Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน - ตอนที่ 7 พบผู้อาวุโสตงป๋อ
สมาชิกของสำนักทิพย์โบราณ โดยหลักแล้วจะแบ่งออกเป็นสามพื้นที่ติดต่อกัน หนึ่งในนั้น พวกบุรุษในอาภรณ์ดำนี้จะเป็นพื้นที่ที่แข็งแกร่งที่สุด ก็ถูกตงป๋อเสวี่ยอิงจัดการไปแล้ว ส่วนอีกสองพื้นที่ที่เหลือเมื่อเทียบกันแล้วก็อ่อนแอกว่ามาก ไม่มีขั้นรวมเป็นเอกภาพอยู่เลยแม้แต่คนเดียว! ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีค่ายกลร่วมมือที่สำนักทิพย์โบราณลอบสืบทอดกันมาอย่างลับๆ แต่ค่ายกลร่วมมือที่วังทวีสูญสืบทอดต่อกันมาก็มิได้อ่อนแอกว่าเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งพลังยุทธ์ของกองกำลังของวังทวีสูญก็ยังแข็งแกร่งกว่าอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ ประมือกันมาจนถึงตอนนี้ก็เพราะว่าพวกเขาได้รู้มาจากทางพวกตงป๋อเสวี่ยอิงว่าศัตรูคือสมาชิกของสำนักทิพย์โบราณ ดังนั้นจึงวางแผนที่จะจับเป็น!
ฟิ้ว…
ตงป๋อเสวี่ยอิงเคลื่อนที่หลบหลีกในอากาศ มุ่งหน้าไปยังพื้นที่ที่ติดต่อกันแห่งหนึ่งในนั้นอย่างรวดเร็ว
ณ ที่แห่งนั้น กองกำลังแห่งหนึ่งของเมืองวารีสวรรค์กำลังโอบล้อมเทพอากาศเก้าท่านของสำนักทิพย์โบราณ แต่การคิดจะจับเป็นนั้นก็ยังต้องการเวลาอยู่พอสมควร
“หนีไม่พ้นแล้ว”
“พวกเราหนีไม่พ้นแล้ว ทำอย่างไรกันดีเล่า”
“สู้เถิด สู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง เพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ ฆ่ามัน!” เทพอากาศเหล่านี้ต่างก็มีความบ้าคลั่งอยู่พอตัว
ส่วนตงป๋อเสวี่ยอิงที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ก็สำแดงแผนภาพคลื่นจานในทันใด เส้นด้ายโปร่งแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากบริเวณที่ว่าง กระหวัดรัดอยู่บนร่างของเทพอากาศทุกคน นอกจากนี้ยังทะลวงผ่านเข้าไปในร่างกายของศัตรูแล้วเริ่มผนึกจิตวิญญาณของอีกฝ่าย แต่เทพอากาศเหล่านี้ระแวดระวังยิ่งนัก ยามที่รู้สึกได้ว่ามีพลังทะลุทะลวงเข้าไปภายในร่างกาย พวกเขาทั้งหลายต่างก็ถึงกับระเบิดตนเองอย่างบ้าคลั่งตามๆ กันไป!
ปังๆๆ
เทพอากาศเก้าคนระเบิดตนเองไปแล้วหกคนอย่างดูเหมือนว่าจะไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย พลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นกวาดไปทั่วทั้งสี่ทิศ ถูกระลอกคลื่นจำนวนนับไม่ถ้วนกดดันลงไปอย่างรวดเร็ว มีเทพอากาศเพียงสามคนเท่านั้นที่ปฏิกิริยาตอบสนองเชื่องช้าไปเล็กน้อยจึงถูกตงป๋อเสวี่ยอิงกดดัน ผนึกสกัดดวงวิญญาณเอาไว้
“ล้วนเป็นผู้วิปลาสกันทั้งสิ้น” ตงป๋อเสวี่ยอิงได้เห็นแล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น “สำนักทิพย์โบราณกับลัทธิจอมมารดา”
สำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดา…
เป็นขุมอำนาจอันน่าหวั่นเกรงสองแห่งที่แพร่หลายไปทั่วมหาโลกทิพย์ทั้งห้าและอากาศอันสับสนอลหม่าน เบื้องหลังของสำนักทิพย์โบราณคือผู้แกร่งกล้าที่เป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสุดยอด ต้องศรัทธาในตัว ‘จอมเทพศักดิ์สิทธิ์’ บุคคลผู้ครอบครองโลกทิพย์โบราณ ส่วนลัทธิจอมมารดานั้นก็คาดเดาได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่ลัทธิจอมมารดาต้องเชื่อมั่นศรัทธาก็คือจอมมารดาผู้ครอบครองหนึ่งในมหาโลกทิพย์ทั้งห้า ‘โลกจอมมารดา’ นั่นเอง ทั้งสองสำนักนี้ก็คือเนื้อร้ายสองก้อน
พอเข้าสู่สำนัก ศรัทธาต่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ หรือว่าจะเป็นการศรัทธาต่อจอมมารดาภายในลัทธิจอมมารดา ก็ต้องสวามิภักดิ์อย่างแน่นอน!
