทียม แต่น่าเสียดายที่ไม่มี!ตั้งแต่สมัยโบราณ ความเร้นลับของกฎเกณฑ์ไปถึงระดับขั้นสุดท้ายมีเพียงสามท่านเท่านั้น ก็ได้แก่ท่าน ‘บรรพชนชาง’ บรรพชนเทียนอวี๋ และจอมกระบี่ ไม่มีพวกเขาแม้แต่คนเดียวที่บำเพ็ญวิถีโลกเทียม
“ตงป๋อเสวี่ยอิง มาหาข้าทีสิ” น้ำเสียงเย็นชาเสียงหนึ่งลอยตรงเข้าสู่โสตประสาทของตงป๋อเสวี่ยอิง
“จอมมารหรือ” ตงป๋อเสวี่ยอิงวางตำราหินสีฟ้าที่กระเพื่อมไหวในมือของตนลงแล้วเดินมุ่งหน้าลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว
แมวดำบนชั้นวางหนังสือเห็นตงป๋อเสวี่ยอิงจากไป นัยน์ตาก็มีแววคาดหวังรอคอยสายหนึ่ง “ช่างเป็นผู้อาวุโสตำหนักในที่เยาว์วัยเสียเหลือเกิน จะต้องคอยดูให้ดีๆ สักหน่อยแล้ว”
……
วังลงทัณฑ์ ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวบนเกาะแขวนลอยขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง สถานที่นี้แผ่กลิ่นอายสังหารอันหนาวเหน็บ บรรดาศิษย์โดยทั่วไปล้วนมิกล้าเหยียบย่างเข้ามายังสถานที่แห่งนี้
ตงป๋อเสวี่ยอิงแปลงเป็นลำแสงแล้วร่อนลงบนเกาะ ก่อนจะเดินมุ่งหน้าไปยังวังลงทัณฑ์อย่างรวดเร็ว
ภายในโถงตำหนักของวังลงทัณฑ์
มีเพียงบุรุษผู้สวมอาภรณ์สีดำอันหรูหรางดงามผู้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ตำแหน่งสูงของวังลงทัณฑ์ ใบหน้าของเขาเย็นชาเช่นเคย เพียงแค่ลืมตามองมาทางตงป๋อเสวี่ยอิง
“จอมมาร” หลังจากที่ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้ามาแล้วก็เอ่ยทักทายในทันที
“นอกเหนือจากการบำเพ็ญแล้วก็ยังต้องการการขัดเกลาอย่างมหาศาล ต่อจากนี้มีแผนจะไปที่ใดหรือไม่” จอมมารเอ่ยถามอย่างเฉยเมย
“ยังมิได้คิดให้ละเอียดเลย” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด
จอมมารพยักหน้า “วังทวีสูญของข้ากับโลกทิพย์โบราณและโลกจอมมารดามีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีต่อกันสักเท่าใดนัก ดังนั้นก่อนที่เจ้าจะไปถึงขั้นรวมเป็นหนึ่งก็อย่าไปจากโลกทิพย์ทะเลสัตตดาราเลยจะเป็นการดีที่สุด เช่นนี้ก็แล้วกัน วังทวีสูญของข้าสร้างเมืองอลหม่านขึ้นมาสิบสองแห่งที่โลกทิพย์ทะเลสัตตดารา ซึ่งต้องรักษาการณ์ทุกที่ให้ดี เจ้าสามารถไปรักษาการณ์ยังเมืองอลหม่านสักแห่ง ถึงแม้ว่าจะมีร่างแปรของประมุขวังรักษาการณ์อยู่ที่นั่น และมีพวกผู้อาวุโสคนอื่นๆ รักษาการณ์อยู่ แต่ก็อาจมีเรื่องของค่ายสังหารมากมายที่จะสามารถขัดเกลาเจ้าได้เช่นเดิม”
“ได้ ข้าจะเลือกไปรักษาการณ์ที่เมืองอลหม่านสักแห่ง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด อันที่จริงเขาก็เคยขบคิดปัญหานี้เอาไว้ก่อนแล้ว
จอมมารเป็นกังวลกับตนในเรื่องนี้
ทั้งยังเป็นเพราะว่าภายในวังทวีสูญ สถานะของจอมกระบี่สูงส่งเกินไป ไม่สามารถมายุ่งกับเรื่องของตนได้ ตนเองก็สามารถนับได้เลาๆ ว่าเป็นสาขาหนึ่งของจอมมารแล้ว! จอมมารผู้นี้เย็นชาโหดเหี้ยมเกินไป บวกกับระยะเวลาที่เข้ามาที่วังทวีสูญยังสั้นเกินไปมาก ดังนั้นเหล่าผู้อาวุโสตำหนักในจึงล้วนมิอยากพึ่งพาเขา ผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของจอมมารดูเหมือนจะเป็นผู้อาวุโสตำหนักนอกจำนวนหนึ่งทั้งสิ้น เป็นไปได้ว่าตนเองจะเป็นผู้อาวุโสตำหนักในเพียงคนเดียว
แน่นอนว่าการกระทำของตนต้องมีหลักการ มิอาจทำลายมาตรฐานของตนเองได้ แต่กฎเกณฑ์ของวังทวีสูญเคร่งครัดยิ่ง นับได้ว่าจอมมารรักษากฎเกณฑ์เป็นอย่างยิ่งภายในวังทวีสูญ ยิ่งกว่ายามที่อยู่ในจักรวาลภูมิลำเนามากมายนัก
………………………………….