อย่างเช่นการเข้าสู่สำนักทิพย์โบราณ นับแต่บัดนั้น ความปรารถนาของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์นั้นเหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ก็พร้อมตายอย่างเต็มใจ แม้กระทั่งคนรักและมิตรสหายของตนก็ล้วนสามารถสังหารได้โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อยเพื่อจอมเทพศักดิ์สิทธิ์! ถึงขนาดฆ่าตัวตายได้โดยไม่ลังเลสักนิด!
นี่ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง
ผู้บำเพ็ญที่พอจะมีความใฝ่ฝันอยู่บ้างก็ไม่อยากจะเข้าร่วมสำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดา แต่วิธีการที่สืบทอดกันมาของสำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดานั้นร้ายกาจเกินไป
ขุมอำนาจอื่นๆ ของมหาโลกทิพย์ทั้งสามไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย…เมื่อค้นพบสำนักทิพย์โบราณแล้ว ลัทธิจอมมารดาก็จะสังหารอย่างไร้ปรานี! แน่นอนว่าระบบการบำเพ็ญมิได้มีความสัมพันธ์อันยิ่งใหญ่กับสำนักวิชา อย่างเช่นระบบศาสตร์โบราณแผ่ขยายไปทั่วทุกหนแห่ง ต่อให้เป็น ‘ระบบการบำเพ็ญลัทธิจอมมารดา’ ถ้าหากบำเพ็ญในช่วงแรกก็จะไม่ได้รับผลกระทบ ถึงขนาดที่รู้ว่าไม่ดีแล้วต่างก็สามารถละทิ้งระบบการบำเพ็ญลัทธิจอมมารดาแล้วไปบำเพ็ญระบบอื่นแทนได้
แต่ว่าเมื่อดวงวิญญาณถูกตีตราด้วยรอยประทับทิพย์โบราณ หรือถูกตีตราด้วยรอยประทับจอมมารดา เช่นนั้นก็จบสิ้นแล้ว! คิดจะช่วยเหลือพวกเขาอย่างนั้นหรือ ถึงแม้ว่าภายใต้การสัญจรของกฎเกณฑ์จะยังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่สายหนึ่งดังเดิม อย่างเช่นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ให้เก็บรอยประทับกลับคืน หรืออย่างเช่นในระบบศาสตร์โบราณก็มีผู้ที่มีความล้ำเลิศจนสามารถ ‘ทำให้กาลเวลาไหลย้อนกลับ’ ได้ เปลี่ยนแปลงอดีตไปเล็กน้อย!
สามารถเปลี่ยนแปลงอดีตได้ นี่คือเรื่องที่น่ากลัวอย่างยิ่งเรื่องหนึ่ง แต่ก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น! บริเวณที่เกี่ยวข้องก็ต้องน้อยนิดอย่างยิ่ง และผู้บำเพ็ญที่เกี่ยวข้องนั้นยิ่งอ่อนแอก็ยิ่งดี
ในท้ายที่สุดแล้วหากดวงวิญญาณถูกตีตราด้วยรอยประทับ ก็สามารถประกาศได้ว่าหมดสิ้นแล้ว แม้แต่เทพจักรวาลคิดจะช่วยเหลือเขาก็ยังยากเย็นนัก
“ผู้อาวุโสตงป๋อ”
ทูตพิเศษแปดท่านแห่งเมืองวารีสวรรค์ทักทายด้วยความเคารพในทันใด
“ระเบิดตนเองกันอย่างตรงไปตรงมาเสียจริง” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูซากปรักหักพังเบื้องล่าง เขาโบกมือคราหนึ่งก็เก็บเอาสิ่งที่หลงเหลืออยู่หลังจากการระเบิดตนเองขึ้นมา แม้กระทั่งผู้ที่ถูกจับเป็นสามคนนั้นก็ถูกเก็บขึ้นมาด้วย
……
การต่อสู้ในพื้นที่ที่ติดต่อกันแห่งสุดท้ายก็สิ้นสุดลงแล้วเช่นกัน
พวกตงป๋อเสวี่ยอิงและคนอื่นๆ ต่างก็กลับไปยังคฤหาสน์อันพังพินาศที่บุรุษในอาภรณ์ดำอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรที่นี่ก็เคยเป็นจุดศูนย์กลางที่อยู่อาศัยของศัตรูมาก่อน
“เฮอะ”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองดูเทพอากาศที่ถูกผนึกพลังยุทธ์แล้วจับเป็นห้าท่านตรงหน้า สิ่งของติดกายของพวกเขาล้วนถูกริบจนหมด ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่งในทันที “จับพวกเขาห้าคนไปคุมขังรวมกับเทพอากาศที่จับตัวมาในตอนแรกเหล่านั้น ภายหลังค่อยคุมตัวกลับไปยังเมืองวารีสวรรค์พร้อมกัน”
“ขอรับ” ผู้อาวุโสตำหนักนอกสองคนและผู้บังคับกฎสามสิบท่านต่างก็รับบัญชาด้วยความเคารพ
ประมุขรัฐปีกทองที่อยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “สำนักทิพย์โบราณแห่งนี้ถึงกับกล้ามาเผยแผ่คำสอนที่รัฐปีกทองของข้า ผู้อาวุโสตงป๋อมีสิ่งใดต้องการสั่งการ ขอเพียงแค่บัญชามา ข้าจะต้องทุ่มเทสุดกำลังอย่างแน่นอน”
ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเขาปราดหนึ่ง
ประมุขรัฐปีกทองเกิดความไหวสั่นในหัวใจ
ในเดือนนี้อันที่จริงเขาก็ค่อยๆ ล่วงรู้ว่าเป็นสำนักทิพย์โบราณที่แทรกซึมเข้ามา แต่เรื่องพรรค์นี้เขาก็ได้แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เท่านั้น! สำนักทิพย์โบราณและลัทธิจอมมารดา สองขุมอำนาจนี้สามารถตาต่อตา ฟันต่อฟันกับอีกสามมหาโลกทิพย์อื่นๆ ได้! สุ่มส่งลูกสมุนตัวเล็กๆ มาก็สามารถผลาญทำลายรัฐปีกทองของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แล้วเขาจะกล้าสอดมือยุ่งเกี่ยวเสียที่ไหนกัน ขอเพียงแค่สำนักทิพย์โบราณไม่โอหังจองหองจนเกินไป เขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น
“ให้ข้าตรวจสอบโดยละเอียดก่อน ดูว่าสามารถตรวจหาร่องรอยของสำนักทิพย์โบราณแห่งนี้ได้พบหรือไม่” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่ง เขาสุ่มเข้าไปในคฤหาสน์ที่อยู่ใกล้ๆ หลังหนึ่ง คฤหาสน์หลังนี้สามารถตั้งอยู่ใกล้ที่มั่นของสำนักทิพย์โบราณได้ ย่อมต้องหรูหราเป็นที่สุดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ถูกประมุขรัฐปีกทองจัดการให้เจ้าของเดิมจากไปชั่วคราว ให้เหล่าทูตพิเศษพำนัก
ตงป๋อเสวี่ยอิงเข้าไปในตัวบ้านแล้วโบกมือคราหนึ่ง ก็นำสิ่งของที่ได้มาตอนที่สังหารสมาชิกสำนักทิพย์โบราณเหล่านั้นออกมาวางจนหมด แล้วเริ่มต้นหลอมรวมและตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อเสาะหาเบาะแส
“หวังว่าจะสามารถหาเบาะแสได้พบ หาที่มั่นที่สำคัญของสำนักทิพย์โบราณจนพบได้” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยพึมพำ
ที่มั่นในรัฐปีกทองเป็นเพียงที่มั่นเล็กๆ เท่านั้น
จะต้องมีฐานที่มั่นที่สำคัญกว่าอยู่อย่างแน่นอน! เพียงแค่หาพบ ความดีความชอบก็จะยิ่งใหญ่ แต้มความดีความชอบก็จะยิ่งมาก! ตงป๋อเสวี่ยอิงไม่รังเกียจเลยสักนิดที่ตนมีสมบัติล้ำค่าจำนวนมาก
……
ผู้บำเพ็ญที่อยู่ภายในคุกเหล่านั้นแต่ละคนถูกปล่อยตัว แต่ละคนถูกสอบสวน ผู้บำเพ็ญเหล่านี้ต่างก็ค่อนข้างมีอำนาจชื่อเสียงภายในรัฐปีกทอง บวกกับการที่พวกเขาต่างก็ทนทุกข์ทรมานอยู่ภายในคุก
ดังนั้นจึงคู่ควรที่จะได้รับความเชื่อถือ หลังผ่านการสอบสวนไปแล้วก็ถูกถอนผนึกออก แต่พวกเขายังมิอาจจากไปได้ชั่วคราว รั้งอยู่ในพระราชวังของรัฐปีกทองเป็นการชั่วคราว รอให้ตรวจสอบให้ละเอียดกว่านี้ก่อน
“ร้ายกาจเกินไปแล้ว”
“ถูกเรียกอย่างเคารพว่าผู้อาวุโสตงป๋อ ประมุขรัฐของพวกเราอยู่ต่อหน้าเขาก็ยังระมัดระวังยิ่งนัก”
“ช่างร้ายกาจจนน่ากลัวทีเดียว พรึ่บๆๆ ฝูงปลาแน่นขนัดลอยลงมา เทพอากาศมากมายถึงเพียงนั้นก็ถูกปลิดชีพเสียแล้ว”
เหล่าผู้บำเพ็ญที่ได้รับการปลดปล่อยออกมาเหล่านั้นผ่อนคลายขึ้นมาก มิอาจจากไปได้ชั่วคราว มีสองสามคนที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่
หนึ่งในนั้นมีบุรุษร่างกำยำอยู่คนหนึ่งกำลังมองไปทั่วทั้งสี่ทิศ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความกระวนกระวายใจ “ชิงรั่วไม่อยู่! นางคงจะมิได้ถูกจับไปหรอกกระมัง”
เพราะว่าก่อนหน้านี้วัตถุส่งสารได้ถูกริบเก็บเอาไปหมดแล้ว เขาจึงไม่มีทางสื่อสารได้เลย
“ตึง”
เพราะบุรุษร่างกำยำได้รับการคลายผนึกแล้วพลังยุทธ์จึงฟื้นฟู ในขณะนี้จึงเริ่มสำแดงเคล็ดวิชาลับ เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์แห่งรัฐปีกทอง ส่วนภรรยาก็เปล่งประกายจับตายิ่งกว่าเขาเสียอีก นอกจากการขัดเกลาตนเองแล้ว พวกเขาทั้งสองยังเคยผจญภัยมาก่อนด้วย การผจญภัยในคราวนั้นทำให้ดวงวิญญาณของพวกเขาต่างก็ได้รับการแปลงสภาพ แต่ก็ทำให้ดวงวิญญาณของพวกเขาทั้งสองสามารถสร้างความเชื่อมโยงกันขึ้นมาได้
เคล็ดวิชาลับที่เขาสำแดงทำให้ดวงวิญญาณรับสัมผัสอยู่ไกลๆ อย่างพากเพียร
“ท่าไม่ดีแล้วสิ” บุรุษร่างกำยำสีหน้าแปรเปลี่ยน
อาศัยดวงวิญญาณรับสัมผัส
เขารับสัมผัสได้ว่าดวงวิญญาณของภรรยาอยู่ห่างไกลจากที่นี่เหลือเกิน ทั้งยังห่างจากรัฐปีกทองอย่างไกลแสนไกลเช่นกัน นอกจากนี้ยังมุ่งหน้าไปสู่สถานที่ไกลออกไปอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วสูงอีกด้วย ความเร็วสูงเช่นนี้จะต้องเป็นการเคลื่อนที่ผ่านอากาศอย่างแน่นอน… ภรรยาของเขาซึ่งเป็นผู้ปกครองคนหนึ่งย่อมไม่มีทางเคลื่อนที่ผ่านอากาศได้อยู่แล้ว
“หรือว่า…” บุรุษร่างกำยำเดาออกในทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปรอย่างใหญ่หลวงโดยไม่รู้ตัว
ฉับพลันนั้นเขาก็เดินไปหาผู้อาวุโสตำหนักนอกสองท่านที่เป็นผู้นำของเทพอากาศกลุ่มใหญ่แห่งเมืองวารีสวรรค์แล้วพูดกับหนึ่งในสองคนนั้นอย่างเคารพ “ผู้อาวุโส ข้าต้องการพบผู้อาวุโสตงป๋อขอรับ”
“เจ้าต้องการพบผู้อาวุโสตงป๋ออย่างนั้นหรือ ”ผู้อาวุโสตำหนักนอกทั้งสองท่านต่างก็มองไปทางบุรุษร่างกำยำที่เพิ่งถูกช่วยเหลือออกมาผู้นี้ “มิใช่ว่าใครๆ ก็สามารถเข้าพบผู้อาวุโสตงป๋อได้หมดหรอกนะ”
ล้อเล่นแล้ว
เขาผู้นั้นคือผู้อาวุโสตำหนักในแห่งวังทวีสูญ! มีสถานะสูงส่งเป็นที่สุดในมหาโลกทิพย์ทั้งห้า เผชิญหน้าได้แม้กระทั่งบรรดายักษ์ใหญ่ขั้นอลวน
“เรื่องเกี่ยวกับสำนักทิพย์โบราณ” บุรุษร่างกำยำถ่ายเสียงพูด
ผู้อาวุโสตำหนักนอกทั้งสองประสานสายตากันคราหนึ่ง
“ข้าจะพาเขาไปพบผู้อาวุโสตงป๋อ เจ้า มากับข้า!” ผู้อาวุโสตำหนักนอกที่มีเขาเดี่ยวสีเขียวมรกตอันหนึ่งอยู่บนศีรษะเอ่ยขึ้น เขานำทางบุรุษร่างกำยำไปพบตงป๋อเสวี่ยอิงอย่างรวดเร็ว เขาเองก็ไม่เป็นกังวล ผู้ปกครองเทพแท้ที่ไม่มีอาวุธสมบัติล้ำค่าใดๆ แม้แต่ชิ้นเดียวก็ย่อมไม่มีอันตรายอยู่แล้ว
ภายในคฤหาสน์ที่อยู่ใกล้ๆ ด้านข้าง
ภายในห้องโถง
บนพื้นมีสิ่งของกองใหญ่วางอยู่แน่นขนัด ตงป๋อเสวี่ยอิงอาภรณ์ขาวกำลังนั่งอยู่ข้างหนึ่ง สิ่งของชิ้นแล้วชิ้นเล่าลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา เขากำลังตรวจสอบดูอย่างละเอียด ทว่าหัวคิ้วกลับขมวดมุ่น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง! การที่ฐานที่มั่นของสำนักทิพย์โบราณแทรกซึมเข้ามานั้นเป็นข้อมูลที่เป็นความลับอย่างที่สุด ย่อมมิอาจเล็ดรอดออกไปได้เลย
“หืม” ตงป๋อเสวี่ยอิงเงยหน้ามองออกไปนอกห้องโถง ภายนอกห้องโถง ผู้อาวุโสตำหนักนอกเขาเดี่ยวนำทางบุรุษร่างกำยำเดินเข้ามา
บุรุษร่างกำยำผู้นั้นเอ่ยขึ้นว่า “ผู้อาวุโสตงป๋อ ข้ารู้ว่า ‘มนุษย์ชุดดำ’ หัวหน้าผู้นั้นของสำนักทิพย์โบราณอยู่ที่ไหน!”
ตงป๋อเสวี่ยอิงดวงตาเป็นประกาย
………………………………..